คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : อดีตของแม่
บุษบาท้าไฟ
ตอน อดีตของแม่
โดย ฟ้ารดา
3
ในอดีตใบบัวคือบุตรสาวของมหาเศรษฐีผู้เป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในสังคมชั้นสูง ฐานะร่ำรวย มีเงินทองมากมายจากการเก็บค่าเช่าที่ดินซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เธอมีพ่อ แม่ และพี่ชาย เป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น
นอกจากความร่ำรวยแล้ว ตระกูลของใบบัวคือผู้ดีเก่า ใครๆ ก็อยากเข้ามาทำความรู้จักโดยเฉพาะผู้ชาย ทั้งหนุ่มโสดและพ่อหม้ายต่างแวะเวียนเข้ามาหา แต่ ฉกาจ รัตนวิบูลย์จิตรไม่ยอมเปิดไฟเขียวให้ผู้ชายคนไหนได้ใกล้ชิดกับบุตรสาวด้วยเหตุผลที่ว่าหากยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ห้ามมีความรักเด็ดขาด ซึ่งเธอก็ทำตัวเป็นลูกที่ดีมาโดยตลอด
พ่อ แม่ และพี่ชายต่างชื่นชมในการวางตัวของใบบัว และเชื่อมั่นว่าเธอไม่มีทางเหลวไหล จึงไม่เคยห้ามเมื่อเธอขอออกไปข้างนอกกับลินดาซึ่งเป็นเพื่อนสนิท
ลินดาเป็นสาวเปรี้ยว ชอบเที่ยวกลางคืน โดยเฉพาะร้านอาหารกึ่งผับที่มีนักร้องผู้ชายหน้าตาดี และมักจะนำมาเล่าให้ใบบัวฟังเสมอ
"เมื่อคืนฉันสนุกมาก"
ลินดาทำตาหวานเยิ้ม เอนร่างอวบขาวกับพนักเก้าอี้ลายเถาวัลย์ซึ่งตั้งอยู่ในสวนด้านข้างของบ้านหลังใหญ่ ท่าทางของหญิงสาวเรียกความสนใจจากเจ้าของบ้านคนสวยให้จับจ้องที่ใบหน้าลินดาตลอดเวลา
"เมื่อวานเป็นวันศุกร์ กลับจากมหาวิทยาลัยแล้วเธอไปเที่ยวต่อเลยหรือ"
"บ้าสิ ใครจะออกแต่วันยะ กินข้าว อาบน้ำ นอนเอาแรงก่อนสิ สักสามทุ่มค่อยออกไปฟังเพลงที่กรีนบาร์ พูดไปเธอก็คงไม่รู้จักหรอก กรีนบาร์เป็นร้านอาหารกึ่งผับ อยู่ในโรงแรมแถวสุขุมวิท"
"เธอไปคนเดียวหรือ" ใบบัวทำตาโต หน้าแปลกใจกับคำบอกเล่าของเพื่อนสาวนักเที่ยว
"ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเรา เราเที่ยวคนเดียวบ่อยไป"'
“เธอไม่กลัวหรือ อันตรายนะ โดยเฉพาะสาวสวยอย่างเธอ ถ้าเกิดเจอคนไม่ดีล่ะ”
“เราเที่ยวตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ที่อีกไม่กี่วันก็จบแล้ว ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มีแต่เธอนั่นแหละที่ไม่ยอมเที่ยวกลางคืน ชอปปิงแค่ตอนกลางวัน มันจะสนุกอะไร”
ลินดากล่าวอย่างผู้ชำนาญการเที่ยวกลางคืน ไม่มีท่าทีเกรงกลัวอันตรายใดๆ ด้วยความเป็นสาวมั่นที่ทั้งกล้า และฉลาด จึงมั่นใจว่าไม่มีวันเสียทีให้แก่พวกจิ้งจอกสังคม
“เราก็อยากเที่ยวกลางคืนเหมือนกันนะ แต่เกรงใจพ่อ แม่ แล้วก็พี่บุรินทร์ ถ้าเป็นกลางวันคงไม่มีใครห้าม”
“เพราะอย่างนี้ไง ชีวิตเธอถึงแห้งเฉา แทนที่จะสดใสสมวัย อนาคตเธอก็คงไม่แคล้วเป็นภรรยาของพวกเศรษฐีทั้งหลายที่พ่อแม่หาให้ แล้วก็เป็นแม่บ้าน ปรนนิบัติลูก ผัว ไม่ได้สัมผัสชีวิตวัยรุ่นอย่างเต็มที่ และไม่มีวันได้เที่ยวกลางคืน ดูแสงสีเหมือนคนอื่นเขา”
“เรากลัวทางบ้านเป็นห่วง”
“ไปกับเรากลัวอะไร นี่จะบอกอะไรให้นะ ที่กรีนบาร์น่ะนอกจากบรรยากาศดี อาหารอร่อยแล้ว ดนตรีก็เพราะ มีแต่เพลงที่เธอชอบทั้งนั้นเลย บางเพลงมันมาก เราลุกขึ้นเต้นปลดปล่อยเต็มที่ คนที่นั่งโต๊ะข้างๆ มองตาค้างเลย ที่สำคัญนักร้องหล่อมาก คืนนี้เราจะไปอีก เธอไปด้วยกันนะ เราจะบอกพ่อ แม่ พี่ชายของเธอว่าไปงานวันเกิดเราดีไหม”
ใบบัวสะดุ้งกับคำชักชวนของเพื่อนสนิท ถึงแม้เธอจะอยากไปแต่มันก็เร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน จึงได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ลินดาจ้องตา ลากเสียงยาวจนหญิงสาวรู้สึกขนลุก
“เราจะต้องพาเธอไปให้ได้”
“อย่าพยายามเลย”
“เชื่อมือเราสิ เธอได้ไปแน่นอน”
“ไปไหนกันจ๊ะสาวๆ” เสียงสดใสดังขึ้น สองสาวหันไปมองพร้อมกัน เห็นบุรินทร์ซึ่งอยู่ในวัยฉกรรจ์ ใบหน้าหล่อคม เดินตรงเข้ามา ส่งยิ้มให้ และยกมือขยี้ผมนุ่มดกดำของเธออย่างเอ็นดู
“พี่บุรินทร์ ยังไม่ไปทำงานอีกหรือคะ”
งานที่ใบบัวกล่าวถึงคือการตามเก็บค่าเช่าที่ดินซึ่งกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ ลักษณะการเช่าก็แตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่รายเดือน รายปี ไปจนถึงระยะยาวนับสิบปี
“อีกครึ่งชั่วโมงจะเข้าสำนักงาน วันเสาร์ทำแค่ครึ่งวันเท่านั้นจ้ะ เอ เมื่อครู่พี่ได้ยินลินดาพูดว่าจะไป จะไปไหนกันหรือครับ” บุรินทร์ถามเพื่อนน้องสาวที่ยิ้มหวาน ไม่มีท่าทีตระหนกหรือแสดงพิรุธแต่อย่างใด ผิดกับใบบัวที่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาพี่ชาย รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
“คืออย่างนี้ค่ะพี่บุรินทร์ขา คืนนี้ลินดาจะจัดงานวันเกิดค่ะ ก็เลยมาชวนใบบัวไปด้วย”
“อะไรนะ วันเกิดหรือ พี่จำได้ว่าลินดาเกิดปลายปีไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...เกิดการผิดพลาดน่ะค่ะ คือลินดาคลอดต่างจังหวัด พ่อแจ้งเกิดล่าช้าค่ะ วันนี้คือวันเกิดจริงๆ ของลินดา ส่วนปลายปีเป็นวันเกิดตามบัตรประชาชน”
ลินดาแก้ตัวแบบไหลลื่น ขณะที่ใบบัวใจหายใจคว่ำ กลัวเพื่อนจะแถไม่รอด พอเห็นบุรินทร์ยิ้มออกมา หญิงสาวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“งั้นหรือ จัดกลางคืนอย่างนี้เพื่อนๆ จะสะดวกหรือ โดยเฉพาะผู้หญิง อันตรายมากเลยนะ”
“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ จัดกันภายในกลุ่ม ไม่กี่คนเอง ลินดาจะขออนุญาตผู้ปกครองของเพื่อนๆ ให้ทุกคนมานอนที่บ้านค่ะ พี่บุรินทร์ห้ามปฏิเสธนะคะ บ้านของลินดาพี่ก็รู้จักนี่”
ลินดาคล่องไปหมดทุกอย่าง ทั้งคำพูด สายตา ท่าทาง ใบบัวตามไม่ทัน ได้แต่มองตาปริบๆ ส่วนบุรินทร์ปฏิเสธไม่ออกเมื่อลินดามัดมือชกขนาดนี้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องให้พ่อแม่เป็นผู้ตัดสินใจอยู่ดี
“พี่จะว่าอะไรได้ล่ะ ในเมื่อเราจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ซะขนาดนี้ แต่ก็ต้องขออนุญาตพ่อกับแม่ก่อน แล้วเราล่ะใบบัว อยากไปไหม”
“เอ่อ...ใบบัว...” ใบบัวสะดุ้งโหยง ตอบอึกอัก จนคนเป็นพี่หัวเราะออกมาเบาๆ
“เรานี่ใจลอยไปถึงไหน พี่ถามแค่เบาๆ สะดุ้งสุดตัวเลย ว่าไง เราอยากไปไหม”
“ค่ะ อยากไปพบเพื่อนๆ อีกไม่นานก็จะเรียนจบกันแล้ว คงไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีก พี่บุรินทร์ช่วยใบบัวขออนุญาตพ่อกับแม่หน่อยนะคะ”
หญิงสาวลุกขึ้น กอดแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอแสดงอากัปกิริยาเช่นนี้ ลินดาแอบสบตาแล้วยกนิ้วให้
หนุ่มสาวทั้งสามเข้ามาในห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ทางปีกซ้ายของบ้านหลังใหญ่ เสียงเพลงลูกกรุงจากนักร้องชายยอดนิยมดังขึ้นจากเครื่องเสียงชั้นดี ลินดาเคยมาที่บ้านหลังนี้หลายครั้ง รับรู้ถึงรสนิยมของผู้เป็นประมุขของบ้านจากสไตล์การตกแต่งที่หรูหราแบบตะวันตก ตั้งแต่ผ้าม่านและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่เป็นลายหลุยส์ ไปจนถึงแก้วกาแฟสีขาวพร้อมจานรองที่เพ้นต์ลายดอกกุหลาบขอบทอง
ฉกาจกับชูจิตนั่งใกล้ๆ กันบนโซฟาตัวยาวที่ตั้งชิดติดผนัง ทั้งสองกำลังดื่มด่ำกับเสียงเพลงและกาแฟหอมกรุ่น
“พ่อครับ แม่ครับ คือว่า” บุรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ ฉกาจหันมองหนุ่มสาวทั้งสามแล้ววางถ้วยกาแฟลงบนจานรอง ก่อนจะยิ้มอย่างใจดี ชูจิตก็เช่นกัน
“มีอะไร ท่าทางแปลกๆ นั่งก่อนสิ” ประมุขของบ้านผายมือไปที่โซฟา ทุกคนจึงพากันนั่งลงด้วยความเรียบร้อย
“ว่าไงใบบัว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ชูจิตถามบุตรสาวคนเล็กซึ่งบัดนี้กำลังลุ้นว่าจะได้ออกไปเที่ยวกับลินดาหรือไม่
“ผมขอพูดแทนน้องแล้วกันครับ ใบบัวมาขออนุญาตไปงานวันเกิดของลินดาครับ น้องจะนอนค้างที่บ้านลินดาด้วย พรุ่งนี้ถึงจะกลับ” บุรินทร์พูดรวดเดียวเพื่อให้รู้ผลไปเลยว่าผู้ให้กำเนิดทั้งสองจะว่าอย่างไร ฉกาจมองมาที่ใบบัว แววตากังวลตามประสาพ่อที่รักและห่วงลูกมาก
“ค้างคืนด้วยหรือ”
“ค่ะพ่อ จัดที่บ้านของลินดา ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอันตรายนะคะ ไม่มีผู้ชายไปในงานนี้หรอกค่ะ”
ลินดาพยายามหาทางพาใบบัวออกไปเที่ยวกลางคืนให้ได้ เธอพูดแต่เรื่องดีๆ โดยหวังว่าบุรินทร์จะอนุญาต
“คุณคะ ลินดาก็เพื่อนสนิทของใบบัว นานทีปีหนถึงจะจัดงานแบบนี้ จัดที่บ้านด้วย ผู้ชายก็ไม่มี”
“คุณชูจิต คุณพูดอย่างนี้คงอยากให้ลูกไปใช่ไหม” ท่าทางฉกาจไม่ชอบใจเท่าใดนักที่จะให้ลูกสาวออกนอกบ้านในเวลากลางคืน แม้ว่าจะมีแต่ผู้หญิงก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ค่ะ ลูกไม่เคยออกไปเที่ยวที่ไหนเลย ค่ำก็เข้านอน เหมือนกบอยู่แต่ในกะลา เดี๋ยวจะไม่ทันคนนะคะ”
“ถ้าอยู่ในสายตาของเราตลอดก็ไม่ถูกหลอกหรอกน่า”
ท่าทางฉกาจจะไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ ใบบัวหน้าเสีย ลินดาหันไปขอความเห็นใจจากบุรินทร์ ซึ่งรับรู้ถึงความต้องการของคนวัยนี้เป็นอย่างดี
“แต่เราจะกักขังลูกให้อยู่แต่ในบ้านไม่ได้นะคะ อนาคตเรียนจบก็ต้องพบปะผู้คนมากมาย ถ้าลูกพลาดพลั้งเสียท่า เรานั่นแหละที่จะเสียใจที่สุด”
ผู้เป็นมารดายังคงสนับสนุนให้ลูกสาวออกไปเผชิญโลกกว้าง
“ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้ ผมหรือจะขัดได้ ถ้าอย่างนั้นพ่ออนุญาต”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
สองสาวรีบยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณพร้อมกัน
เพียงก้าวแรกที่เข้ามาในกรีนบาร์ ใบบัวตื่นตาตื่นใจกับความแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนหลุดมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
ภายในเป็นห้องขนาดใหญ่ เปิดไฟแค่เพียงสลัวๆ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นมากอดอกเอาไว้เพราะชุดที่ใส่เป็นเดรสรัดรูปสีดำ สั้นเหนือเข่า จึงไม่ช่วยให้อบอุ่นได้เลย เธอเดินช้าๆ บนรองเท้าส้นสูงขนาด 3 นิ้ว ซึ่งเป็นอภินันทนาการจากลินดา
ลินดาก้าวฉับๆ เข้าไปนั่งที่โต๊ะใกล้กับเวทีทรงกลม เสียงกลอง กีตาร์ เบส คีย์บอร์ดยังคงรัวเร็ว ขึ้นอินโทรเพลงดิสโกชื่อดังแห่งยุค ความสนุกเริ่มต้นขึ้นทันที ใบบัวรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระเด็นหลุดออกมานอกอก
“เธอชอบเพลงนี้ใช่ไหมล่ะ เราเคยเปิดในวันรับน้อง เต้นกันสะบัดเลย”
ลินดาตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม
“ใช่ เพลงดิสโก เราชอบ สนุกมาก”
“งั้นก็เตรียมสะบัดแข้ง สะบัดขาได้เลย ไม่ต้องห่วงสวย เดี๋ยวนักร้องก็จะออกมาแล้ว”
“เครื่องดื่มกับอาหารล่ะ เรายังไม่ได้สั่งเลยนะ”
ใบบัวเป็นกังวลเรื่องเครื่องดื่มกับอาหารเบาๆ สำหรับค่ำคืนอันสุขสันต์ ซึ่งเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับเธอ
“เราบอกเด็กเสิร์ฟแล้วว่าเหมือนเดิม นั่นไง นักร้องที่เราบอกเธอ ร้องเพลงเก่งเหมือนต้นฉบับเลย เต้นก็เก่งมากด้วย วู้ คุณสงคราม”
เสียงกรี๊ดจากนักท่องราตรีดังขึ้นเมื่อนักร้องหนุ่มรูปหล่อออกมาจากด้านหลังเวที โดยร้องเพลงดิสโกพร้อมกับเต้นตาม สเต็ปอย่างพลิ้วไหว ใบบัวอ้าปากค้าง อึ้งกับเสียงร้องที่เหมือนต้นฉบับซึ่งเป็นนักร้องผิวสี เธอจ้องใบหน้าไร้ที่ติ ดวงตาดำคมวาว คิ้วเข้ม จมูกโด่ง และริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงนั้นไม่วางตา เรือนร่างสูงกำยำซ่อนอยู่ในเสื้อแขนยาวรัดรูปสีน้ำเงินมันวาว แกะกระดุมออกโชว์แผ่นอกกว้างที่เต็มไปด้วยขน ดูเซ็กซี่ เขายัดชายเสื้อลงไปในกางเกงขายาวสีขาว ปลายบานเล็กน้อย ใบบัวเพลิดเพลินกับการมองเขาโลดแล่นไปตามจังหวะเพลง
สงครามทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งหมุนตัว และเล่นกับคนดูตลอดทั้งเพลง จังหวะหนึ่งเขายื่นไมโครโฟนมาที่โต๊ะของใบบัว ให้ร้องเพลงต่อ แต่เธอตกใจนั่งนิ่ง ลินดาจึงส่งเสียงร้องต่อไปได้ท่อนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงกรี๊ด และเสียงปรบมือจากนักเที่ยว และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น สงครามลงมาจากเวทีแล้วโอบเอวใบบัว พาขึ้นไปบนเวที เขาขยับขาเต้นตามจังหวะเพลงไปด้วย
เสียงกรี๊ดดังกว่าเดิม ใบบัวยังคงยืนงง ทำอะไรไม่ถูก ทั้งตกใจและตื่นเต้นระคนกัน คิดไม่ถึงว่านักร้องรูปหล่อจะกล้าทำถึงขนาดนี้
“เต้นเลยครับ”
เขาหมุนตัวมาบังเธอเอาไว้แล้วกระซิบที่ข้างหู ปลายจมูกโด่งของเขาจรดที่ข้างแก้ม สัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวของลมหายใจ
“ฉัน ฉันเต้นไม่เป็น ว้าย”
หญิงสาวร้องเมื่อเขาจับมือให้เธอหมุนตัว เสียงดนตรียังคงดังกระหึ่ม เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วไม่มีอะไรจะต้องอายอีกต่อไป ใบบัวทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะดึงไปทางไหนหรือให้ทำอะไรกระทั่งเพลงจบ
“ขอบคุณครับ”
สงครามกระซิบเบาๆ ขณะพาเธอมายืนอยู่หน้าเวที เสียงปรบมือดังขึ้นอีก หญิงสาวเห็นลินดาลุกขึ้นยืน ชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้ ก่อนจะนั่งลงตามเดิม
“ขอบคุณคุณผู้หญิงผู้น่ารัก ที่ให้เกียรติขึ้นมาร่วมสนุกกันในค่ำคืนนี้ ขอเสียงปรบมือให้เธออีกครั้งครับ”
หลังจากสงครามพูดจบเสียงปรบมือก็ดังตามมาติดๆ ใบบัวยิ้มอย่างอึ้งๆ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสงครามพาลงมาส่งที่โต๊ะตั้งแต่เมื่อใด
ช่วงเวลานั้นเหมือนความฝันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงเพลงใหม่กับนักร้องคนใหม่ดังขึ้น แต่สงครามยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะของเธอ
“คุณสงครามเก่งมากที่พายายแม่ชีขึ้นไปเต้นบนเวทีได้”
ลินดาพูดกลั้วหัวเราะ ท่าทางสนุกเต็มที่ ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“มาเที่ยวก็ต้องสนุกให้เต็มที่ครับ ขอโทษครับ ชื่ออะไรกันบ้าง ผมจะได้เรียกถูก ส่วนผมพวกคุณคงรู้แล้วว่าชื่อสงคราม ร้องเพลงอยู่ที่นี่”
ชายหนุ่มหลอกถามชื่อของสองสาวอย่างแนบเนียน และยังคงมองใบบัวตลอดเวลาจนหน้าหญิงสาวร้อนผ่าว กลั้นลมหายใจเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้มาก่อน เขาเป็นคนแรกที่สัมผัสแก้มและถูกเนื้อต้องตัว
“ฉันลินดา แล้วนี่ยายใบบัว คงรู้จักนามสกุลรัตนวิบูลย์จิตนะคะ ออกจะดัง”
“โอ พวกเศรษฐีผู้ดีเก่า ใครๆ ก็รู้จัก” สงครามทำตาโตเมื่อรู้นามสกุลของใบบัว ที่ขณะนี้แก้เขินด้วยการยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม แต่กลับทำหน้าเหยเก สงครามมองด้วยความเอ็นดู รู้ทันทีว่าเธอไม่เคยดื่มมาก่อน
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณร้องเพลงเก่ง เต้นสนุกค่ะ” หญิงสาวชมเขาบ้าง สงครามจดจ้องเธอ แสดงออกถึงความพึงพอใจอย่างชัดเจน ลินดาไหวไหล่ไม่ใส่ใจเพราะเธอหมายตานักร้องคนใหม่ ที่หน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่เหมือนพระเอกภาพยนตร์ต่างประเทศ
“ขอบคุณครับ ผมร้องได้ทุกเพลง ทั้งไทย ทั้งสากล เมื่อครู่เป็นเพลงดิสโก ผสมกันระหว่างพังก์กับโซล สนุกใช่ไหมครับ”
“ค่ะ สนุก ขอบคุณค่ะ ฉันขอเลี้ยงไวน์คุณนะคะ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ใบบัวกล้าพูดออกมาอย่างนั้น ซึ่งแน่นอนเขาไม่ปฏิเสธไวน์ราคาแพง เมื่อเด็กเสิร์ฟรินแล้วส่งแก้วไวน์มาให้ เขาจึงขอชนแก้วกับสองสาว แล้วยกขึ้นดื่มพร้อมๆ กัน
ความคิดเห็น