คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 4 ขัดใจ
แกร๊ก
เจ้าของห้องหมุนลูกบิดประตูก่อนจะ
“ เซอร์ไพรส์ ” เสียงร้องดังก่อนหน้าของเด็กหนุ่มข้างห้องจะปรากฏตัวในมือมันกำลังถือจอยเกม บนโต๊ะก็มีห่อขนมวางอยู่เต็ม
ทำเอาคนที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาต้องถอยออกไปมองหมายเลขห้อง
“ เมื่อเช้าพี่ลืมล็อคห้องอะ ฟ่าก็เลยเข้ามาเลย ” เด็กข้างห้องบอกพร้อมกับหน้าตาที่เบิงบากอารมณ์ แล้วหันกลับไปทางจอทีวี
“ สัส กูก็นึกว่าเข้าห้องผิด ”
“ พี่คิมห้ามโกรธนะ ” ในปากกำลังเคี้ยวขนมอยู่ตาก็ยังมองที่จอ แหม คำถามดูแคร์คำตอบกูมาก
“ ตามบาย ” คิมตอบก่อนจะเขวี้ยงหมอนที่วางอยู่ข้างๆฟีฟ่าไปลงที่หัวของเด็กติดเกมแทน
ก่อนจะตรงไปยังประตูห้องนอนแล้วกระโดดลงบนเตียงอย่างผ่อนคลาย
“ เดินเหมือนจะตาย เป็นไรวะ ” ฟีฟ่าพูดกับตัวเอง เขารู้ตั้งแต่เห็นสีหน้าของพี่ชายข้างห้องเปิดประตูเข้ามาแล้วว่าต้องมีอะไรแปลกๆ ท่าทางแบบนี้ ไหนจะไม่เล่นเกมกับเขาอีก ยิ่งทำให้รู้ว่าคนที่เดินเข้าไปในห้องนอนกำลังมีเรื่องกังวล
หน้าต่างบานใหญ่ช่วยบอกให้คนที่พึ่งกลับห้องมารู้ว่าดึกแล้ว เงยมองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงก็แสดงเวลาว่าทุ่มกว่าๆแล้ว ถึงวันนี้จะต้องไปร้องเพลงที่ร้านของเพื่อน แต่เขาเลือกที่จะนอนหลับตาก่อนจะคิดว่าค่อยไปสองทุ่มก็ทัน
เพียงแค่หลับตาลงภาพเด็กผู้ชายหน้าใสอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนยืนยิ้มกว้างจนทำให้ตาหวานๆถูกปิดเหลือเล็กลงก็ลอยเข้ามาในหัว เสียงหัวเราะที่เขาได้ยินเพียงเบาๆก็ตามมา ปกติถ้าเขาเห็นแบบนั้นเขาคงกำลังยิ้มไปกับความคิดแล้ว แต่วันนี้มันไม่ใช่ ยิ่งนึกถึงยิ่งหงุดหงิด ยิ่งคิดว่าคนที่ทำให้เด็กคนนั้นแสดงอารมณ์มากมายต่างๆนานาออกมา ไม่ใช่เขา มันก็ทำให้แทบหายใจไม่ออก อึดอัดไปหมด
โอ้ยยยยย
เสียงร้องด้วยความหงุดหงิดหลุดออกมาจากความคิดมือคว้าหมอนใบใหญ่มาอุดหน้าตัวเองหวังให้ภาพเหล่านั้นหายไป ขาสองข้างถูกเหวี่ยงลงเตียงขึ้นลงด้วยความหงุดหงิด ถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้เขาคงเหมือนกับเด็กที่อยากได้ปลาโลมา
โว้ยยยยยยยยยยยย
ติ้ดติ้ด ตี้ดดดดด ติ้ด
เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น ทำให้คนที่นอนอยู่ต้องพลิกตัวไปมาด้วยความขี้เกียจ เขายังไม่อยากตื่นเลย
“ มิน มินลูก ตื่นได้แล้วนะ ” คนที่พึ่งจะเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนาฬิกา แทบคลั่งเมื่อแม่เดินมาเคาะประตูปลุก
“ ค้าบบบบ ” คนที่ยังไม่อยากตื่นยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะงัวเงียล้มลงไปนอนอีกที
“ สายยยยย กูจะหักเงินเดือนนนนนน ” วินาทีที่เปิดประตูร้านเข้ามา เสียงเจ้าของร้านตะโกนลั่นก่อนจะลากเสียงยาวๆเป็นการทำทีว่าจริงจัง
“ ร้องดังทำไม หนวกหู้ววววววววววว ” ไม่ใช่เสียงของคนที่สายแต่เป็นเสียงของไอ้หัวเห็ดซิงที่กำลังเช็ดหน้าต่างตะโกนตอบกลับพร้อมกับเสียงสูงๆแบบเดียวกัน
“ พวกมึง ตะโกนเหี้ยไรเนี่ยยยย ” คนตัวโตหันมาบ่นพร้อมกับเอามือปิดหู
“ ไม่ตอบมาพูด มึงอะเมื่อวานก็โดดงาน ไอ้ชัพ กูจะหักเงินเดือน ” กัปตันเดินมาใกล้ๆก่อนจะฟาดมือลงที่แขนของคนโดดงานดังป้าบ
“ เด็กมอปลายนี่เสียงดังกันจังเลยนะ ” คนถือถาดเค้กที่พึ่งอบเสร็จออกมาจากหลังร้านพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มพูดก่อนจะโค้งรับไหว้น้องๆ
“ เนอะพี่เกม บางทีกัปตันควรจะคิดใหม่ว่าจะไล่พวกมันออกดีรึเปล่า ”
“ หรา! ” เสียงประสานดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยผ้าเช็ดโต๊ะเช็ดหน้าต่าง ไม้กวาด ไม้ถูพื้นเขวี้ยงไปใส่เจ้าของร้านของเล็ก แล้วพนักงานทั้งร้านก็หัวเราะเสียงดังสื่อว่าเกรงกลัวเจ้าของร้านมากแค่ไหน
18.00
“ เมื่อวานไปไหนมา ” เพื่อนตัวสูงเจ้าของร้านถามด้วยสีหน้านิ่ง
“ กูขอโทษ กูจะไม่ทำอีกแล้ว ” คนที่รู้สึกผิดตั้งแต่ตื่น แทบจะเอาหัวโขกกำแพงห้องตายเมื่อรู้ว่าตื่นมาก็เกือบเที่ยงแล้ว เมื่อคืนเผลอหลับไปดีที่หมอนไม่อุดจมูกตาย วันนี้เลยตั้งใจมาที่ร้านโดยเร็วแต่ติดตรงที่รถเจ้ากรรมนายเวรดันสตาส์ทไม่ติดต้องโทรตามช่างมาดูแล้วเอาเข้าอู่ไป กว่าจะได้ออกมาก็เกือบพระอาทิตย์ตก
“แม่งโทรไปเป็นร้อยๆสาย ” คนที่เดินนำขึ้นบันไดมาทั้งเดินทั้งบ่น จนคนที่ตามต้องรู้สึกผิดไปอีก
“ กูขอโทษษษ กูไม่ได้ยิน ”
“ ไม่ยกโทษให้หรอก ไม่มีทาง ” ไวท์หันมาตะโกนเสียงดังก่อนจะหันไปหัวเราะเดินตรงไปที่หน้าเวที
“ ไอ้ไวท์ ไอ้.... ไอ้หล่อ ไอ้รวย ไอ้.... โอ้ยยย ด่ามึงว่าไรได้บ้างวะ ” พอจะด่าเพื่อนสนิทก็ต้องคิดหนัก เมื่อคิดข้อเสียมันแทบไม่ออก คนเหี้ยไรไม่มีอะไรให้เอามาด่าได้เลย
“ ด่างี้ กูก็เจ็บดิ ฮะฮ่า ” พูดขึ้นก่อนจะเอามือขึ้นทุบอกตัวเอง กูขอให้มึงเจ็บจริงๆเถอะ
“ ไปเลยนะ ไปเลย ” เมื่อความหวั่นไส้เข้ามาบังตา คิมก็ยกขาขึ้นมาเตะตูดก่อนจะกระโดดถีบเบาๆให้อีกคนหลบไป เพื่อเขาจะได้เตรียมเพลงและเตรียมตัวร้องเพลงคืนนี้
“ อย่าๆๆ เออๆ เดี๋ยวกูลงไปเช็คของแล้ว ” ไวท์วิ่งหลบเท้าอีกคนไปมาก่อนจะยกมือขึ้นยอม แล้วก็รีบเดินลงบันไดไปยันชั้นล่างตามที่บอก
เธอเข้ามากระชากหัวใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกัน
อยากจะสานสัมพันธ์กับเธอต่อไปให้ยาวนาน
อยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ หยุดประเดี๋ยวนี้ ตอนที่เราจ้องตาเป็นมัน
พร้อมกับส่งสัญญาณว่าฉันชอบเธอ ~
เสียงที่คุ้นเคยกับบรรยากาศเดิมๆกลับมาอีกครั้ง ดาดฟ้าที่ตอนนี้มีแสงจากโคมไฟประดับประดาไปทั่วบริเวณ ผู้คนกำลังทยอยขึ้นมายังชั้นนี้เพื่อมาดื่มดำกับสายลมและจ้องมองดวงดาวจากตรงนี้
แต่แล้วฝันมันก็สลายไปในพริบตา
เมื่อมีคนนึงเดินเข้ามา จับมือเธอแล้วเดินจากไป…
ไม่อยากจะขัดใจตัวเอง ที่มันชอบเธอไม่ให้ชอบเธอก็คงเป็นไปไม่ได้
เพราะใจมันคิดไปไกลยากที่จะดึงกลับแล้ว จำเป็นต้องขัดใจตัวเอง
ข่มตาลงแล้วหันหลังกลับ บอกใจว่าไม่เป็นไร คิดว่าเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆไป
เสียงกีต้าสอดประสานไปกับสายลม วันนี้เพลงรักเศร้าๆกับการคลุกเคล้าอารมณ์ของเขาเข้าไปด้วยแล้วนั้น บอกเลยโคตรอิน
คนบนเวทีหลับตาพริ้มร้องเพลง ในยามราตรีนี้ เขาอยากเพียงแค่จะจมไปกับความคิดของตัวเอง อยากขอให้สายลมพัดเขาไปให้ล่องลอยบนฟ้าผืนกว้าง ถ้ามันจะเศร้าก็ต้องมีน้ำตา และถ้ามันจะเจ็บมันก็ต้องเจ็บเจียตายกว่านี้
22.00
วู้วววว แปะๆๆๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากคืนนี้เวลาล่วงเลยมานานนับเพลงที่แขกได้ฟังไปในวันนี้ก็เกือบยี่สิบเพลงวนเวียนไปตามแบบฉบับของนักร้องคนเดิม
“ ขอบคุณครับๆ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ อย่าลืม ใครที่กำลังอกหักรักตุ๊ด พึ่งรู้ว่าแฟนเป็นเกย์ บอกเลยนะครับ อย่าให้ใครมาทำเราเจ็บช้ำได้นอกจากตัวเราเอง รักตัวเองให้มากๆเข้าไว้ แล้วเราจะผ่านมันไปได้ เค๊ ” พูดฝากทิ้งท้ายก่อนจะโค้งให้กับคนฟังแล้วสะพายกีต้าลงจากเวที
“ วันนี้อัลบั้มคนอกหักหรอพี่ แม่งโคตรเศร้า ” โต๊ะหน้าสุดขอบเวทีหันมาถามหลังจากเข้ามานั่งตั้งแต่ต้น
“ ไม่หรอก นิดหน่อยเอง ” คนโดนถามยิ้มตอบก่อนจะเดินไปยังโต๊ะประจำที่เขาลงมานั่งทุกวัน นั่งลงไม่นานพนักงานก็เดินเข้ามาบริการเครื่องดื่มก่อนจะถามว่าเขาจะทานอะไรเป็นอาหารรอบดึก
“ เห็นไวท์ปะครับ ” พอบอกเมนูที่อยากกินไปแล้ว ก็ตามหาเพื่อนสนิทที่ปกติจะต้องอยู่แถวๆนี้แต่วันนี้เขามองยังไงก็หาไม่เจอ
“ อ้อ คุณไวท์บอกจะออกไปข้างนอกหน่ะค่ะ ” พนักงานวัยกลางคนเอ่ยตอบก่อนจะขอตัวไปรับลูกค้า
“ พี่คิมมม ” เสียงใสที่คุ้นเคยดังมาจากโต๊ะประจำ เมื่อคนที่นั่งอยู่ลงไปเข้าห้องน้ำ พอขึ้นมายังดาดฟ้าก็โดนเด็กหนุ่มเรียกพร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณให้เขาเห็น
“ กูก็นึกว่าไปไหน ที่แท้ก็ไปรับเด็ก ” คนที่เดินมาถึงโต๊ะทำหน้าล้อเลียนเพื่อนกับน้องที่นั่งตรงข้ามกันอยู่สองคน
“ พอ นั่งลง ” ไวท์ตบเบาะข้างตัว ก่อนที่เพื่อนตัวบางจะนั่งลง
“ ความจริงก็ไม่อยากมาหรอกพี่คิม พี่ไวท์ดิ บังคับ ” คนน้องที่นั่งเยื้องๆเขาไปหันมาบอกพร้อมกับทำหน้าเหมือนคนลำบากใจ
“ หรออออ กูเห็นของฟรีที่ไหนก็เห็นมึงอะ ” คิมเลิกคิ้วก่อนจะลากเสียงยาวถามกวนไอ้น้องขี้โม้
“ อย่าว่าน้อง ” เพื่อนที่นั่งข้างๆพูดขึ้นจะทำหน้าดุใส่เบาๆ
“…. นี่พวกมึง ไปได้กันตอนไหน ” ทำตาโตก่อนจะเอามือขึ้นทาบอก แต่สิ่งที่ได้คือหน้าของกัปตันกลับค่อยๆแดงขึ้น
“ ชิบหาย อะไร ยังไง บอกกู ” คนที่แซวเล่นๆเขย่าแขนของเพื่อนที่นั่งทำนิ่งจิบเบียร์ เขาแค่แซวขำๆแต่ตอนนี้สัมผัสได้ว่ามันต้องมีเค้าโครงเรื่องจริงเข้ามาเกี่ยว
“ เห้ยยย ทางนี้ๆ ” น้องหัวเกรียนที่ทำอะไรไม่ถูกก็หันหน้าหันหลัง มองทางนู้นทางนี้ไปเรื่อย ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกเหมือนตอนที่ตะโกนเรียกผม
“ คนเยอะ นึกว่าจะหาไม่เจอซะแล้ว ” แต่เสียงของคนที่พึ่งจะมาถึงทำเอาคิมที่กำลังจะก้มไปกินข้าวต้องเงยขึ้นมามอง และคนที่นั่งลงตรงข้ามก็หันมาสบตาเขาพอดี
“ เคยเจอกันแล้วหนิ นี่พี่คิม ส่วนนี่ก็ไอ้มิน ” เมื่อเห็นว่าสองคนมองหน้ากันนิ่งอยู่นานกัปตันก็เอ่ยแนะนำให้
“ หวัดดีครับ ” มินที่นั่งลงหนไปทักพี่ไวท์ก่อนจะหันมามองคนที่นั่งตรงข้ามแล้วก็รีบหันไปหาเพื่อนที่นั่งข้างๆแทน
“ สั่งไรให้กูยัง ”
“ สั่งไปแล้วครับ รอแป๊ปๆ ”
“ แล้วมินมาไงอะ ” ไวท์ที่เห็นคนข้างตัวเองนิ่งแปลกๆเลยหันไปชวนน้องชายอีกคนคุยแทน
“ อ้อ พอดีมินเรียนร้องเพลงอยู่แถวนี้พอดีอะพี่ เลยให้เพื่อนแวะมาส่ง ”
“ แหมมม มึงมากับไอ้โอ๊ตหละสิ ใช่มั้ย ใช่มั้ย ” กัปตันสวมบทเป็นนักสืบก่อนจะยกนิ้วชี้มาวนที่หน้าของเพื่อนตัวเอง
“ เอออออออ แล้วจะทำไม ” คนโดนถามรีบตอบกลัวไอ้คนที่ถามจะเอามาทิ่มตาซะก่อน พอได้คำตอบกัปตันก็ยักไหล่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
“ เสียดาย มาไม่ทันพี่คิมร้องเพลง ” พอเห็นพี่ชายที่พูดมากๆเงียบไปหน่อยกัปตันก็หันไป ความจริงเขาตั้งใจจะมาดูพี่ชายผู้น่ารักร้องเพลง แต่รถดันติดกว่าพี่ไวท์จะไปถึงร้านเค้กได้ก็เกือบชั่วโมงสุดท้ายก็เลยกลับมาไม่ทัน
“ ไว้วันหลังก็ได้ ร้องอีกนาน ” คิมหันมาตอบน้องก่อนจะเหลือบไปมองคนนั่งตรงข้ามที่กำลังมองไปมารอบด้าน
เมื่ออาหารอีกสามจานถูกนำมาเสิร์ฟบทสนทนาบนโต๊ะก็ค่อยๆเป็นไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นน้องหัวเกรียนกับเพื่อนข้างๆของคิมมากกว่า เพราะเท่าที่ฟังมาเหมือนเด็กชายที่นั่งตรงข้ามจะไม่ค่อยพูดแต่จะฟังแล้วยิ้ม แล้วขำตามซะมากกว่า
“ เออๆ รู้เปล่า ว่ากินข้าวกับอะไรอร่อยที่สุด ” ไวท์ที่วันนี้ดูอารมณ์ดีสุดๆถามขึ้นมาก่อนจะมองรอคำตอบจากทีละคน
“ กินกับตะวัน ” กัปตันตอบคนแร แต่คนที่ถามก็ส่ายหน้า
“ กับข้าวผัด ” คนที่ถามคำถามยากๆก็ส่ายหน้าแรงกว่าเดิม
“ กับอะไรก็อร่อย กินฟรี ” พอโดนจ้องหน้าอยู่นาน คิมก็เอ่ยตอบส่งๆไปเพราะคิดไม่ออก แต่เพื่อนตัวสูงก็ยังส่ายหน้าก่อนจะยื่นหน้าเข้ากลางวงคล้ายๆจะพูดเรื่องสำคัญ
“ ก็ กินกับ ... กับ ... กับ... ” คนที่ตอบไม่ถูกต่างก็กำลังยื่นหน้าไปใกล้ๆเพื่อตั้งใจฟังเฉลยของปัญหานี้ และคำตอบที่ได้ก็คือ
“ กัปตันไง อร่อยที่สุดละ ” คนพูดจบก็หัวเราะเอาเอง แต่สามคนที่ฟังอยู่ถึงกับอึ้ง
“ คำถามเหี้ยไร นี่มึงใช้อะไรคิด โอ้ะ โคตรน้ำเน่า” คิมทำหน้ารับไม่ได้สุดแรงก่อนจะเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับส่ายหน้าแรงๆ เสียงหัวเราะของอีกสองคนก็ตามมา
คนที่เห็นว่าคนตรงข้ามกำลังหัวเราะก็เผลอหลุดยิ้มออกมาก่อนจะรีบหันไปมองอีกทางเมื่ออีกคนหันมาสบตาเขาเข้า
“ โทรศัพท์ป่ะ ” กัปตันหันไปถามคนที่นั่งข้างๆก่อนจะจับไปที่กระเป๋ากางเกงของเพื่อน
“ เออว่ะ ... ฮัลโหลโอ๊ต ” ราวกับเทวดามีตาทิพย์คนที่พึ่งจะหลุดยิ้มกว้างออกมาก็หุบยิ้มแทบจะไม่ทัน เมื่อรู้ว่าปลายสายที่คนนั่งตรงข้ามรับคือใคร
“ อ่าๆ ...แป็ปนะ เดี๋ยวมา ” คนตัวเล็กหันมาบอกเพื่อน ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ริมระเบียง
“ เอ้า มึงจะไปไหน ” ไวท์ถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนที่นั่งข้างๆกำลังหันไปสะพายกีต้าเตรียมจะลุกจากเก้าอี้
“ กูจะกลับละ ง่วงนอน ...พี่กลับก่อนนะ ” คิมสะพายกีต้าขึ้นบ่าก่อนจะหันมาบอกน้องและเพื่อนที่กำลังมองเขาด้วยความงุนงง ยกมือขึ้นเป็นการลาและเดินตรงไปทางบันไดทันที
เขาชักจะหงุดหงิดตัวเองไปกันใหญ่ เมื่ออยู่ดีดีก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ แค่ได้รู้ว่าใครโทรมาเขาก็แทบจะบ้า แล้วยิ่งเห็นท่าทางก่อนจะลุกออกไปคุยโทรศัพท์ของคนตัวเล็กด้วยแล้วยิ่งพาลให้หงุดหงิด
‘ กูเป็นเอามากแล้วนะ นี่กูใจง่ายขนาดนั้นเลยหรอวะ ‘
_____________________________________
มาต่อแล้ววว > <
ขอโทษนะค้าา ที่ไม่ได้มาอัพ2วันแล้ว คือเราไปต่างจังหวัดมา
กลับมาวันนี้ สัญญาจะอัพสองตอนเลย รอหน่อยนะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ดีใจมากสองร้อยวิวแล้ว ฝากด้วยน้า เยิปๆ
**อีดิทอีกรอบ
ความคิดเห็น