คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ความรู้สึกที่สร้างทุกอย่างได้ และทำลายทุกอย่างได้
ใต้บาดาล ชลากรเดินออกมาจากตำหนัก “พ่อจับนางกินรีมาได้คนหนึ่ง อายุก็คงพอๆกับเจ้าตอนนี้ นางเป็นถึงราชธิดาเชียวนะ” นาคราชาพูด “ธิดาราช กินรีนาเหรอพระเจ้าข้า...” ชลากรนิ่งคิด “เจ้าอยากพบไหม” นาคราชาพูด “พระเจ้าข้า พานางมาพบลูกที่ตำหนักได้ไหมพระเจ้าข้า” ชลากรพูด “ก็ตามใจลูกสิ” นาคราชาพูด
ในตำหนักของชลากร “วรยุภัทร เป็นเจ้าจริงๆด้วย เรา... ขอโทษแทนเสด็จพ่อ เราจะช่วยเจ้า เราจะคืนกินรีนคราให้เจ้า” ชลากรพูด “ขอบใจมาก นาคราชาพ่อเจ้า ฆ่าเสด็จพ่อ เสด็จแม่ของเรารึยัง” วรยุภัทรพูด “เราก็ไม่แน่ใจ เราจะทูลขอชีวิตเจ้าจากเสด็จพ่อของเราเอง” ชลากรพูด
ในตำหนักของนาคราชา “อ้อ... พ่อเข้าใจ” นาคราชาพูด “ไม่ใช่อย่างนั้นนะพระเจ้าข้า นางกินรีคนนี้เป็นเพื่อนลูก” ชลากรพูด “เอาเถอะชลากร พ่อไว้ชีวิตนาง เพื่อเจ้าเลยนะลูกรัก พ่อจะเร่งให้คนหาฤกษ์ยามให้เร็วที่สุด” นาคราชาพูด “ลูกมีคนรักอยู่แล้วพระเจ้าข้า” ชลากรตอบพระบิดาเพื่อแก้ปัญหา วรยุภัทรเองอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน “ใครกัน ทำไมเจ้าไม่บอกพ่อ อะไรจะเร็วซะปานนั้นเชียวเหรอชลากร เจ้าพึ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ไม่นาน เจ้าเอาเวลาที่ไหนไปพบเจอ” นาคราชาพูด ชลากรพยายามหาทางออกและตอบพระบิดาออกมาว่า “นางชื่อประกายเพลิง พี่ชายของนางชื่อวาตการณ์ วรยุภัทร เป็นคนรักของวาตการณ์หนะพระเจ้าข้า” ชลากรพูด “ชลากร” วรยุภัทรไม่ค่อยพอใจที่ชลากรพูดแบบนั้น
ค่ำคืนลงอีกแล้ว วนาบุรี มิวายถูกบุกรุกโจมตีเข้าจนได้ ดึกสงัด ทุกคนต่างหลับใหล ในตำหนักหนึ่งมืดสนิท โอรสผู้ทรงสง่าบุตรแห่งสุริยะเทพเขามาในตำหนักนั้น เจ้าของตำหนักตกใจตื่นขึ้นมา ก็กรีดร้องลั่น ฤดีรินทร์นั่นเอง “หุบปากเดี๋ยวนี้นะ” อาทิตยกรพูด อาทิตยกรเอาตัวฤดีรินทร์ไป และเข้าไปที่ตำหนักของธารารักษ์ เสียงกรีดร้องของฤดีรินทร์ช่วยปลุกธารารักษ์ให้รู้สึกตัวขึ้นแล้ว อาทิตยกรเข้ามาข้างหลังและปิดปากธารารักษ์ไม่ให้ส่งเสียงและเอาตัวธารารักษ์ไป
รุ่งเช้าที่ตำหนักมาลีรินทร์ พระโอรส และ พระธิดาทั้งสามมาเฝ้าพระมารดาแต่เช้า “ธารารักษ์หายไปงั้นเหรอลูก” มาลีรินทร์พูดอย่างตกใจ “เพคะ เมื่อเช้าวลีมาบอกลูกว่าเข้าไปหาธารารักษ์ แต่ก็ไม่พบ” ประกายเพลิงพูด “งั้นเหรอ วลี” มาลีรินทร์ก้มลงถามวลีที่นั่งก้มหน้าอยู่ “เพคะ” วลีตอบเพียงเท่านั้น สักพักหนึ่ง เกศสิรินทร์รัตน์ก็เดินเข้ามา การแต่งกายไม่ต่างจากวลีสักเท่าไหร่ แต่กายเหมือนลูกสาวขุนนาง ท้าวนางชั้นผู้ใหญ่ เกศสิรินทร์รัตน์เดินเข้ามาก็ยกมือไหว้ หม่อมฉันได้ข่าวว่า ธารารักษ์หายไปงั้นเหรอเพคะ” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “ก็แล้วตอนนี้เจ้าเห็นนางไหมหละ” พสุธาวาทพูด “พสุธาวาท” มาลีรินทร์ห้ามปรามลูกชาย แล้ววิฤดีก็เข้ามาอย่างร้อนรุ่ม “มาลีรินทร์ ฤดีรินทร์ลูกสาวของเราหายตัวไปเมื่อคืน ลูกๆของเจ้ามีทั้งอิทธิฤทธิ์ทำไมไม่รู้จักดูแลคนในวนาบุรีให้ทั่วถึง” วิฤดีบ่น “ใจเย็นๆก่อนได้ไหมวิฤดี ธารารักษ์ลูกของเราก็หายไปเหมือนกัน” มาลีรินทร์พูด “ลูกของเจ้าก็หาย ลูกของเราก็หาย แล้วลูกๆของเจ้าที่เหลืออยู่พวกนี้หละ ทำไมยังนิ่งดูดายอยู่ได้ เจ้าอีกคนนะเกศสิรินทร์รัตน์” วิฤดีพูด “โอ๊ยมาถึงก็บ่นน่ารำคาญ” วาตการณ์พูด “มาลีรินทร์สั่งลูกๆของเจ้าไปช่วยฤดีรินทร์เดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นเราจะ...” วิฤดีพูดและจะตบหน้ามาลีรินทร์ “เจ้าจะทำอะไรเสด็จแม่” พสุธาวาทพูดและเข้าขวาง “อย่าแตะต้องเสด็จแม่แม้แต่ปลายเล็บ ไม่อย่างนั้น...” วาตการณ์พูด สิฤดีพูดไม่ออกและกลับไปที่ตำหนักของนาง “พระมเหสีไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ พวกเราจะวางแผนกันวันนี้ พรุ่งนี้จะไปบุกป่าแสงตะวันทันที” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “ขอบใจมากนะลูกเกศสิรินทร์รัตน์พูด
ที่ศาลาริมน้ำที่วนาบุรี ชลากร กับ วรยุภัทรกระโดดลงมาพร้อมกัน ประกายเพลิงจากที่ยืนกอดอกสีหน้าเครียดอยู่นั้นก็ยิ้มออกเดินเข้าไปหา “ชลากร” ประกายเพลิงเรียกชื่อ “ทำไมถึงมาด้วยกันได้” ประกายเพลิงมองไปที่วรยุภัทรแล้วพูดอย่างสงสัย “วรยุภัทรถูกจับไปที่เมืองบาดาลหนะ นางคงต้องอยู่นั่น” ชลากรพูด “วรยุภัทร เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ ที่วนาบุรีนี่แหละ” พสุธาวาทชวน “ประกายเพลิง แล้ว... ธารารักษ์หละ” วรยุภัทรพูด “นาง... เออ...” ประกายเพลิงพูด “นางเป็นอะไรประกายเพลิง... เร็วสิ บอกเรามา ธารารักษ์เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับนาง” ชลากรดูจะรุ่มร้อนผิดปกติเขย่าตัวประกายเพลิงแรงขึ้นเรื่อยๆ “โอ๊ย” คนที่ถูกเขย่าท่าทางจะอารมณ์ร้อนเช่นกันร้องขึ้นเสียงลั่น “ถ้าคนที่ถูกจับไป คือเราก็ว่าไปอย่าง แต่นี่... ทำไมเจ้าต้องตกใจขนาดนี้” ประกายเพลิงพูดและสังเกต ชลากรด้วยสายตาที่แปลกๆ ชลากรนิ่งลงนิดหน่อย “นางถูกจับตัวไป คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือสุริยะเทพ กับ นรกานต์” พสุธาวาทพูด “แล้วพวกเจ้าจะนิ่งอยู่ทำไม ไม่มีใครคิดจะไปช่วยนางเลยเหรอ” ชลากรพูดและรีบกระโดดขึ้นไป “เดี๋ยวชลากร” วรยุภัทรร้องขึ้นและบินตามไปด้วย “วรยุภัทร” วาตการณ์พูดอย่างแปลกใจที่วรยุภัทรน่าจะคิดรอบคอบ ไม่น่ารีบร้อนตามไป “ชลากร ธารารักษ์ วรยุภัทร” ประกายเพลิงพูดและกระโดดตามไปด้วย “สงสัยจะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้วหละ” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “อืม” วาตการณ์พูดและตามไปอีกคน เกสสิรินทร์รัตน์แลๆไปที่พสุธาวาท พสุธาวาทเองก็แลมาพร้อมกัน และก็รีบหลบตากันเสีย ก่อนจะตามขึ้นไปพร้อมกัน
ที่เขตป่าแสงตะวัน ในตำหนักหนึ่ง องค์วนาวุฒิ และ พระธิดาทั้งสองที่ถูกจับมาถูกขังไว้รวมกัน ฤดีรินทร์พยายามที่จะพังประตูออกไป “อย่าพยายามเลยลูก ฤดีรินทร์ พ่อพยายามหลายครั้งแล้ว” วนาวุฒิพูด “ลูกจะลองใช้คทาธารเพคะ” ธารารักษ์พูดและกำลังจะเรียกคทาธารออกมา “หยุดนะ ถ้าเจ้าคิดจะเรียกคทาออกมา” เสียงกร้าวๆดังมา “อาทิตยกร” ธารารักษ์พูด อาทิตยกรเดินเข้ามา ดึงตัวธารารักษ์มา “เจ้าอย่างใช้คทาธารเป็นอันขาด ถ้าเจ้าใช้ เจ้าก็แค่ออกไปจากตำหนักนี้ได้ แต่เราจะรู้ทันที เจ้าไม่มีทางหนีพ้น เราสามารถจับตัวพวกเจ้ามาขังได้อีกอยู่แล้ว แล้วเราก็จะฆ่าพ่อของเจ้าซะ” อาทิตยกรพูด “ไม่นะ” ธารารักษ์ “เจ้าก็อย่าใช้คทานั่นสิ” อาทิตยกรตะคอกลั่นและโยนตัวธารารักษ์ลงกับพื้นก่อนจะเดินออกไป วนาวุฒิเข้าไปดูลูกสาว “เป็นไงบ้างลูก ธารารักษ์” วนาวุฒิพูด ฤดีรินทร์แอบยิ้มสะใจ และรีบวิ่งตามไปเกาะแขนอาทิตยกร “อาทิตยกร ปล่อยเราเถอะนะ” ฤดีรินทร์พูด แต่ไม่มีทางสำเร็จ อาทิตยกรสลัดแขนจนฤดีรินทร์หกล้ม และเดินออกจากตำหนักนั้นไป “โถ่เอ๊ย ใจแข็งจริงพ่อคุณ” ฤดีรินทร์พูดอย่างไม่พอใจ วนาวุฒิมองดูกิริยาของฤดีรินทร์ “เหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด” วนาวุฒิพูดเบาๆ
ภายนอกตำหนักนั้นใน เขตป่าแสงตะวัน ชลากรกระโดดลงมาด้วยอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม ตามมาด้วยวรยุภัทร ท่าทางวรยุภัทรจะห่วงชลากรมาก... มากจนผิดปกติ จนประกายเพลิงสังเกตเห็นได้ สีหน้าของประกายเพลิงจึงดูเรียบๆเฉยๆ วาตการณ์ก็ตามมาด้วยอีกคน และสองคนสุดท้าย ก็คือพสุธาวาท กับ เกศสิรินทร์รัตน์ “มากันแล้วเหรอ ไม่เร็วไปหรอกเหรอ” เสียงทักดังมาแต่ไกล เมื่อทุกคนหันไปมองตามเสียง เจ้าของเสียงๆเดินมาเรื่อยๆ สุริยะเทพเดินมากับลูกชาย “ธารารักษ์กับเสด็จลุงอยู่ที่ไหน” ชลากรร้องถามขึ้นเป็นคนแรก “ไม่ต้องห่วงทุกคนสบายดี เราต้องการข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง” อาทิตยกรพูด “จะเอาอะไร” ทุกคนพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “เกศสิรินทร์รัตน์ มาอยู่พ่อเถอะ” สุริยะเทพพูด “เราไม่ใช่ลูกท่าน” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “ทำไมจะไม่ใช่ ทั้งสิรินทร์รัตน์เทวี อัปสรสิรินทร์ และเกศสิรินทร์รัตน์คือคนเดียวกัน ทำไมเจ้าต้องอคติกับพ่อ” สุริยะเทพกล่าว พสุธาวาท วาตการณ์ และ ประกายเพลิงมองหน้ากันอย่างงุนงง เช่นกันที่วรยุภัทรเองก็แปลกใจอยู่ “นี่มันอะไรกัน” วาตการณ์พูด “ที่เราอคติท่าน เพราะท่านตามผลาญพวกเค้า ท่านตามผลาญจตุรธาตุทั้งสี่ทุกภพทุกชาติ ทำไมต้องทำอย่างนี้ เราไม่อยากมีพ่อที่มีจิตใจอาฆาตมาดร้ายคนอื่นอย่างท่าน” เกศสิรินทร์รัตน์พูด”มากไปแล้วนะเกศสิรินทร์รัตน์” อาทิตยกรจะเข้าไปทำร้ายเกศสิรินทร์รัตน์ “หยุดอาทิตยกร” สุริยะเทพห้ามปรามลูกชายไว้ “ตกลงเจ้าต้องการอะไร” ชลากรพูด “ตอนนี้เราขอให้เกศสิรินทร์รัตน์มาอยู่กับเราในฐานะลูกสาวของเราดังเดิม” สุริยะเทพพูด “ดังเดิมงั้นเหรอ โอ๊ยงงไปหมดแล้ว” ประกายเพลิงบ่น “เกศสิรินทร์รัตน์ ว่ายังไงหละ” พสุธาวาทหันไปถาม “ชีวิตเราเป็นของพวกเจ้านี่นา ถ้าต้องเสียสละ เราก็ยอมแลก” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “ไม่ได้... เจ้าบอกว่าชีวิตเจ้าเป็นของเรา แล้วเจ้าจะไปอยู่กับสุริยะเทพได้ยังไง เราไม่ได้ยกชีวิตเจ้าให้กับสุริยะเทพซะหน่อย” พสุธาวาทพูด “สามหาว เจ้ากล้าสั่งลูกของเราถึงเพียงนี้เชียวเหรอ ไอ้ธรากรเทพ เจ้านั่นแหละที่ทิ้งลูกเราไป เจ้านั่นแหละ” สุริยะเทพโมโหและสาดพลังใส่พสุธาวาท พสุธาวาทคล่องแคล่วว่องไวหลบได้ทันท่วงที และสวนกลับด้วยลูกไฟตามสัญชาติญาณ ลูกไฟนั้นทำอะไรสุริยะเทพไม่ได้อยู่แล้ว “เรายอมแล้ว” เกศสิรินทร์รัตน์ตัดสินใจอย่างเฉียบพลันและตัดสินใจแลก
ตัวอย่างตอนต่อไป
“คิดถึงนางก็บอกมาเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดเรา เพราะเรารู้นะ” ประกายเพลิงพูด “เราไม่น่าแสดงอาการมากเกินไป เจ้าถึงได้ดูออก” พสุธาวาทพูด “ก็เจ้านึกถึงนาง ถ้าไม่เรียกว่า...” ประกายเพลิงกำลังจะพูด พสุธาวาทก็รีบตัดบทเสียก่อน “พอเถอะ ดึกแล้วเจ้าไปนอนได้แล้วหละ” พสุธาวาทพูด “ข่มตาหลับลงซะที่ไหน” ประกายเพลิงพูด “นั่นไง เจ้าก็เป็นเหมือนเรา กังวลรึไง กำไลนั่นอยู่กับตัวเจ้าหนะ อย่าห่วงเลยใจเค้าไม่ไปที่ไหนหรอก” พสุธาวาทพูด
“ความรัก... ความรักไงหละที่จะทำให้พวกนั้นแตกคอกันเอง แล้วก็ฆ่ากันเอง” นรกานต์พูด “จริงสิ เท่าที่เราสังเกต คนที่อาฆาตแค้นรุนแรงหน่อยก็เห็นจะมีวาตการณ์ กับ ประกายเพลิง” สุริยะเทพพูด “สองคนนี้แหละ ที่จะทลายจตุรธาตุ จตุรศัสตราจนแหลกสลาย สองคนนี้แหละที่จะปูทางให้ครองโลก แล้วให้เจ้าแก้แค้นไอ้ธรากรเทพ ปฐพีเทพ หรือ พสุธาวาท” นรกานต์พูด
ความคิดเห็น