คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โอรสน้อยผู้ประหนึ่งต้องคำสาป
เวลาผันพ้นผ่านไป เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปถึงเก้าปี อุทยานในมหานคราภัคบุรี ดูสดชื่นยิ่งนัก พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ น้ำดี ดินดี ภัคบุรีคือมหานครที่งดงามเปรียบประดุจเมืองสวรรค์จริงๆ
ลานซ้อมรบ เด็กผู้ชายอายุราวๆเก้าปี แต่งตัวดีสง่างาม คือพระโอรสน้อยกำลังฟันดาบอยู่กับเด็กคนอื่นๆ ฝีมือนั้นฉกาจเกินกว่าเด็กธรรมดา พระโอรสน้อยกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และแล้วก็มีเด็กผู้ชายแต่งตัวดีพอๆกันอีกคนเดินมา พระโอรสน้อยคนที่มาใหม่นั้นเดินมาสะกิดบริเวณแผ่นหลังของพระโอรสน้อยที่กำลังต่อสู้ “โอ๊ย...” พระโอรสน้อยที่กำลังต่อสู้ร้องลั่นเหมือนจะเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก รีบวิ่งออกห่างทันที พระโอรสน้อยกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด “เจ็บเหรอเมษกร... พี่ขอโทษก็แล้วกัน” พระโอรสน้อยองค์นั้นพูด การต่อสู้ถูกหยุดลง “พวกเจ้าจะไปเล่นที่ไหนกันก็ไปซะ ไม่ต้องห่วงพระโอรสเมษกรหรอก” พระโอรสน้อยองค์นั้นพูด “พระเจ้าข้า” เด็กๆก็พากันแยกย้ายกันไป “ชวาลวุฒิ... เจ้ามีอะไรกับเรา” พระโอรสน้อยนามเมษกรเอ่ยถามเหมือนจะมองออกถึงความไม่เป็นมิตร “ปล่าว... พี่ก็แค่อยากจะชวนเจ้าไปหลังวัง” พระโอรสน้อยนามชวาลวุฒิพูด “ไปทำไม...” เมษกรพูด “ไปดูเค้าตีดาบกันไง” ชวาลวุฒิพูด ยังไม่ทันที่จะขาดคำพระโอรสเมษกรรีบพูดขึ้นทันที “ไม่” เมษกรพูด “เจ้าจะไม่คิดเลยเหรอ พี่อยากให้เจ้าไปเห็น ว่ากว่าจะมาเป็นดาบ เค้าทำกันยังไง” ชวาลวุฒิพูด “เรารู้แล้ว” เมษกรพูดอย่างหลีกเลี่ยง “เจ้ากลัวรึ” ชวาลวุฒิพูด “กลัวอะไร” เมษกรพูดเสียงกร้าว “ก็กลัวเหล็กเผาไฟแดงฉานไงหละ ดาบเพลิงหนะ” ชวาลวุฒิพูด “หยุดนะ อย่าพูดถึงดาบเพลิง... โอ๊ย...” เมษกรปวดหัวขึ้นมาทันที มาลย์มินตรารีบเข้ามาจับแขนพระโอรสของนาง “เมษกร... เป็นอะไรไปลูกแม่” มาลย์มินตราพูด “ชวาลวุฒิ... เจ้าทำอะไรน้อง” องค์เหนือหัวภูวนาทเดินมาอย่างกริ้วมาด้วย “ลูกก็แค่พูดถึงดาบเพลิง พูดถึงการตีดาบที่หลังวัง อยากให้น้องไปดูก็เท่านั้น แต่น้องก็ปวดหัวขึ้นมาดื้อๆ” ชวาลวุฒิพูด “เจ้ารู้ไม่ใช่เหรอว่าเมษกรไม่ชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับโลหะร้อนๆ เจ้าจะพูดทำไม” องค์ภูวนาทพูด มาลย์มินตราโอบกอดพระโอรสของนางเอาไว้ “โอ๊ย... อย่าพระเจ้าข้าเสด็จแม่... โอ๊ยลูกเจ็บ” เมษกรร้องขึ้น มาลย์มินตราถึงกับน้ำตาไหล “แม่ขอโทษลูก... แม่ก็แค่อยากกอดเจ้าบ้าง เวรกรรมของแม่จริงๆ ที่กอดลูกไม่ได้” มาลย์มินตราพูด “เวรกรรมของลูกเหมือนกัน ลูกก็อยากให้เสด็จแม่กอด แต่ว่า... ทนทรมานไม่ไหวจริงๆพระเจ้าข้า” เมษกรน้ำตาคลอ “ชวาลวุฒิ... หลายครั้งแล้วนะ เห็นทีครั้งนี้พ่อคงจะต้องลงโทษเจ้าแล้ว” ภูวนาทกษัตริย์พูด “อย่าเพคะ” ชวาลีวิ่งเข้ามา นางโอบกอดพระโอรสชวาลวุฒิไว้อย่างอบอุ่น “เจ้าพี่อย่าทรงลงพระอาญาชวาลวุฒิเลยนะเพคะ ไหนบอกว่าจะรักเค้าเหมือนลูกไงเพคะ กษัตริย์ขัตติยะ ตรัสแล้ว คืนคำได้รึเพคะ” ชวาลีพูด เหนือหัวภูวนาทถอนใจแล้วไปประคองมเหสีมาลย์มินตราเดินไปด้วยกันกับพระโอรสเมษกรด้วย ชวาลีมองตามอย่างแอบอิจฉาในใจ
ในตำหนักของชวาลี ชวาลีร้องไห้กอดพระโอรสชวาลวุฒิไว้อย่างเจ็บแค้นใจ “เจ้าพี่คอยเข้าข้างพวกมันอยู่เรื่อย... ชวาลวุฒิ ความผิดของเจ้ามากเพียงหรือลูก ทำไมเสด็จพ่อต้องทำโทษ ลูกแม่ไม่ได้ทำผิดอะไรนักหนา เจ้าพี่พระทัยร้าย พระทัยร้ายที่สุด” ชวาลีร้องไห้ “เสด็จแม่อย่ากันแสงเลยพระเจ้าข้า เสด็จพ่อไม่รักลูกหรอก ลูกไม่ใช่ลูกแท้ๆของเสด็จพ่อ” ชวาลวุฒิพูด “แต่เจ้าต้องได้ดีกว่าเมษกร ชวาลวุฒิ... ลูกแม่ทั้งเก่งกาจอาจหาญ พอๆกับพระโอรสเมษกรนั่นแหละ ทำไม... ทำไมไม่มีใครชื่นชมลูกแม่บ้างเลย” ชวาลีพูด “พระโอรสบุญธรรมหรือจะสู้พระโอรสแท้ๆพระเจ้าข้า” ชวาลวุฒิพูด “แม่จะกำจัดพวกมันออกไป แม่จะทำทุกอย่าง แม่จะช่วยเจ้าชวาลวุฒิ ไม่นาน พวกมันต้องกระเด็นออกไปจากเมืองนี้” ชวาลีพูด
ค่ำคืนดึกดื่นแล้ว ในตำหนักพระมเหสีมาลย์มินตรา พระโอรสเมษกรก็ประทับอยู่กับพระมารดา รวมทั้งคุณท้าววิไลด้วย เมษกรตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก เมษกรลุกขึ้นและหันไปมองพระมารดาที่ยังคงหลับสนิท คุณท้าววิไลเองก็หลับสนิทอยู่เช่นกัน พระโอรสน้อยตัดสินใจลุกออกไป
เหมือนทุกอย่างจะถกตระเตรียมไว้แล้ว ในเวียงวังภัคบุรีช่างเงียบงัน แต่สิ่งที่เมษกรพบคือกลิ่นคาวเลือด “กลิ่นเลือด...” เมษกรพูดและตามกลิ่นนั้นไป เมษกรเดินไปจนพบร่างของพวกทหารที่ถูกฆ่าตายสองสามคน ชวาลวุฒิเดินมาข้างหลังแล้วเมษกรล้มลงไปที่กองเลือดพวกนั้น “ชวาลวุฒิ” เมษกรเรียก “ตามมาสิ” ชวาลวุฒิพูดและวิ่งไป
ในตำหนักองค์เหนือหัวภูวนาท ในยามราตรีการ องค์เหนือหัวก็ทรงบรรทมอยู่เช่นกัน พระโอรสน้อยชวาลวุฒิวิ่งเข้ามาพร้อมกันกับชวาลี “เจ้าพี่เพคะ” ชวาลีเรียก องค์เหนือหัวภูวนาทรู้สึกตัวขึ้น “ชวาลี ชวาลวุฒิ เจ้าเข้ามาในนี้ได้ยังไง” องค์ภูวนาทพูด “ก็พวกทหารของเจ้าพี่หลับยามกันเสียหมดนาสิเพคะ พระโอรสเมษกรถึงก่อเรื่อง... หม่อมฉันกลัว ไม่กล้าอยู่ในตำหนักเลย” ชวาลีพูด “ทำไม เรื่องอะไรกัน” องค์ภูวนาทพูด เมษกรวิ่งเข้ามาในขณะที่ทั้งเนื้อทั่วเปื้อนเลือดเต็มไปหมด “เกิดอะไรขึ้น” องค์ภูวนาทพูดอย่างตกใจ “มันเป็นปีศาจพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ” ชวาลวุฒิพูด “หม่อมฉันกลัวเหลือเกินเพคะเจ้าพี่” ชวาลีพูด “ไม่จริงนะพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ” เมษกรพูด “มีหลักฐานด้วยนะพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ” ชวาลวุฒิพูด “หลักฐานอะไร” องค์ภูวนาทพูด “ร่างของพวกทหารที่ถูกเมษกรฆ่าไงเพคะเจ้าพี่ เมษกรต้องการเลือด... ตามคำทำนายของท่านโหรหลวง เมษกรคงกำลังตามหาเลือดของคนที่สร้างแผลนี้... อยู่ไม่ได้แล้วเพคะน่ากลัวเหลือเกิน” ชวาลีเข้าไปกอดองค์ภูวนาท องค์ภูวนาทโอบกอดนางเอาไว้อย่างปลอบขวัญ
ตัวอย่างตอนต่อไป
“เสด็จแม่จับแน่นๆนะพระเจ้าข้า ม้าพยศ” เมษกรพูด ม้าตัวนั้นวิ่งออกไปไกล วิ่งไม่หยุด
“เราไม่มีความแค้น...” มาลย์มินตราพูดยังไม่จบ เตชภาสเทพก็แทรกขึ้นมาทันที “รู้ได้ยังไงว่าไม่มี” เตชภาสเทพพูด มาลย์มินตราถึงกับเงียบกริบ “ไอ้เด็กคนนี้ มันพรากแก้วตา และ ดวงใจของเราไป มันจะต้องชดใช้อย่างสาสม” เตช“เราชื่อภาสสุนันท์ เป็นพระธิดาของเสด็จพ่อภินท์ไพรี เจ้าแห่งนคร ภิรมย์วงศ์ แล้วเจ้าหละ” เด็กผู้หญิงน่ารักน่าเอ็นดูคนนั้นพูด “เราชื่อเมษกร เป็นพระโอรสของเสด็จพ่อภูวนาท เจ้าแห่งนครภัคบุรี” เมษกรพูด ภาสพูด
ความคิดเห็น