คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : วาจา...แววตา...และการกระทำ
ที่เรือนคุณท้าวมิ่งขวัญ ชลากรฟันดาบอยู่ วาตการณ์กระโดดลงและตรงเข้าหาชลากรพร้อมกับลูกไฟ “หยุดนะวาตการณ์” วรยุภัทรที่ตามมาพยายามร้องห้ามและดึงตัววาตการณ์เอาไว้ “พวกนาคราชไม่ใช่เหรอวรยุภัทร นาคราชไม่ใช่เหรอที่ทำลายเมืองเจ้า” วาตการณ์พูดและตรงเข้าไปเรื่อยๆ ธารารักษ์ที่ยืนอยู่บนระเบียงเห็นเข้าก็รีบวิ่งลงมาจะมายืนขวางหน้าชลากร แต่ก็ไม่ทันประกายเพลิงที่ฟันดาบอยู่ไม่ไกล ประกายเพลิงรีบวิ่งมาคุยกับวาตการณ์ “ทำอะไรของเจ้าหนะวาตการณ์” ประกายเพลิงพูด นาคราชทำลายเมืองกินรีสำเร็จแล้ว” วาตการณ์พูด “แต่เค้าไม่ได้ทำ” ประกายเพลิงพูด “เราขอโทษ เราไม่ได้ทำก็จริง แต่เสด็จพ่อ...” ชลากรพูด “นั่นไงมันยอมรับแล้ว” วาตการณ์จะเข้าไปสู้ให้ได้ “ไม่เกี่ยวกับเค้านะวาตการณ์” วรยุภัทรพูด ประกายเพลิงหันมองวรยุภัทรที่มีสีหน้าเคร่งเครียด “อธิบายแล้วเจ้าไม่ยอมฟังใช่ไหม ก็ได้... จะมีเรื่องกันก็ได้” ชลากรพูด “โอ๊ย อะไรนักหนาห้ามแล้วก็ไม่ฟัง” ประกายเพลิงบ่นและถอยออกปล่อยให้ทั้งสองต่อสู้กัน “ประกายเพลิง” ธารารักษ์พูด “ก็จะให้ไกล่เกลี่ยยังไง ดูวาตการณ์สิ จะฆ่าเค้าให้ได้ ชลากรก็เหมือน อวดเก่ง” ประกายเพลิงพูด วรยุภัทรจึงบินหนีไปเสีย ประกายเพลิง และ ธารารักษ์มองดูการต่อสู้อย่างห่างๆไม่ได้เข้าไปช่วยแต่อย่างใด วาตการณ์คือหนึ่งในจตุรธาตุ พลังย่อมกล้าแข็งกว่าฤทธิ์นาคราช เหมือนเมื่อครั้งหนึ่งที่ชลากรเคยต่อสู้กับประกายเพลิง ต่อสู้กันไป ท่าทางชลากรจะไม่ไหวแล้วไปจนมุมเข้าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ประกายเพลิงก้มลงมองกำไลข้อมือ “ประกายเพลิง” ธารารักษ์พูดและมองดูกำไล ชลากรกำลังแย่แล้ว ประกายเพลิงตัดสินใจถอดกำไลและโยนไปให้ชลากร “ชลากร” ประกายเพลิงส่งเสียงชลากรรับกำไลนั้นมา กำไลนั้นเปล่งแสง แน่นอนแสงนั้นช่วยปกป้องชลากรได้ ธารารักษ์เดินมาดึงตัววาตการณ์ “วาตการณ์ พอก่อนเถอะ” ธารารักษ์พูด และธารารักษ์ก็ถูกผลักออกไป ประกายเพลิงวิ่งมา “วาตการณ์... ขอร้อง” ประกายเพลิงพูดดีๆ วาตการณ์โกรธสุดๆทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับนครกินรีด้วยเลยแต่ก็ยอมหยุดและเดินเลี่ยงไป ชลากรมองกำไล “ต้องใช่แน่” น้ำเสียงหนักแน่น และมั่นอกมั่นใจ ธารารักษ์ได้แต่มองกำไลวงนั้นและเดินไป “เอากำไลของเราคืนมาเดี๋ยวนี้” ประกายเพลิงพูด ชลากรคืนให้ ประกายเพลิงรีบสวมกำไลนั้น “โง่ รู้ว่าสู้เค้าไม่ได้ยังจะสู้อีก” ประกายเพลิงพูดและเดินไป
และแล้ว พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่ พระมเหสีมาลีรินทร์ก็ได้กลับมายังวนาบุรี มาลีรินทร์น้ำตาคลอ “ที่นี่ เคยมีแต่สุขสงบ เคยเป็นสุพรรณภูมิ เคยเป็นแผ่นดินทองของชาววนาบุรี เราไม่คิด... ไม่คิดว่าวันนี้มันจะล่มสลาย” มาลีรินทร์พูด “โถ่พระมเหสี” คุณท้าวมิ่งขวัญพูด “เสด็จแม่...” พสุธาวาทพูด “ลูกแม่” มาลีรินทร์พูดและแตะศีรษะลูกชายเบาๆ
คืนนั้น ในตำหนักเงียบสงัดท่ามกลางทิวาราตรี ธิดาราชแห่งไฟ นอนแน่นิ่งอยู่บนแท่นนอน มีบางคนกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง “ประกายเพลิง...ประกายเพลิง” เสียงเรียกของคนคนนั้นดังขึ้นถี่ๆ จนประกายเพลิงรู้สึกตัวและลุกขึ้น “ชลากร เจ้าเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันเขตพระราชฐานฝ่ายในกลางค่ำกลางคืนแบบนี้... มาทำไม” คำพูดดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรเอาเสียเลย “เรามีบางอย่างต้องคุยกับเจ้า... เกี่ยวกับกำไลนั้น” ชลากรพูด “กำไล... ไปคุยข้างนอกดีกว่า” ประกายเพลิงพูด
ในอุทยาน “กลางราตรีแท้ๆ ไม่รู้ว่าเจ้ามีเรื่องอะไรนักหนาถึงได้รีบมาเอายามนี้” ประกายเพลิงพูด “กำไลนั่น กำไลที่เจ้าสวมอยู่ เรื่องเมื่อวันนั้น ทำให้เราแน่ใจได้ว่าเรามีความเกี่ยวข้องอะไรกับมัน” ชลากรพูดด้วยแววตาที่คมกริบน่าเกรงขาม “แล้วอะไรหละ” ประกายเพลิงพูด ชลากรคว้ามือข้างที่สวมกำไลของประกายเพลิงมากุมไว้ ชลากรจับกำไลนั่นด้วย “เราเคยอธิฐานจิตเอาไว้ ว่ากำไลนี้จะปกป้องดูแลผู้สวมใส่ เรามอบกำไลนี้ให้กับคนที่เราต้องการจะปกป้อง ตั้งแต่อดีตภพมาแล้ว เราคิดว่าเป็นเจ้า” ชลากรพูด “เจ้าแน่ใจได้ยังไง” ประกายเพลิงพูด “ความรู้สึก... ตอนที่เจ้าโยนกำไลมาให้เราเพื่อต้านกับพลังของวาตการณ์ เรารู้สึกได้ เรารู้สึกได้มานานแล้ว แล้วเราก็มาแน่ใจตอนนั้น เหมือนมีบางอย่างบอกใจว่าใช่แน่ๆ” ชลากรพูด สายตากร้าวแข็งสีหน้าราวโกรธเคืองใครอยู่ตลอดเวลาของประกายเพลิงดูจะค่อยๆแย้มยิ้มออกมา ทั้งสองหารู้ไม่ว่ามีสายตาบางคู่จับจ้องอยู่ห่างๆ ธารารักษ์นั่นเอง “เราคิดว่าคนที่เราให้กำไลนี้ คือคนที่เรา...” ชลากรละไว้ สายตาก็ยังกร้าวแข็งไม่อ่อนไหวเลยสักนิด ประกายเพลิงเองก็คงเดาออกแต่ไม่กล้าคิดไปไกล “เจ้าจะให้เราคิดว่าอะไร...” ประกายเพลิงพูด “เจ้าเข้าใจว่ายังไง เจ้าก็เข้าใจถูกต้องแล้วหละประกายเพลิง เจ้าคือคนที่เราต้องการดูแล ตั้งแต่อดีตภพ กำไลนี้คือดวงใจของเรา เมื่อมันอยู่ที่เจ้าแล้ว ใจของเราก็เป็นของเจ้า” ชลากรพูด ธารารักษ์ได้ยินทุกคำพูดแต่ก็นิ่งอยู่ ประกายเพลิงดึงมือกลับ “เราไม่ใช่คนใจง่าย แล้วเราก็ไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆเหมือนกัน อยู่ๆก็มาบอกว่า...” ประกายเพลิงพูด “เอาเถอะ ยังมีเวลาอีกมากที่เราจะได้พิสูจน์ ว่าที่เราพูดคือความจริง ยังไงเราก็คงต้องฝากใจของเราไว้ที่เจ้าก่อนก็แล้วกัน” ชลากรพูด ประกายเพลิงอมยิ้ม และหันหลังกลับจะกลับเข้าตำหนัก “พรุ่งนี้เราจะมาใหม่นะ” ชลากรพูด แววตาบอกว่าไม่ได้หวั่นไหวเลยสักนิด “พูดอะไรของเจ้า” ประกายเพลิงพูดและเดินกลับไป ชลากรสังเกตเห็นว่าธารารักษ์แอบดูอยู่ “เจ้าแอบฟัง” ชลากรพูด “เรา... เราขอโทษ...” ธารารักษ์พูด “ไม่เป็นไรหรอก” ชลากรพูดด้วยแววตาที่อ่อนโยน ผิดจากแววตาก่อนหน้านี้ที่คุยกับประกายเพลิง การกระทำของชลากรเมื่อสักครู่นี้เหมือนไม่ได้ทำออกมาจากใจ “กลางทิวาราตรี เจ้าเร่งมาที่นี่ ก็เรื่องนี้นี่เอง” ธารารักษ์พูด “เรากระวนกระวาย เราทั้งร้อนรุ่ม เพราะกำไลนั่น” ชลากรพูด “ไม่ใช่เพราะประกายเพลิงหรอกเหรอ” ธารารักษ์พูด ชลากรถอนหาย “ตอบไม่ได้... เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชลากรพูด
ที่ตำหนักอีกตำหนัก ของวนาบุรี ยามรุ่งเช้าแล้ว นารีผู้หนึ่งนั่งอยู่หน้ากระจก ท่าทางรักสวยรักงาม “ในที่สุดเราก็ไปถึงถ้ำเถาวัลย์น้ำตกนั่น แล้วเราก็โตเป็นสาวซะที” ฤดีรินทร์พูด นารีอีกคนท่าทางจะเป็นนางรับใช้ของฤดีรินทร์หวีผมเผ้าให้ฤดีรินทร์ตามคำสั่งอยู่ “โอ๊ย... เจ็บนะ วลีเบาๆหน่อยสิ” ฤดีรินทร์พูด “เพคะๆพระธิดา” วลีพูด
ในตำหนักของพสุธาวาท พสุธาวาทยืนกอดอกเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง เกศสิรินทร์รัตน์เดินเข้ามา “เรามาแล้ว จะให้ทำอะไรก็ไปสั่งมา” เกศสิรินทร์รัตน์พูด พสุธาวาทหันไปมอง “ไปแต่งเนื้อแต่งตัวมาใหม่” พสุธาวาทพูด “ทำไม” เกศสิรินทร์รัตน์ “การแต่งกายของเจ้า ดูสูงศักดิ์จนเกินไปเห็นว่าไปเป็นพระธิดาในสุริยะเทพแล้วนี่ ใครจะยกย่องเจ้าก็ยกย่องไป แต่กลับเรา เราไม่มีวันมองเจ้าสูงส่งไปมากกว่านี้” พสุธาวาทพูด “ก็ได้ ชีวิตเราเป็นของพระมเหสี เท่ากับเป็นของเจ้าด้วย” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “เดี๋ยว” พสุธาวาทพูด เกศสิรินทร์รัตน์หยุดเดิน “เวลาพูดกับเรา ให้ใช้คำที่สุภาพหน่อย” พสุธาวาทพูด “เพคะ พระโอรสพสุธาวาท” เกสสิรินทร์รัตน์พูดและเดินออกไป
ตัวอย่างตอนต่อไป
“ลูกมีคนรักอยู่แล้วพระเจ้าข้า” ชลากรตอบพระบิดาเพื่อแก้ปัญหา วรยุภัทรเองอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน “ใครกัน ทำไมเจ้าไม่บอกพ่อ อะไรจะเร็วซะปานนั้นเชียวเหรอชลากร เจ้าพึ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ไม่นาน เจ้าเอาเวลาที่ไหนไปพบเจอ” นาคราชาพูด ชลากรพยายามหาทางออกและตอบพระบิดาออกมาว่า “นางชื่อประกายเพลิง พี่ชายของนางชื่อวาตการณ์ วรยุภัทร เป็นคนรักของวาตการณ์หนะพระเจ้าข้า” ชลากรพูด “ชลากร” วรยุภัทรไม่ค่อยพอใจที่ชลากรพูดแบบนั้น
ความคิดเห็น