คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 14 ผู้ชายนิสัยไม่ดี
“ มึงกลับบ้านก็ได้นะ..เดี๋ยวแม่กูก็มาแล้ว ”
เด็กชายตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงหันมาบอกเพื่อนที่นั่งอยู่โซฟาใกล้ๆกัน
“ รอแม่มึงมาก่อนก็ได้
” เพื่อนตัวสูงกว่าหันมาตอบก่อนจะหยิบหมอนที่อยู่ข้างตัวมากอดไว้บนตัก
“ ตามใจ งั้นนอนละ
”
โอ๊ตว่าก่อนจะหลับตาลงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาปกไว้ถึงคอ
เขารู้ว่าเวลานี้เพื่อนของตัวเองกำลังมีอะไรในใจ อะไรสักอย่างที่ไม่ได้บอกเขา
อะไรสักอย่างที่อยากเก็บไว้คนเดียว
เขาขอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและปล่อยให้เพื่อนอยู่คนเดียวดีกว่า
“ เอ้า มาแล้วหรอพี่
” พอเจ้าของห้องเดินเข้ามาภายในเขาก็ได้ยินเสียงทักจากในครัว
“ อืม ” เสียงตอบจากในลำคอเบาๆก่อนจะถอดรองเท้าแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว
“ ที่ห้องไม่มีอะไรกิน
ขอยืมก่อนนะ ” ฟีฟ่าที่โผล่ออกมาจากในครัวหันมาบอกพร้อมกับชูข้าวกล่องสำเร็จรูปสองกล่องในมือขึ้นให้ดู
พี่ชายเจ้าของห้องพยักหน้าให้ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนบนโซฟา
“ เป็นไรป่ะเนี่ย
” น้องชายที่เห็นท่าทางพี่แปลกๆก็เอ่ยปากถามทันทีตามปกติ
ก่อนจะไม่ได้คำตอบอะไรจากปากของคนที่นอนหลับตาอยู่
จึงไม่คิดจะถามอะไรต่อแล้วเดินออกจากห้องปิดประตูให้อีกคน
“ ไปบ้านโอ๊ตสนุกรึป่าวจ้ะ
” เสียงของคนที่เป็นทุกอย่างของมินทักขึ้นทันทีหลังจากที่เขาเดินเข้ามาในบ้าน
พอโอ๊ตบอกจะนอนในห้องเลยเหลือแค่มินที่นั่งอยู่
เขาคิดสับสนวุ่นวายไปหมดภายในใจก็มีอะไรแปลกๆโผล่พ้นออกมาจนแทบไม่เข้าใจสิ่งที่เป็น
คิดอยู่จนฟุ้งซ่านสักพักแม่โอ๊ตก็กลับมาก่อนจะชวนทานข้าวเย็นที่บ้านแล้วคนป่วยมาทั้งวันก็อาสามาส่งเขาที่บ้านเอง
‘ ดูแลตัวเองด้วยนะ
’ นั้นคือสิ่งที่โอ๊ตบอกเขาก่อนจะลงจากรถ
มินรู้ว่าโอ๊ตอาจจะเห็นความผิดปกติของตัวเองแต่พอคิดไปถึงสิ่งที่พี่คิมบอก
มินก็แทบจะรู้สึกผิดต่อเพื่อนตัวเองขึ้นมา เขาคิดกับโอ๊ตแค่เพื่อนเท่านั้นอาจจะเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่สำคัญมากแต่ถ้าเป็นอย่างอื่นมินก็ไม่แน่ใจว่าจะยอมรับได่หรือเปล่า
“ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นหล่ะลูก
โดนแม่โอ๊ตดุมาหรอจ้ะ ” พอลูกชายเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
หญิงสาววัยกลางคนก็ถามทันทีที่เห็นสีหน้าลูกชายอิดโรย
“ ป่าวครับ
มินแค่เหนื่อย ” ลูกชายส่ายหน้าเบาๆก่อนจะขยับเข้ามากอดเธอไว้แน่น
“ อ้อนแม่ทำไม
เป็นอะไร ” คนเป็นแม่แปลกใจเล็กๆก่อนจะกอดลูกชายตอบแล้วลูบหัวเบาเบาทุกครั้งที่รู้ว่าลูกไม่สบายใจมันก็พลอยทำให้เธอกังวลไปด้วย
มินไม่ได้ตอบคำถามแม่เพียงแต่กอดหญิงสาวไว้อย่างนั้น ถ้าเขาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น
พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ บอกว่าลูกชายอีกคนที่แม่เคยชมว่าดี
พึ่งทำร้ายหัวใจเขามาแม่จะว่ายังไง แม่จะจะอยู่ข้างเขาหรือเปล่า
แล้วถ้าบอกสิ่งที่อยู่ในใจแม่จะให้คำตอบเขาได้มั้ยว่ามันคืออะไร
หลังจากที่กอดกันอยู่เงียบๆมาเนิ่นนาน
มินก็ผละออกก่อนจะขอตัวขึ้นห้องนอน
แม่ก็ไม่ได้ถามอะไรเขาอีกเพียงแต่บอกฝันดีเขาอย่างที่ทำทุกคืน
Oattrt : นอนยัง
มินวางโทรศัพท์ลงบนเตียงก่อนจะเห็นแจ้งเตือนจากเพื่อนสนิทค้างอยู่ที่หน้าจอ
เขาไม่ได้หยิบมันขึ้นมาเปิดดูเพียงแต่มองแล้วเดินไปยังห้องน้ำเพื่อนอาบน้ำชะล้างร่างกายหวังให้สายน้ำชะเอาเรื่องวุ่นวายในใจวันนี้ให้ออกไปด้วย
“ ไปโดนอะไรมา ” คนที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาถามเสียงดังก่อนจะตรงเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งพิงโซฟาโดยเปลือยท่อนบนอยู่
ฟีฟ่าที่กลับมาห้องของพี่ชายอีกครั้งก็รีบเดินตรงเข้าหาพี่ข้างห้องก่อนจะนั่งลงข้างๆและมองดูรอยแดงเทือกที่อยู่กลางอกอีกคน
เหมือนไปดูน้ำร้อนลวกมาแต่น้ำร้อนแก้วไหนจะใหญ่ขนาดนั้น
“ พี่คิมไปทำไรมาวะ ” คนที่นั่งลงข้างๆถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“ … ” เจ้าของรอยแดงไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ส่ายหน้าแทนคำตอบเท่านั้น
“ ทายายัง ”
ฟีฟ่ามองรอยแดงๆอีกครั้งก่อนจะเงยไปถาม
เจ้าของหน้านิ่งไม่ได้ตอบอะไรก็สื่อได้ว่ายังไม่ได้ทำอะไรกับมันเขาจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะไปหายามาทาให้อีกคน
ร่างสูงหน้าเข้มเดินตรงไปที่ตู้เก็บของในห้องนอนของอีกคนก่อนจะมองหาหลอดยาที่มีฉลากเขียนว่าใช้สำหรับทาน้ำร้อนลวก
ตั้งแต่ตอนที่มาขอข้าวกล่องไปจนถึงตอนนี้ก็ดึกแล้ว
พี่ชายตัวเล็กยังคงปล่อยสีหน้านิ่งเรียบออกมาอยู่ตลอดแล้วไหนจะร้อนแดงบนหน้าอกอีก
เขาเริ่มจะหงุดหงิดแล้วที่พี่ชายทิ้งให้ตัวเองเป็นแบบนั้นโดยไม่วนใจตัวเองเอาซะเลย
“ สรุปไปทำอะไรมา
”
ฟีฟ่ายื่นหลอดยาให้คนที่นั่งอยู่ ก่อนตัวเองจะนั่งลงข้างๆ
คนที่รับหลอดยาไปไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพียงแต่บีบยาสีขาวลงบนมือแล้วค่อยค่อยลูบมันลงบนอกของตัวเองอย่างช้าช้าพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา
“ ไม่รู้หรอกนะว่าพี่ไปโดนอะไร
”
คนเป็นน้องที่ทนไม่ได้ที่พี่เขาไม่ยอมบอกอะไรเลย
เจ้าตัวจึงตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างให้อีกคนเก็บไว้คิด
“ แต่ถ้ามันเกิดจากพี่ไปพูดอะไรไม่ดีให้ใครหละก็...พี่คิมต้องคิดดูนะ
ถ้าพี่โดนด่าทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด พี่จะเสียใจหรือเปล่า โดนว่าเสียๆหายๆ
พี่จะโกรธคนที่ว่าพี่มั้ย แล้วถ้ายิ่งคนคนนั้นเคยทำพี่เสียใจมาก่อน มันง่ายหรอที่จะให้อภัยเขาอีกครั้งน่ะ
คนเราโดนทำร้ายมันก็แย่มากแล้วนะพี่ แล้วถ้าโดนบ่อยๆมันจะแย่ขนาดไหน ” ฟีฟ่าเอนตัวพิงโซฟาแล้วหันไปมองทางพี่ชายที่เขารักที่สุด
ก่อนจะเห็นว่าแววตาของอีกคนไหววูบ มือที่ทายาอยู่นั้นก็หยุดชะงักไว้นิ่งบนอก
“ แล้วกูควรทำยังไง
” นั้นถือว่าเป็นคำพูดแรกที่ออกมาจากปากของคนเป็นพี่ตั้งแต่กลับมาที่ห้อง
ฟีฟ่าเห็นแววตาที่เหนื่อยอ่อนสื่อออกมาจากร่างบางข้างตัวเขา
“ ผมตอบไม่ได้หรอก
มันอยู่ที่พี่เอง อยู่ที่ตรงนี้ ” ฟีฟ่าเอื้อมมือไปแตะที่อกข้างซ้ายของอีกคนก่อนจะตบไหล่พี่ชายเบาๆแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
‘ แม่ไปบ้านน้า
พรุ่งนี้เช้าจะกลับนะครับ ’ นั้นคือประโยคที่แม่แวะมาบอกที่หน้าประตู
ก่อนที่เขาจะขานรับและมองออกนอกหน้าต่างสักพักรถสีดำก็แล่นออกจากประตูรั้วหน้าบ้านไป
ร่างบางนั่งกอดเข่าตัวเองแน่นอยู่บนเตียงใบหน้าขาวเนียนซุกไว้ระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้าง
ภายในใจก็คิดเรื่องเดิมๆวนเวียนอยู่อย่างนั้น
ทั้งคำพูดทั้งสีหน้าของพี่ชายที่เขาตัดความสัมพันธ์ลงไปเมื่อตอนบ่ายยังคงเด่นชัดอยู่ในความคิด
ทั้งๆที่เคยบอกเขาไว้ว่าจะไม่พูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจเขาอีก เจ้าตัวที่พูดเองก็ยังมาทำมันย้ำอีกหนำยังแย่กว่าครั้งก่อน
แต่พอคิดว่าตัวเองโกรธมากขนาดไหนเสียใจมากขนาดไหนแต่มีอีกความรู้สึกหนึ่งที่โผล่ออกมาจนชนะทุกอย่าง
“ ใครเอาศพมาส่งกูวะเนี่ย
” เสียงทักจากเจ้าของร้านคนเดิมดังจากโต๊ะประจำที่เขานั่งอยู่บ่อยๆ
ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา
“ หน้าป่วยมากครับไอ้น้อง
ไปทำอะไรมา ” ไวท์ตบหน้าเพื่อนตัวเองเบาเบา ก่อนคนโดนตบจะส่ายหน้าไปมาแล้วตรงไปยังเวทีที่ประจำของเขาแล้วจัดการต่อสายเครื่องดนตรีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน
“ กัปดูนู้นดิ
”
พอเห็นหน้าเพื่อนตัวเอง
เจ้าของร้านหน้าหล่อก็เดินกลับไปที่โต๊ะเดิมก่อนจะเห็นว่าเด็กหัวเกรียนกำลังก้มหน้าก้มตาทำบัญชีจนไม่สังเกตเห็นว่าตัวเองเดินกลับมา
“ ดูอะไรพี่ไวท์
” กัปตันเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียกชื่อก่อนจะหันหน้าไปมองทางที่อีกคนบอก
แล้วก็เห็นพี่ชายตัวเล็กกำลังวุ่นอยู่กับการต่อสายนู้นนี่บนเวที
“ ทำไมอะ ” กัปตันหันมาถามทางพี่ตัวสูงก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“ หน้ามันแย่มาก
มันไปทำอะไรมาวะเนี่ย ” ไวท์พูดขึ้นก่อนเกาหัวตัวเอง คุยด้วยมันก็ไม่ตอบ
ลูกค้านี่จะไม่หนีกันหมดหรอวะ นึกว่าเอาผีมาร้องเพลงอะไรแบบนั้น
“ อ่า ” กัปตันไม่ได้ตอบอะไรต่อ ก่อนจะหันไปมองที่พี่ชายบนเวทีอีกครั้งก่อนจะนึกถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันที่ร้านว่าพี่ตัวเล็กมาถามเขาถึงที่อยู่บ้านของโอ๊ตบอกว่ามีธุระจะคุยกับมิน
หรืออาจจะเป็นเพราะเรื่องนั้นหรือเปล่า
ครืด~
เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ข้างตัวเด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่เรียกเขาให้คลายแขนออกจากขาตัวเองก่อนจะหันไปมองหน้าจอโชว์เบอร์ที่เขาเมมชื่อไว้ว่า...พี่คิม
คนตัวเล็กไม่ได้ชั่งใจหรือคิดอะไรมากเพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นแต่รู้สึกจะสั่นน้อยกว่าใจเขาตอนนี้ขึ้นมากดรับสาย
“...จริงอยู่ว่าเราใกล้กันแค่นี้ แต่ในสายทุกวินาทีช่างห่างไกล…” ยังไม่ได้ขานรับหรือพูดอะไรเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกีตาร์เข้าจังหวะแบบที่พี่ชายที่โทรเข้ามาดีดอยู่ทุกวันบนเวทีในร้านอาหาร
“…คำตอบในใจเปลี่ยนไปช้าๆ
เมื่อได้รู้ตัวว่าคนไม่ดีก็คือฉัน ที่เคยบอกเกลียดเธอแค่ไหน ก็ยิ่งเกลียดตัวเองทุกวัน เพิ่งได้ทบทวนความผูกผันที่มีให้กันมานาน…” เสียงร้องที่ดังชัดเจนทำเอาคนที่ฟังอยู่ต้องตั้งใจฟังในมือที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นก็เริ่มสั่น
เหนื่อยไหมที่ต้องทนอยู่กับฉันแบบนี้
ผู้ชายนิสัยไม่ดีเธอรับได้ไหม
ที่ยังทำตัวร้ายๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ยังคงไม่กล้าแสดงความจริงออกไป
ทั้งหมดในใจแค่รักเธอ
ชายหนุ่มตัวสูงบนเวทีร้องเพลงอย่างตั้งใจทุกๆคำที่เขาร้องล้วนแต่อยากสื่อให้ทุกคนที่ฟังได้เข้าใจถึงคำร้องของเพลงทุกคำและคนที่เขาอยากให้เข้าใจถึงใจจริงๆของเขาก็คือคนที่เขากดเบอร์โทรหาก่อนจะวงโทรศัพท์ไว้ที่ขาตั้งโน๊ต
เขาไม่รู้ว่าวิธีไหนที่พอจะทำให้อีกคนหายโกรธได้
ที่จะยอมยกโทษให้กับความผิดซ้ำซากแบบนี้
“..ยังคงไม่กล้าแสดงความจริงออกไป ทั้งหมดในใจแค่รักเธอ
ได้โปรดอภัยได้ไหมเธอ..”
กีตาร์โซโล่อยู่เพียงสักพักก่อนจะจบลง
มินไม่ได้พูดอะไรตอบปลายสายก่อนจะกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ลง ลงมือข้างที่เคยถือโทรศัพท์ยังคงสั่นอยู่
และไม่นานน้ำใสใสที่คลออยู่ในตาก็ไหลลงมาอาบแก้มขาวทั้งสองข้าง
คนตัวเล็กเพียงแค่ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าไว้
ในใจทั้งเจ็บปวดและสับสนไปหมด
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายที่ทำร้ายเขาจะโทรมาทำแบบนี้ทำไม และก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นไม่เข้าใจหรือแค่ไม่อยากเข้าใจ
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดที่ร่างบางเอามือปิดหน้าและตัวสั่นอยู่อย่างนั้น
“ มิน ” เสียงตะโกนดังผ่านมากับสายลมคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ลดมือที่ปิดหน้าลงก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงเดินตรงไปที่หน้าต่างเพื่อมองลงไปยังหน้าบ้าน
ร่างสูงที่คุ้นเคยยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วยังคงตะโกนเรียกชื่อเขาซ้ำอีกที
คนตัวเล็กที่เห็นก็ยืนมองอยู่อย่างนั้นก็จะเอื้อมมือไปดึงผ้าม่านให้มากั้นระหว่างตัวเองกับหน้าต่างอีกที
มินถอยหลังกลับมานั่งลงบนเตียงอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอน
เขายังไม่อยากจะคุยอะไรตอนนี้ เขาแค่รู้สึกอ่อนแอเกินไป
ไม่นานเสียงนอกหน้าต่างก็เงียบไป
ทำให้มินใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ก่อนร่างบางจะเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้ และข่มตาลงหวังให้เรื่องราวของวันนี้จบลงสักที
“ มิน มิน
มินเราคุยกัน ” แต่ยังไม่ทันไรเสียงเคาะหนักๆจากหน้าประตูห้องก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงของคนที่อยู่นอกรั้วเมื่อตะกี้นี้
คนตัวเล็กกระขับมือกับผ้าห่มไว้แน่น
“ มิน
พี่รู้ว่ามินยังไม่หลับ เปิดประตู มิน ” เสียงคนพูดดังชัดเจนลอดประตูเข้ามาภายในห้อง
“ มินเปิดประตู..
” และเหมือนจะไม่ต้องทวนคำพูดเดิมอีกครั้ง
เพราะพูดยังไม่ทันจบ คนตัวเล็กที่เขาเรียกชื่ออยู่นั้นก็กระชากประตูเปิดออกก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าขาวที่ตอนนี้มีคราบน้ำตาบนสองแก้มขาว
คนตัวสูงไม่รอช้าเดินเข้าไปหาก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด
“ ขอโทษ ” ก่อนจะเอ่ยคำสั้นๆแล้วกอดอีกคนแน่นกว่าเดิม
คิมไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปเพียงแต่ทำสิ่งที่เขาอยากจะทำตามสิ่งที่หัวใจบอกแบบที่ฟีฟ่าบอกเขาไว้
คนตัวเล็กในอ้อมกอดไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่กอดเขาตอบแล้วซุกหน้าลงที่ไหล่ตัวเล็กๆสั่นเบาๆและไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ของตัวเอง
“ พี่ขอโทษ ” คนตัวสูงกว่ายังคงย้ำอีกครั้งก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นไปลูบหัวอีกคนเบาๆ
เขาไม่ได้ต้องการให้อีกคนยกโทษให้เพียงแค่ไม่อยากทำให้คนตัวเล็กร้องไห้เพราะเขาอีก
“ พี่รักมินนะ ” คนตัวสูงพูดให้อีกคนได้ยินชัดๆถึงสิ่งที่อยู่ในใจมานั้น
เขาไม่รู้ว่าควรจะเก็บมันไว้ต่อไปทำไม ถ้าไม่บอกตอนนี้ทุกอย่างอาจจะสายไปก็ได้ ก่อนจะลูบหัวเบาๆแล้วผละอีกคนออกจากอ้อมกอด
ก่อนร่างสูงจะเอื้อมมือไปเกลี่ยน้ำตาที่ไหลเป็นคราบอยู่บนแก้มขาวออก
ก่อนที่คนตัวเล็กจะยกมือมาวางบนมือของเขาทำให้มือข้างนั้นยังคงแนบแก้มใสอยู่อย่างนั้น
“ ขอโทษจริงๆ
”
คิมยังคงเอ่ยคำนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
แค่อยากจะย้ำให้อีกคนรู้ว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ
________________________
แอ้วววว มาต่อแล้ว
บอกเขาไปแล้ว แล้วน้องจะทำยังไงละคะลุง
มาเม้นมาเม้ากันนะจ้ะ รักคนอ่านทุกคนเหมือนเดิม และรักคิมมินบ่เปลี่ยนแปลงจ้า
ความคิดเห็น