ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #6 : ฤๅนพคุณเก้าน้ำคนนี้ จะเป็นคนที่ฟากฟ้าสุราลัยส่งมาเกื้อหนุนแม่ และ ไอศิกา

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 51


    เวรหรือกรรมใดดลจนเกิดเหตุ                          ชายแดนเขตทางทะเลกระแสใส

    มีเภตรายาตรามาแต่ไกล                                                     สำเภาใหญ่ล่องลอยคล้อยตามลม

                                    บนสำเภานารีที่แสนหวาน                                นวลนงคราญมิเคยทุกข์เป็นสุขสม

    เมื่อสิ่งร้ายมากระทบที่อารมณ์                                           เหมือนหวานอมขมกลืนฝืนทรมาน

                                    อุ้มลูกน้อยเหม่อมองตามฟองคลื่น                   อัดอั้นฝืนกลืนช้ำชวนสงสาร

    ลมทะเลพัดพลิ้วใจปลิวปาน                                              อวสานรักเราเศร้าอาดูร

                                    มองลูกน้อยแล้วสะอึกลึกลึกเจ็บ                       ใจหนาวเหน็บความหวังดังดับสูญ

    เกิดพายุโหมกระหน่ำทวีคูณ                                             มิเกื้อกูลยังย้ำซ้ำเติมเรา

                    กลางกระแสสินธุ์ ท้องพระสมุทรสุดกว้างใหญ่ยิ่งจะพรรณนา สำเภาพระธิดาสุวรรณลักษณาล่องลอยกลางกระแส พระธิดาสุวรรณลักษณาเศร้าเจ้าอุ้มพระโอรสน้อยของนางยืนเหม่อมองออกไปทั่วท้องทะเล แล้วเกิดเหตุพายุเข้าโหมกระหน่ำทำให้สำเภานั้นกำลังจะล่ม เกิดอะไรขึ้น... สุวรรณลักษณาพูด พายุเข้าพระเจ้าข้า ระวังองค์และพระโอรสด้วยนะพระเจ้าข้า ทหารพูด สุวรรณลักษณาโอบกอดลูกไว้แน่นแล้วมองท้องฟ้าด้วยสายตาที่กังวล เหยี่ยวรุ้งตัวงามบินโฉบลงมาดึงเอาร่างนพคุณไป นพคุณเก้าน้ำ... สุวรรณลักษณาเรียกด้วยความตกใจ เหยี่ยวรุ้งโฉบเอาร่างโอรสน้อยบินล่องลอยไปจนลับตาพระมารดา นพคุณ... ไม่มีลูกแล้วแม่จะอยู่ยังไง แม่ไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่เหลือใครจริงๆ จบกันทีชีวิตของเรา ชีวิตนี้คงไม่มีอะไรดีอีกแล้ว สุวรรณลักษณากระโดดลงจากเรือที่กำลังจะล่มตกลงไปในท้องทะเล พระธิดา ทหารเรียกตาม บนเรือทุกคนก็กำลังโกลาหนนอกจากจะหางทางเอาตัวรอดแล้ว ยังต้องหาทางช่วยพระธิดาสุวรรณลักษณาสุดท้าย สำเภาจึงต้องล่มอับปางลงกลางทะเล

                    ที่นครมณีนพรัตนา ตำหนักหนึ่ง ทราบข่าวรึยังเพคะพระธิดาสร้อยสายเพชร คุณท้าวกานดาพูด สร้อยสายเพชรยังคงแน่นิ่งอยู่บนพระแท่นนอน ท่าทางนางยังไม่หายดีจากการบอบช้ำในจิตใจ ข่าวอะไรอีกหละ สร้อยสายเพชรพูด สำเภาพระธิดาสุวรรณลักษณาอับปางลงกลางทะเลเพคะ คุณท้าวกานดาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อะไรนะ... สุวรรณลักษณา... นพคุณ... สร้อยสายเพชรพูดอย่างตกใจ แล้ว... พี่นภราชหละ... พี่นภราชเป็นยังไง สร้อยสายเพชรน้ำตาคลอ ได้ยินว่าเสียพระทัยมาก แล้วตัดสินพระทัยจะกลับไปช่วยพระบิดาเตรียมการรบครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นเพคะ คุณท้าวกานดาพูด โถ่... พี่นภราชยังรักสุวรรณลักษณาไม่เสื่อมคลาย โชคร้ายของเราเหลือเกินที่รักเค้า สร้อยสายเพชรถอนใจ อยู่ๆสร้อยสายเพชรก็รู้สึกวิงเวียนแล้วก็อาเจียนออกมา พระธิดา รติวุฒิปรากฏร่างและรีบเข้ามาประคองนางแล้วช่วยลูบหลังให้อาเจียนออกมาง่ายๆ พักก่อนนะพระเจ้าข้า คุณท้าวขอรับ ตามหมอหลวงมาทีได้ไหม รติวุฒิพูด ไม่... สร้อยสายเพชรรีบห้าม ทำไมหละพระเจ้าข้า รติวุฒิพูด คุณท้าว... คุณท้าวว่าเราเป็นอะไร สร้อยสายเพชรพูดทั้งน้ำตาอย่างพอที่จะรู้ หม่อมฉันคิดว่า... น่าจะทรงพระครรภ์เพคะ คุณท้าวกานดาพูดด้วยความเห็นใจพระธิดานางนั้น แล้วถ้าเป็นแบบนี้เราจะทำยังไง...ชีวิตของเรา ชีวิตของลูกเรา... จะเป็นเช่นไร สร้อยสายเพชรน้ำตาไหล รติวุฒิก้มหน้าอย่างไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด

                    ใต้ฟ้าพนาไพร นอกเขตป่าหิมพานต์ วิหงค์จันทร์ถูกขับออกมานางยังคงร่อนเร่อย่างไม่มีที่ไป วิหงค์จันทร์เลี้ยวหลงไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ทิศทางทั้งน้ำตาที่รินไหลด้วยความน้อยใจวาสนา นางมองฟ้าด้วยสายตาที่น่าเห็นใจแล้วคุกเข่าลง

                    ข้าแต่องค์อินทราเทพผู้ยิ่งใหญ่... เจ้าแห่งสรวงสวรรค์ เจ้าแห่งปวงเทพไท้เทพา ไอศิกาลูกของหม่อมฉันมีสายเลือดเทพอยู่ครึ่งหนึ่งในตัว ขอพระองค์ทรงเมตตาเราสองคนแม่ลูก หม่อมฉันและไอศิกาถูกพรากจากกันด้วยเหตุจำเป็น เสด็จพ่อ เสด็จแม่ของหม่อมฉันไม่เข้าพระทัยหม่อมฉันเลย ชะตากรรมของหม่อมฉันและลูกช่างอาภัพนัก ขอทรงดลให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่เอ็นดูไอศิกาให้มากๆ... ขอให้ทรงดลบันดาล ช่วยเราสองแม่ลูก ให้พ้นทุกข์ทรมานเสียที บุญใดที่เคยก่อเกื้อเจือจุนอุดหนุนใครไว้แต่ชาติปางก่อน ขอคนผู้นั้นจงย้อนมาเกื้อหนุนหม่อมฉันและลูกในชาตินี้ด้วยเถอะเพคะ วิหงค์จันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนางกราบกรานเบื้องธรณีพลางร่ำไห้ไปด้วยความเสียใจในชีวิตที่แสนจะรันทดของนาง

    นางมองฟ้าสายตาอาลัยลูก                                คงพันผูกลูกรักเป็นหนักหนา

    วิหงค์จันทร์ร่ำไห้ใครเมตตา                                              ชีวิตข้าไร้ซึ่งที่พึ่งใด

                                    นางคุกเข่าเล่าเรื่องในชีวิต                                 ด้วยดวงจิตหม่นหมองข้องอ่อนไหว

    อัสสุชลไหลรินจากเนตรนัย                                             หฤทัยนางนั้นจักขาดรอน

                                    วอนฟากฟ้าเฟื่องเดชดลเหตุให้                       กลางพงไพรให้พบอดิศร

    ใครก็ได้หมายพึ่งหนึ่งอาทร                                              อรชรวอนฟ้าสุราลัย

                                    เกิดอาเพศฤาพระองค์ทรงเมตตา                      กลางเวหาฟ้าฝนหม่นครึ้มไว้

    แลแลเห็นวลาหกมาแต่ไกล                                               เมฆฝนใหญ่ลอยใกล้ศิรเกล้า

                                    พระพายพัดพยับฝนยลสลัว                              ฟ้ามืดมัวพาใจให้เปลี่ยวเหงา

    แลแลเห็นยอดเหยี่ยวรุ้งมาเป็นเงา                                   แล้วร่างเจ้าจึงเคลื่อนเข้าในบัดดล

                                    ที่กลางหลังเหยี่ยวรุ้งมีร่างหนึ่ง                        โอรสซึ่งเยาว์นักชักฉงน

    ใยจึงมากับเหยี่ยวรุ้งแปลกชอบกล                                   ยิ่งได้ยลยิ่งน่ารักนักพ่อคุณ

                                    วิหงค์จันทร์โอบอุ้มหายกลุ้มจิต                        ในใจคิดจิตหวังจะเกื้อหนุน

    โอบกอดไว้ทั้งน้ำตาจะก่อบุญ                                           จะการุณย์เด็กนี้เท่าชีวา

                                    แล้วแลเห็นสาส์นอยู่ที่เท้าเหยี่ยว                      ถูกผูกเกี่ยวด้วยเชือกเจ้าปัญหา

    นางรีบแกะออกอ่านพลันเพลา                                        สะกดว่านพคุณเก้าน้ำเอย

                    นพคุณเก้าน้ำ... นามของเจ้าฤๅลูก วิหงค์จันทร์เอ่ยกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา วิหงค์จันทร์มีรอยยิ้มทั้งน้ำตาอย่างน่าประหลาด นางยิ้มแล้วมองฟากฟ้าอีกครั้ง หากนพคุณเก้าน้ำคนนี้ คือคนที่สรวงสุราลัยส่งมาให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันขอน้อมรับ และจะเลี้ยงดูลูกนพคุณให้เสมอเหมือนลูกแท้ๆ เผื่อว่าผลบุญที่นี้ จะส่งผลเกื้อกูลไอศิกาได้บ้าง วิหงค์จันทร์มองทารกน้อยด้วยสายตาที่โอบอ้อมอารีและอบอุ่นเป็นหนักหนา

                    ที่นครมณีนพรัตนา ในท้องพระโรงอันใหญ่โตนั้น เหนือบัลลังก์องค์เหนือหัวฤทธิ์นาท และ นางกรกนก อัครราชมเหสีประทับนั่งอยู่อย่างสง่างามลดหลั่นลงมาก็เป็นข้าราชบริพารทั้งหลาย ยังมีแท่นหนึ่งเป็นแท่นนั่งที่ลดหลั่นจากบัลลังก์ลงมา บุรุษรูปงามแต่มีเขี้ยวเยี่ยงกับอสุรานั่งอยู่เหนือแท่นนั่งนั้น ทรงเครื่องยศสูงศักดินา และ งามสง่าเป็นหนักหนา พระธิดาสร้อยสายเพชรเสด็จมา เสด็จพ่อ เสด็จแม่ทรงให้คนไปเรียกหม่อมฉันมา มีอะไรสำคัญรึเปล่าเพคะ สร้อยสายเพชรพูด องค์เหนือหัว และ พระมเหสีทอดพระเนตรพระธิดาแล้วก็หันมายิ้มให้กันเสีย พระธิดาทรงเล็งเนตรมาเห็นองค์อสุราราชโอรสทรงสง่าผู้นั้นนางถึงกับชะงัก รติวุฒิ... เสียงนี้เพรียกขึ้นด้วยความแปลกพระทัยเป็นหนักหนา ในความน่าแปลกใจ นอกจากจะแปลกใจที่ได้เห็นรติวุฒิมานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว แต่สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้น รติวุฒิทรงเครื่องยศสูงศักดิ์ และ อาจดูสูงศักดิ์ยิ่งกว่าพระธิดาสร้อยสายเพชรด้วยซ้ำ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×