คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 7 สักวัน
“ โหล ” เสียงคนที่นอนอยู่บนเตียงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปยังปลายสาย
“ เห้ย มึงเป็นไร ” เสียงปลายสายแสนคุ้นหูถาม
“ เป็นเหี้ยไร กูแฮงค์นิดหน่อย ” คนที่นอนเกาหัวอยู่บนเตียงลุกขึ้นนั่งก่อนจะปิดปากหาวกว้าง
“ ห้ะ ไอ้ห่า กูนึกว่ามึงป่วย ” เสียงปลายสายตะโกนด้วยความตกใจก่อนจะพ้นคำด่า
“ เชี่ย กูก็อุส่ายอมให้หยุด มึงให้ฟีฟ่ามาบอกกูว่ามึงป่วยนะสัส คิดหน่อยครับ ” คนรู้ความจริงบ่นยาวๆก่อนจะจะทำเสียงดุเพื่อนปลายสาย
“ เออ แค่นี้นะ ” รีบตัดสายทิ้งก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปเตียงอีกฝั่งแล้วล้มตัวลงนอนที่เดิม
เมื่อคืนพอไปปรึกษาแล้วไม่ได้ไรก็ลงไปใต้คอนโดก็จะหาซื้อไรขึ้นมากินย้อมใจที่ห้องไอ้ฟีฟ่า จำไม่ได้เลยว่ากินไปไม่กี่ขวด พอเช้ามาเขาก็ลุกไม่ขึ้น ฟีฟ่าเลยอาสาจะไปลางานกับไวท์ให้เพราะโทรเข้ามือถือมันแล้วโทรยังไงก็โทรไม่ติด
เคร้ง
เสียงขวดแก้วกลิ้งไปชนกันทันทีที่เท้าของคนบนเตียงเตะไปโดน คนที่กำลังจะก้าวลงจากเตียงชะงักเท้าก่อนจะหันไปมองขวดที่กลิ้งไปมาบนพื้นห้อง ทำไมไอ้ฟ่ามันไม่เก็บวะเนี่ย บ่นในใจก่อนจะเดินไปหยิบถังขยะที่วางอยู่ใกล้ๆประตูมาเก็บขวดแก้วใส่ลงไปทีละขวด กูรู้ละทำไมเมื่อเช้ากูแม่งลุกไม่ขึ้น ถอนหายใจก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่ข้างเตียง บอกเวลาว่าบ่ายสามกว่าแล้ว เขาควรจะกลับห้องตัวเอง นึกได้ดังนั้นก็เดินไปหยิบรองเท้ากับหมวกหอบถุงขยะพะรุงพะรังออกมาจากห้องฟีฟ่า
“ เอ่อ .... ”
“ อะไรนะ! พี่คิมไม่ได้ป่วยหรอ ” เด็กหัวเกรียนที่ตอนนี้กำลังนั่งตรงข้ามพี่ชายถามด้วยเสียงดัง ทำให้คนเป็นพี่ที่พึ่งวางโทรศัพท์ลงต้องเอามือขึ้นมาปิดหูข้างนึงไว้
“ อือ มันสบายดีแค่ขี้เกียจมั้ง ” ไวท์ตอบก่อนจะหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
“ ชิบหายละ ” กัปตันยกมือสองข้างขึ้นมากุมขมับตัวเองก่อนจะสลับหัวไปมาอย่างคนที่อยู่นิ่งไม่ได้
“ เป็นไร ” คนที่เห็นอาการแปลกๆก็ถามขึ้นมาทันที
“ ก็เนี่ย พึ่งยุให้ไอ้มินไปหาพี่คิม ฝากมันไปเยี่ยมไข้แทนอะ ” กัปตันก้มหน้าเอาหัวเขกโต๊ะก่อนจะสะบัดไปมาจนได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่นั่งตรงข้าม ตายๆ ไอ้มินด่าตายแน่
“ พี่คิม ”
เสียงเรียกชื่อดังมาจากใกล้ๆตัว คนที่พึ่งหอบของออกมาจากห้องของน้องหันไปมองตามต้นเสียง สิ่งที่เห็นทำให้เขาสะดุ้งสุดตัวจนรองเท้าที่ถือไว้หลวมๆหล่นตุบลงบนพื้นหน้าประตู
“ มาได้ไง ” คนกำลังตกใจก็รีบก้มลงไปเก็บรองเท้าก่อนจะวางถุงขยะลงแล้วเดินเข้าไปถามคนที่มายืนอยู่หน้าประตูห้องเขา
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนตรงหน้า ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกจึงเอื้อมมือไปหมุดลูกบิดเปิดประตู ทำเป็นไม่สนใจคนที่กำลังยืนมองเขาอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนยุ่ง
“ เข้ามาก่อนดิ ” เจ้าของห้องเดินนำเข้ามาก่อนจะรีบเดินไปเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แล้วเอาหมวกไปวางที่ชั้นวางของ
“ กัปตันบอกว่าพี่ไม่สบาย ” คนที่เดินเข้าห้องมาเงียบพูดขึ้นหลังจากพิจารณาดูแล้วว่าสภาพของคนตรงหน้าเขาไม่เหมือนคนป่วย แต่เหมือนคนนอนไม่พอหรืออะไรพวกนั้นซะมากกว่า
“ อ่อ เอ่อ..คือ..คือพี่ปวดหัวนิดหน่อยอะ ” คนตั้งตัวไม่ทันตอบออกไป นี่นอกจากไอ้ฟ่าจะหลอกไอ้ไวท์และยังหลอกกัปตันด้วยหรอวะ
“ ก็ดูสบายดีหนิ งั้นมินกลับละ ” คนที่ยืนอยู่ใกล้ประตูพูดขึ้น ก่อนจะวางถุงหูหิ้วที่ภายในมีของกินหลายอย่างที่เขาพึ่งแวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาลงบนโซฟาและหมุนตัวกลับไปยังประตู
“ เดี๋ยวดิ ” พอเห็นท่าว่าคนที่พึ่งมาถึงกำลังจะกลับ คิมก็รีบกระโดดไปยืนพิงประตูไว้ก่อนจะผลักคนที่มาเยือนเบาๆให้ถอยออกจากประตู
“ พึ่งมาเองนะ จะกลับแล้วหรอวะ ” ยืนกอดอกพิงประตูปากถามไป แต่ตานี่มองพื้นวนไปวนมา
“ ก็เขาฝากมาเยี่ยมไข้ ถ้าสบายดีแล้วจะอยู่ทำไมอะ ” คนตัวเล็กตอบก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างถุงหูหิ้วแล้วหันกลับมามองหน้าคนที่ยืนบังประตูเอาไว้
“ ก็ยังไม่อยากให้กลับ ” คนที่ยืนมองพื้นมานานเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะสบกับตาคู่หวานที่เขามองทีไรก็คิดว่าสูญเสียความเป็นตัวเองไปทุกที ริมฝีปากบางไม่ได้เอ่ยคำตอบใดใดกลับมาเพียงแต่พยักหน้าแล้วหาอะไรในถุงที่พึ่งซื้อมาออกมากิน
“ เรื่องที่พี่ขอโทษอะ มินไม่โกรธก็ได้นะ ” ประโยคคำพูดหลุดลอยออกมาจากริมฝีปากบางที่ตอนนี้เจ้าของดวงหน้าสีขาวนวลกำลังจับจ้องสายตาไปที่รายการเพลงในทีวี หลังจากที่ในห้องตกอยู่ในความเงียบมานานจนหน้าอึดอัด
“ แต่มินไม่เข้าใจ ..” ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาแล้วหันไปมองคนที่อายุมากกว่าที่นั่งกอดหมอนอยู่ถัดจากเขาไปเล็กน้อย
“ ทำไมพี่คิมมาขอโทษอะ...ดูท่าทางไม่น่าจะคิดได้ โอ้ย! ” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี หมอนที่โดนกอดก็ลอยมากระแทกที่หัวของเขา ก่อนจะตามมาด้วยคำพูดของคนที่โยนมันมา
“ รู้งี้ กูไม่ขอโทษหรอกครับ ”
“ ล้อเล่นเอง.. แต่อยากรู้จริงๆนะว่าทำไมอยู่ๆมาขอโทษมิน ทั้งที่พี่แม่งก็กวนมินมาตั้งแต่แรกแล้วอะ ” คนน้องดึงเอาหมอนลงมากอดแทนแล้วก็หันไปถามคำถามเก่าซ้ำ ย้ำให้รู้ว่าเขาอยากรู้จริงๆ
“ ก็เปล่า ไม่มีไรมากสักหน่อย..แค่ไม่ชอบทำคนอื่นร้องไห้ ” คนโนถามทำหน้าไม่ถูกก่อนจะตอบออกมาแล้วลุกจากโซฟาเดินหาเข้าไปยังห้องครัวแทน
“ ใครร้อง ไม่มี๊ ” เสียงสูงดังมาจากโซฟาทำเอาคนที่กำลังเปิดตู้เย็นอยู่ต้องรีบตะโกนกลับ
“ หรออออ ร้องเป็นตุ๊ดเลยอะนะ ”
“ เห้ยพี่ ” ตะโกนเสียงดังก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามายังห้องครัวที่มีอีกคนกำลังยืนกินน้ำอยู่หน้าตู้เย็น
“ ก็จริงนี่หวา ”
“ ไม่โว้ยยยย ” เด็กอายุน้อยกว่าเดินกลับไปยังห้องรับแขกแล้วกระโดดตัวขึ้นไปนั่งบนโซฟาดังเดิม
“ สรุปหายโกรธแล้วใช่มั้ย ” คนที่เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับกระป๋องน้ำอัดลมในมือถามขึ้นเมื่อเห็นว่าท่าทางของคนตรงหน้าดูสดใสขึ้น
“ คงงั้นมั้ง โกรธนี่ไม่นั่งอยู่นี้แน่ๆ ” ไอ้เด็กหน้าหวานตอบพร้อมกับยักไหล่แล้วดึงเอากระป๋องน้ำอัดลมไปจากมือเขา
“ ดีละ ต่อไปนี้จะพยายามไม่ปากหมาใส่แล้วกัน ” คนยอมรับผิดนั่งลงข้างๆก่อนจะเปิดกระป๋องแล้วยกน้ำอัดลมขึ้นมาดื่มไปพลางๆ
“ ขอให้จริงเถอะ ”
“ แต่กูอยากรู้จักมึงมากกว่านี้อีกนะ ” คนเป็นพี่หันมาบอกก่อนจะยกยิ้มให้น้องที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“ เออ ”
เด็กหนุ่มหน้าใสขานตอบในลำคอก่อนจะยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาดื่มเช่นกัน หวังว่าคนตรงหน้าจะพูดความจริงและหวังว่าความเชื่อลึกๆในใจเขาตอนนี้ จะไม่ทำให้เขาต้องผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สอง เขาคิดว่าเขาเชื่อใจพี่คนนี้ได้...ก็เท่านั้นเอง
เมื่อเห็นคนเป็นน้องยิ้มออกมา เรื่องที่คิดมากมาทั้งคืนก็หายไป เขาไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่แต่ความรู้สึกของเขามันกำลังตอบคำถามของตัวเขาเองได้เป็นอย่างดี ทุกเรื่องที่เขาอยากรู้เขาหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว เขาเพียงแค่หวังว่าสักวันความรู้สึกแบบนี้คำตอบพวกนี้จะได้มีโอกาสถูกส่งผ่านไปให้อีกคนรับรู้บ้าง...สักวัน
- อีกคนให้เป็นพี่ แต่อีกคนคงไม่อยากเป็น
ตอนนี้สั้นไปมั้ยอะ 55555 คิดอะไรน่ารักๆไม่ค่อยออกนี่จ้องจะพาดราม่าอย่างเดียว
เป็นไงเม้าต่อได้เลยนะ เราอยากรับฟัง จุ้บๆ
แต้งกิ้วคอมเมนต์และคนอ่านทุกคนอีกที รักมาก นี่สามร้อยวิวแอบดีใจเบา > <
แอบถาม : มีใครอยากเม้ากับเรามั้ย เดี๋ยวไปตั้งแอคทวิตเพื่อการนี้โดยตรงเลยดีปะ? 555555
mx -xine
ความคิดเห็น