ตอนที่ 22 : หลังจากนั้น
"ฉันควรบอกชาร์ลีเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า"
"ฉันว่าอย่าดีกว่า แม่ของเธออาจจะไม่ได้บอกอะไรเขาไว้เลย มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก"
เอ็ดเวิร์ดพลางมองไปด้านหน้า รถวอลโว่สีเงินขับฝ่าสายฝนที่พร่ำตกลงมาตลอดทาง
เซล่ามองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ลำพังเรื่องที่เธอเป็นคนนอกไม่ใช่เซเลฟิน่า สวอนก็น่าปวดหัวพอแล้ว นี่เธอยังต้องมาเป็นลูกครึ่งแวมไพร์ สายเลือดพิเศษอีกหรึ!
'เหนื่อยจนอยากกลับไปนอนนิ่งๆตลอดกาลเลย'
เธอคิดในใจ บางที ถ้าเธอตายตั้งแต่ถูกรถชนไปที่ลอนดอนในตอนนั้น บางว่าตายเฉยๆ ไม่มีมาโผล่อีกที่หนึ่งในโลกคู่ขนาน มันคงน่าอภิรมย์กว่านี้
พอหวนคิดถึงความหลัง
เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าคณะวิจัยของเธอนั้นจะทำงานยังไง....
คุณน้าจะร้องไห้หรือเปล่า ที่เธอต้องตาย.
ไม่สิต้องร้องอยู่แล้ว...แต่เธอไม่อยากให้ร้องเสียหน่อย....มันเป็นเรื่องไม่ดี เธอทำน้าสาวคนเดียวของเธอร้องไห้เสียแล้ว...
เจ้าเจโล่...คงไปอยู่กับคุณน้า แย่หน่อยนะ มันค่อนข้างเอาแต่ใจ...
แบบนี้คงร้องเหมียวๆทั้งวันแน่เลย...
ภาพเลยราวในอดีตหลายเรื่องถูกขุดขึ้นมา มันสกิดต่อมน้ำตาของเธอ...
หยดน้ำเล็กเริ่มไหลอาบพวงแก้วสีชมพูอ่อน จนเปียกปอน...
เสียงสะอื้นน้อยๆที่พยายามกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดไว้
ทำให้คนที่นั่งข้างชะลอความเร็วรถและหยุดมันลง
"เป็นอะไรหรือเปล่า จู่ๆก็ร้องไห้ เจ็บตรงไหนเหรอ"
เขาหันมามองเธอที่เริ่มเช็ดน้ำตาอย่างทุลักทุเลย...
"ปะ..เปล่า..แค่คิดถึงเรื่องเก่าๆนิดหน่อยน่ะ"
เธอปั้นหน้ายิ้มให้เขา ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตาเต็มไปหมด
'จะบอกใครไม่ได้ทั้งนั้น......'
มันเป็นคำที่เธอได้ยินมันตลอดเวลาที่คิดจะพูด มันเป็นเส้นด้ายที่ถูกกั้นไว้ ระหว่างความลับของมิติคู่ขนาน
มันอาจส่งผลกระทบใหญ่หลวง หากเธอตัดมัน...
"อึก...."
สัมผัสที่เย็นเยือกจากฝ่ามือหนาของชายตรงหน้าทำให้เธอสะดุ้ง....
เอ็ดเวิร์ดวางมือบนหัวของเธอ
"ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ บอกฉันได้นะ..." แววตาที่อ่อนโยน ทำใจเธออ่อนยวบยาบ..
เธอไม่กล้าพูดอะไรออกไป ถึงเข้าจะเป็นคนที่มีชื่อในลิสต์ คนที่ไว้ใจได้มากที่สุด
ของเธอก็ตามที
"ขอบคุณนะ เอ็ดเวิร์ด...."
เมื่อซ่อมต่อมน้ำตาให้หยุดไห้ได้ ชายหนุ่มก็ออกรถ มุ่งหน้าไปที่บ้านสารวัตรสวอน..
เอ็ดเวิร์ดบอกเธอว่า เขากับครอบครัวอธิบายเรื่อง(ที่แต่งขึ้น)คร่าวๆให้ชาร์ลีฟังไปแล้ว
นั่นก็คือ....เธอกลับไปหาหมอคัลเลน เพราะห่วงเบลล่า...
เเต่เพราะอากาศที่ชื้นหนัก เธอเลยป่วย เป็นล้มล้มไป หมอคัลเลนจึงให้เธอนอนพักอยู่ที่บ้าน....
เป็นคำโกหกก้อนโตที่ออกจากปาก คาร์ไลล์ คัลเลน...ศัลยแพทย์ที่ทุกคนไว้วางใจ...
เขาบอกเธอว่ามันจำเป็น....
"เซล่า!!! ลูกโอเคมั้ย..."
เมื่อเท้าเล็กๆของเธอเหยียบลงบนพื้น ชาร์ลีที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูก็ตะโกนถามไถ่เธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เขาพึ่งกลับจากการเข้าเวร
ที่จริงเขากะจะออกเวรมา ตั้งแต่ไอ้หนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ใช้เบอร์โทร.ลูกสาวเขาโทรมา
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคือเอ็ดเวิร์ด ลูกชายคนเล็กของหมอคัลเลน เขาก็ยอมฟังและทำตามแต่โดยดี
"หนูสบายดีค่ะ...ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคะ"
เธอโอบกอดผู้ที่เธอเรียกว่าพ่อ...ในนามของน้า...
"ดีแล้วๆ.... ขอบคุณมากนะ เอ็ดเวิร์ดที่ช่วยดูแลเซล่า"
เขาหันไปพูดกับเอ็ดเวิร์ด ทั้งที่ยังไม่ได้ปล่อยเซล่าออกจากอ้อมแขน
"ด้วยความยินดีครับ..."
เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างสุภาพ
"เข้าบ้านก่อนดีมั้ย..."
"เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าเซล่าต้องการพักผ่อน... ผมขอตัวนะครับ.."
เขายิ้มให้ชาร์ลีเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเคลื่อนรถออกไป
ฉันโบกมือให้เขานิดหน่อย แล้วเดินตามชาร์ลีเข้าไปในบ้าน...
ประตูถูกเปิดออก พร้อมกับข้าวของข้างในบ้านที่....
เรียบร้อยดี....
ใช่..ฟังไม่ผิดหรอก มันค่อนข้างอยู่ในสภาพเดิม นอกจากขาเก้าอี้ที่หัก...
เอสเม่ เอ็ตเม็ตต์ คาร์ไลล์ มาที่นี้เพื่อเก็บกวดร่องลอยการต่อสู้...
"ไม่ใช่ว่าลูก เอาเก้าอี้มายืนปัดฝุ่นบนเพดานอีกแล้วหรอกใช่มั้ย"
ชาร์ลีจับเก้าอี้ม้ายกขึ้น...
ส่วนเซล่าตอนนี้ทำหน้าเหยเกไปแล้ว...พวกเขาไม่ละเอียดอ่อนเอาเสียเลย....
หลังโทนสีอ่อนยังคงสะอาดเอี่ยม ฉันลงไปอาบน้ำ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง
ฉันอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล และเสื้อยืดสีเทา
เวลาก็จวบจะเที่ยงแล้ว....แต่ตัวฉันไม่มีกะจิตกะใจจะออกไปเอารถที่เบลล่าจอดทิ้งไว้....
ไม่หายหรอก..... ใครมันจะกล้าขโมยรถของหลานสาวสารวัตรสวอนกันล่ะ...
.....เฮ้อ......
.....เฮ้อ.........
เจ๋งไปเลย.....ฉันเบื่อการนอนอยู่เฉยๆมากกว่าอะไรทั้งสิ้น...
แต่การออกไปพบปะกับคนอื่นก็ทำให้ลังเลใจ ตัวฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับแวมไพร์เกิดใหม่....
ต่างก็แค่ไม่กระหาย....
เรื่องพลังกำลังก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ถ้าตัวฉันบังเอิญไปเดินชนรถและมันยุบจะทำยังไง...
คิดแล้วมันก็กลุ้มใจโว้ย!!!!!!
ก๊อก!
ก๊อก!!
คิ้วฉันขมุด เมื่อเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะความคิดที่แสนจะว้าวุ้น....
"ฉันเจคเองนะ เข้าไปได้มั้ย...."
เจคเหรอ...เขามาทำอะไร......
"ประตูไม่ได้ล็อก...." ฉันตอบเอือยๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง พลางสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง
"ฉันได้ข่าวว่าเธอป่วย.." เจคว่า เขาถือจานผลไม้เข้ามาด้วย แล้วยื่นมันให้ฉัน...
"ของเยี่ยมไข้น่ะ" เจคอธิบาย...
"ขอบคุณ ข่าวไวได้นะ...." ฉันว่าล้อๆ
"เบลล่าล่ะ...ดูเหมือนจะเกิดเรื่องกับเธอ...เธอไม่รับสายฉันตั้งแต่เมื่อวาน...."
"เธอกลับฟินิกส์ เเต่อย่างห่วงเลย อีกำม่กี่วันก็ดลับมาแล้วล่ะ "
"มีปัญหาเหรอ..."เจคขมุดคิ้ว เขาได้เบอร์น้องสาวฉันไปตอนไหนกันนะ เด็กคนนี้...
"ปัญหาสุขภาพ...เธอสำอางน่ะ ว่าแต่ว่า...สนิทกันจังเลยนะ ฉันตกข่าวอะไรหรือเปล่า"
ฉันจ้องเขาไม่วางตา...เจคดูลนลานชอบกล.
"เปล่านี้....เอ่อใช่..พ่อน่าจะลงไปหาพ่อนะ สักนิดก็ยังดี เขามีเรื่องจะคุยด้วย"
เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย...แต่เอาเถอะ...ประเด็นมันถูกเบี่ยงไปหาบิลลี่พ่อของเขาแล้ว...
"อ่ะ...ไปกัน" ฉันลุกขึ้นแล้วเดินถือจานผลไม้ลงไป โดยมีเจคเดินตามมาติดๆ
ฮึอ~~
กลิ่นแบบนี้สินะ กลิ่นของหมาป่า....แค่เปิดประตูออกจากห้องก็ฟุ้งเชียว....
"มีอะไรหรือเปล่า ฉันน่าอย่างกับมีคนเหยียบหาง"
ฉันไม่มีหางให้เหยียบหรอก นายต่างหากที่มี..
"ฉันอายุมากกว่านายนะเจค มารยาทน่ะมารยาท"
ฉันหันไปเหน็บเขา...
"ครับๆ...."
เหนื่อยใจ...
"มีพอดีเลย ฉันขอคุยลูกสาวนายหน่อยนะ.." บิลลี่หันมามองฉัน ก่อนจะหันไปพูดกับชาร์ลี
ชาร์ลีพยักหน้ารับ ฉันเดินไปหาบิลลี่ ก่อนจะเข็นเขาออกไปด้านนอก เพื่อคุยกันแบบส่วนตัว....
"ตรงนี้เเหละ..." ฉันหยุดเท้า....ก่อนจะขยับออกห่างบิลลี่ให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม..
เราอยู่ที่สวนหลังบ้าน....
"เธอคงรู้ว่าฉันจะพูดเรื่องอะไร..."
บิลลี่เปิดประเด็น....
"ค่ะ...เรื่องของฉัน"
ตัวฉันโตที่นี่ ที่ฟอร์คส์และยังเป็นเพื่อนเล่นกับเจคและพี่สาวของเขามาตั้งแต่ยังเด็ก..
"อืม...ฉันรู้จักเธอและรู้ว่าเธอเป็นอะไร"
"คุณรู้...แน่นอน..."
"เราจับตาดูเธออยู่ เรารู้จักพ่อของเธอ... ฉันรู้ว่าเธอไม่อันตราย แม่หนู...แต่คนอื่นอาจไม่ได้คิดอย่างนั้น.. โรแวนสันไม่เคยทำร้ายเรา...แต่เลือดของโรแวนสันอาจจะทำลายเธอ"
เขาทำหน้าจริงจัง ขมุดยังคงขมุดอยู่ตลอดเวลา
"แวมไพร์จะล่าฉัน...." ฉันพึมพัม
"ใช่ ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเธอเป็นใคร....เธอยังเด็กอยู่...สำหรับโรแวนสัน เธอมีเลือดของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในตัว...."
"ฉันนึกว่าเลือดของแวมไพร์จะกัดกินความเป็นมนุษย์เสียอีก..."ฉันถาม
"สำหรับเเวมไพร์ทั่วไปน่ะใช่ เลือดของโรแวนสันจะไม่ล้ำเขตเลือดมนุษย์....ความเปฌนแวมไพร์จะไม่ก้าวก่ายความเป็นมนุษย์ในตัวเธอ.....ยังเว้นว่าจะตั้งใจเปลี่ยนเธอให้ ซึ่งเขาต้องกัดเพื่อเปลี่ยน..."
บิลลี่อธิบาย....นั่นหมายถึงในตัวของฉันจะมีเลือดมนุษย์อยู่ครึ่งและเลือดแวมไพร์อยู่ครึ่ง.....
ว้าว!!!!...เจ๋งกว่าเรเนสเม่เสียอีก...
"ฉันแค่อยากให้เธอระวังตัว เซล่า...คนเรามีทั้งที่เป็นมิตรและไม่ใช่ แวมไพร์ก็เช่นกัน"
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ แต่ฉันมั่นใจว่า...คัลเลนเป็นมิตร"
และเป็นมิตรมากๆด้วย....
S
E
E
Y
O
U
N
E
X
T
.
.
.
ใกล้เปิดเทอมแล้ว จิตใจก็เริ่มห่อเหี่ยว ม.5ว่ากันว่ามันหนักมาก จนตอนนี้ไรท์ติดถาพไม่ออกว่าตนเองจะไวมั้ย.....
ท้อตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเรียน....ม.4ก็ผ่านมาได้แบบทุลักทุเล เฮ้อ.....ชีวิตช่างน่าเศร้า
ขอให้ทุกคนสนุกกับนิยายที่ไรท์แต่ง....ขอบคุณทั้งคอมเม้นต์ทุกกำลังใจ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ♡
Va_Rit_
ปล.แนะนำให้ไรท์อ่านหนังสือเตรียมเข้าไว้เยอะๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนเรา ฮึก T^T