คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เปิดศึก
เวลาผันผ่านไป ทั้งสองฝ่ายต่างเตรียมไพร่พลให้พร้อมที่สุดในการศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น ฤกษ์งามยามดีของอสุรเวหานครแล้ว ตำหนักหนึ่ง สร้อยสายเพชรโอบอุ้มทาริกาน้อยพระธิดาของนาง รติวุฒิอสุรดิศรเสด็จสู่พระตำหนักนั้น และอุ้มทาริกาน้อยมาจากมือแม่ “จันทรัตน์... แหวนมุกดาของเจ้า จงคุ้มครองเจ้าและแม่ของเจ้าด้วยนะลูก” รติวุฒิพูด สร้อยสายเพชรหันมองรติวุฒิที่ทรงเครื่องยศพร้อมด้วยศร และ ดาบ “จะเสด็จไปไหนเพคะ” สร้อยสายเพชรพูด “พี่จะไปทำศึก... เจ้าอยู่ทางนี้ ดูแลลูกของเราให้ดีด้วย พี่ฝากอสุรเวหานครที” รติวุฒิพูด “จันทรัตน์ไม่ใช่ลูกพระองค์ แล้วหม่อมฉันก็ไม่ใช่ยักษ์... จะให้ดูแลยักษ์ทั้งเมืองได้ยังไง” สร้อยสายเพชรพูด “แต่เจ้าก็มีอำนาจเหนือยักษ์ตนนี้ ยักษ์ตนที่อยู่ตรงหน้าเจ้า ณ เพลานี้ไง” รติวุฒิพูดด้วยท่าทางที่สง่างามและน่าเกรงขามส่วนสร้อยสายเพชรชะงักนิดหน่อยไม่อาจเถียงได้ในคำพูดของรติวุฒิ รติวุฒิถอนใจแล้วส่งพระธิดาจันทรัตน์คืนต่อพระมารดาแล้วจะเสด็จออกไป “เดี๋ยวเพคะ...” สร้อยสายเพชรพูด รติวุฒิหยุดเดิน “ไม่ว่าจะไปรบกับใคร ขอให้พระองค์ทรงคลาดแคล้ว จากภยันตรายทั้งปวง แล้วรีบเสด็จกลับมานะเพคะ” สร้อยสายเพชรพูด รติวุฒิแอบยิ้มด้วยความดีอกดีใจที่อย่างน้อย นางอันเป็นที่รัก ก็ยังเป็นห่วงพระองค์อยู่ รติวุฒิหันกลับมาแล้วสวมกอดนางไว้ “พี่รักษาชีวิตให้รอดกลับมาให้ได้” รติวุฒิพูด “หม่อมฉันมิได้เป็นห่วงพระองค์นักหรอก แต่หากขาดพระองค์ ชาวอสุรเวหานครจะเป็นเช่นไร” สร้อยสายเพชรพูด “ยังไงพี่ก็ขอบใจ แต่ถ้าพี่แพ้ เจ้าและลูกจงรีบกลับไปที่มณีนพรัตนาโดยเร็ว” รติวุฒิพูด “หม่อมฉันจะรู้ได้ยังไงว่าพระองค์แพ้หรือชนะ” สร้อยสายเพชรพูด เจ็ดวัน ถ้าพี่ยังไม่กลับมาบอกเจ้าด้วยตัวเอง นั่นก็คงหมายความว่า... พี่อาจจะไม่ได้กลับมาอีกตลอดไป” รติวุฒิพูดแล้วเสด็จออกไป สร้อยสายเพชรยังคงแอบมองตามด้วยสายตาที่ห่วงกังวลแต่ก็ยังปากแข็งอยู่ดี
ฝ่ายนภราชก็วางค่ายไว้ทั่วแถบนครา กองทัพยักษ์รุกเข้าเขตขันธ์แล้ว จอมทัพแห่งอสุรเวหาคืออสุราที่สง่างามหนักหนาประทับอยู่เหนือสิวิกาทองสง่างามนำทัพมา “ทหารหาญทั้งหลาย... เรามาทำศึก เพื่อศักดิ์ศรี เราจะแพ้ไม่ได้ และการศึกครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ในเมื่อเราเป็นยักษ์ แต่คู่ต่อสู้เป็นมนุษย์ เราก็ต้องไม่ขยายร่างเป็นอันขาด เพราะยักษ์อย่างพวกเรา ก็มีศักดิ์ศรีเช่นกัน บุก...” รติวุฒิสั่งการ ทหารยักษ์ต่างวิ่งเข้าสู่ค่ายที่รายรอบกรอบนครา นภาภัทรนคร
ข่าวทราบถึงพระกรรณ องค์เหนือหัว พระมเหสี และ พระโอรสแห่งนภาภัทรนครแล้ว “ลูกเป็นคนท้า ลูกก็จะออกรบด้วยตนเอง” นภราชพูด “ไม่นะนภราช ท่าทางจอมทัพยักษ์ที่ชื่อรติวุฒิจะเคืองใจเจ้ามากนะนภราช” พระมเหสีนิตย์นภาพูด “แต่ลูกต้องไป สายเลือดกษัตริย์ ตรัสแล้วจะคืนคำได้เช่นไร จริงไหมพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ” นภราชพูด “นภราช พ่อภูมิใจในตัวเจ้าเหลือเกิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับศึกครั้งนั้น พ่อขอให้เจ้าทำให้เต็มที่ พอขอให้เจ้าโชคดี” องค์เหนือหัวภัทราชรับสั่ง “พระเจ้าข้า เสด็จแม่... ลูกจะออกเดินทางย่ำรุ่งวันพรุ่งนี้ พร้อมกับทัพหลวง ไม่ทรงให้พรอะไรลูกเหรอพระเจ้าข้า” นภราชพูด พระมเหสีนิตย์นภาน้ำตาคลอก่อนจะเอ่ยกับลูกชาย “แม่ก็เหลือเจ้าอยู่คนเดียว กลับมาหาแม่ให้ได้นะลูก” พระมเหสีนิตย์นภารับสั่งทั้งน้ำตาแล้วโอบกอดลูกชายคนเดียวไว้แน่น
ตะวันขึ้นฉายแสงกระจ่างเหนือเวหา ทัพหลวงทั้งสองฝ่ายก็มาประจันหน้ากัน “การรบในวันนี้ คงเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนะ รติวุฒิ” นภราชยืนอยู่เหนือสิวิกาประกาศด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน “แน่นอน ขอให้รู้แพ้ รู้ชนะกันอย่างแน่นอนเสียที” รติวุฒิเองก็ไม่แพ้กัน “ทหาร... เปิดศึก” รติวุฒิเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทหารทั้งสองฝ่ายจะพุ่งเข้าหากันด้วยดาบเป็นหลัก ในขณะที่จอมทัพทั้งสองฝ่ายบัญชาอยู่บนสิวิกากองอร่ามด้วยกันทั้งคู่
เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปได้ระยะใหญ่แล้ว ก็มีทหารที่รับใช้ใกล้ชิดพระโอรสนภราชเข้ากราบทูล “พระโอรสพระเจ้าข้า จะทรงหยั่งดูแรงศึกอีกนานแค่ไหน ทหารของเราเริ่มอ่อนล้าแล้วนะพระเจ้าข้า แล้วนี่ก็คล้อยบ่ายแล้ว ถอยทัพก่อนเถอะพระเจ้าข้า” ทหารทูล ยังไม่มีคำตอบใดๆ ฝ่ายอสุราก็เช่นกัน “ไม่ไหว ในเมื่อไม่แพ้ ไม่ชนะกันเสียที คงต้องถอยกันก่อน แล้ววางแผนใหม่” รติวุฒิพูด “ท่าทางฝ่ายนั้นก็กำลังอ่อนแรงนะพระเจ้าข้า ทรงดำริถูกต้องอย่างยิ่ง งั้นก็คงไม่ผิดหากเราจะถอยก่อน เพราะยังไงฝ่ายนั้นก็ต้องการถอยเช่นกัน พระเจ้าข้า” ทหารยักษ์พูด “บางทีอาจจะไม่ใช่เราที่ถอยก่อน” รติวุฒิพูด แล้วทั้งสองฝ่ายก็ถอยออกพร้อมกัน
ค่ายของอสุรเวหานคร จอมทับยักษ์กำลังนั่งวางแผนการศึก “คืนนี้... ทันทีที่ตะวันตกดิน เราจะเคลื่อนทัพเข้าบุกขยี้ทัพของนภาภัทรนครโดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวทัน” รติวุฒิเอ่ยกับทหารยักษ์คนสนิท “พระเจ้าข้า ข้าพระองค์วิรัชกรคนนี้ขอถวายชีวิต” ทหารยักษ์คนสนิทพูด
รวิลับสลับแสงกับจันทร์เจ้า กลองศึกเร้ารมณ์ให้เกิดฮึกเหิม
ได้เวลาเปิดศึกคึกเหิมเกริม เราจะเริ่มโจมตีพลีกายา
จ้าวจอมทัพกับยักษาบริพาร เคลื่อนพลผ่านเข้าสู่ค่ายมนุษา
เสียงโห่ร้องกึกก้องกลางพนา การรบราเริ่มริรวิลง
อันจอมทัพฝ่ายมนุษย์นั้นทรงม้า ส่วนยักษาทรงสง่าเยี่ยงอย่างหงส์
ยืนประทับเหนือคชสารทรง เยี่ยงอย่างองค์พระพุธบุตรพระจันทร์
ต่างโรมฟันฟาดพิคาดสู้ โอ้โฉมตรูใจหนึ่งคะนึงฝัน
คือฉนวนสงครามตามฟาดฟัน สองฝ่ายนั้นต่างคะนึงถึงจอมใจ
ความคิดเห็น