คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : คำสัญญา (1)
Chapter 3 : คำสัญญา (1)
“ตึกสี่ชั้น หมายเลขสาม ที่อยู่ด้านในสุดของโรงเรียนพวกเรา มีเรื่องเล่าว่าเคยมีเด็กนักเรียนชายรุ่นหนึ่งไปเข้าห้องน้ำชั้นสอง หลังจากขออนุญาตอาจารย์ที่สอนคอมพิวเตอร์แล้ว เด็กนักเรียนชายคนนี้ไปเข้าห้องน้ำเพียงคนเดียว หลังจากทำธุระเรียบร้อยแล้ว
ภายในห้องน้ำนั้นจะมีห้องสุขาสองห้อง โถยืนอีกสามโถ และห้องเก็บของที่ไว้เก็บอุปกรณ์การทำความสะอาดอีกหนึ่งห้อง บนประตูห้องเก็บของมีป้ายแขวนไว้ว่า ‘ห้ามเข้า’
แต่ด้วยความที่เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นเด็กที่ชอบทำอะไรตรงกันข้าม ถ้าหากบอกให้เปิด เค้าก็จะปิด ถ้าบอกให้หยุด ก็จะเดินต่อ ถ้าบอกให้ยืน ก็จะนั่ง จนอาจารย์คนไหนๆก็ทนไม่ไหว เด็กคนนั้นก็เปิดประตูนั้น
และพบเข้ากับนางรำที่แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ
กำลังรำอยู่ภายในห้องเก็บของนั้นเอง เพราะว่าเด็กผู้ชายคนนี้ไม่แน่ใจว่าตนเองเห็นจริงหรือไม่ จึงไปตามเพื่อนมาอีกคนหนึ่งเพื่อช่วยยืนยันว่าตนเองนั้นตาฝาดแน่ๆ
”
“เมื่อไปตามมาแล้ว
ก็เปิดประตูห้องเก็บของให้กับเพื่อนดู ก็พบกับนางรำกำลังรำหันหลังให้กับพวกเค้า และเมื่อนางรำคนนั้นหันหน้ามาให้พวกเค้าดู
จากนางรำที่มีใบหน้าสะสวย ก็กลับกลายมาเป็นนางรำที่มีใบหน้าบวม และเป็นสีเขียวคล้ำ
พวกเค้าพยายามจะวิ่งหนีแต่ขานั้นกลับก้าวไม่ออก พยายามหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ก็พบว่านางรำคนนั้นอยู่ในทุกๆที่ของห้องน้ำ กำลังจะก้าวมาหาพวกเค้าอย่างเชื่องช้า
ใบหน้าบวมสีเขียวคล้ำกำลังจะเข้าใกล้ใบหน้าของพวกเค้าทีละนิด
ทีละนิด ขาที่พยายามจะก้าวหนีกลับไม่มีความรู้สึก ก่อนจะหมดสติลงในที่สุด
”
“แล้วเด็กผู้ชายสองคนนั้นเค้ารอดออกมาไหม??”เสียงหวานใสของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อการเล่าเรื่องสยองขวัญของเพื่อนตนเองจบลง ก่อนจะมีเสียงของคนอื่นๆถามตามมาด้วยความสงสัยบ้าง
“อืม
รอดสิ
อาจารย์ที่สอนคอมพิวเตอร์น่ะ รู้สึกว่าสองคนนี้ไปห้องน้ำนานเกิน ก็เลยไปตาม แล้วก็พบว่าลูกศิษย์ของตนเองนอนสลบไม่ได้สติอยู่ในห้องน้ำ พอตื่นมาสองคนนั้นก็เล่าเรื่องนางรำให้อาจารย์ฟัง
”
“แล้วอาจารย์เชื่อพวกเค้าไหม?”
“อืม
เชื่อสิ
เพราะว่าพวกอาจารย์เองก็รู้เรื่องประมาณนี้มาเหมือนกัน ก็เลยให้เด็กผู้ชายสองคนนี้ไปขอขมาน่ะ”
“หรอ
น่ากลัวจังเลย ฟังแบบนี้แล้ว ไม่กล้าไปเรียนที่ตึกนั้นเลยนะเนี่ย
”เสียงหวานใสของเด็กผู้หญิงเริ่มสั่นเพราะความกลัวจากเบื้องลึกของจิตใจ ก่อนจะกอดเพื่อนแน่นพลางหลับตาปี๋
“หรอครับ
แต่ว่าผมได้ยินมาคนละเรื่องกับของคุณเลยนะครับ
”
“มุคุโร่จัง!!”เสียงของเด็กสาวที่เกาะกลุ่มกันเล่าเรื่องสยองขวัญต่างหันมามองบุคคลมาใหม่ ผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีไพลิน และดวงตาสีไม่เข้าคู่กันที่ด้านขวาเหมือนกับสีของผมพลิ้วสวยนั้น ส่วนด้านซ้ายเป็นสีทับทิมคล้ายพลอยสีแดงเลอค่าที่หาสิ่งใดเปรียบไม่ได้
มุคุโร่ยิ้มหวานให้กับเหล่าสาวๆที่กำลังตกตะลึงว่าทำไมเค้าถึงสามารถพูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจนมากถึงเพียงนี้ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้สนิทกับมุคุโร่มากแต่พวกเธอก็รู้ว่ามุคุโร่ไม่น่าจะพูดภาษาไทยได้รวดเร็วและชัดเจนภายในสองอาทิตย์หลังจากงานศพของนันทนาแบบนี้
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอกครับ
ผมได้ครูดีช่วยสอนภาษาไทยคนเก่งมาน่ะ ถึงแม้ว่ายังไม่เข้าใจบางคำที่ยากๆอยู่ก็เถอะ
”
“หรอ
นี่
แล้วที่บอกว่าไม่ได้ยินมาแบบที่ฉันเล่าน่ะ
หมายถึงอะไรหรอ?”
“ครับ
ก็ผมได้ยินรุ่นพี่ม.3 เค้าพูดกันน่ะครับ ว่าเคยมีคนไปเจอในห้องน้ำชายชั้นสองเหมือนกันน่ะครับ”
“จริงหรอ!! นายเล่าให้พวกเราฟังได้ไหม??”
“นั่นสินะครับ
อืม
จะเริ่มยังไงดีล่ะ
”
“ก็เริ่มอย่างที่ได้ยินมานั่นล่ะ
จะลีลาไปทำไม”
“ฮิบาริ!!”เสียงปริศนาของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังของมุคุโร่ ก่อนที่เหล่าสาวๆและมุคุโร่จะหันไปมอง เมื่อพบว่าบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังคนร่างบางคือฮิบาริ ต่างก็เรียกชื่อของคนๆนั้นด้วยความประหลาดใจ
ฮิบาริเห็นท่าทางคนที่เรียกชื่อของตนเองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญเบาๆว่า “รำคาญ” ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆมุคุโร่ พร้อมกับหันมองคนภายในกลุ่มไล่ไปทีละคน ทีละคน
“เจ้านี่
บอกให้ฉันมานั่งฟังด้วย เพราะว่าจะเล่าอะไรไร้สาระให้พวกเธอฟัง
แต่เพราะว่าตัวเองยังเก่งภาษาไม่พอ กลัวสื่อสารผิดพลาด คงไม่มีปัญหาอะไรสินะ?”
ฮิบาริว่าพลางชี้ไปที่ตัวต้นเหตุที่ทำให้ตัวเค้าเองที่กำลังจะได้นอนหลับเพราะเป็นเวลาพักเที่ยงต้องมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้ ในประโยคสุดท้ายที่เค้าพูดถึงแม้น้ำเสียงจะไม่ได้เน้นหนัก แต่เพราะสายตาที่ทำขวางมองไปทางเหล่าสาวๆของเค้า ทำให้เหล่าหญิงสาวต้องหลบสายตาและทำท่าเออออให้นั่งฟังไปด้วย
“ถะ
ถ้าอย่างนั้นมุคุโร่จังเริ่มเล่าเลยได้ไหม?”
“ได้สิครับ
แต่อย่าเรียกผมว่ามุคุโร่จังได้ไหมล่ะครับ? ผมไม่ชอบเลย ที่ญี่ปุ่นเค้าเอาไว้เรียกเด็กผู้หญิงนะครับ
”
“ก็แหม
มุคุโร่จังอยากเหมือนเด็กผู้หญิงทำไมล่ะ”
“นั่นสิ
”เพื่อนสาวในวงเล่าเรื่องสยองขวัญบอกสมทบกับเพื่อนของตนเองอีกคน โดยไม่ได้สังเกตถึงรังสีอะไรบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวของฮิบาริ
“จะเล่ากันได้หรือยัง? ถ้าไม่เล่าฉันไป
”
“เล่าก็ได้ครับ
เพราะอย่างนั้นมานั่งเถอะนะครับ”มุคุโร่ว่าพลางดึงแขนของอีกฝ่ายไว้พร้อมกับนำมืออีกข้างไปตบลงที่เก้าอี้ ก่อนที่ฮิบาริจะหันมาและนั่งลงอย่างสงบ
“งั้นเล่าล่ะนะครับ
รุ่นพี่ม.3 เล่าให้ผมฟังว่า
มีเด็กนักเรียนหญิงสองคนเรียนคอมพิวเตอร์เสร็จแล้ว ก็เดินไปที่ห้องน้ำเพื่อจะล้างมือเพราะเป็นเด็กที่รักษ์อนามัยจัด แต่เพราะว่าขี้เกียจเดินไปที่ห้องน้ำหญิงที่อยู่ด้านหลังของตึกหมายเลขสามนั้น ก็เลยเดินไปเข้าห้องน้ำชายที่อยู่ตรงทางลงพอดี ก็เลยเข้าไปล้างมือกันทั้งสองคน
เมื่อล้างมือเสร็จแล้ว
ก็อยากจะทำอะไรเล่นก็เลยไปเปิดห้องเก็บของในห้องน้ำนั้นเล่น
แต่ก็ไม่ได้พบอะไร พอปิดประตูไปแล้ว
สายตาก็ดันไปเจออะไรบางอย่างอยู่บนเพดาน
บนนั้นมีอะไรบางอย่างกำลังค่อยๆคลานมาหาพวกเธออย่างช้าๆ หน้าสีเขียวคล้ำบวมน้ำ และลิ้นที่ยาวเกือบจะห้อยลงพื้น ‘อะไร’ บางอย่างกำลังคืบคลานมาหาพวกเธอ ก่อนที่พวกเธอจะวิ่งออกไปจากห้องน้ำ และไปบอกกับอาจารย์ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์คนนั้นทำหน้าตกใจเพราะเชื่อกับสิ่งที่ลูกศิษย์เล่า ก่อนจะให้พวกเธอไปขอขมาที่เดิม
”
“อ๋อ
รุ่นพี่ม.3 ที่ไปขอขมาเมื่อตอนเทอมที่แล้วนี่เอง!”
“อาจจะไม่น่ากลัวเท่าเรื่องของ ‘เมย์จัง’ เท่าไร เพราะว่าผมได้ยินมาเท่านี้น่ะครับ
อ่อ
จริงสิ แล้วเรื่องของเมย์จังน่ะ
เป็นเรื่องของใครล่ะครับ
”
“ใส่จังนี่
เต็มใจหรือเปล่าน่ะ
เรื่องนี้เป็นของรุ่นพี่ม.3 เหมือนกันน่ะ เห็นว่าพากันไปขอขมากันตอนเทอมแรก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรนี่สิ”
“หรอครับ
ถ้าอย่างนั้นผมขอกลับไปนั่งฟังเพลงที่โต๊ะของผมแล้วกันนะครับ
อ้อ! จริงสิ ทางที่ดี คุณอย่าเอาเรื่องเล่าแบบนี้ไปเล่าให้ใครต่อใครฟังเหมือนเรื่องสนุกเลยนะครับ
เพราะคนที่เห็นน่ะ เค้าไม่สนุกด้วยหรอกนะ
”
“อะ
เอ่อ
อื้ม จะพยายามไม่ทำแล้วกันนะ”มุคุโร่ว่าจบก็จับมือฮิบาริและพาเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำของตัวเอง ที่อยู่ท้ายสุดริมหน้าต่างของห้องเรียน
“พูดแบบนั้นไป
เดี๋ยวก็โดนเกลียดหรอก”
“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ
ผมน่ะไม่พอใจกับการที่เล่าความทุกข์ของคนอื่นด้วยท่าทางที่สนุกสนานหรอกนะครับ”มุคุโร่ว่าจบก่อนจะนำหูฟังเสียบเข้าหูพลางมองไปนอกหน้าต่าง คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด
ฮิบาริที่นั่งมองอยู่ก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ ก่อนจะนำหูฟังข้างหนึ่งที่เสียบอยู่กับหูข้างซ้ายของมุคุโร่ดึงออกมา และเสียบเข้าหูข้างขวาของตัวเอง จนทำให้ทั้งคู่ต้องเขยิบเข้าหากันมากขึ้น
“ทำอะไรครับเนี่ย?”
“ก็มันว่าง
นี่เพลงอะไร? เพราะดีนี่”
“ชอบหรอครับ ผมส่งให้เอามั้ย?”มุคุโร่นำโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะส่งเพลงที่กำลังฟังให้กับฮิบาริ แต่ฮิบาริก็นำมือไปแตะที่โทรศัพท์ของมุคุโร่และลดลง
“ฉันชอบฟังแบบนี้มากกว่า มันเพราะกว่าฟังคนเดียว แล้วนี่เพลงอะไร?”
“Sakura Addiction ครับ”มุคุโร่นั่งฟังเพลงกับฮิบาริจนลืมเรื่องที่ทำให้คิ้วของตัวเองต้องขมวดเข้าหากัน
“ยิ้มแล้วนี่
เวลานายยิ้มน่ารักกว่าตอนทำหน้าหงุดหงิดอีกนะ”
“เอ่อ
หรอครับ
”มุคุโร่หน้าเริ่มขึ้นสีเรื่อ ก่อนหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ฮิบาริได้เห็นหน้าของตัวเอง แต่มันก็คงไม่พ้นสายตาดีๆของฮิบาริได้หรอก
“หึ
จะได้เวลาเรียนแล้ว
”
“อ่ะ
ครับ”มุคุโร่ได้ยินดังนั้นก็ปิดเพลง และเก็บหูฟังกับโทรศัพท์ของตัวเองลงกระเป๋ากางเกงเพื่อเตรียมตัวเรียนในคาบต่อไป
“คาบต่อไปเรียนพละนะ
”
“อา
ครับ”
เสียงกริ่งโรงเรียนดังขึ้นบอกว่าเวลาพักเที่ยงได้หมดลงแล้ว และจะเริ่มเข้าชั่วโมงของการเรียน นักเรียนที่อยู่ในอาคารนอกห้องเรียนต่างพากันวิ่งเข้าห้องเรียน นักเรียนห้องม.2/2 เริ่มเปลี่ยนกางเกงที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะพากันลงไปที่โรงยิมของโรงเรียนที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร 4
“ทำไมโรงยิมถึงต้องอยู่บนอาคารสี่ด้วยนะ
น่ากลัวจะตาย”
“ใช่ๆ ฉันเคยได้ยินว่าที่โรงยิมน่ะ เคยมีครูไปกระโดดตึกตายด้วยนะ น่ากลัวชะมัด”
“อ๋อ! เรื่องนั้นเองหรอ
ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน เห็นบอกว่าผิดหวังจากความรักน่ะ”
“หรอ
ครูคนนั้นน่าสงสารจังเลยเนอะ”
“อื้อ น่าสงสารจัง”เสียงใสๆของหญิงสาวหลายคนเริ่มเกาะกลุ่มเมื่อขึ้นมาถึงโรงยิม ก่อนจะเริ่มด้วยเรื่องสยองขวัญที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงตั้งแต่พักเที่ยง
“เมย์
เธอเคยได้ยินเรื่องของครูที่กระโดดตึกที่นี่รึเปล่า?”
“เอ่อ
อ๋อ! เคยสิ!”เด็กสาวที่ชื่อเมย์ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะเป็นเชิงว่า “นึกออกแล้ว” ก่อนจะพยายามคิดว่าจะเริ่มเล่าดีหรือไม่ เพราะนึกถึงคำพูดของมุคุโร่ขึ้นมา
“
คุณอย่าเอาเรื่องเล่าแบบนี้ไปเล่าให้ใครต่อใครฟังเหมือนเรื่องสนุกเลยนะครับ
เพราะคนที่เห็นน่ะ เค้าไม่สนุกด้วยหรอกนะ
”
“นี่
เมย์ ช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ
พวกเราอยากรู้
น้าๆ”
“อะ
เอ่อ
คือ
มุคุโร่จังเค้า
”
“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่
ก็มุคุโร่จังเค้าไม่ได้ยินซักหน่อย”
“แต่ว่าฉันได้ยิน
แค่รักษาสัญญาแค่เล็กน้อยนี่
ถ้ามันลำบากมากก็อย่าไปพูดว่าจะทำสิ”เสียงปริศนาของใครบางคนดังขึ้นด้านหลังของเด็กสาว 4 คนที่นั่งจับกลุ่มกัน ก่อนที่พวกเธอจะค่อยๆหันไปดูว่าบุคคลมาใหม่นั่นคือใคร
“ฮิบาริ
”
“หมอนั่น
ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะ กำลังจะตามมา ถ้าหมอนั่นได้ยินว่าเธอจะเล่าเรื่องแบบนี้อีกก็คงโกรธแหล่ะนะ”
“เชอะ! เมย์ เดี๋ยวตอนเลิกเรียนแล้วมาเล่าให้พวกเราฟังด้วยนะ พวกเราจะรอ”
“อะ
เอ่อ
อื้ม!! ได้สิ ฉันจะเล่าให้ฟังนะ!”ฮิบาริที่เดินมาเตือนยืนมองเด็กสาวเหล่านั้นที่เหมือนไม่ได้ฟังที่เค้าพูดสักเท่าไร ก่อนจะเดินแยกตัวออกมานั่งอยู่คนเดียวที่กลางโรงยิม
“ขอโทษที่ให้คอยครับ คุณฮิบาริ”
“หือ
อือ ไม่เป็นไร แต่ว่า
ยัยนั่นน่ะ จะเล่าเรื่องแบบนั้นอีกแล้วนะ”
“ยัยนั่น? เรื่องแบบนั้น? อะไรน่ะครับ?”มุคุโร่ทำหน้างงก่อนจะนั่งลงข้างๆฮิบาริ ก่อนจะทำท่าครุ่นคิดอย่างเงียบๆคนเดียว เมื่อไม่ได้คำตอบก็หันมาส่งสายตาขอคำตอบจากปากของคนร่างใหญ่กว่า
“เมย์
กำลังจะเล่าเรื่องสยองขวัญที่นายเพิ่งจะเตือนไป”
“
หรอครับ
ช่างเค้าเถอะ ถ้าเตือนแล้ว ถ้าบอกแล้วไม่ฟัง อะไรจะเกิดขึ้นก็เรื่องของเค้าเถอะครับ เราไปห้ามไม่ได้หรอก”มุคุโร่ตอบพลางส่งยิ้มหวานๆให้กับฮิบาริ ก่อนจะหันไปมองเมย์เพื่อนสาวที่ตนเพิ่งจะเตือนด้วยความหวังดีด้วยสายตาที่เป็นห่วง
แล้วคาบการเรียนพละก็ดำเนินไปอย่างช้าๆเหมือนกับว่ามีใครพยายามขยับเวลาให้ช้าลงเรื่อยๆอย่างไม่ถามความสมัครใจของคนอื่นๆเลยว่าต้องการให้มันช้าแบบนี้หรือไม่
“เอาล่ะ ลองซ้อมไปก่อนนะ คาบหน้าครูจะสอนกติกาของกีฬาบาสเกตบอลนะ ครูไปประชุมก่อนล่ะ”
“นักเรียนเคารพ!!”
“ขอบคุณค่ะ/ครับ”เสียงของรองหัวหน้าห้องกล่าวดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงของเพื่อนๆทั้งห้องที่ยกมือขึ้นขอบคุณกับการที่ครูพละมาสอนการชู๊ตบาสครั้งนี้
“เมย์ๆ!! มานี่สิ ไม่ต้องรอถึงตอนเย็นแล้ว เรามาเล่ากันเลยดีกว่านะ”
“เอ้อ! ได้สิ!!”เมย์เดินไปหาเพื่อนสาวของตนเองโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีสายตาอาฆาตแค้นเพียงใดกำลังจับจ้องมาที่ตัวเธอเอง
“หึ หึ หึ ยังจะปากดีไม่หยุดอีกนะ
อยากจะตายเร็วมากนักหรือยังไงกันนะยัยนี่
หึ หึ หึ”
สวัสดีจ้า!!!
มาอัพแล้วๆๆ!! หลังจากหายไปนาน แบบนานมากเลยทีเดียว
ตอนนี้ก็เป็นตอนที่พูดถึงคำสัญญา ที่มุคุโร่ขอไว้กับเด็กสาวที่ชื่อ ‘เมย์’ แต่ไม่ว่ายังไง ‘เมย์’ ก็ยังไม่หยุดการกระทำเหล่านั้น พร้อมกับภูมิหลังที่ตามมากับความอาฆาตแค้น
ตอนนี้ก็เล่าถึงวิญญาณนางรำในห้องน้ำ และวิญญาณของคนตายที่ระบุไม่ได้ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายที่เจอในห้องน้ำชั้นเดียวกัน
จริงๆแล้วมันคือเรื่องจริงของโรงเรียนเราค่ะ รุ่นพี่เราปีนึงตอนเราอยู่โรงเรียนประถมอ่ะค่ะ เค้าไปเจอ แล้วครูๆก็ได้ยินกันมา เรื่องนี้เค้าก็เก็บเป็นความลับนะค่ะ แต่ว่าช่วงที่รุ่นพี่เจอเป็นช่วงที่มีครูฝึกสอนจากมหาวิทยาลัยมาสอนพอดี ครูเค้ารู้ก็เลยเอามาบอกเพื่อนๆของเรารวมถึงเราด้วยค่ะ
มันเริ่มจากพี่ๆเค้าไปห้องน้ำค่ะ มันเป็นห้องน้ำชายที่อยู่ชั้น 2 เพราะว่ามันใกล้กับห้องคอมด้วยก็เลยไปง่ายกว่าห้องน้ำหญิงที่อยู่ด้านหลังของตึกอ่ะค่ะ ก็ไม่รู้ว่าพี่เค้าไปทำอะไรหรือเปล่าก็เลยทำให้เจอ แต่รุ่นของเราไม่เคยเจอเลยค่ะ ยังไงก็ไม่อยากจะเจออ่ะนะ เนื้อเรื่องก็เป็นอย่างที่เล่าด้านบนอ่ะค่ะ มันน่ากลัวและสยดสยองมากเลยนะค่ะก็โชคดีที่หลังจากนั้นพี่ๆเค้าก็ไมได้เป็นอะไรมากเท่าไร ก็เลยยังมาเรียนได้ตามปกติและจบไปกับเรื่องราวของความสยองขวัญที่เจอค่ะ
ยังไงก็ติดตามตอนต่อไปด้วยนะค่ะ^^
ความคิดเห็น