คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 8 เคลิ้ม
แสงสีทองสาดส่องเข้ามาภายในห้องผ่านม่านสีน้ำตาลที่บดบังหน้าต่างบานใหญ่ก่อนจะทอดเงาเข้ามากระทบกับร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียง ผู้ชายตัวบางยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเกาหัวไปมาแล้วบิดกายก่อนจะลุกเดินตรงออกจากห้องนอนของตัวเอง
เมื่อวานเจ้าของห้องตัวสูงก็นั่งคุยเล่นกับคนที่มาเยือนจนดึก พอเห็นว่าฟ้ามืดแล้วเขาก็อาสาไปส่งน้องที่บ้านระหว่างทางทั้งคู่ก็แวะกินโจ๊กที่หน้าปากซอยเป็นอันว่ามื้อนั้นเป็นการกินข้าวกันครั้งแรก ถือว่าตอนนี้เขากำลังเริ่มความสัมพันธ์ที่ดีได้อีกครั้ง พอนึกถึงหน้าอีกคนตอนที่หัวเราะก็ทำให้วันนี้เป็นวันดีดีไปอีกวัน เขาคิดว่าวันนี้ควรจะออกไปทำงานและหาอะไรทำบ้างซะแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็วางขวดน้ำที่พึ่งดื่มเสร็จลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์กดหาเบอร์ที่น่าจะโทรออกมากที่สุดในเครื่องแล้ว
“ โหล.. ตื่นยัง ” เมื่อสัญญาณดังว่าปลายสายกดรับแล้ว เขาก็เอ่ยทักอย่างที่ทำปกติก่อนจะถามต่อไม่ได้ยินสียงตอบจากปลายสาย
“ อืมม.. โทรมาทำไมแต่เช้าวะ ” เสียงทุ้มต่ำของปลายสายตอบมาก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงอีกคนปิดปากหาว
“ กูโทรมาถามว่าวันนี้มึงจะไปร้านเค้กป่าว ” รีบเอ่ยปากบอกจุดประสงค์ที่โทรไปหา กลัวว่าอีกคนจะตัดสายทิ้งหนีไปนอนต่อซะก่อน
“ ไป..ไปๆ สักพัก สิบโมงมั้ง สิบโมง..สิบโมง ” คนตอบขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะพูดย้ำไปย้ำมาแบบที่ตอบเป็นประจำเวลาพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง คิมนึกขำเพื่อนตัวเองก่อนจะเอ่ยบอกปลายสาย
“ เออ แวะมารับกูด้วยแล้วกัน แค่นี้แหละ .. นอนๆ ” ก่อนจะกดตัดสายเป็นกลายปล่อยเพื่อนไปเข้าสู่ภวังค์เดิมที่ลาจากมา เขาเองก็อยากนอนต่อสักพักแต่ทำไมร่างกายเจ้ากรรมถึงลุกขึ้นมาก็ไม่รู้ เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนขาวก่อนจะตรงไปยังประตูห้องน้ำ อาบน้ำแล้วค่อยมานอนต่อแล้วกัน เขาคิด
“ สวัสดีครับบบบ ” เสียงตอนรับดังทันทีทั้งสองคนเดินเข้ามาภายในร้าน วันนี้คนยืนหน้าประตูไม่ใช่คนเดิมแต่วันเปลี่ยนเป็นเจ้าของร้านหัวเหม่งแทน
“ มายืนไรตรงนี้ ” ไวท์หันไปเห็นคนตัวเล็ก ก่อนจะเดินไปยีหัวคนที่กำลังส่งยิ้มแป้นมาทางพวกเขา
“ ก็ว่างไง อยากทำทุกอย่างเลย ” เด็กหัวเกรียนเอ่ยตอบก่อนจะหัวเราะคิกคัก
เมื่อเห็นท่าว่าเพื่อนกับน้องคงจะยืนคุยกันอีกนาน คนที่คิดว่าตัวเองคงเป็นส่วนเกินอยู่ ณ เวลานี้ ก็เอี่ยวตัวหลบทางก่อนจะตรงไปยังโซฟาตัวยาวข้างเคาน์เตอร์ วันนี้ร้านดูค่อยข้างเงียบอาจจะเพราะยังเป็นเวลาเช้าอยู่และวันนี้ก็เป็นวันทำงานด้วย
“ เอ้า พี่คิม ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง คนถูกเรียกหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นไอ้เด็กข้างห้องของเขา นี่มันจะมาก่อกวนอะไรแถวนี้
“ มึงมาทำอะไร ” เมื่อเห็นว่าน้องเดินเข้ามาทัก คิมก็ไม่ลืมที่จะถามขึ้นทันที ปกติไม่น่าเจอคนแบบฟีฟ่าแถวนี้นะถ้าว่ามีร้านเกมส์ก็ว่าไปอย่าง
“ อ้าวว มาร้านเค้กมากินข้าวต้มมั้ง ” เด็กตัวสูงเดินเข้ามาจับหัวเขาโยกก่อนจะตอบคำถามได้กวนสุดๆ
“ เออ ขอให้ข้าวต้มลวกปากมึง ” เขาเอ่ยปากตามน้ำไป ก่อนจะเอื้อมมือไปตีแขนไอ้น้องชายที่กำลังเล่นกับหัวของเขาอยู่
“ ฮิๆ ไปละๆ ไปเรียนดีกว่า ” ลากเสียงยาวก่อนจะยิ้มหน้าบานแล้วโบกมือให้ จากนั้นก็หันหลังตรงไปทางประตูหน้าร้าน แปลกว่ะไอ้นี่
“ กินอะไรดีพี่ ” เมื่อสองคนที่ยืนคุยกันอยู่หน้าประตูซะนาน ก็เดินมาที่โต๊ะก็คนที่เป็นน้องสุดจะถามแล้วเดินเข้าไปยังหลังร้าน
“ พี่คิม ” เสียงใสใสเอ่ยทัก ก่อนจะโบกมือให้เขาเป็นการทักทาย คนตัวเล็กที่วันนี้ใส่เสื้อยืดแขนยาวกางเกงยีนส์เดินเข้ามาทักเขา ก่อนจะหันไปโค้งหัวให้กับไวท์
“ มานานยังพี่ ” คนที่เดินมาใกล้ถามก่อนจะหันมองไปทั่วร้านเหมือนสำรวจอะไรสักอย่าง
“ สักพัก มาสายอะดิ๊ ” พอดูเวลาก็พอจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่พนักงานทั่วๆไปควรมาทำงาน คิมก็ถามอีกคนก็จะทำหน้าแหน่เต็มที่
“ จุ๊ๆ เดี๋ยวกัปตันโผล่มา... มินไปเปลี่ยนชุดแล้ว ” เด็กหนุ่มหันมาเอานิ้วชี้แนบปากตัวเองก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปยังหลังร้านเป็นจังหวะเดียวกันที่เด็กหัวเกรียนเดินออกมาพอดี
“ มินนนน ” ทักเสียงดังก่อนจะบ่นตามมายืดยาวแล้วเด็กสองคนก็หายไปยังหลังร้าน โดยที่เค้กในถาดของกัปตันก็กลับเข้าไปอีกครั้งด้วย
หลังจากนั้นชายหนุ่มที่นั่งอยู่โซฟารอของกินก็คุยกันเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดเด็กทั้งสองคนก็เดินออกมาเด็กหัวเกรียนเดินตรงมาทางพวกเขา ส่วนอีกคนก็เดินไปประจำที่หน้าเคาน์เตอร์ตามหน้าที่ของตัวเอง
“ ห้ามชวนออกไปไหนนะ วันนี้จะอยู่ร้าน ” กัปตันพูดขัดคนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธอีกคน โดยที่ไวท์ยังไม่ทันได้พุดอะไรเลย
“ เห้ยยย พี่ยังไม่ได้ชวนเลยนะ ” ไวท์พูดก่อนจะทำหน้านิ่งๆ ไม่อยากจะบอกว่าเขากำลังจะชวนน้องตัวเล็กออกไปเดินห้าง
“ ดูหน้าก็รู้ละ ไม่ๆ วันนี้จะไม่ไป ”
คนที่นั่งมองคนเพื่อนกับน้องคุยกันก็แอบยิ้มไปด้วย ก่อนจะเนียนๆลุกเดินตรงไปยังเก้าอี้ที่เรียงกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์
“ ให้พี่ช่วยทำงานมั้ยจ้ะ ” เอ่ยปากถามด้วยสีหน้าท่าทางทะเล้น ทำเอาคนที่พึ่งเงยหน้ามามองทำหน้าเหวอใส่
“ ไม่ต้องๆ ไม่ต้องเลย ” รีบส่ายหน้าก่อนจะปัดมือเหมือนกำลังไล่เขาออกไป
“ อุส่าหวังดีนะเนี่ย ”
“ ไม่จำเป็นครับบบบ งานมินครับ มินทำเอง ” เด็กหนุ่มหน้าใสยังคงพูดย้ำยืนยันคำเดิมก่อนจะเอามือตบอกตัวเองเบาๆเขาต้องรับผิดชอบงานตัวเองต่อไป
“ เย็นนี้ว่างป่ะ ” เท้าคางบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเอ่ยปากถามน้องที่กำลังก้มหน้าก้มตากับคอม
“ ก็ว่าง .. ทำไมอะ ” คนที่กำลังเปิดโปรแกรมคิดตังก็เอ่ยปากตอบแต่ไม่ได้หันมามองคนถามแต่อย่างใด
“ ไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยดิ ”
“ ห้ะ ดูหนัง ” มินหันมามองคนที่ถามก่อนจะขมวดคิ้ว หนังอะไร ทำไมมาชวนเขาไปดู
“ เออ รอบห้าโมง หนังผี..เบาๆ ” คนที่ชวนรีบบอกรายละเอียดหนังไป ก่อนจะถามย้ำอีกที
“ ไปปะ ”
“ ไม่อะ กลัวนอนไม่หลับ ” ไม่ต้องคิดนานพอรู้ว่าเป็นหนังผีก็แทบไม่อยากไปดู ถึงเขาจะชอบเล่าเรื่องผีบ่อยๆแต่เอาเข้าจริงๆถ้าให้ไปดูหนังนี่คงไม่ไหว ยังไม่พร้อมกับหนังผีในโรงรอบนี้ซะจริงๆ
“ โหยยยย ไรว้า ” คนเป็นพี่โวยขึ้นมา ก่อนจะทุบมือรัวๆลงบนเคาน์เตอร์
“ เดี๋ยวๆๆๆๆ ... คิดว่าที่ทำนี่น่ารักมั้ย ” คนเป็นน้องพอเห็นแล้วก็รีบยกมือขึ้นมาห้ามไว้ก่อนจะขำกับคำถามของตัวเอง
“ เออ น่ารักมากเนี่ยยยย ” คนโดนถามยักคิ้วก่อนจะอมลมเข้าปากแล้วชูสองนิ้วขึ้นมาแนบแก้มทั้งสองข้าง
“ ไปๆ ไปเลยพี่ ไปเล่นที่อื่นเลย ” มินชี้นิ้วตรงไปอีกฝั่งหลังจากที่ไล่อีกคนไป
“ ไอ้บ้า อย่ามาไล่ ” คิมขำก็จะยืนมือไปผลักหัวน้องเบาๆ
“ โม้ น่ารักไม่เท่ามินนี่ต้องมาพูดเลย ” เด็กหนุ่มพูดก่อนจะยักไหล่แล้วก็หันหน้ากลับไปทำงานที่คอมเหมือนเดิม
“ เออครับ กูน่ารักไม่เท่ามึงหรอกก ” คิมบ่นเบาๆก่อนจะชำเลืองมองอีกคน
คนโดนมองไม่ได้ตอบอะไร แค่อมยิ้มน้อยๆแล้วก็ทำงานต่อไปไม่ได้หันมาต่อปากต่อคำด้วย คนเป็นพี่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่นั่งมองอีกคนเงียบๆ ก่อนจะนั่งเท้าคางมองนู้นนี่ไปเรื่อย แล้วก็กลับมาหยุดอยู่ที่เดิมตรงที่เคยมอง คนหน้าใสที่กำลังจดจ่ออยู่กับจอคอมพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วก็คลายออกสลับกันไปกันมาก่อนจะลอบถอนหายใจแล้วพยักหน้าเหมือนคุยกับตัวเองเสร็จแล้วก็หันหน้ากลับมามองอีกคนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์
“ อะไรพี่...มองขนาดนี้นี่กินเข้าไปเลยมั้ย ” คนตัวเล็กเลิกคิ้วถามก่อนจะทำหน้ากวนๆก็เล่นนั่งมองมาตั้งนานไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้นะแค่กำลังทำงานไม่อยากจะจับผิด
“ ไม่ๆ ตัวใหญ่ขนาดนี้ติดคอตายพอดี ” คิมแซวก่อนจะชี้นิ้วล้อน้องไปมา
หลังจากนั้นไม่นานคนในร้านก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ คิมเลยต้องปลีกตัวออกจากหน้าเคาน์เตอร์แล้วย้ายก้นตัวเองกลับมานั่งยังโซฟาที่เดิม
“ จะกลับยัง ” ไวท์หันมาถามหลังจากที่ไอ้น้องหัวเกรียนลุกเดินเข้าไปยังหลังร้านไม่นาน
เพราะคนในร้านเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่อยากจะนั่งเปื่อยๆให้เปลืองที่นั่งร้านเขาเลย ไวท์จึงอาสาออกไปส่งที่ปากทางเข้าคอนโดแล้วมันก็วนรถกลับไปที่ร้านเหมือนเดิม
คนที่ลงจากรถอมยิ้มแก้มปริก่อนจะรีบก้าวเข้าไปยังบริเวณอาคารแล้วเลี้ยวไปยังสวนย่อมของคอนโดที่อยู่ด้านหลัง เลือกนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักพิง
ฮ้า~
ถอนหายใจด้วยอาการสดชื่นสุดๆก่อนจะแขนทั้งสองขึ้นมากอดอกและมองไปยังสวนตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินเวลาบ่ายแก่ๆต้นไม้สูงใหญ่ที่รายล้อมสวนอยู่ดูเขียวสบายตาและแสงส่องประกายสะท้อนออกมาจากใบไม้ของตัวมันเอง ไม่ได้มานั่งมองธรรมชาติก็นอนแล้วหวังว่าต่อไปนี้เขาคงมีเวลามานั่งที่นี้บ่อยขึ้นแน่นอน
‘มองขนาดนี้นี่กินเข้าไปเลยมั้ย’
ประโยคคำถามขำๆพร้อมกับหน้ากวนๆลอยเข้ามาในหัวของคนที่กำลังเคลิ้มไปกับสายลม คิมไม่ได้สับมันออกแต่กับยิ้มไปกับความคิดที่ลอยขึ้นมานั้น จากหนึ่งภาพกลายเป็นสองเป็นสาม จากประโยคเดียวกลายเป็นคำพูดมากมายที่คุยกัน เขาไม่คิดเลยว่าคนที่ตัวเองแกล้งแรงไปขนาดนั้นจะยอมรับคำขอโทษแล้วทำตัวสบายๆกับเขาแบบนี้ เขาได้แต่ขอบคุณฟ้าเบาๆ ที่ยอมให้โอกาสเขาอีกครั้ง วโรดมคนนี้คงไม่กล้าปากเสียไปอีกนาน ถ้าปากพาเขาให้พลาดโอกาสมากมายไป เขาคงต้องเสียใจมากแน่นอน
“ คิดไรเนี่ยๆ… ข้าวมาแล้วๆ ” เสียงจากคนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยพูดขึ้นก่อนจะยื่นมาสะกิดที่แขน หลังจากเลิกงานแล้วเพื่อนตัวเล็กก็โทรไปชวนเขาออกมากินข้าวที่ร้านประจำที่ไอ้คนที่ชวนชอบมากินบ่อยๆ บอกว่าอร่อยเด็ดที่สุดแล้ว
“ ตกลงนี่ชวนมากินทำไม เหงาหรอ ” ครั้งล่าสุดที่เราเจอกันก็หน้าจะหลายวันก่อน ตอนที่โอ๊ตเข้าไปหาเขาที่ร้านหลังจากที่เพื่อนตัวเล็กคนนี้หนีไปต่างประเทศมา
“ นิดหน่อย..นิดๆ ” คนโดนจับได้ทำหน้าจืดก่อนจะเท้าคางแล้วบ่นต่อ
“ นี่ก็ไม่รู้จะทำอะไรไง เรียนก็ไม่อยากเรียน งานก็ไม่อยากทำ มึงก็ทิ้งไปทำงานอีก ” ไอ้คนที่ตัวเล็กแถมหน้าเด็กกว่าผมทำหน้าตางอแงก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นมาเท้าคางเพิ่ม
“ ไม่ต้องมาพูด ไม่ใช่ความผิดกูครับ ”
“ มึงแหละ มึงเลยทิ้งกู ” พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาผลักหัวผม
“ กินข้าวๆ ” ผมสะบัดหน้าม้าด้วยมือก่อนจะกวักมือให้มันกินข้าว มัวมานั่งงอแงอยู่นี่แล้วเมื่อไหร่จะได้กินล่ะ
“ จะไปไหนอีกปะ ” พอกินข้าวเสร็จไอ้ตัวเล็กก็ชวนไปเดินดูกระเป๋าที่มันบอกว่าพึ่งเข้ามาใหม่เป็นคอลเลคชั่นที่มันอยากได้มากที่สุดตอนนี้ พร้อมกับบ่นงอแงว่าจะอ้อนแม่ซื้อให้เขาให้ได้เลย
“ เหนื่อยแล้วววว อยากกลับบ้านแล้ว ” ผมบ่นก่อนจะบิดตัวไปมาแสดงให้เห็นว่ากูกำลังเหนื่อยตัวแทบบิดแล้วครับส่งกูกลับบ้านที
“ ไปๆ เดี๋ยวไปส่งขึ้นแท็กซี่ ” โอ๊ตเดินมาจับแขนก่อนจะลากผมไปทางบันไดเลื่อน
“ ส่งแค่นี้แหละ เดี๋ยวกูกลับแล้ว ” พอเดินออกมาจากประตูห้างผมก็เอ่ยปากบอกเพื่อนที่กำลังจะลากแขนเดินต่อไปอีก
“ ไม่ได้ เดี๋ยวแม่มึงจะด่า ” ส่ายหัวก่อนจะดึงแขนให้เดินตามไปที่ริมฟุตบาทตรงจุดที่แท็กซี่จะมาแวะรับคน
“ รถมาละ ปล่อยๆ ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ารถสีน้ำเงินที่มีป้ายไฟสีแดงขึ้นว่าว่างกำลังแล่นเข้ามาทางที่เรายืน แล้วก็ตีมือคนที่จับแขนไว้ไปสองสามที
“ เออ กลับบ้านดีๆ ..ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วย ” คนที่จับแขนอีกคนมานานปล่อยออกก่อนจะเดินไปส่งที่ข้างรถแล้วปิดประตูให้
คนหน้าใสในรถโบกมือให้ ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไปเข้าถนน คนที่ยืนอยู่ริมฟุตบาทโบกมือให้เช่นกัน พอรถหายไปจนสุดสายตาเขาก็ก้มลงมือของตัวเองแล้วก็ต้องอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อคิดว่ามือข้างนี้พึ่งจะทำอะไรไป อมยิ้มเล็กๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้างอีกครั้ง ยังไม่ถึงเวลาที่เขาอยากกลับบ้านเลย เขายังอยากเดินไปเรื่อยๆ อยากเดินไปกับคนที่พึ่งส่งคนรถเมื่อกี้ไปนานๆ แค่อยากเห็นหน้า แค่อยากได้ยินเสียง แค่อยากอยู่ใกล้ๆให้นานกว่านี้ โอ๊ตก็แค่คิดเท่านั้นเอง
____________________________________________________________
- แง่ววว ต่อแล้วๆ
เมื่อวานไม่ว่างมาต่อเพราะคิดเรื่องไม่ออก โทษทีน้า
ตอนนี้ฉันแอบรัก #ทีมตัวเล็ก เอ๊ะ เดี๋ยว เรานี่ #จะจิ้นคิมมินจนกว่าโลกจะแตก นะ 555555
อ่านกันแล้วเป็นไงเม้าๆได้นะ แต้งกิ้ว
ความคิดเห็น