คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : การลัดเวลา
ที่วนาบุรี เหล่าทหารวนาบุรีพยายามต้านทหารผีดิบ และ เทพบริวาร ขุนวิชิตเองก็รบอยู่ด้วย ประกายเพลิง และ ธารารักษ์กระโดดลงมาพอดี “ประกายเพลิง ธารารักษ์” วาตการณ์พูด ประกายเพลิงรีบเรียกสังข์ออกมาถือไว้อย่างเหมาะมือในท่าเตรียมพร้อม เช่นกันกับธารารักษ์ก็เรียกคทาออกมา ทุกคนพยายามฟาดฟันทหารผี และ เทพบริวารเพื่อปกป้องวนาบุรี พลังตรีศูลสะท้านฟ้าเหลือเกินเทพบริวารโดนเข้าก็กระจัดกระจายบ้างก็ทนไหวลุกขึ้นมาสู้ต่อ บ้างก็ล้มลงร่างสลายหายไปก็มี พลังแห่งคทาธารเองก็ไม่ยิ่งหย่อน แต่ธารารักษ์ราชธิดาน้อยกลับดูเหมือนไม่อยากใช้ เพียงแค่ใช้คทารับคมดาบเพื่อป้องกันตัว และฟาดบ้างกระแทกบ้างเท่านั้นไม่ได้ใช้พลังมหาศาลนั้นเท่าไหร่ ผิดกันที่กงจักรวาโยของวาตการณ์ เจ้าของยืนเหนือกงจักรและบังคับให้จักรเคลื่อนไปตามที่ใจต้องการ จักรหมุนเคลื่อนลงบาดบั่นเหล่าทหารผีดิบ และ เทพบริวาร วาตการณ์ที่ยืนอยู่บนจักรก็รัวลูกไฟไปด้วย สังข์เพลิงอันร้อนแรงของประกายเพลิงก็แผดแสงทรงอำนาจเจิดจ้าไม่ขาด พลังนั้นเผาผลาญให้เหล่าไพรีพินาศไปได้มาก แต่ผีดิบของนรกานต์ และเทพบริวารของสุริยะเทพมีมากเหลือเกิน ขุนวิชิตได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ทหารหลายคนล้มตายกันไปมาก “ขุนวิชิต หนีไปก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้” ธารารักษ์พูด “ไม่ต้องห่วงวนาบุรีหรอก ขอจงเชื่อมั่นในเราทั้งสี่ ฝากวนาบุรีไว้ที่พวกเราเถอะ” วาตการณ์พูด “รีบไปเถอะขุนวิชิต วนาบุรีฝากไว้กับพวกเรา พวกเราสัญญาถึงแตกพ่ายก็ต้องกู้คืน” ประกายเพลิงพูด “พระเจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อมั่นในพระบุญญาธิการ เชื่อมั่นพระมหาศัสตราคู่พระวรองค์ ข้าพระองค์ของทูลลา แม้นวนาบุรีแตกพ่ายไป หากแต่มีโอกาส ข้าพระองค์จะขอร่วมทัพกู้คืนฟื้นฟูพระนครด้วย” ขุนวิชิตพูดและลากสังขารบาดเจ็บของตนเข้าป่าไป
ในป่า ชลากรนำทางชาววนาบุรีที่หนีมาไป แต่ก็ยังมิวายถูกโจมตีด้วยลูกไฟ วลีวิ่งมาก้มลงกราบเหนือหัววนาวุฒิ และ พระมเหสีมาลีรินทร์ “จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม องค์เหนือหัว และพระมเหสีควรจะเสด็จหนีไปก่อนนะเพคะ พระโอรสชลากร พระองค์ทรงรับคำกับพระธิดาประกายเพลิงแล้ว พาพระบิดา พระมารดาของพระธิดาหนีไปก่อนทีเถอะนะเพคะ” วลีพูด “นี่วลี เจ้าพูดอะไรออกมา แล้วเรากับเสด็จแม่หละ” ฤดีรินทร์พูด ไม่มีใครตอบคำถามของฤดีรินทร์ “ชลากร ลุงของให้เจ้าพามาลีรินทร์หนีไปกับฤดีรินทร์ได้ไหม” เหนือหัววนาวุฒิพูด “เสด็จพ่อ แล้วเสด็จแม่ลูกหละเพคะ” ฤดีรินทร์พูด “ไม่ทันแล้วพระเจ้าข้า เสด็จอาเสด็จหนีก่อนเถอะนะพระเจ้าข้า” ชลากรพูดและพามาลีรินทร์หนีไปให้เร็วที่สุด จนไม่มีสามารถตามไปได้ทัน มีแสงๆหนึ่ง เป็นแสงสุริยะ โบกสะบัดพัดนำเอาตัวองค์วนาวุฒิไป “องค์เหนือหัว” คุณท้าวมิ่งขวัญพูด ลูกไฟนั้นก็หยุดโจมตี พวกนางกำนัลที่ตามมาก็ไม่รอดไปหลายคน วิฤดี กับ ฤดีรินทร์ยังรอด แต่ก็หนีหายไปในป่า คุณท้าวสินีเองยังไม่รอดเลย คุณท้าวมิ่งขวัญพยายามกอดวลีไว้ไม่ให้ตกใจเหมือนปลอบขวัญกันเอง
ที่วนาบุรี ท่าทางจะไม่ค่อยดี สุริยะเทพ และ นรกานต์เป็นต่ออยู่มาก ทั้งสุริยะเทพ อาทิตยกร และ นรกานต์ต่างก็ไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลยแม้แต่นิด ตรงกันข้ามกับเด็กทั้งสี่คน “เหล่าพยุหโยธาทั้งหลายจงฟังเรา ศัตรูที่เห็นอยู่ตรงหน้านั่นไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าเรานักหรอก พวกมันเป็นเพียงผีดิบที่อวดอ้างฤทธี พวกมันก็แค่เศษซากศพเน่าๆเท่านั้น หากแต่พวกเจ้ากลัวมัน จักเอาชัยมาให้วนาบุรีได้อย่างไร” คำพูดคำจาของเด็กผู้ชายฟังดูแล้วเหมือนผู้ใหญ่ ช่างฉลาดพูดเหลือเกินพสุธาวาท “พยุหโยธาทั้งหลาย เทพเหล่านั้นอีกก็เช่นกัน พวกเค้าเป็นเพียงเทพอันธพาล รังแกมนุษย์ ใยจึงต้องเกรงกลัวเทพไร้สมองเหล่านี้ด้วยหละ” วาตการณ์พูดอีกคน “เดี๋ยวก็โดนดีหรอก พสุธาวาท กับ วาตการณ์นี่” ธารารักษ์พูด “ไม่หรอก เราว่าเรารู้นะว่าพวกนั้นต้องการทำอะไร เราว่าเราเองด้วยอีกคนดีกว่า” ประกายเพลิงพูดกันจะหันไปมองศัตรู “พวกเจ้าช่างสิ้นคิด ไร้ฝีมือจนกระทั่งต้องมารบกับเด็ก รบกับมนุษย์ธรรมดาเชียวเหรอ หน้าอย่างพวกเจ้า ก็ทำได้แค่นี้แหละ คิดเหรอ ว่าพวกเราจะหวั่นเกรงพวกเจ้า พยุหโยธา ผู้พักดีต่อวนาบุรี ผู้พักดีต่อเราทั้งสี่ ผู้พักดีต่อเสด็จพ่อวนาวุฒิพวกเจ้าจงส่งเสียงเรียกขวัญกำลังใจตัวเองหน่อยซิ” ประกายเพลิงแม้จะเป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็พูดเสียงดังฟังชัดถนัดคำ เหล่าพลรบของวนาบุรีดูมีกำลังใจ ฮึกเหิมขึ้นมากพร้อมที่จะขับไล่ศัตรู โกรธจัดสุริยะเทพ และ นรกานต์บุกเข้ามาไม่ได้คิดไม่ได้วางแผนตามการรบ “บดขยี้พวกมัน” นรกานต์สั่งพลรบผีดิบ เกิดปะทะกันดุเดือด ทหารวนาบุรี แม้ด้อยกว่ามาก แต่ก็ต้านไว้ได้ พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่ใช้พลังวิเศษจากจตุรศัสตราพร้อมกัน มหาอำนาจยิ่งใหญ่เมื่อจตุรธาตุรวมตัวกัน เกิดแสงพราวพร่างสว่างจากฟ้ามืดหม่อมเจิดจ้าเหลือเกิน พลรบผีของนรกานต์พ่ายแพ้ต่อแสงสว่างสลายไป ส่วนเหล่าเทพบริวารต้องถอยทัพนรกานต์ยังไม่เป็นอะไรหรอก จะเข้าไปสู้ต่อแต่สุริยะเทพดึงไว้ให้กลับไป
เหล่าทหารวนาบุรีต่างดีใจ พระโอรส และ พระธิดาน้อยทั้งสี่ยิ้มอย่างสุขใจ ดีใจกันอยู่ได้ไม่ถึงชั่วยาม ก็มีพลังสุริยะ ทั้งร้อนแรง ทั้งแผดเผาโจมตีมาอย่างกะทันหัน สลับกันกับพลังโหดร้ายน่ากลัวสาดเข้ามาเรื่อยๆ ทหารไม่ทันได้ตั้งตัวก็สิ้นไป พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่พลาดโดนพลังเหล่านั้นบ้าง เด็กทั้งสี่ได้รับบาดเจ็บ เสียงหัวเราะน่าเกลียดน่าชังดังแว่วๆมา “เด็กอย่างพวกเจ้า เอาชนะผู้ใหญ่อย่างพวกเราไม่ได้หรอก” นี่เป็นเสียงของนรกานต์ สุริยะเทพ และ อาทิตยกร รวมทั้งนรกานต์กระโดดลงมาทรงตัวบนพื้น “กริชพิคาต” เสียงของเด็กผู้ชายนามอาทิตยกรเรียกอาวุธออกมา กริชมาปรากฏบนมือ อาทิตย์กรสาดแสงพลังของกริชใส่จตุรธาตุทั้งสี่ เด็กทั้งสี่พยายามหลบและวิ่งหนีเข้าป่าไป เด็กทั้งยังเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันไม่แยกทางกันไปไหน เด็กทั้งสี่ตะเกียกตะกายหนีไปทั้งที่บาดเจ็บอยู่ ธารารักษ์วิ่งตามมาเป็นคนสุดท้ายล้มลง ประกายเพลิงก็หันมาหา “ธารารักษ์” ประกายเพลิงร้องเรียก อาทิตยกรกระโดดลงมา ประกายเพลิงมีสีหน้าตกใจนิดหน่อย อาทิตยกรมุ่งธารารักษ์เป็นเป้าหมายแรกเพราะธารารักษ์ล้มอยู่แล้วด้วย อาทิตยกรจะใช้กริชแทงธารารักษ์ ธารารักษ์กลิ้งหลบ ประกายเพลิงส่งมือให้ธารารักษ์จับมือพี่น้องไว้แลดึงตัวเองขึ้นประกายเพลิงผลักธารารักษ์ให้ล่วงหน้าไป พลังของตนจะไม่มีอยู่แล้วยังอวดเก่ง ปล่อยพลังเพลิงพิคาตออกมาจากฝ่ามือ “เพลิงพิคาต” ประกายเพลิงพูด หลังจากปล่อยพลังไปแล้วพอบังตาอาทิตยกรได้สักระยะ ประกายเพลิงเซๆไปนิดหน่อยกระอักเลือดออกมาด้วย แต่ก็ยังพยายามลุกหนีไปต่อ
ขณะเดียวกันมาลีรินทร์นั่งอยู่บนก้อนหินศิลา “เสด็จอารอตรงนี้นะพระเจ้าข้า หลานจะไปหาผลไม้มาให้” ชลากรพูด “ขอบใจมากนะชลากร” มาลีรินทร์พูด “ไม่เป็นไรหรอกพระเจ้าข้า” ชลากรพูด และเดินออกไป มาลีรินทร์นั่งพักได้สักครู่ก็มีลูกไฟโจมตีมา มาลีรินทร์โชคดีที่หลบทัน มาลีรินทร์รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีลูกไฟไป
พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่ต่างก็อ่อนเพลีย พสุธาวาทคิดขึ้นมาได้ “พวกเราไปหาท่านตากันดีไหม ท่านตาอาจช่วยพวกเราได้” พสุธาวาทพูด “อืม... ใช่ท่านตาต้องช่วยได้แน่ๆ” ธารารักษ์พูด เด็กทั้งสี่จึงรีบประคองกันลุกและมุ่งหน้าสู่อาศรมของพระฤๅษี
ณ อาศรมของพระฤๅษี เด็กทั้งสี่แห่งจตุรธาตุกระโดดลงมาแลก็เซล้มลง “ท่านตาเจ้าขา นี่ใช้ไหมเจ้าคะหน้าที่ของพวกเรา” ธารารักษ์พูด “ใช่ ว่าไงหละพระธิดาประกายเพลิง อยากเจอกับหน้าที่เร็วๆ พระธิดาก็เจอแล้ว เห็นรึยัง ตาบอกแล้วว่าไม่ทันตั้งตัว” ท่านฤๅษีพูด “แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีขอรับ” พสุธาวาทพูด “ศัตรูที่พระโอรสกำลังต่อสู้เป็นผู้ใหญ่ พระโอรสและพระธิดาเป็นเด็ก” ท่านฤๅษีพูด “รู้แล้วเจ้าค่ะ แต่ท่านตาจะให้พวกเราทำยังไง กว่าพวกเราจะโตก็คงอีกหลายปีอีกนานเลยนะเจ้าคะ” ธารารักษ์พูด “มีวิธีลัด พระโอรสและพระธิดาเดินทางไปยังถ้ำเถาวัลย์น้ำตก ในถ้ำนั้นมีน้ำตกอมฤทธิ์ กระโดดลงไปชุบตัว จะช่วยเพิ่มอายุได้ แปดปี ซึ่งพระโอรส และ พระธิดาก็คงโตเป็นผู้ใหญ่พอดี” ท่านฤๅษีพูด “แล้วเราจะเดินทางไปทางไหนหละขอรับ ศัตรูก็ไล่หลังมา” วาตการณ์พูด “ทางอุตรทิศ มุ่งไปเถิด” ท่านฤๅษีพูด เด็กทั้งสี่ก้มลงกราบท่านฤๅษีและกระโดดขึ้นเหาะมุ่งหน้าไปทางอุตรทิศตามที่ท่านฤๅษีว่า
กินรีนครา เกิดเหตุการณ์ฉุกละหุก นาคินทร์บุกรุกรานจะยึดเมืองกินรีให้ได้ องค์วรยุทธ์กษัตริย์ผลักตัวธิดากินรีองค์น้อยให้หนีไป “หนีวรยุภัทร หนีไปเถอะลูกไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่” วรยุทธ์พูด “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จไปกับลูกเถอะนะเพคะ วรยุภัทรคนนี้ไปคนเดียวไม่ได้หรอกเพคะ” วรยุภัทรพูด “ต้องได้สิลูก เจ้าห่วงแม่ กับ พ่อ แต่แม่กับพ่อก็ห่วงเจ้ามากเป็นร้อยเท่า” ศกุนนาพูด “เสด็จแม่ เสด็จพ่อ” วรยุภัทรพูด “ไม่มีเวลาแล้วรีบไปเถอะลูก พ่อจำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู่กับเหล่านาคินทร์ พ่อต้องปกป้องเมืองกินรีด้วยชีวิตของพ่อ” วรยุทธ์พูด “แล้วทำไมเสด็จพ่อไม่ปกป้องชีวิตพระองค์เองหละเพคะ” เสียงสั่นเครือของเด็กน้อยน่าสงสารเหลือเกิน “สายเลือดกษัตริย์ พ่อเคยบอกเจ้าแล้วใช่ไหม กษัตริย์ขัตติยะต้องเสียสละ พ่อยอมตาย แต่พ่อยอมให้ลูกของพ่อเป็นอะไรไปไม่ได้ วรยุภัทรหากพ่อพ่ายแพ้ สักวันเจ้าต้องกลับมาที่นี่ เจ้าต้องเอาเมืองกินรีคืนมาให้ได้ พ่อรู้และมั่นใจว่าเจ้าทำได้” วรยุทธ์พูด “เสด็จพ่อ” วรยุภัทรมองพระบิดาน้ำตาคลอและค่อยๆบินออกไป บินไปก็ร้องไห้ไป นึกถึงคำที่พระบิดารับสั่งก่อนที่จะหนีมา “สายเลือดกษัตริย์ พ่อเคยบอกเจ้าแล้วใช่ไหม กษัตริย์ขัตติยะต้องเสียสละ พ่อยอมตาย แต่พ่อยอมให้ลูกของพ่อเป็นอะไรไปไม่ได้ วรยุภัทรหากพ่อพ่ายแพ้ สักวันเจ้าต้องกลับมาที่นี่ เจ้าต้องเอาเมืองกินรีคืนมาให้ได้ พ่อรู้และมั่นใจว่าเจ้าทำได้” เสียงนี้ดังขึ้นในใจ “คำนั้นคือพระประสงค์ คำนั้นคือพระบัญชา คำนั้นคือสิ่งที่ลูกต้องกลับมาทำ ลูกของตั้งสัตย์ปฏิญาณก่อนที่จะออกจากเขตแดนกินรี ลูกต้องกลับมาที่นี่ ลูกต้องกู้มหานครนี้กลับมาร่มเย็นดังเดิมให้ได้ ดังที่เสด็จพ่อทรงรับสั่งกับลูก” เด็กผู้หญิงคนเดียว เป็นนางกินรีน้อยที่ต้องบินล่องลอยกลางเวหาอย่างโดดเดี่ยว แต่กลับพูดจาอย่างเด็ดเดี่ยว นี่แหละ ความหวังของผองกินรี
ตัวอย่างตอนต่อไป
ทั้งสี่พี่น้องหันมองหน้ากัน ยังคิดไม่ตกว่าสระนี้จะใช่สระที่ท่านฤๅษีว่าหรือไม่ “เอายังไงหละ” ประกายเพลิงพูด “ก็ต้องลองดูสิ” พสุธาวาทพูด เด็กทั้งสี่ก้าวเข้ามาใกล้ๆบ่อนั้นยิ่งขึ้น แล้วก็มีอันต้องถูกขัดจังหวะ อาทิตยกรกับกริชคู่กายตามมาถึงนั่นพอดี “อาทิตยกร” เด็กทั้งสี่พูดเป็นเสียงเดียวกัน
สระนั้นแผดแสงเจิดจ้า เจิดจ้าเหลือเกินยิ่งกว่าตอนที่อาทิตยกรกระโดดลงไป สระนั้นเปลี่ยนร่างเด็กทั้งสี่คน ให้โตเป็นหนุ่มเป็นสาว กระโดดขึ้นมา พสุธาวาท... กระโดดขึ้นมาเป็นคนแรกยิ้มๆนัยน์ตาดูมีพลังมากมายเหลือเกิน ตามมาด้วยราชนารีแสนอ่อนโยน... ธารารักษ์ ต่อด้วยโอรสผู้กร้าวกล้า... วาตการณ์ และสุดท้ายธิดาราชผู้รุ่มร้อนในทุกเรื่อง... ประกายเพลิง ทั้งสี่มองหน้ากันแล้วยิ้มหันไปมองคู่ต่อสู้
ความคิดเห็น