คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ฟากฟ้าป่าหิมพานต์ เวียงทิฆัมพร
ที่พระตำหนักพระธิดาสร้อยสายเพชร พระธิดาสร้อยสายเพชร ทรงฟาดหวายใส่ดวงใจพระองค์เอง พระพักตร์งามๆนั้นนองด้วยชลนัยน์ทั้งดวงหน้า “หยุดสร้อยสายเพชร” องค์รติวุฒิเสด็จมาพร้อมกับรดามณี “เสด็จพ่อ...” วชิรารัตน์รีบตะเกียกตะกายมาหาพระบิดา “ลูกพ่อ” รติวุฒิแทบจะหัวใจหล่นหายเร่งโอบประคองพระธิดาของพระองค์ไว้ “เจ้าทำเกินไปแล้วนะสร้อยสายเพชร ลูกเรายังเด็กนะ” รติวุฒิพูด “เด็กดื้อ ต้องถูกลงโทษ หม่อมฉันฟาดไม่แรงหรอกเพคะ หม่อมฉันก็กลัวลูกเจ็บเหมือนกันนี่ แต่แค่ให้พอรู้สึกเท่านั้น” สร้อยสายเพชรพูด “แต่รู้ว่าแม่ไม่รักลูกก็รู้สึกมากพอแล้วหละสร้อยสายเพชร สร้อยสายเพชร เรานี้รักเจ้าหนักหนา แต่ก็หาได้เทียบกับความรักที่มีต่อลูกได้เลย เจ้าทำลูกเราแบบนี้ เจ้ายังจะเรียกตนว่าแม่ได้เช่นไร” รติวุฒิพูด “คิดว่าหม่อมฉันไม่รู้ใดๆเลยรึเพคะ หม่อมฉันด้านชาขนาดนั้นเลยเหรอเพคะ ทรงพรากลูกไปจากหม่อมฉันตั้งแต่ยังเล็ก แต่ทรงเลี้ยงดูลูกไม่ถูกต้องเลย ทรงตามใจวชิรารัตน์มากเกินไปแล้ว จนกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจแบบนี้ ลูกผิด หม่อมฉันก็ต้องทำโทษ จะได้ไม่เคยตัว” สร้อยสายเพชรพูดทั้งน้ำตา “แต่เจ้าทำแรงมากนัก วชิรารัตน์ ดวงใจของพ่อ เจ้าเจ็บมากไหมลูก โถ่ พ่ออยู่นี่แล้วนะ ไม่ต้องกลัวนะลูก” รติวุฒิปลอบขวัญพระธิดาน้อยที่สะอึกสะอื้นไม่หยุดในอ้อมกอดของพระองค์ “ลูกจะกลับอสุรเวหานครเพคะ” วชิรารัตน์พูด “อยู่กับแม่บ้างสิลูก... นะ ลูกนะ แม่ขอโทษ... ลูกเจ็บ คิดว่ามาไม่เจ็บเหรอลูก แม่เสียใจ แต่แม่ต้องอบรม ต้องสั่งสอนเจ้า หากไม่ทำโทษ เจ้าจะจำได้อย่างใดเล่า” สร้อยสายเพชรร้องไห้ “เราจะให้อภัยเจ้าในครั้งนี้ เพราะถือว่าเจ้ามีเหตุผล และเรา ก็ยังรักเจ้าเสมอ แต่ถึงเราจะรักเจ้ามากแค่ไหน แต่ก็น้อยกว่าที่เรารักลูกอยู่ดี เราจะให้วชิรารัตน์เลือก ว่าจะอยู่ที่ไหนวันนี้” รติวุฒิพูด “นอนกับแม่นะลูกคืนนี้ รดามณีด้วยนะจ๊ะ” สร้อยสายเพชรพูด รดามณีหันมาสบตาพระบิดาอย่างไม่กล้าตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง “ไม่... ลูกจะกลับ เสด็จพ่อพาลูกกลับเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลยได้ยินไหมเพคะ ลูกจะกลับ จะกลับเดี๋ยวนี้” วชิรารัตน์โวยวาย “ได้ๆๆ ลูกพ่อ กลับก็กลับนะลูก” รติวุฒิพูดพลางประคองร่างเด็กน้อยลุกขึ้น รดามณียกมือไหว้พระมารดา “ทูลลาเพคะเสด็จแม่” รดามณีพูดแล้วสามพ่อลูกก็เหอะหายไป จันทรัตน์เข้ามากอดพระมารดาไว้แน่น “เสด็จแม่ทรงกันแสง...” จันทรัตน์พูด “แม่...แม่เสียใจลูก ทำไมชะตาแม่จึงเป็นเช่นนี้ แม่มีจันทรัตน์แค่คนเดียวที่อยู่กับแม่ รดามณี กับ วชิรารัตน์หาได้อยู่กับแม่ไม่ ทั้งใจและกาย น้องของเจ้ารักแต่คนที่เป็นพ่อ แล้วคนเป็นแม่อย่างแม่เล่า น้องเจ้าก็หาได้รักเลย แม่เสียใจ ทำไมวชิรารัตน์ถึงไม่เคยเข้าใจแม่” สร้อยสายเพชรร่ำไห้ไป “โถ่เสด็จแม่ของลูก” จันทรัตน์พูดอย่างเห็นพระทัยพระมารดา
อรุณรุ่งเบิกฟ้าแล้ว ที่ท้องพระโรง นครมณีนพรัตนา องค์เหนือหัวฤทธิ์นาทอ่านพระราชสาส์นจากนภาภัทรนคร “อย่างนี้นี่เอง เราขอโทษเจ้าทั้งสองทีนะที่เข้าใจผิด เราจะจัดหาที่พักให้อยู่กับท่านขุนวงศาแล้วกัน” องค์เหนือหัวฤทธิ์นาทรับสั่ง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณ พระพุทธเจ้าข้า” ศคิศรันย์ และ ศิรสิทธิ์ที่ถูกนำตัวมาเข้าเฝ้าตอบ พระมเหสีกรกนก กับ พระธิดาสร้อยสายเพชรก็กำลังเสด็จเข้ามาในท้องพระโรง “เสด็จพ่อเพคะ เด็กสองคนนี่...” สร้อยสายเพชรกำลังจะเอ่ยขึ้น “องครักษ์ประจำพระองค์ของจันทรัตน์ขัตติยะนารี ลูกของเจ้าไงหละสร้อยสายเพชร” องค์เหนือหัวรับสั่ง “อะไรนะเพคะ แต่ว่า...” พระมเหสีกรกนกท่าทางตกพระทัยมาก “ตกใจอะไรเล่า แค่เรื่องเข้าใจผิด พี่จะเล่าให้ฟัง” องค์เหนือหัวรับสั่ง
ที่แดนไกลอุดมสมบูรณ์นัก ถิ่นพำนักมวลสัตว์พิศวง
ทางเข้าออกยังเป็นที่แสนงวยงง จะพลัดหลงเข้าไปไม่ง่ายดาย
ศานต์สงบเนิ่นนานพอกาลผ่าน ยังตระกาลพรรณไม้แลสินธุ์สาย
ทิฆัมพรปลอดคนที่ย่างกราย เข้ามุ่งร้ายเป็นกาลผ่านนานปี
จะกล่าวถึงดินแดนใต้ฟ้าป่าหิมพานต์ ทุกสิ่งสงบศานต์มานานปี เวียงทิฆัมพร เมืองฟ้าของเหล่ากินนร และ กินรีทั้งหลายสงบร่มเย็น ไม่มีศึกภายนอกรุกราญรอนแต่อย่างใด แต่ศึกภายในนั้นไซร้ มีแทบมิเว้นแต่ละวัน เพลากลางวันแท้ๆ ตำหนักพระธิดาปักษมาลี เงียบเชียบ ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงรบกวนนางเจ้าของตำหนัก เพราะเพลานั้น นางกำลังบรรทมอยู่ รายล้อมไปด้วยนางกำนัลนั่งพัดให้รอบกาย คุณท้าวเมฆรัตน์ ท้าวนางช่างประจบก็นั่งเฝ้าอยู่กับพื้น แทบจะหลับด้วยอีกคนอยู่แล้ว อยู่ๆก็มีเสียงเอะอะโวยวายมาจากไหนไม่รู้ “อย่าเสด็จไปทางนั้นเลยเพคะพระนัดดา” เสียงนางกำนัลนางหนึ่งดังแว่วมา ระคนกับเสียงเด็กหัวเราะอย่างสุขใจ พระธิดาปักษมาลีพรวดลุกขึ้น “ใคร...” ปักษมาลีโวยวาย “ไม่ทราบเพคะ” คุณท้าวเมฆรัตน์สะดุ้งตื่นขึ้นก็รีบตอบไปพลันอย่างตกใจ “ไม่รู้ก็ไปดูสิ โง่จริงๆ” ปักษมาลีพูดอย่างหงุดหงิด “เพคะๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละเพคะ” คุณท้าวพูด “ไม่ต้อง... เราไปเอง ถึงใช้คุณท้าวเมฆรัตน์ไปหละก็... ไม่ได้ความหรอก” ปักษมาลีพูด
หน้าตำหนักพระธิดาปักษมาลี เด็กผู้หญิงตัวน้อยวิ่งไป โดยมีพระพี่เลี้ยงวิ่งตาม “เร็วสิ สกุณา เดี๋ยวพี่ปักษยุก็ตามมาทันหรอก” เด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดูเอ่ยกับพระพี่เลี้ยง “นึกว่าใครมาเอะอะแถวนี้ ที่แท้ก็นังเด็กเหลือขอ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่คนนี้นี่เอง” ปักษมาลีพูดเย้ยหยัน พระนัดดาน้อยหยุดเล่นแล้วยกมือประนมกรเป็นการสวัสดี “เสด็จป้าปักษมาลี หลานเข้าไปวิ่งข้างแท่นบรรทมในยามรัตติกาลหรืออย่างไรเพคะ กลางวันแสกๆแท้ๆ” พระราชนัดดาน้อยเอ่ย “หยุดนะไอศิกา... อย่ามาทำปากเก่งนักนะ เจ้ามันเด็กไม่ดี ถึงไม่มีใครอยากอยู่ด้วยไงหละ ทั้งพ่อ ทั้งแม่ของเจ้า ก็ต่างพากันทิ้งเจ้าไปหมด” ปักษมาลีพูดกระทบกระทั่งแผลในจิตใจของนัดดาน้อยไอศิกาเต็มๆ ไอศิกานิ่งไป พลางฝืนเก็บกลั้นความช้ำใจไว้ “เพคะ... เสด็จน้าก็คงจะเป็นคนไม่ดีเช่นกัน พระสวามีถึงได้ทิ้งไป” ไอศิกาพูดยอกย้อน ยิ่งทำให้ปักษมาลีเคืองใจยิ่งกว่าเดิม “มันว่าพระธิดาเพคะ” คุณท้าวเมฆรัตน์พูด “เราได้ยินแล้ว ไม่ต้องมาย้ำ” ปักษมาลีต่อว่าคนของนาง “ไอศิกา... เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าสู่รู้ อย่าปากเก่งให้มันมากนัก มิเช่นนั้น อาจจะตายเพราะปาก” ปักษมาลีพูด “ขอบพระทัยเพคะที่ว่าหลานปากเก่ง หลานก็พูดไปตามที่เห็นนั่นแหละเพคะ” ไอศิกาพูด ปักษมาลียิ่งโกรธมากขึ้นแล้วกำลังจะก้าวเข้าไป “ไอศิกาพูดถูกพระเจ้าข้าเสด็จแม่ ถ้าหากเสด็จแม่ยังมีนิสัยเช่นนี้ มิใช่แค่เสด็จพ่อนะพระเจ้าข้าที่ทนเสด็จแม่ไม่ไหว ลูกเองก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” เด็กผู้ชายทรงเครื่องแต่งกายสง่างามแต่ยังเล็กเข้ามาขวางหน้าปกป้องไอศิกาไว้ “พี่ปักษยุ...” ไอศิกาเรียกพี่ชาย ปักษยุหันมายิ้มให้ “ปักษยุ... มาคุยกับแม่ในตำหนักให้รู้เรื่อง” ปักษมาลีเดินเข้าไปในตำหนัก ตาม้วยคุณท้าวเมฆรัตน์ และ เหล่านางกำนัล “พี่ปักษยุแย่แล้ว...” ไอศิกาพูดอย่างเกรงใจพี่ชาย “ไม่เป็นไร พี่ทนกับเสด็จแม่มามากนัก พี่ชินมากกว่า สกุณา พาไอศิกากลับตำหนักก่อนเถอะ” ปักษยุพูด “ขอบพระทัยนะเพคะพี่ปักษยุ” ไอศิกาพูด “ไม่เป็นไร พี่บอกแล้วไง เราเป็นพี่น้องกันนี่นา” ปักษยุพูด “ทำไมเสด็จป้าปักษมาลี ไม่รัก ไม่เอ็นดู เสด็จแม่ของน้องบ้าง ไม่เห็นเหมือนที่พี่ปักษยุรักแลเอ็นดูน้องเลย” ไอศิกาพูด
มณีนพรัตนา ที่ตำหนักองค์เหนือหัวฤทธิ์นาท องค์เหนือหัวทรงนั่งเหนือพระแท่น หลั่นลงมาคือพระโอรสกนกนาท ราชโอรสพระองค์แรกแห่งมณีนพรัตนา และท้าวมัศวุฒิเจ้าบาดาล ราชบุตรเขยของมณีนพรัตนาเช่นกัน กษัตริย์ยักษาผู้น่าเกรงขามยุรยาตรเข้ามาที่นั่น ทรงประนมกรไหว้ทำความเคารพ “อ้าว มาพอดีเลยรติวุฒิ นั่งสิ เรากำลังหารือกันเรื่องสมโภชยิ่งใหญ่ของเมืองมณีนพรัตนาอยู่พอดี” กนกนาทพูด รติวุฒินั่งลง “คือว่าอย่างนี้ มณีนพรัตนาของเรานั้น ถูกสร้างขึ้นเมื่อกว่าห้าร้อยปีก่อน ปีนี้ก็มีอายุครบห้าร้อยปีพอดี พ่ออยากจะสมโภชให้ยิ่งใหญ่” องค์เหนือหัวฤทธิ์นาทรับสั่ง
ใต้บาดาล “งานสมโภชจะมีขึ้นเมื่อไหร่เพคะ” พระธิดาน้อยนางหนึ่งแต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวเป็นเกล็ดเลื่อมระยับเอ่ยถามขึ้น “แล้วจะมีอะไรบ้างเหรอเพคะ” พระธิดาน้อยผู้ทรงอาภรณ์สง่างามสวมสร้อยสังวาลสีงดงามเอ่ยด้วย “แล้ว... เสด็จพ่อจะให้ลูกไปดูไหมเพคะ ลูกอยากไปจริง” พระธิดาอีกพระองค์ที่สวมอาภรณ์สีน้ำเงินดำพูด “มรกต แก้วไพฑูรย์ แล้วก็มณีกาฬคงคิดถึงเสด็จตานักกระมังเพคะ เห็นบ่นให้ฟังว่าอยากจะไปมณีนพรัตนาเหลือเกิน” พระมเหสีนพมาศเอ่ย “มรกต แก้วไพฑูรย์ มณีกาฬ ยังไงพ่อก็ต้องพาพวกเจ้าไปอยู่แล้ว เจ้าด้วยนะ นพมาศ” องค์เหนือหัวมัศวุฒิรับสั่ง สามธิดาพี่น้องหันมายิ้มให้กันอย่างดีอกดีใจไม่น้อย
กลางป่า วิหงค์จันทร์ และ ราชโอรสน้อยนพคุณเดินป่าอยู่อย่างไม่มีจุดหมายที่ชัดเจนและแน่นอน “นพคุณจ๊ะ แม่ว่าเราพักตรงนี้ก่อนดีไหมลูก ค่ำแล้ว” วิหงค์จันทร์พูด “ก็ดีเหมือนกันพระเจ้าข้า เสด็จแม่คงเหนื่อยแล้ว ลูกจะหาผลไม้มาถวายก็แล้วกัน” นพคุณพูด “ไม่นะลูก... แม่ยังไม่หิวหรอกจะ เดี๋ยวหายเหนื่อยแล้ว เราค่อยไปด้วยกัน นะลูกนะ” วิหงค์จันทร์พูด “พระเจ้าข้า” นพคุณตอบ
ยอดเหยี่ยวรุ้งพุ่งลงมาตรงหน้า ราชธิดากินราเจ้าจอมขวัญ
แล้วคำนับนอบน้อมวิหงค์จันทร์ และลูกพลันทั้งสองต่างตกใจ
พลันร่างเหยี่ยวรุ้งตัวหนึ่งบินมาหยุดตรงหน้า ลำนับให้กับวิหงค์จันทร์ และ นพคุณอย่างน่าประหลาด “นี่มัน... อะไรกันเนี่ย” วิหงค์จันทร์พูด นพคุณไม่เอ่ยสิ่งได้ แต่กลับย่างกรายเข้าใกล้เหยี่ยวนั่นเรื่อยๆ นพคุณนั่งลงและวางมือบนร่างเหยี่ยวรุ้งนั้น แล้วเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังคจิต “นพคุณ... นพคุณเก้า... พ่อทองนพคุณของแม่” วิหงค์จันทร์รับสั่งเรียกพระราชโอรส “พระเจ้าข้า...” นพคุณรีบหันไปหาพระมารดาบุญธรรม “คิดอะไรลูกแม่...” วิหงค์จันทร์ถามอย่างสงสัย “เสด็จแม่อยากไปที่ไหนมากที่สุดพระเจ้าข้า แม่อยากไปที่เวียงทิฆัมพรจะ แม่คิดถึงไอศิกา ป่านนี้ คงโตพอที่จะวิ่งไล่กับเจ้าได้แล้ว” วิหงค์จันทร์ว่าไปน้ำตาก็คลอไปด้วย “เสด็จแม่เชื่อไหมพระเจ้าข้า ว่าลูกจะทำให้เสด็จแม่สมหวังได้ เชิญเสด็จพระเจ้าข้า” พระโอรสน้อยรับสั่งแล้วเสด็จมาประทับบนหลังเจ้าเหยี่ยวรุ้งนั้นในขณะที่วิหงค์จันทร์ยังงงๆอยู่ว่าอะไรเกิดขึ้นในความคิดของลูกกันแน่ก็ที่จะคล้ายตามไปนั่งบนหลังเจ้าเหยี่ยวรุ้งนั่นด้วย “จะๆ” นางพูดแต่เพียงเท่านั้นอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ ว่าทำไม นพคุณถึงได้มั่นใจนักว่าเหยี่ยวรุ้งตัวนี้จะพาเข้าเขตป่าหิมพานต์ได้
ความคิดเห็น