คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 13 ปากเสีย
‘ ชอบมินสินะ
’
‘ … ’
‘ เหอะ
ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมแค่ดูออกเอง
’
‘ แล้วไงหรอ ’
‘ ก็ไม่แล้วไง..แค่จะบอกว่า
ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ’
พอลืมตาตื่นมาเจอกับแสงนอกหน้าต่างร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงก็แทบกุมขมับ
เขาคิดถึงเรื่องที่พูดกันกับโอ๊ตได้ขึ้นใจ ตอนที่ยืนอยู่กันตามลำพังเด็กหนุ่มก็เอ่ยประโยคนั้นทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัว
ตอนนั้นก็เหมือนกับบอกเป็นนัยๆแล้วว่าเขาคือคู่แข่งคนสำคัญพร้อมกับยื่นคำขาดว่าจะไม่ให้ใครแย่งมินไปเด็ดขาด
ก็แค่คำของเด็กๆจะคิดอะไรมาก
เขาได้แต่บอกตัวเองแบบนั้นตั้งแต่ที่ได้ยินก่อนจะพ่นลมหายใจแล้วลุกขึ้นนั่งขว้างโทรศัพท์ที่หัวเตียงมาดูเวลา
ถ้ามีคนคิดจะให้เป็นคู่แข่งตอนนี้ที่เขาควรทำก็คือทำคะแนน
คิมคิดได้ดังนั้นก็ลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวก่อนจะมุ่งตรงไปยังประตูห้องน้ำ
วันนี้คงเป็นอีกวันที่เขาต้องไปร้านเค้กนั้นอีกแล้วสินะ
สวัสดีครับบบ
เสียงทักทายลูกค้าดังไปทั่วร้านพนักงานชายยืนกันแทบเต็มทางเข้าทำเอาลูกค้าสาวๆที่เข้ามาทำหน้าไม่ถูกไม่รู้จะหันไปทางไหนก่อนดี
“ มาเปิดร้านช่วยน้องหรอวะ
” เสียงคุ้นเคยเอ่ยทักจากด้านหลัง
“ เปิดร้านไร
กูว่างไม่รู้จะไปไหน ” พอคนที่เยทักเดินมายืนข้างๆก็ตอบคำถามไปก่อนจะมองหน้าโต๊ะนั่งเองเพราะเขาเป็นคนบอกพนักงานว่าจะหาเองไม่อยากให้หาให้กลัวเสียเวลา
“ ฟีฟ่านั่งอยู่นู้นอะ
” ไวท์พูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปโต๊ะที่ใกล้กับหลังร้านมากที่สุด
ก่อนคิมจะหันตามนิ้วไปแล้วเจอกับเด็กหน้าเข้มกำลังนั่งคุยกับใครสักคนที่หันหลังให้เขาอยู่
“ มันมาทำอะไรวะ ”
คนเป็นเพื่อนไม่ได้ตอบเพียงแต่ยักไหล่แล้วเดินหนีไป
คิมยืนงงอยู่สักพักก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะที่มีน้องชายหน้าเข้มนั่งอยู่
และเหมือนมันจะไม่สังเกตเห็นเขาเพราะมัวแต่มองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามมันอยู่ตลอด
“ ฟ่า ” คิมเอ่ยทักน้องก่อนจะหันไปมองอีกคนที่นั่งตรงข้ามซึ่งก็ยิ่งงงไปกันใหญ่ว่าทำไมทั้งสองคนถึงมานั่งด้วยกัน
“ เอ้า พี่คิม ” ฟีฟ่าที่เหมือนพึ่งจะเห็นก็หันมาทักพี่ชายสุดเสียงและตามมาด้วยเสียงอีกคน
“ หวัดดีครับ...
งั้นไปละ ” ผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยเอ่ยทักเขาก่อนจะหันไปบอกประโยคหลังกับฟีฟ่าแล้วลุกขึ้นยืนเดินตรงเข้าไปยังหลังร้านทันที
“ มาไรแต่เช้าพี่ ” เด็กหนุ่มหันกลับมาถามหลังจากมองคนที่ตัวเองพึ่งนั่งคุยด้วยเดินหายเข้าไปหลังร้านจนสุดตา
“ กูควรถามมึงมากกว่า
ถึงขึ้นต้องมานั่งเฝ้ากันแล้วหรอวะ ” คิมนั่งลงแทนที่เกมที่พึ่งลุกออกไปก่อนจะกอดอกแล้วมองหน้าน้องชายข้างห้องอย่างรอคำตอบ
“ ก็ป่าว แค่แวะมาเฉยๆ ” คนน้องตอบก่อนจะยกมือขึ้นไปเกาหัวอย่างเขินๆท่าทางดูน่ารักมากแต่ถ้าเทียบกับหน้าตาคนทำแล้วมันแทบขัดกันไปเลย
“ เออ เชื่อก็ได้ ” ดูท่าทางเขินของมันแล้วไม่กล้าจะถามต่อ ก่อนเด็กข้างหน้าจะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ว
คนที่มองน้องอยู่สักพักก็หันไปมองทั่วร้าน
ตั้งแต่เข้ามาเขายังไม่เห็นคนตัวเล็กที่ไปส่งเมื่อคืนเลย แม้แต่เสียงยังไม่ได้ยิน มองไปทางหน้าเคาน์เตอร์ที่เจ้าตัวต้องอยู่ประจำก็ไม่มีดันเป็นน้องหัวเกรียนกับเพื่อนของตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทน
“ รับอะไรดีคร้าบบบ ” เสียงสดใสดังขึ้นข้างหลังก่อนคิมจะหันไปมองแล้วก็เจอกับรุ่นน้องอีกคนที่เขาพึ่งถามเรื่องโอ๊ตไปเมื่อวาน
“ เอาแบบไอ้ฟ่าอะ ” คนคิดอะไรไม่ออกหันไปตอบก่อนจะชี้นิ้วไปที่โต๊ะที่มีเค้กและแก้วน้ำวางอยู่
“ ครับครับ
ได้ครับ .. มีอะไรจะถามมั้ยครับ ” เด็กหนุ่มตัวเล็กพยักหน้าไปมาก่อนจะถาประโยคหลังและยิ้มโชว์ฟันเหล็กเต็มที่
“ ถามอะไร ไม่มีๆ ”
คนโดนถามส่ายหน้าก่อนจะหันไปมองหาคนตัวเล็กอีกทีคราวนี้แทบทุกมุมของร้าน
“
ไม่ถามก็คงต้องบอก ” ซิงพูดขึ้นเบาๆก่อนคิมจะหันมามองน้องชายตัวผอมอย่างงงๆ
“ เอาหูมานี้ๆ ” เด็กชายพูพร้อมกับกวักมือให้พี่ทำตามก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆหูอีกคน
คนพี่ก็ทำตามเอียงคอเข้าไปหาอีกคน
“
มินลา...ไปบ้านโอ๊ต ”
เสียงกระซิบยังคงติดอยู่ที่ใบหูเมื่อน้องตัวผอมเดินออกไปแล้ว
คนที่พึ่งฟังไปก็นั่งนิ่งและมีคำเมื่อกี้วนเวียนไปมาเต็มหัวไปหมด
“ พี่คิม ” ฟีฟ่าที่สังเกตเห็นว่าพี่ชายนั่งนิ่งก็ยื่นมือไปตบที่ไหล่เบาๆก่อนคนโดนเรียกจะสะดุ้งนิดหน่อยแล้วหันมาถาม
“ หื้อ อะไรนะ ”
“ ป่าว
นึกว่าโดนพ่นยาใส่เห็นนิ่งเลย ” ฟีฟ่าส่ายหน้าก่อนจะก้มไปเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ต่อ
“ มึงจะไปไหนต่อปะ ” เอ่ยถามทำลายความเงียบพอเค้กมาเสิร์ฟคิมก็กินจนหมดไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยชวนน้องคุย
“ ไม่ไปอะ
ว่าจะอยู่นี้จนเย็นเลย ” เด็กหนุ่มคลายคิ้วที่ขมวดพันกันออกก่อนจะวางโทรศัพท์ลงและหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“ ไม่เบื่อตายหรอวะ ” คิมมองหน้าเด็กข้างห้องอย่างไม่เชื่อคนไม่เคยอยู่นิ่งๆจะมานั่งหงอยๆอยู่เฉยๆจนเย็นได้ยังไง
ไอ้ฟีฟ่าโม้ละ คิมคิด
“ ไม่ตายหรอกมั้ง ” ฟีฟ่าหัวเราะเบาๆพอเห็นหน้าของพี่ตัวเองมองมาด้วยสายตาแบบนั้นนี่คงกำลังไม่เชื่อเขาอยู่แน่ๆ
ฟีฟ่าได้แต่คิดแล้วก็อดขำไม่ได้
“ แต่กูมีที่ต้องไป ” หลังจากนั่งไตร่ตรองมาสักพักก็คิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรสักอย่างมากกว่านั่งคิดอยู่เฉยๆ
“ จะไปไหนอะ ” น้องหน้าเข้มเอ่ยถามพออยู่ๆพี่ชายก็ลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ร้านที่มีตู้โชว์เค้กวางอยู่ติดกัน
แล้วพี่ชายก็เดินเข้าไปคุยกับกัปตันที่ยืนอยู่คนเดียวตรงนั้นสักพัก
ก่อนกัปตันจะทำหน้างงๆแล้วพูดอะไรไป ก่อนพี่ชายจะเดินมุ่งหน้าตรงออกจากร้านไปไม่ได้หันมาตอบคำถามเขาเลย สงสัยจะเพี้ยนหนัก
ฟีฟ่าส่ายหน้าเบาๆให้ความคิดตัวเอง ก่อนจะคิดได้ว่าพี่ชายชิงลุกออกจากร้านไปแล้วก็แสดงว่าค่าเค้กบนโต๊ะเขาต้องจ่ายให้สินะ
รถสีขาวแล่นมาชะลอที่ริมฟุตบาทหน้าบ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในซอย ซึ่งถือว่าไกลจากร้านที่ตัวอยู่เมื่อกี้มามากพอสมควร
ชายหนุ่มเหยียบเบรกก่อนเลื่อนเกียร์มาไว้ที่ P แล้ววางคางไว้บนพวงมาลัยสายตามองเข้าไปภายในรั้วสูง
ที่ที่เขามาตามคำบอกของน้องชายคนสนิท ตอนที่เขาเดินเข้าไปถามที่ตั้งของบ้านโอ๊ตกับกัปตัน
น้องก็งงอยู่สักพักก่อนจะต้องบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับมิน เด็กหัวเกรียนเลยเข้าใจแล้วก็บอกที่อยู่บ้านของโอ๊ตมาแบบง่ายๆ
ดีที่แถวนี้มีบ้านหลังใหญ่ไม่กี่หลังเลยหาเจอง่ายหน่อย
หลังรั้วสูงนิ่งสงบไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดที่สวนหน้าบ้านประตูบ้านก็ปิดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่
ชายหนุ่มหลังพวงมาลัยมองไปมารอบบ้านก็ไม่เห็นทีท่าว่าเขาควรจะทำอย่างไรเมื่อมาถึงแล้ว
ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นที่กระจกมองหลังที่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินมาด้วยหน้าตาคุ้นเคยที่เขาเห็นอยู่บ่อย
พอเห็นดังนั้นก็รีบดับเครื่องและลงจากรถ
“ พี่คิม ” คนที่พึ่งเดินผ่านรถที่จอดอยู่ริมฟุตบาทถึงกับตกใจเพราะตนคิดว่ารถนั้นคุ้นมากแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพอเดินผ่านพี่ชายตัวสูงก็โผล่ออกมาจากประตูรถ
“ ตกใจไร ” คนที่พึ่งประตูรถก็หันมามองก่อนจะยืนพิงรถคุยกับอีกคน
“ พี่มาทำอะไรแถวนี้ ” คนตัวเล็กหยุดเดินก่อนจะทำหน้าตาเลิกลักที่อยู่ดีดีพี่ชายก็มาโผล่แถวนี้
“ มารับ กลับบ้าน ” ร่างสูงที่ยืนพิงประตูรถก้าวออกมาก่อนจะจับที่ข้อมือแล้วดึงอีกคนให้เดินตามไปที่รถ
“ กลับบ้านอะไร
มินบอกแม่แล้วนะ ” คนถูกดึงยังคงปล่อยตัวตามไปพร้อมกับถามอย่างงงๆที่พี่ชายพูดเมื่อตะกี้คืออะไร
“ แม่ไม่เกี่ยว พี่แค่จะชวนไปเที่ยว
” คนที่ลากน้องมาถึงประตูรถก็เปิดประตูรถฝั่งเบาะข้างคนขับออกก่อนจะดึงแขนอีกคนหวังให้เซเข้าไปข้างใน
“ เห้ย อะไรๆ ไม่ได้ๆ ” คนที่ปล่อยตัวตามแรงดึงของพี่มาสักพักต้องชะงักตัวไว้ก่อนจะแกะมือของคนเป็นพี่ออกพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“ ขึ้นรถ ” คนโดนแกะมือออกย้ำความต้องการของตัวเองก่อนจะยื่นมือหวังจะจับข้อมือของคนตัวเล็กที่ถอยออกไปอีกครั้ง
แต่ก็ไม่ได้เพราะน้องถอยออกไปไกลขึ้นอีก
“
ไม่ได้พี่คิม วันนี้มินไม่ว่าง ” คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอยกลับไปยืนบทฟุตบาทแบบเดิม
“
ไม่ว่างไร หนีงานมาเล่นบ้านเพื่อนเนี้ยนะ ” คนพูดชายตามองเข้าไปในบ้านอีกครั้งก่อนจะหันมามองหน้าคนที่กำลังดื้อ
“ หนีอะไร ลาแล้ว.. แล้วไม่ได้มาเล่น
โอ๊ตไม่สบาย มินเลยมาอยู่เป็นเพื่อน ”
คนน้องยังคงตอบเสียงใสก่อนจะชูถุงหูหิ้วในมือขึ้นให้ดู
“ มินออกมาซื้อโจ๊กไปให้มันกิน เค๊ ” ทิ้งท้ายประโยคเสียงสูงก่อนจะเอียงคอมองคนพี่ที่จ้องตัวเองอยู่ไม่วางสายตา
“ เพื่อนเป็นไร ” พอได้ยินว่าโอ๊ตไม่สบายคิมก็ยิ่งไม่วางใจทั้งๆที่เมื่อวานเด็กหนุ่มคนนั้นยังปกติอยู่เลยอยู่ๆจะมาป่วยอะไรกัน
ไข้การเมืองหรอ
“ ภูมิแพ้ แพ้อะไรไม่รู้ ” เด็กหนุ่มตอบเสียงใสก่อนจะมองเข้าไปในบ้านที่เงียบสงบ
“ หรอ มันก็เลยอ้อนมินให้มาดูเนี่ยนะ
” คนเป็นพี่เริ่มถามเสียงดังจนคนน้องที่ได้ยินสะดุ้งเบาๆ
“ โอ๊ตไม่ได้อ้อน
แม่โอ๊ตโทรหามิน... ”
“
แล้วไง มินก็รีบมาลางานมานั่งเฝ้าเลยหรอ ” ยังไม่ทันได้อธิบายจนจบพี่ชายก็เดินตรงเข้ามาจับไหล่แล้วถามเสียงดัง
“ พี่คิมเป็นไรเนี่ย ” คนโดนบีบต้นแขนเริ่มนิ่วหน้าด้วยความเจ็บก่อนจะถามพี่ชายตัวสูงที่พูดจาเสียงดังผิดปกติไป
“ ก็มินดูไม่ออกหรือไง
ว่ามันป่วยจริงหรือป่วยปลอม ”
คนตัวสูงตอบเสียงดังเน้นย้ำความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวตัวเองออกไป
อะไรจะบังเอิญขนาดมาป่วยวันถัดมาหลังจากที่เด็กชายคนนี้พึ่งบอกเรื่องอย่างนั้นกับเขา
“
นี่พี่คิมกำลังว่าโอ๊ตอยู่นะ ”
คนตัวเล็กเริ่มหงุดหงิดที่อยู่ดีดีก็โดนเสียงดังใส่หนำซ้ำยังบีบต้นแขนเขาซะจนเจ็บแล้วยังมาว่าเรื่องเพื่อนเขาโกหกอีกนี่ดูหนังเยอะไปหรือเปล่า
“ ก็ใช่ไง
มินจะอย่าไปเชื่ออะไรมันมาก ”
“ พี่คิม นั้นเพื่อนมินนะ
เพื่อนสนิทมิน ”
คนตัวเล็กตอบเสียงดังย้ำอยากให้อีกคนรู้ตัวว่ากำลังพูดไม่ดีเกี่ยวกับเพื่อนของเขาอยู่
“
เพื่อนหรอ คิดว่ามันคิดกับมินแค่เพื่อนหรอ ” คนตัวสูงที่กำลังสีหน้าเปลี่ยนบีบมือข้างที่จับอยู่บนต้นแขนของเด็กหนุ่มข้างหน้าตัวเองรงขึ้นก่อนจะใช้มืออีกคนขึ้นมาจับที่ต้นแขนอีกข้างแล้วเขย่าตัวอีกคนแรง
“ พี่คิม ” คนที่เซไปมาตามแรงสะบัดของอีกคนพูดขึ้นเสียงดังก่อนจะพยายามแกะมือที่จับอยู่ต้นแขนของตัวเองออก
“
ทำไม หรือรู้แล้วแค่แกล้งไม่รู้วะ ” คิมบีบต้นแขนนั้นแน่นเมื่ออีกคนพยายามแกะมือของตัวเองออก
“ พี่คิม พูดไม่รู้เรื่องแล้วอะ ”
คนเป็นน้องหงุดหงิดไปใหญ่ยิ่งพยายามแกะมือคุ่นั้นออกเท่าไหร่คนตรงหน้าก็ยิ่งบีบแรงขึ้นไปอีกเท่านั้น
“ อ่อ เป็นคนอย่างนี้หรอกหรอ
” คนตัวสูงแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนเอ่ยอีกคำที่ทำให้สีหน้าของคนตัวเล็กที่เขาตามมาเปลี่ยนไป
“ อ่อยคนไปทั่วสินะ ” เหมือนคำนั้นจะทำอีกคนหลุดออกจากความหงุดหงิดแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธเจ้าตัวสะบัดตัวออกจากมือของอีกคนอย่างแรงก่อนถอยหลังห่างออกมา
หน้าฉายแววเต็มไปด้วยความโกรธ
ผัวะ ถุงที่เคยถืออยู่ในมือตอนนี้ถูกขว้างมาอยู่ที่กลางแผงอกของคนที่พึ่งทำร้ายเขาด้วยคำพูดก่อนมันจะตกไปอยู่ที่พื้นทิ้งไว้แต่คราบสีขาวเต็มเสื้อของอีกคนก่อนคนตัวเล็กจะประกาศเสียงแข็ง
“ ถ้าจะพูดแบบนี้
ไม่ต้องมาเป็นพี่น้องกันเลย ” ยังไม่ต้องให้อะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้
มินหันหลังเดินตรงไปยังประตูรั้วบ้านก่อนจะก้าวเข้าไปภายในจากเดินกลายเป็นก้าวยวาๆและสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นออกวิ่งตรงไปยังตัวบ้านแทน
" มิน "
ผู้ชายตัวสูงที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมตะโกนสุดเสียงเพื่อเรียกชื่อของน้องคนตัวเล็กที่เขาพึ่งทำลายความสัมพันธ์ลงไปเมื่อไม่นาน
ภาพที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือ คนตัวเล็กที่ตัวเล็กลงไปเรื่อยๆ วิ่งห่างเขาออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ภาพคนตัวเล็กนั้นค่อยๆ เลื่อนลาง
และแผ่นหลังนั้นก็หายเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ข้างในคงมีใครอีกคนรออยู่
“
ไหนโจ๊กกูวะ ” เอ่ยปากถามทันทีที่เพื่อนสนิทของเขาก้าวเข้ามาในบ้าน
“ มึงมานั่งอะไรอยู่นี่ ” คนที่พึ่งเดินเข้ามาถามเสียงเหนื่อยๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวข้างๆตัวที่เจ้าของบ้านนั่ง
“ ก็มึงไปนาน เลยลงมารอ
ว่าแต่อยู่ไหนอะ ” คนเป็นเพื่อนที่ยังไม่ได้สังเกตสีหน้าของอีกคนนักก็ถามต่อพร้อมกับมองหาถุงโจ๊กที่เจ้าตัวอยากกินเลยบอกให้อีกคนไป
ซื้อให้หน่อย
“ ร้านไม่เปิดอะ โทษที
” พอได้ฟังคำตอบโอ๊ตก็หวังจะแกล้งอีกคนด้วยการงอแงแต่พอเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกคนก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้แล้วใจก็กระตุกแทน
ใบหน้าขาวที่ตอนนี้แทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงไปหมด ดวงตาคู่สวยมีน้ำใสใสคลอยู่
พร้อมกับแววตาที่เขาแทบจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“
มึงเป็นอะไร..
”
“ กูเข้าห้องน้ำนะ ”
ถามยังไม่จบเจ้าของคำตอบก็รีบลุกจากเก้าอี้ไปก่อนจะทิ้งความสงสัยไว้ให้เพื่อนตัวเอง
ก่อนโอ๊ตจะเดินไปปิดประตูบ้านให้สนิทและสิ่งที่เขาเห็นนั้นคงพอจะเป็นคำตอบให้เขาได้
ผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าบ้านเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งต่อมาไม่นานรถคันนั้นก็แล่นออกจากหน้าบ้านเขาไปโดยเร็ว
ถึงจะยืนอยู่ตรงนี้โอ๊ตก็ยังจำได้ว่าเขาเป็นใคร
mx-xine
ความคิดเห็น