คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 6 ไม่สบาย
ปิ๊งป๋อง
เสียงประตูเตือนเมื่อมีคนเข้ามาภายในร้าน คนที่กำลังมองหาหนังสือแต่งห้องเล่มใหม่อยู่ก็ไม่ได้หันไปดู เขาไม่ให้เจ้าของร้านจะหันไปทำไมกัน
‘ เล่มนี้น่ารักดี ’ คนตัวเล็กวางเล่มในมือลงที่ชั้นเดิมก่อนจะเดินไปหยิบเล่มที่อยู่ใกล้ๆอีกเล่มมาดู แต่ด้วยเงาอะไรเคลื่อนไหวที่หน้าประตูจนเขาต้องเหลือบหันไปมองทางหน้าร้าน ภาพที่เห็นผู้ชายใส่หมวกสแนปแบคใบคุ้นตากำลังก้มหน้าก้มตาทำเหมือนกำลังดูตุ๊กตาหมีที่หน้าร้านก่อนจะรีบเดินหายไปยังซอกของอีกฝั่งนึง
พอรู้ว่าใครเข้ามาในร้านก็ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกมินรีบเดินออกมาจากร้านเพราะกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะเห็นเขาเข้า เขาไม่อยากโดนแกล้งหรือโดนอะไรอีก เมื่อคืนก็กว่าจะหลับลงสภาพมองกระจกเมื่อเช้าเหมือนศพเปื่อยๆกำลังเดินยังไงยังงั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าทำไมกัปตันถึงมาถามเขา ขนาดเห็นตัวเองมินยังยอมรับเลยว่าไม่โอเคแค่ไหน
” เห้ย มิน ” สองเท้าที่กำลังรีบก้าวตรงไปยังร้านที่เพื่อนสนิทอยู่ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเอง ยังไม่ทันที่จะหันไปมองก็ถูกมือหนามากระชากที่แขนให้หันไปสบตา คนที่ดึงแขนเขาไว้กำลังสายตาวูวไหวเหมือนกำลังคิดบางอย่างก่อนจะเอ่ยปากพูด
“พี่ขอโทษ เรื่องเมื่อวานอะ ขอโทษ ” คนพูดคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมามือที่กำแน่นอยู่ที่แขนของเขาก็เริ่มชื้นขึ้น คนขอโทษก้มหน้ามองพื้น
“ เมื่อวานแม่งไม่ได้ตั้งใจ ” และพูดประโยคต่อมาอย่างไม่รอช้า แต่ยังคงก้มหน้าก้มตามองพื้นต่อไป
“ รู้เว้ยว่ามันแย่มาก แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ”
“ พี่.. ”
“ พูดขอโทษแบบไม่มองหน้า นี่เชื่อได้แค่ไหน ” เด็กหนุ่มที่มองคนตรงหน้ามาตั้งแต่โดนดึงแขนจนตอนนี้ผู้ชายตรงหน้าไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกันดีๆสักที เอาแต่ก้มหน้าแล้วแบบนี้เขาควรจะเชื่ออะไร เชื่อพื้นที่พี่แกกำลังมอง หรือรองเท้าที่อยู่ตรงนั้น
“ เออ ขอโทษ ” คนตัวสูงยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดแต่สายตากลับมองไปทางอื่น
ไม่มีคำพูดใดใดออกมาจากคนที่แขนถูกกำไว้ก่อนแน่น มินยังคงยืนนิ่ง มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแล้วเวลาแบบนี้เขาต้องทำยังไง ไม่ได้คิดไว้ว่าถ้าคนๆนี้จะมาขอโทษเลย
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายืนนิ่งเงียบไป คนที่พยายามหลบตาก็หันมามองก่อนจะสบเข้ากับสายตาคู่หวานที่กำลังมองมาที่เข้าอยู่เหมือนกัน ก่อนจะพูดย้ำให้อีกคนได้รู้ถึงจุดประสงค์ที่เขาต้องการจะบอกจริงๆ
“ พี่ขอโทษ ”
“ ลงไปเลย ส่งแค่นี้แหละ ” เสียงใสของเพื่อนที่นั่งข้างๆพูดขึ้นก่อนที่เขาจะลงจากแท็กซี่มา
“ เออ กลับบ้านดีๆนะ ” มินหันไปโบกมือลาก่อนจะเห็นว่ารถเขียวเหลืองวิ่งไปแล้วก็เดินเข้าซอยบ้านของตัวเอง
หลังจากที่พี่คิมพูดย้ำคำขอโทษสองสามรอบ เขาก็ทำแค่ยืนนิ่งฟัง ไม่นานโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงจะดังขึ้น มินรับโทรศัพท์จากกัปตันที่กำลังตามหาเขาอยู่ก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปยังสถานที่ที่เพื่อนบอกโดยไม่ได้หันกลับมองคนที่ดึงแขนเขาไว้อีก
แล้วจะให้เขาทำยังไง ถึงจะรู้สึกดีที่เขารู้สึกผิด มาขอโทษแต่ในใจมันก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี ต่อให้ใครบอกว่าเขามาขอโทษแล้วก็หายสิ พูดหน่ะมันพูดง่ายแต่โดนมาขนาดนี้จะให้ไปยิ้มร่าเบิกบานกระโดดกอดคอมันก็ไม่ใช่ปะ ขอเวลาทำใจสักพัก จะบอกว่าเขาทำตัวไม่ถูกเรียกแบบนั้นก็ได้
“ กลับบ้านเร็วจัง แม่นึกว่าจะกลับดึกๆซะอีก ” พอเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้าน ก็พบกับแม่ที่กำลังนั่งปลูกต้นไม้อยู่สวนหน้าบ้านกับคุณป้าแม่บ้าน
“ เห็นมินเป็นคนยังไงเนี่ยแม่ ” เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจสะบัดเรื่องในหัวออกแล้วเดินตรงไปหาแม่ตัวเองก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้างๆ
“ ทำไมหน้าแย่ขนาดนี้ ดูสิตำมากเลย เมื่อคืนไปทำอะไรมามิน ” พอนั่งลงใกล้ๆคนเป็นแม่ที่พึ่งหันมามองหน้าลูกชายก็ต้องขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมาปัดผมที่ตกลงมาปกหน้าของลูกชายออกเพื่อดูชัดๆ
“ นอนดึกอะแม่ อ่านการ์ตูนนิดหน่อย ” มินรีบหันหน้าไปทางป้าแม่บ้านเพื่อขอกระถางดอกไม้ เขาลืมไปเลยว่าหลบหน้าแม่มาตั้งแต่เช้าแล้วเพราะกลัวแม่จะถามถึงเรื่องนี้
“ แน่นะ... ไม่ใช่โดนสาวบอกเลิก ร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ยอมบอกแม่นะ ” แม่พูดแซวเมื่อรู้ว่าลูกชายกำลังพยายามทำตัวกลบเกลื่อน
“ ป่าววว ไม่มีแม่ ” คนโดนแซวรีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะตักปุ๋ยมาใส่ในกระถางใบเล็กที่ถืออยู่
“ ไม่มีสาว ... หรือแอบไปคบหนุ่ม ” คุณแม่ยังสวยหันมาเลิกคิ้วพร้อมกับอ้าปากค้าง
“ บ้าหรอแม่ มินแมนนะ ” ลูกชายได้ยินคำถามแม่ก็มือไม้อ่อนก่อนจะรีบวางกระถางต้นไม้ลงที่เดิม
“ เข้าบ้านดีกว่า ร้อนมากเลยเนี่ย ” ยกมือขึ้นมาพัดๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าบ้าน เสียงหัวเราะของแม่ดังตามหลังมา นี่ขนาดในสายตาแม่เขายังดูไม่แมนอีกหรอเนี่ย
ก๊อก ก๊อก
เสียงคนเคาะประตูดังขึ้น เด็กหนุ่มที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเด้งตัวขึ้นก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตู
“ กินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย กูเหงา ” และไม่ใช่ใครที่มาเคาะดึกดื้นขนาดนี้ พี่ชายข้างห้องเดินเข้ามาก่อนจะวางถุงโจ๊กลงบนโต๊ะ
“ กี่โมงกี่ยาม มาชวนกินข้าว ” เจ้าของห้องตัวสูงเกาหัวก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อไปเอาถ้วยกับช้อน
“ เออ กูรู้ว่ามึงก็กินอยู่ดี ”
ตอนที่คิมเข้ามาอยู่ที่คอนโดนี้เมื่อสองปีก่อนฟีฟ่าก็อยู่ห้องข้างๆนี้อยู่แล้ว วันแรกที่ย้ายของเข้ามาไอ้เด็กคนนี้ก็เป็นคนช่วยไปยกของ หลังจากนั้นเราก็ถือว่าเป็นพี่เป็นน้องกันเวลามีอะไรฟีฟ่าก็จะไปหาเขาที่ห้องตลอด เช่นเวลาที่มันไปดูหนังผีแล้วกลัวจนนอนไม่หลับ หรืออยากดูบอลแต่ดึกแล้วกลัวหลับก็จะขอนั่งดูที่ห้องด้วย มีบางทีผมก็ต้องมาเคาะประตูมันถี่ๆเวลาเจอแมงสาปบินในห้องครัว
“ เล่นเกมป่ะ ” คนเป็นน้องหันมาถามหลังจากหายไปในครัวเพื่อล้างถ้วยชามที่พวกเขาพึ่งใช้ไป
“ ไม่ๆ ” คนเป็นพี่ส่ายหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงทอดตัวบนโซฟาตัวยาว เขาแค่ไม่อยากอยู่ในห้องคนเดียวบอกตรงๆเขากลัว กลัวความคิดของตัวเองจะกระเจิง ทุกอย่างมันตีกันปนเปไปหมดอยู่คนเดียวมีหวังได้เป็นบ้ากับการเถียงตัวเองแน่ๆ
“ ช่วงนี้เป็นไร หน้าพี่แม่งโคตรแย่อะ ” คนเป็นน้องที่เห็นพี่แปลกๆมาหลายวันก็พอจะเดาออกว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
“ กูเนี่ยนะ หล่อทุกวันหนิ ” คนโดนจับผิดเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผาก ก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง
“ มึงคิดว่าคนเราแม่งจะชอบกันได้มั้ยวะ ”
“ ตลกละพี่คิม มีแฟนมากี่คนแล้ว จะมาถามอย่างนี้อีก ” สองปีที่ผ่านมาพี่ชายข้างห้องมีแฟนมาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่คน แต่ละคนนี้เด็ดๆทั้งนั้นแต่สุดท้ายพวกเธอทั้งหมดก็เป็นคนบอกเลิกพี่ชายของเขาเอง
“ เออ นั้นดิเนอะ ”
“ ทำไม จะไปจีบใคร ”
“ แล้วถ้ากูชอบผู้ชายหล่ะวะ ” ไม่ได้คำถามของน้องเลยด้วยซ้ำ เมื่อความอัดอั้นตันใจทำให้คนที่นอนอยู่พลั้งปากออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้เด็กที่กำลังหันมามองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ
“ พี่ว่าไรนะ ” คนได้ยินไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ ถ้ากูชอบผู้ชาย ... จะยังไงวะ ” และคำถามที่สองก็ชี้ชัดเจนว่าครั้งแรกที่เขาได้ยินน่ะถูกแล้ว ฟีฟ่าแทบหน้ามืดไม่เคยคิดมาก่อนว่าพี่ข้างห้องจะเปลี่ยนแนว ถึงพี่จะตัวเกตัวบางแต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น
“ พี่แน่ป่ะ ”
“ ไม่รู้เว้ย โว้ยยยย ” คนที่นอนอยู่บนโซฟาขยี้หัวตัวเองก่อนจะดิ้นไปมาบนเตียง ไม่สงสัยหรอกว่าน้องมันจะถามทำไม เพราะเขาเองก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เลย ที่เป็นอยู่แบบนี้เป็นเพราะอะไร ที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ไปปากไม่ดีใส่คนอื่นแบบนั้นมันไม่มีเหตุผลเลย
“ ไม่เห็นเป็นไรเลยพี่ ... ก็มองแค่เขาเป็นคนที่เราชอบดิ จะไปมองทำไมว่าเขาเป็นอะไร ไม่เห็นต้องใส่ใจขนาดนั้นเลย ” คนที่ตั้งสติได้ก่อนพูดขึ้น แล้วเอื้อมมือไปตบบ่าพี่ชายที่ดิ้นไม่ยอมหยุด
“ แล้วถ้าเขาไม่ชอบหน้ามึงอะ เขาแม่งไม่อยากรู้จักมึงด้วยซ้ำ เจอทีไรมึงก็ไปด่าเขา ทำเขาร้องไห้ทั้งๆที่พึ่งเจอกันหละ ” คำถามเป็นร้อยผุดขึ้นมาในห้องของคนที่กำลังฟุ้งซ่านเขาไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้จะเรียกว่าอะไร ใครจะเข้าใจขนาดตัวเขาเองยังไม่เข้าใจมันเลย นี้เป็นครั้งแรกที่เขาสับสนจนไม่รู้จะหันไปปรึกษาใคร
“ แต่พี่ก็ชอบเขาไปแล้วหนิ ”
“ แล้วแค่นั้นจะไปล้างความผิดได้ยังไงวะ ” เอ่ยปากตอบทันทีที่น้องพูดยังไม่ทันจบ
“ ก็ไปขอโทษดิ คนเรารู้สึกผิดก็ต้องขอโทษ ”
“ กูไปแล้ว แต่เขาไม่พูดอะไรเลย ” คิมลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยปากตอบ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนสุดท้ายที่จับแขนคนตัวเล็กไว้ตอนนั้นเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แล้วคนที่ฟังคำขอโทษของเขากำลังคิดอะไรอยู่เขาไม่รู้มันด้วยซ้ำ
“ กูควรทำยังไงต่อไปวะ ”
ติ้งต่อง
เสียงประตูร้านถูกผลักเข้ามาก่อนจะตามมาด้วยเสียงทักทายอย่างสดใสจากพนักงาน
“ สวัสดีครับ ”
“ ขอโทษนะครับ นี่ใช่ร้านเค้กของกัปตันปะครับ ” ลูกค้าตัวสูงหน้าเข้มเดินเข้ามาถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ก่อนจะได้คำตอบว่าที่นี้แหละคือที่ที่เขากำลังถามหา
“ ฟีฟ่า ” เสียงเรียกชื่อทำคนถกเรียกสะดุ้งก่อนจะโบกมือให้คนที่ทักเขา
“ ว่าไง ” เจ้าของร้านตรงเข้าไปหาน้องข้างห้องของพี่ชายตัวเล็ก เขาสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วเขาเคยไปเรียนทำอาหารที่เดียวกัน กัปตันจำได้ว่าเจอฟีฟ่าไม่ถึงสิบครั้งหลังจากนั้นฟีฟ่าก็ไม่เข้าเรียนคลาสนั้นอีกเลย
“ ว่าจะมาหาพี่ไวท์ พี่คิมบอกถ้าอยากเจอให้มาที่นี้ ” พอฟีฟ่าเอ่ยชื่อพี่ชายที่ฝากเขามาทำธุระแทน พนักงานที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก็หันมามองก่อนจะรีบหลบสายตาไป
“ อ้อ นู้นๆ นั่งอยู่นั้นอะ ” กัปตันมองหาร่างของคนตัวสูงก่อนจะชี้ไปหาเมื่อเห็นว่ากำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง
“ อ้อ งั้นเดี๋ยวมานะ ” คนตัวสูงขอตัวแล้วเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับพี่ชายที่เขาก็รู้จักเช่นกันเพราะเคยเจอกันตอนที่พี่ไวท์ไปเล่นเกมกับพี่คิมอยู่บ่อยๆ
‘ พี่คิมฝากมาลาอะพี่ ‘
‘ มันเป็นไรวะ ’
‘ บอกว่าคืนนี้คงไปไม่ไหว ปวดหัวมากๆเลยขอพัก ’
‘ แล้วมันเป็นไรวะ ’
‘ ฟ่าก็ไม่รู้เหมือนกัน อกหักมั้ง ’
นั้นคือสิ่งที่มินได้ยินมาจากบทสนทนาของคนสองคน เขาไม่ได้ไปแอบฟังนะ แค่เดินผ่านๆไปก็เท่านั้น หลังจากที่กลับมาประจำที่เดิมคนที่ชื่อฟีฟ่าก็เดินมาลากัปตันก็จะหันายิ้มให้เขาแล้วเดินออกจากร้านไป
“ กัปตัน เห็นโทรศัพท์พี่บ้างมั้ย ” พี่ไวท์เดินมาถามหาโทรศัพท์ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองซ้ายขวาหาก็ไม่เจอ
“ อยู่บ้านมั้ย เมื่อเช้าเห็นพี่ชาร์ต ”
“ แน่เลยหวะ ถึงว่าใครโทรหาก็ไม่ได้ ” พี่ไวท์ทำหน้าเซงก่อนจะลากน้องหัวเกรียนให้พากลับบ้านไปเอาโทรศัพท์ฒือถือที่ตอนนี้คงนอนอยู่บ้านเตียง
‘ ฟ่าก็ไม่รู้เหมือนกัน อกหักมั้ง ’
ประโยคคำพูดของผู้ชายที่เขาพึ่งเจอหน้าครั้งแรกยังคงดังก้องอยู่ในหัว
ไม่ได้หลงเรื่องนะ แค่จะมาบอกว่าสองคนนี้คงกลับบ้านไปหาโทรศัพท์จนดึกแน่ๆเลย -,-//
ใจเย็นๆกันนะ เดี๋ยวก็คงเขาใจกัน 55555
ก็ดูพี่คิมดิ พอจะจริงจังก็ป็อดซะ น้องก็งอนไปดิ
ตอนหน้ามาลุ้นกันนะว่าจะไงต่อ
แต๊งกิ้วนักอ่านและคอมเม้นทุกคนนะคะ ;D
ความคิดเห็น