คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รู้ไหมว่าใครหลงรัก
บุษบาท้าไฟ
ตอน รู้ไหมว่าใครหลงรัก
โดย ฟ้ารดา
2
ข้อมูลบนไอแพดที่พันตำรวจโทเพิ่มเกียรติส่งให้ร้อยตำรวจเอกจอมจักรดูนั้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับนายดีเลิศ เทพโกรธา เจ้าของโชว์รูมนำเข้ารถสปอร์ตหรู เขาเป็นที่รู้จักกันดีในวงสังคมชั้นสูง ลูกเศรษฐี ดาราดังทั้งชายและหญิงต่างเป็นลูกค้าของเขาแทบทั้งสิ้น นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับนายดีเลิศแล้ว ยังมีรูปถ่ายเต็มตัวที่เขายืนคู่กับผู้ชายอีกสองคน
“อ้อ นายดีเลิศ ผมเคยได้ยิน” ผู้กองหนุ่มขยายรูปเพื่อพิจารณาใบหน้าและลักษณะอย่างละเอียด จ่าศาสตร์ชะโงกหน้าดูแล้วย่นจมูกใส่
“หน้าตาก็งั้นๆ ตัวสูงใหญ่ก็จริง แต่ลงพุงอย่างกับไอ้เท่งตัวตลกในหนังตะลุง แล้วไอ้สองตัวที่ยืนขนาบข้างนี่แค่เห็นหน้าก็บอกยี่ห้อแล้วว่าเป็นคนเลว”
“แหม ใครจะดีและหล่อเท่าจ่าล่ะ ไปไหนก็หว่านเสน่ห์หญิงไปทั่ว” ผู้บังคับบัญชาพูดเหน็บจริงจัง ทำเอาจ่าหนุ่มจอมเจ้าชู้ปิดปากเงียบ ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ นอกจากยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มแล้ววางลงอย่างเบามือ
“ผู้ต้องสงสัยหรือครับสารวัตร”
“ใช่ นายดีเลิศประเสริฐศรีคนนี้น่ะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะอยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติดให้กับนักเที่ยวตามสถานบันเทิง ก่อนหน้านี้เคยจับผู้ค้ารายย่อยคนหนึ่ง มันซัดทอดว่ารับยามาจากไอ้สองตัวนี้ ซึ่งเป็นลูกน้องของนายดีเลิศ”
“ไอ้แมคเค แล้วนี่ไอ้โทนี่ แหม ชื่อมันช่างขัดกับหน้าซะจริง” จ่าสิบตำรวจศาสตร์อดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชื่อของลูกน้องนายดีเลิศ ซึ่งยืนตีหน้าขรึม วางท่าน่าเกรงขามอยู่ในรูปไม่ได้
“ไอ้หน้าโหดนี่ชื่อแมคเค อดีตเป็นนักกล้าม แต่ใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้ก็เลยมาอยู่กับนายดีเลิศ ส่วนไอ้รูปหล่อคนนี้ชื่อโทนี่ ความโหดมากพอๆ กับความเจ้าชู้” สารวัตรเพิ่มเกียรติแจงรายละเอียดให้ผู้กองหนุ่มซึ่งพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับขยายดูใบหน้าของชายทั้งสองคนชัดๆ อีกครั้ง
“แล้วนายดีเลิศล่ะครับ เป็นคนแบบไหน”
“ไอ้นี่แสบมาก อายุสามสิบปีแปดปี เจ้าชู้มาก ถ้าเจอผู้หญิงถูกใจจะทุ่มไม่อั้น เท่าที่รู้มามันเป็นพวกจิตวิปริต"
”หือ คืออะไรครับสารวัตร”
“ก็พวกซาดิสม์ไง อารมณ์ทางเพศรุนแรงมาก ผู้หญิงบางคนที่ไปนอนกับมันเกือบตาย แต่มันก็จ่ายให้อย่างจุใจ”
“แล้วผมจะไปหาตัวมันได้ที่ไหน หรือว่าที่โชว์รูม”
“ไปที่โชว์รูมจะได้เรื่องอะไร ไอ้ดีเลิศเนี่ยมันชอบเที่ยวกลางคืน เอาน่าผมมีสายเยอะ ถ้ารู้ว่ามันไปที่ไหนผมจะบอกผู้กองกับจ่าศาสตร์ก็แล้วกัน แน่ะ เข้าทางจ่าละซิ ตาวาวเชียว”
พันตำรวจโทเพิ่มเกียรติหันมากระเซ้าจ่าจอมเจ้าชู้ที่กำลังยิ้มกริ่ม ทำตาวิบวับอย่างมีเลศนัย พร้อมกับกัดริมฝีปากล่างแถมท้ายให้อีก ร้อยตำรวจเอกจอมจักรเห็นแล้วก็อดขำในความทะเล้นของลูกน้องไม่ได้
“งานนี้ผมขอติดสอยห้อยตามผู้กองจอมไปนะครับ ย้ำ อย่าให้ใครทำเด็ดขาด” ท่าทางกระตือรือร้นเกินเหตุเรียกเสียงหัวเราะจากผู้บังคับบัญชาจนได้
“ผมรู้ไง ถึงให้จ่าเป็นบัดดี้กับผู้กอง คุณสองคนจะต้องหาทางจับนายดีเลิศให้ได้แบบคาหนังคาเขา ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไปเบิกที่ฝ่ายบัญชี”
“ขอบคุณคร้าบ แหม มีเจ้านายรู้ใจอย่างนี้ผมทำงานสุดใจขาดดิ้นเลย ว่าไหมผู้กอง”
จ่าหนุ่มหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ร้อยตำรวจเอกจอมจักร ที่ยังคงมีท่าทีเรียบเฉยเพราะชินเสียแล้วกับการแฝงตัวเข้าไปสืบราชการลับในสถานบันเทิงยามค่ำคืน เขาไม่เคยมีความสุขกับแสง สี เสียง หรือสาวสวยหมวยเอกซ์ที่พยายามเข้ามาคลอเคลีย ถ้าเลือกได้เขาอยากนอนหลับพักผ่อนอยู่บ้านมากกว่า
“ธุระของผมมีแค่นี้แหละ คุณสองคนจะนั่งต่อหรือจะทำอะไรก็ตามสะดวก” สารวัตรหนุ่มใหญ่ลุกขึ้น แล้วคว้าไอแพดมาถือไว้ ผู้กองจอมจักรลุกขึ้นเช่นกัน พลางยกมือไหว้ผู้บังคับบัญชา
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัวเหมือนกัน สวัสดีครับ จ่าศาสตร์ว่าไง จะไปหรือจะนั่งต่อล่ะ”
“ผมขอนั่งให้สาวๆ น้ำลายไหลสักพักแล้วค่อยกลับ เชิญครับ” จ่าศาสตร์นั่งวางมาดทันที
“ตลกจนนาทีสุดท้ายเลยนะจ่า” ผู้เป็นนายกล่าวยิ้มๆ แล้วออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้กองหนุ่มเดินไปที่บันไดเลื่อน พาร่างสูงใหญ่ขึ้นไปที่ชั้นบนอีกครั้ง เขาอยากเห็นบุษบาบัณ แม้จะต้องนั่งรอหลายชั่วโมงก็ยอม
ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ยาวตัวเดิม มองเข้าไปในสถาบันสอนดนตรีอีกครั้ง เห็นแต่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ไร้วี่แววหญิงสาวที่เขาเฝ้ารอ เขาเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดอินเทอร์เนต ดูเว็บต่างๆ ฆ่าเวลา
การรอคอยของผู้กองหนุ่มสิ้นสุดลงเมื่อบุษบาบัณเลิกงาน ร่างเพรียวที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนกับกางเกงยีนขายาวเดินออกมาจากสถาบันสอนดนตรี แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปยังบันไดเลื่อน ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นและก้าวตามไปทันที พร้อมกับคิดหาวิธีที่จะได้พูดคุยกับเธอสักครั้ง
ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ตามลงมา ทิ้งระยะห่างสามขั้น ทันทีที่หญิงสาวก้าวลงไปยืนที่พื้น ทำท่าจะเดินต่อไป เขาแกล้งทำเหรียญสิบบาทตก และกลิ้งไปหยุดข้างหน้าบุษบาบัณ เป็นไปตามคาด หญิงสาวก้มมองเหรียญแล้วหันมาทางเขา ก่อนก้มลงเก็บเหรียญขึ้นมาถือเอาไว้แล้วยื่นส่งให้
“ของคุณใช่ไหมคะ”
“ครับ ขอบคุณมาก”
ช่วงที่บุษบาบัณวางเหรียญลงบนฝ่ามือเขา ความนุ่มของปลายนิ้วที่สัมผัสแม้เพียงเล็กน้อยแต่กลับทำให้เขาวูบวาบเข้าไปถึงหัวใจ เป็นเสี้ยววินาทีที่มีความสุข
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ความจริงผมเก็บเองก็ได้”
ชายหนุ่มพยายามยื้อเวลาอยู่กับหญิงสาวให้นานที่สุด เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ จึงเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีผิวขาวเนียนละเอียดมาก
“แค่นี้เอง ฉันเก็บให้ได้ค่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
ผู้กองหนุ่มมัวแต่อิ่มเอิบกับความสุขตรงหน้า จนปล่อยให้ร่างงามของบุษบาบัณเดินห่างออกไป พอรู้ตัวและทำท่าจะเดินตามก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นชายหนุ่มมาดเซอร์ สะพายกระเป๋ากีตาร์วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาพร้อมส่งเสียงเรียกเธอ
“บุษบา บุษบา รอด้วย”
“อ้าว ปั้น เราคิดว่าปั้นกลับบ้านไปแล้วเสียอีก”
“ยัง เราตั้งใจจะชวนบุษบาไปหาอะไรกิน มีร้านนึงอร่อยมากเลย นะ นะ ใกล้ๆ แค่นี้เอง ไม่เสียเวลามากหรอก”
“ได้สิ แต่นานมากไม่ได้นะ เราจะรีบกลับบ้าน เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”
“ไม่นาน ไม่นาน ไปกันเถอะ”
ปั้นเดินเคียงคู่ไปกับบุษบา พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ผู้กองหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมายาวๆ เข้าใจว่าหนุ่มนักดนตรีมาดเซอร์คงเป็นคนรักของเธอ แม้จะรู้สึกเจ็บแต่เขาไม่ท้อ ตราบใดที่เธอยังไม่แต่งงานเขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะสานความสัมพันธ์ เขาจะมาที่นี่บ่อยๆ แม้ไม่ได้พูดคุย แค่แอบดูก็ยังดี
ประตูหน้าบ้านยังคงเปิดไว้เหมือนรอคอยการกลับมาของใครบางคน ลึกเข้าไปด้านในบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่บุษบาบัณเช่าอยู่กับใบบัวผู้เป็นมารดา ปรากฏร่างบอบบางของใบบัวที่สวมเสื้อผ้าเก่าสีซีดนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติก สายตาที่อ่อนล้ายังคงมองออกไปข้างนอก มองดูผู้คนเดินสวนกันไปมา เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เธอเฝ้ารอการกลับมาของบุตรสาวอย่างกระวนกระวายใจ
แม้ว่าใบหน้ายังคงเค้าความสวยเอาไว้ แต่แก้มทั้งสองข้างซีดตอบจากการทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ เธอหันไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังสลับกับมองออกข้างนอก เข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไปแต่ละนาทีทำให้หัวใจของเธออ่อนล้าลงเรื่อยๆ
ความสวยของบุษบาบัณแทนที่จะสร้างความสุขให้กับเธอ ตรงกันข้ามกลับเพิ่มความทุกข์ กลัวว่าลูกสาวจะถูกผู้ชายไม่ดีหลอกให้พบกับความเจ็บช้ำเหมือนกับเธอที่เคยเจอมาแล้ว
ทุกครั้งที่บุษบาบัณออกจากบ้าน ใบบัวจะคิดกังวลไปสารพัดจนกลายเป็นความเครียด
“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะแม่ เอ๊ะ ทำไมแม่มานั่งอยู่เงียบๆ ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
หัวใจของหญิงกลางคนที่แห้งเหี่ยวเมื่อครู่กลับชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของบุตรสาวดังขึ้นก่อนร่างงามจะก้าวเข้ามาในบ้าน ยกมือไหว้แล้วหอมเบาๆ ที่แก้มด้วยซ้ำ
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่คิดอะไรเพลินๆ เท่านั้นเอง หิวไหม แม่ทำกับข้าวไว้ให้แล้ว”
“ยังค่ะ ขอดื่มน้ำเย็นๆ ก่อน แม่เอาสักแก้วไหมคะ” หญิงสาวมีน้ำใจถามมารดา แต่ใบบัวส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่จ้ะ อ้าว แล้วนั่นซื้ออะไรมาอีกล่ะ แม่ทำกับข้าวทุกวันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องซื้อให้เปลืองเงินเลย” ใบบัวรีบถามทันทีเมื่อเห็นถุงกับข้าวที่บุษบาบัณวางไว้บนโต๊ะ หญิงสาวหันมามอง ก่อนตอบเสียงระรื่น
“ไม่ได้ซื้อเองค่ะ ปั้น เอ่อ เพื่อนซื้อให้”
“เดี๋ยวก่อน ปั้น ไอ้ผู้ชายที่เดินมาส่งเมื่อวานใช่ไหม”
จากอารมณ์ดีเมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาวาววับน่ากลัว อีกทั้งน้ำเสียงยังกร้าวขึ้นจน บุษบาบัณใจหาย รู้ตัวว่าพลาดที่หลุดปากเอ่ยชื่อปั้นออกไปทั้งที่มารดาสั่งห้ามไม่ให้คบกับเขา คราวนี้ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรให้อารมณ์ของผู้ให้กำเนิดเย็นลง
“พูดผิดค่ะแม่ เพื่อนคนอื่น”
“ฉันไม่เชื่อ ต้องเป็นไอ้หน้าปลาจวดเมื่อวานแน่ๆ ไหนแกรับปากกับแม่แล้วนี่ว่าจะไม่คุยกับมันอีก แล้วนี่อะไร มันซื้อกับข้าวมาให้ก็รับของมันมา เอาไปทิ้งเดี๋ยวนี้”
ใบบัวตะคอกเสียงดัง บ่งบอกถึงความโกรธสุดขีด ก่อนคว้าถุงกับข้าวโยนทิ้งถังขยะ บุษบาบัณตกใจกับอารมณ์ร้ายๆ ของมารดา ไม่คิดว่ามารดาจะเกลียดปั้นมากขนาดนี้ หญิงสาววางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ยืนนิ่งน้ำตาคลอ รู้ตัวว่านับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องถูกเล่นงานอย่างหนักแน่
“แกได้แต่รับปากส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง แล้วแอบไปคบกับมันลับหลัง”
“แม่คะ เราเป็นเพื่อนกันจริงๆ ไม่มีเรื่องชู้สาวหรอกค่ะ”
“แกไม่ต้องมาแก้ตัว เพื่อนนี่แหละตัวดี พอแกเผลอมันก็จะหาทางรวบหัวรวบหาง แกยังอ่อนต่อโลกมาก แค่มันแกล้งทำดีนิดๆ หน่อยๆ ก็ใจอ่อนแล้ว”
ใบบัวไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น บุษบาบัณได้แต่พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ และยืนตัวเกร็งเมื่อใบบัวปราดเข้ามาใกล้ แล้วจ้องหน้าเธอเขม็ง เวลานี้ไม่มีเค้าความงามหลงเหลืออยู่เลย หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมมารดาถึงเป็นคนอารมณ์รุนแรงขนาดนี้
“เพื่อนกันจริงๆ ค่ะแม่” หญิงสาวพยายามอธิบายให้มารดาเข้าใจ
“เพื่อน เพื่อน เพื่อน แกก็ได้แต่พูดอย่างนี้ แค่มองตามันก็รู้แล้วว่ามันคิดยังไงกับแก มันอยากได้แกเข้าใจไหม ยายเด็กโง่”
“ทำไมแม่พูดอย่างนี้คะ” บุษบาบัณเสียงสั่น ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อคลอ แล้วเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วจนไหลอาบสองแก้ม
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง ไอ้ปั้นมันคิดไม่ซื่อกับแก อย่าหลวมตัวไปกับมันเด็ดขาด จำไว้ ผู้ชายทั้งโลกไว้ใจไม่ได้สักคน”
“บุษบาไม่เข้าใจ ทำไมคะ หรือเป็นเพราะพ่อที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ พ่อของบุษบาเป็นใครคะ ทำไมไม่เคยเล่าให้ฟังบ้าง”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”
ใบบัวกรี๊ดลั่นหลังจากบุษบาบัณพูดจบ อาการแปลกๆ เกิดขึ้นทันที ร่างบอบบางสั่นเทา ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ เสียงหายใจแรงๆ ได้ยินอย่างชัดเจน บุษบาบัณมองมารดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ก่อนโพล่งต่อด้วยความอัดอั้น
“แม่ บอกมาสิคะ พ่อบุษบาเป็นใคร แล้วเรามีญาติบ้างไหม ถ้ามีอยู่ที่ไหน ทำไมแม่ไม่พาบุษบาไปหาพวกเขาบ้าง”
เผียะ!
บุษบาบัณหน้าหัน ชาไปทั้งแถบเมื่อฝ่ามือเรียวบางของใบบัวฟาดลงมาเต็มแรง หญิงสาวเซเล็กน้อย ก่อนยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างช้าๆ มองมารดาด้วยสายตาปวดร้าว
“แม่ แม่ตบบุษบา” หญิงสาวเสียงสั่น
“บุษบา บุษบา แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจ”
“แม่ บุษบาไม่เคยคิดว่าแม่จะทำกับบุษบาได้ถึงขนาดนี้”
หญิงสาวปล่อยน้ำตาให้ร่วงพรู ตามด้วยเสียงสะอื้น เสียใจที่ถูกมารดาทำร้าย ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด
“แม่ขอโทษนะลูก แม่ผิด แม่ แม่ บุษบา ฟังแม่ก่อน”
ใบบัวเรียกบุษบาบัณเมื่อเห็นร่างบางเดินเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูกดล็อกลูกบิด ไม่สนใจเธออีกต่อไป แม้จะทุบประตูเรียกเท่าใดก็ตาม
ใบบัวส่งเสียงเรียกให้บุษบาบัณเปิดประตู ฟาดฝ่ามือลงไปหลายครั้งแต่ไม่ได้ผล เธอแนบใบหน้ากับประตูอย่างสิ้นแรง เสียใจที่กระทำการรุนแรงกับลูกสาวเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
เธอกลัวจะสูญเสียบุษบาบัณไป ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอคงมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น
'แม่ บอกมาสิคะ พ่อบุษบาเป็นใคร แล้วเรามีญาติบ้างไหม ถ้ามีอยู่ที่ไหน ทำไมแม่ไม่พาบุษบาไปหาพวกเขาบ้าง'
คำถามของลูกสาวยังคงดังก้องอยู่ในหัว รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหมือนมีมือขนาดใหญ่ค่อยๆ บีบให้แหลกละเอียด
ภาพในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง ใบบัวอยากจะลืมแต่ทำไม่ได้ จึงปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์และความเจ็บปวดอันเกิดจากความไม่รักดีของตัวเอง
“บุษบา ทำไมถึงอยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนั้นนัก รู้ไหมว่าแม่เจ็บปวดเหลือเกิน”
ใบบัวพูดเบาๆ ร่างบางสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของบุษบาบัณ เพราะเขากับความไม่รักดีของเธอ จึงทำให้เธอมีชีวิตที่ทุกข์ทรมานแบบนี้
ผู้ชายรูปหล่อ ปากหวานเป็นอันตรายสำหรับผู้หญิงที่อ่อนต่อโลก ถ้าเผลอไปหลงใหลได้ปลื้มจะต้องเสียใจไปจนตาย เหมือนเธอที่หลงใหลในตัวเขา ปล่อยให้ความรักบังตาจนถูกขับไล่ออกจากครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขด้วยชื่อเสียง เกียรติยศ และความร่ำรวย
“แม่ขอโทษ เพราะความรักที่ไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจของแม่แท้ๆ ที่ทำให้ลูกมีชีวิตที่ลำบาก แทนที่จะสุขสบายอยู่บนกองเงิน กองทอง”
ความผิดพลาดในอดีตส่งผลร้ายแก่เธอและลูกสาว ทั้งคู่ต้องอยู่อย่างยากลำบาก กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทเหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น ชะตาชีวิตเล่นตลกกับเธอเสียจนคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสมีความสุขเหมือนในอดีตอีกแล้ว
ความคิดเห็น