ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KimMin] น้องหน้าใสกับพี่ชายปากเสีย

    ลำดับตอนที่ #4 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 58


                   


                         ภาพเด็กชายตัวเล็กเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนยาวมีผ้ากันเปื้อนสีขาวสวมทับอยู่บนตัวกำลังเดินวกไปวนมาทั่วทั้งห้องที่เขากำลังจะเปิดเป็นร้านเค้กในสุดสัปดาห์นี้  ดูท่าวันนี้จะไม่มีใครเข้ามาช่วยเขาจัดของเลยสักคน

                     เฮ้ออ

    เสียงถอนหายใจของเด็กหนุ่มดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินไปไล่เปิดหน้าต่างบานยาวที่อยู่ข้างกับโต๊ะทีละบาน ตั้งแต่วันที่พี่ไวท์พี่ชายที่เป็นเจ้าของร้านอีกคนมาสำรวจดูร้าน หลังจากนั้นสองสามวันทุกอย่างที่เขาบ่นไปก็เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด ไม่มีท่อน้ำรั้วแล้ว แถมมีระเบียงที่ทาสีและปูกระเบื้องเรียบร้อยเป็นอย่างดี แต่คนที่สั่งงานก็ยังไม่โผล่หน้ามาที่ร้านสักที

                    

                     เสียงเปิดหน้าต่างดังไล่มาจากอีกฝั่งหนึ่งของร้าน คนที่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เช้าสะดุ้งสุดตัวก่อนหันไปมองทางต้นเสียง เพื่อนตัวเล็กของเขานั้นเองที่กำลังถยอยเดินเปิดหน้าต่างอีกฝั่งก่อนจะเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์

                     “  ตกใจหมด มาไม่ให้สุ่มให้เสียง ”      เจ้าของร้านตัวเล็กเดินเข้ามาหาเพื่อนก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงที่อยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ข้างๆเพื่อน

                     ออดประตู  ร้านมึงไม่ดังเอง ไม่ใช่ความผิดกูซะหน่อย ”     เพื่อนคนที่พึ่งมาเยือนยักไหล่ก่อนจะยิ้มให้

                     เด็กหนุ่มสองคนช่วยกันจัดของเล็กๆน้อยๆในร้านให้เข้าที่ ก่อนจะช่วยกันลงมือทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูทั่วทั้งร้าน ก่อนจะมานั่งพักที่โซฟาตัวยาวหลังร้านแทน

                     เหี้ยย เหนื่อยสุดๆ นี่ใช้กูเปลืองตัวมากเลยนะ ”      หนุ่มหน้าใสพูดออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง เสื้อยืดสีเทาของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเกือบทั้งตัว

                     นิดหน่อยเอง  อย่าบ่นดิ  ”      เจ้าของร้านตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำเย็นในมือสองขวดก่อนจะโยนขวดนึงมาใส่ท้องของเพื่อนทิ้งนอนอยู่บนโซฟา

                     แล้ววันนี้พี่ไวท์ไม่เข้ามาช่วยมึงอ่อวะ ”     คนที่นอนอยู่ยันตัวขึ้นมานั่งดื่มน้ำก่อนจะหันไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่เก้าอี้อีกตัวที่อยู่ไม่ห่างมากนัก

                     เข้ามาอะไร กูมาร้านคนเดียวเป็นอาทิตย์แล้วเนี่ย ”     เพื่อนบ่นด้วยสีหน้านอยสุดๆ อีกคนแทบหลุดขำเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้เข้ามาเหมือนกันเพราะไปต่างจังหวัดเป็นเพื่อนแม่มา

                     แล้วได้เชพได้พนักงานอะไรเพิ่มยัง ”      รีบเปลี่ยนคำถามเป็นเรื่องต่อไปทันที กลัวว่าไอ้คนที่พร้อมจะงอแงจะทำหน้าบู้บี้ไปหนักกว่าเดิม

                     ได้แล้ว บาริสต้ากูอย่างเทพ บอกเลยๆ ”     คนที่กำลังปรบมือแสดงความภาคภูมิใจกับความสามารถของตัวเองที่อุส่าไปตามหาคนชงเครื่องดื่มที่เขาคิดว่าอร่อยฟินสุดๆแล้ว

                     ใครวะ ทำไมเขาไม่เข้ามาบ้างอะ

                     “ เดี๋ยวก็มาวันเสาร์  ส่วนพนักงานอะมันมาจองตำแหน่งกันหมดละ ”     เจ้าของร้านถึงกับเครียดเมื่อนึกถึงพนักงานที่มาสมัครวันนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เพื่อนทั้งแก๊งของเขานั้นเอง ถ้ามาหมดชมรมได้ปานนี้คงมาแล้ว

                     ก็ดีแล้วไง เหมาจ่ายไปเลย ”     พูดปนขำก่อนจะนึกภาพลิงเกือบสิบตัวที่จะต้องมาวิ่งวุ่นวายไปทั่วร้านแน่ๆ

                     เด็กสองคนนั่งขำกันไป ก่อนจะคุยกันต่อเรื่องของเพื่อน ถือซะว่าเป็นการนินทาก่อนจะรับเข้าทำงานในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพื่อนในชมรมดนตรีที่โรงเรียนของกัปตันนั้นมีกันเป็นสิบๆคน หนึ่งในนั้นก็คือมินคนนี้นี่แหละ

                    

                     “ เออ กูถามไรหน่อยๆ ”     กัปตันขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะรีบสะกิดที่แขนของเพื่อน เหมือนคนที่รีบร้อนอยากรู้เรื่องจากเพื่อนคนนี้แบบสุดๆ

                     มึงรู้จักพี่คิมมาก่อนปะ ”    พูดต่ออย่างไม่รอให้อีกคนเอ่ยปากพูดอะไรมาก่อน เรื่องที่สงสัยมาหลายวันจะไปถามใครก็ไม่ได้พี่ไวท์ก็หายสาบสูญ ไม่มีใครจะให้เขาถามแล้วนอกจากตัวเพื่อนของตัวเอง

                     คิม ?  ”     คนที่โดนเพื่อนถามทำหน้างงสุดขีดพร้อมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

                     ก็คนนั้นไง ..คนที่....  ” 

                    


                     ก๊อก  ก๊อก

    ยังไม่ทันที่จะตอบให้จบประโยคเสียงเคาะประตูดังคั่นขึ้นมาซะก่อน ผู้ชายตัวสูงหน้าตี๋เดินเข้ามาหลังจากที่เปิดประตูพร้อมกับส่งยิ้มเป็นการทักทายเด็กหนุ่มทั้งสองคน

                      “ พี่เกม ”      กัปตันเรียกชื่อของคนที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาก่อนจะรีบลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปหา

                     พอดีพี่จะแวะมาลองทำงานดู กัปตันสะดวกหรือเปล่า ”     ผู้ชายหน้าตี๋ยิ้มออมาเมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านทำท่าทางตื่นเต้นก่อนจะกระโดดเกาะแขนเขา

                     ไปครับ ลองเลย ไม่มีปัญหา ”    เพื่อนตัวเล็กเกาะแขนของพี่ชายที่พึ่งเข้ามาใหม่ออกไปจากห้องและไม่หันกลับมามองเพื่อนหน้าใสที่นั่งอยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้เลย เหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าคุยเรื่องอะไรกันอยู่




     

    ------------------------------
     


                  เฮ้

                   เสียงร้องเฮดังลั่นของกลุ่มเด็กผู้ชายสิบกว่าคนที่ตอนนี้กำลังยืนถ่ายรูปกันอยู่หน้าร้านเค้กคาเฟ่ของเพื่อนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงกลางของรูปภาพใบนี้พร้อมกับถือดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ในมือ ข้างตัวของเขาก็ไม่ใช่ใครนั้นก็คทิพี่ชายเจ้าของร้านอีกคนและเพื่อนซี้หน้าใสของเขาเอง

                     นี่ๆ วันให้พวกกูกินฟรีนะ ”      เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จแล้วก็ถยอยเดินเข้ามาภายในร้านก่อนจะตามด้วยเสียงของ ซิง เพื่อนในชุมนุมดนตรี ที่ใครๆก็ยกเรื่องกวน_ที่สุดให้เขาไปครอง

                     ฟรีไร เป็นแค่พนักงานก็ไปทำงาน ”     กัปตันรีบหันมาตอบเพื่อนพร้อมกับชี้นิ้วตรงไปทางห้องหลังหลานเป็นการบอกให้เพื่อนที่มาสมัครเป็นพนักงานของร้านรีบไปเปลี่ยนสุดแล้วเริ่มงานกันได้แล้ว

                     เสียงของเด็กหนุ่มสิบคนหายเข้าไปในห้องหลังร้าน คนที่นั่งมองอยู่ที่เคาน์เตอร์มานานก็เผลอหลุดยิ้มออกมาก เขาบอกไม่ได้เลยว่าชอบบรรยากาศของตอนนี้มากแค่ไหน พอนึกถึงคำพูดของเพื่อนรักที่เมื่อเช้าพูดกับเขาด้วยท่าทางมีความสุขสุดๆว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่จะจดจำไปตลอด  เขาก็ต้องยิ้มออกมากว้างกว่าเดิมเพราะจากที่ดูอาการแล้วคนตัวเล็กเจ้าของร้านคงมีความสุขมากจริงๆ

                     กัปตันเดินไปเช็ดโต๊ะซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะวิ่งไปมาและไม่ลืมที่จะไปดึงแขนของเจ้าของร้านมาดนิ่งอีกคนให้ไปช่วยกันเช็ดโต๊ะ เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่กำลังพูดเรื่องอะไรกันแต่ใบหน้าของกัปตันมันแสดงออกมาว่ากำลังมีความสุขจริงๆ

     
                     เมื่อเช้าพวกเราเปิดร้านกันแบบง่ายๆ หลังจากวันก่อนเรารวมตัวกันเดินแจกใบปลิวแถวจตุจักรเป็นการโฆษณาร้านไปแล้ว วันนี้เลยเป็นแค่การทำบุญเปิดร้านเท่านั้น มีผู้ใหญ่ใจดีที่คอยคอยสนับสนุนอยู่ตลอดนั้นก็คือแม่พี่ไวท์และแม่ของกัปตันก็มาด้วย

     

     

     

                  ติ้งต่อง

     

                     “ สวัสดีครับ เชิญครับ ”    พอเสียงออดประตูร้านที่บอกถึงการมาของลูกค้าดังขึ้นพนักงานตอนรับของเราก็ทำงานเป็นอย่างดี ท็อปแท็ปและกันรับหน้าที่ยืนต้อนรับหน้าประตูแล้วหาโต๊ะให้ลูกค้าผู้น่ารักก่อนจะเดินไปส่งถึงที่โต๊ะ หลังจากนั่งโต๊ะแล้วซิง หรือไม่ก็มิกกี้ทั้งสองคน หรือไม่ก็เซฟที่แอบนั่งหลับอยู่มุมร้านก็จะเดินมารับออเดอร์ก่อนจะส่งต่อมาให้คนประจำเคาน์เตอร์ก็คือมิน  ส่วนเจ้าของร้านทั้งสองคนนั้นกำลังเป็นเรดาร์ค่อยสอดส่องทั่วร้าน (ความจริงก็กัปคันคนเดียว ส่วนพี่ไวท์ก็ยืนเป็นเพื่อนเฉยๆ)

                     เสียงคนคุยกันดังไปทั่วทั้งร้าน และเท่าที่ดูวันนี้ร้านอันภาคภูมิใจของกัปตันที่เปิดวันแรกก็ได้รับการตอบรับที่ดีกว่าที่คาดไว้ซะอีก

                     ขอพนักงานกลับบ้านได้มั้ยครับ ”    มินที่กำลังก้มไปหยิบเค้กในตู้โชว์ตามออเดอร์ของลูกค้าก็ต้องเงยหน้ามามองที่ต้นเสียง และสิ่งที่เขาพบก็ทำให้เขารู้ว่าเทวดาบนฟ้าคงเกลียดขี้หน้าเขาแน่ๆ ถึงไม่ยอมทำตามคำขอของเขาเลยสักนิด  ใบหน้าที่ยิ้มร่าจนตาหยีของผู้ชายที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดก็มาโผล่อยู่หน้าเขาแล้ว

                     รับอะไรดีครับ ”   มินเลือกไม่สนใจคำถามก่อนหน้านี้ แล้ววางเค้กที่กำลังหาลงบนถาด ก่อนจะว่างหมายเลขโต๊ะลงไปบนถาดด้วย

                     ว้า พนักงานร้านนี้ทำไมชอบทำหน้าดุจัง  ”      คนที่วันนี้ใส่หมวกสีดำใบประจำของเขาเลือกที่จะพูดจากวนใจของคนตรงหน้าต่อ เพราะเท่าที่เห็นคนโดนแกล้งคงจะหมดความอดทนในไม่ช้า

                     จะกินอะไรก็สั่งเถอะ คนอื่นจะได้มาส่งออเดอรครับ ”   พนักงานประจำแอบถอนหายใจก่อนจะยื่นเมนูไปชิดมืออีกคนที่มายืนขว้างหน้าเคาน์เตอร์

                     “  งั้นเอาเป็นอะไรก็ได้ ตามที่น้องมินอยากให้พี่กินเลยครับ ”     คิมพูดตอบก่อนจะเลื่อนเมนูกลับมาทางของมินพร้อมกับทำหน้าตายิ้มระรื่นแบบเดียวกับวันแรกที่เจอกันหน้าตอนที่พูดประโยคสุดท้ายก่อนที่เจ้าตัวจะหนีขึ้นรถเมล์ไป

                     “ อ่อ น้องมินต้องเป็นคนไปเสิร์ฟด้วยนะ

                     คนตัวสูงหันหลังก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาใกล้ๆกับหน้าเคาน์เตอร์และเขาก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของคนที่เขาพึ่งไปกวนมากกำลังพยายามหายใจเข้าออกกำมือเหมือนกำลังสงบอารมณ์ด้วยเอง

     

                      พี่คิม ”     เสียงสดงมาจากด้านหลังก่อนจะหันไปมองก็เห็นเด็กหนุ่มเจ้าเนื้อกำลังวิ่งตรงมาที่เขา

                     กัปตันนึกว่าพี่จะไม่มาแล้วเนี่ย ”    พอวิ่งมาถึงก็เท้าเอวมองหน้าเขา

                     ว่าจะไม่มาละ แต่กลัวไอ้ไวท์ตามไปยิงทิ้งเลยมา ”     พูดจบก็นึกขำเองเมื่อนึกถึงน่าดุๆของเพื่อนตัวเอง ถ้าสมมติรู้ว่าเขาไม่มาไวท์คงโทรด่าทันที

                     หง่อ อย่างเท่เลย ... เดี๋ยวกัปตันมานะพี่ออกไปซื้อของกับพี่ไวท์ก่อน  ไปแล้ว ไอ้เด็กตัวเล็กพูดเองเออเองก่อนจะโบกมือให้และรีบวิ่งตรงออกจากร้านไปขึ้นรถเบนซ์คันสวยที่จอดรออยู่แล้ว

                    

     

                     ปึก

                เสียงอะไรสักอย่างกระทบโต๊ะทำให้คนที่กำลังมองรถของเพื่อนแล่นออไปต้องหันมามอง และสิ่งที่ทำให้เขามาร้านวันนี้ก็ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าใสแสดงสีหน้านิ่งก่อนจะยกเอาเค้กและเครื่องดื่มออกจากถาดมาวางไว้บนโต๊ะแทน

                     คนตัวสูงที่เอาแต่มองหน้าพนักงานไม่ยอมมองที่ของกินสักที เริ่มทำเอาคนที่โดนมองหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ

                     พี่ไม่กินข็อคโกแลต ”     ลูกค้าคนสำคัญ(?) พูดขึ้นเมื่อมินหันหลังกำลังจะเดินกลับไปประจำที่ตัวเอง ก่อนจะลอบถอนหายใจแล้วหันมาตอบ

                     แล้วทำไมไม่บอก ”    คนตัวเล็กเดินกลับมาก่อนจะหยิบจานเค้กเตรียมจะเดินเอากลับไปเปลี่ยนแต่ก็ต้องชะงักเมื่อโดนคนที่นั่งอยู่จับที่ข้อมือ

                     แต่ก็กินได้นะ ถ้ามินมานั่งกินด้วยกัน ”    คนพูดส่งยิ้มหวานมาให้ทันทีที่คนโดนจับข้อมือหันมาสบตา แต่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้นก่อนที่คนตัวเล็กจะสะบัดมืออกแล้วหลุดหน้าหงุดหงิดที่เข้าพยายามข่มไว้ออกมา

                     ตลกปะ ว่างมากพี่กลับบ้านไปเลยไป ”    คนกำลังหงุดหงิดหันมาพูดก่อนจะวางเค้กลบนโต๊ะเหมือนเดิม เขาอุส่าพยายามจะไม่สนใจคำพูดต่างๆนานาที่คนตรงหน้าสรรหามาพูดให้เขาหงุดหงิดแล้วนะ แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยังอยากจะแกล้งเขาอยู่อีก

                     อ่า ทำไมต้องดุพี่ด้วยล่ะ วันนี้พี่ยังไม่ได้ว่ามินตุ๊ดเลยนะ ”     ทำท่าทางไร้เดียงสาอย่างที่เขาคิดว่าหน้าหมั่นไส้สุดๆและเป็นไปตามความต้องการของคนพูดเมื่อคนที่ยืนฟังอยู่หน้าเริ่มขึ้นสีด้วยความโมโหที่กำลังก่อตัวขึ้นมา

                     มินบอกแล้วไงว่าเราไม่ได้รู้จักกัน พี่ทำไมต้องอยากหาเรื่องด้วยวะ ”     เด็กหนุ่มผู้น่ารักตะคอกเสียงแข็งก่อนจะหันกลับหลังแล้วเดินเข้าไปยังหลังร้าน

                     คนที่แกล้งน้องได้สำเร็จก็ยิ้มปริ่ม ก่อนจะตักเค้กช็อคโกแลตที่เขาไม่เคยคิดจะกินแต่ไหนแต่ไรเข้าปากลองลิ้มรส ของกินอะไรตอนนี้ก็อร่อยไปหมดแล้ว

     

                     แต่ยังไม่ทันจะตักเค้กกินให้หมดทั้งชิ้นก็ต้องชะงักมือเมื่อคนที่เขากำลังรอให้เดินออกมาจากหลังร้าน ก็เดินกลับออกมายืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าร่าเริงและกำลังส่งยิ้มหวานไปทางประตูหน้าร้านด้วยท่าทางกระตือรือร้น

                     โอ๊ต ”      คนตัวเล็กตะโกนเรียกใครสักคนที่พึ่งเดินเข้ามาภายในร้านพร้อมกับยกมือเรียกด้วยยิ้มหวานแววตาเป็นประกายที่ทำให้คนมองอยู่ต้องหันไปมองคนที่พึ่งเข้ามาในร้านตาม ใครคนนั้นหน้าตัวเล็กกว่าตัวขาวพอกันแถมตาตี๋ยิ้มจนไม่เห็นตาสวมเสื้อแขนยาวสีขาว กำลังเดินเข้าหาคนที่ตะโกนเรียกชื่อตัวเองจนลั่นร้าน

                     ...

    เด็กหนุ่มสองคนยืนคุยกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างออกรสออกชาติเหมือนไม่ได้เจอกันมานาน มินที่ตัวสูงกว่าเอื้อมมือมายีที่ไรผมของคนที่ตัวเล็กกว่า ก่อนจะหยุดเมื่อเจ้าของไรผมสีดำยกมือมาจับมือเขาไว้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกุมมืออีกที ทั้งสองคนยังยืนคุยกันอยู่อย่างนั้น ใบหน้าขาวใสของคนที่ชั่วโมงก่อนเพิ่งหงุดหงิดแต่ตอนนี้กลับขึ้นสีแดงระเรื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มและบางช่วงก็มีเสียงหัวเราะหลุดออกมาจากริมฝีบางสีสวย จนกระทั้ง

                     น้อยๆหน่อยเห้ย จะคิดถึงไรขนาดนั้น ”     เด็กหัวเห็ดพูดด้วยเสียงดุก่อนจะวางออเดอร์ตีแขนคนทั้งสอง คนที่โดนตีผละออกก่อนที่จะหันไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง  ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นพนักงานก็นั่งเอามือเท้าคางมองคนทำงานมองไปยิ้มไป

                    

     

                     เพล้ง

     

    เสียงบางงอย่างตกลงพื้นดังไปทั่วทั้งร้าน ทุกสายตาหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะพบว่าเสียงนั้นมาจากโต๊ะโซฟาที่อยู่ใกล้ๆกับเคาน์เตอร์ ผู้ชายตัวสูงสวมหมวกสแนปแบคสีดำลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนที่จะก้าวเท้าเดินออกจากร้านไปโดยเร็ว

                     ทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบเพียงชั่วขณะก่อนทุกคนจะทิ้งความสนใจไป และเป็นหน้าที่ของพนักงานทำความสะอาดต้องเข้ามาแทน

                     โตแล้วทำไมยังทำแก้วแตก ”    คนตัวเล็กที่ยังนั่งเท้าคางพูดก่อนจะหันกลับมามองหน้าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้มาทำงานเป็นพนักงานร้านเค้ก บอกตรงๆว่าโคตรเข้ากับสถานที่สุดๆ

                     ตัวปัญหาก็งี้

                     “ ห้ะ? ว่าไงนะ ”    คนที่พูดเสียงเบาส่ายหน้าก่อนจะกดกริ่งเรียกให้พนักงานเสิร์ฟมารับถาดเค้ก แล้วจึงหันกลับมาคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานานต่อ

                     แล้วไปฮ่องกงเป็นไง ดีป่ะ ”    เด็กหนุ่มทำตาโตสนใจกับเรื่องที่เขาอยากรู้จากเพื่อนที่ไปแลกเปลี่ยนมาเป็นปี เขาฟังเรื่องเล่าจากเพื่อนอย่างตั้งใจ
                      ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปทางโต๊ะโซฟาที่พึ่งมีคนทำแก้วหล่นแตก และพบว่าคนนิสัยเสียวางยืนแจ็คเก็ตที่ใส่มาด้วยไว้บนโต๊ะ

     

     



    ___________________________________________________________________________
     

     -ตอนนี้ยาวหน่อยชดเชยที่เมื่อวานไม่ได้ลง มัวแต่เฝ้า oppatalk พี่คิม 55555
    ตอนนี้มีทั้งพีเกม โอ๊ตก็มา
    แล้วพี่คิมนี่เป็นอะไรหรอ โหยย ทำแ้วร้านเขาแตกเนี่ย



           ขอถามหน่อยนะ คิดว่าฟี่ ฟี่ฟ่านี่จิ้นกับใครลงสุด? ส่งคำตอบมาได้เยย

     

    หวังว่านักอ่านทุกคนจะชอบนะคะ                  








    mx -xine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×