คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : #ฟิคหน้าใส บทที่ 11 ดูหนัง
“ มาแฟ้วววว ” ผู้ชายตัวสูงยื่นหน้ามายิ้มแป้นบนหัวมีหมวกสีดำสวมอยู่ ในมือสองข้างก็ชูตั๋วหนังโบกไปมาด้วยท่าทางดี้ด้าเหมือนเด็กได้ลูกโป่ง
“ อะไรพี่ เกินไปละๆ ” คนเป็นน้องเห็นท่าทางพี่ตัวสูงก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ก่อนจะยื่นมือไปตีไหล่อีกคนแรงๆ
“ เอ้า กว่ามึงจะมาได้กูแทบเสียตัวเลยนะเนี่ย ” คนเป็นพี่ก็ยิ่งยิ้มกว้างไปกันใหญ่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตั๋วในมือ
คนเป็นน้องที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันแทบยกมือขึ้นมากุมขมับเมื่อเห็นท่าทางแฮปปี้โอเว่อของคนเป็นพี่ที่ชวนตัวเองมาดูหนังวันนี้
‘ ไปดูหนังกานนนนนน นะนะนะนะ ’ เสียงดังโหวกเหวกจากโทรศัพท์ดังออกมาหลังจากที่มินกดรับไปไม่นาน
‘ โหยไรพี่คิม โทรมาทำไมแต่เช้า ’ คนที่พึ่งเดินบันไดบ้านแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง
‘ ไปดูหนังกับกูเลยยยย ’ เสียงลากยาวยังคงหลอกหลอนอยู่ในสายยืดไปยืดมา
‘ ก็บอกว่าขอคิดก่อน ’
‘ ม่ายยยยย วันนี้ วันนี้เลย ’ เสียงคนในสายยังคงเป็นแบบงอแงงุ้งงิ้ง คนเป็นน้องก็แทบงงไปกันใหญ่สงสัยว่าวันนี้พี่ชายที่โทรมาแต่เช้าคงนอนไม่พอแน่ๆ
‘ ถ้าพี่อยู่หน้าบ้านตอนนี้มินไปเลย ’ คนเป็นน้องรีบตอบกลับกวนๆไปทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่าบ้านพี่กับบ้านตัวเองก็ห่างกันวิ่งมาสิบวิคงไม่ถึงหรอก
‘ กูนั่งอยู่ข้างล่างเนี้ย ’ คนที่งอแงมาก่อนเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจังทันที พอคนที่ก้าวลงขั้นบันไดบ้านมาถึงขั้นสุดท้ายพร้อมกับได้ยินประโยคำตอบพอดีก็รีบหันไปมองทางโซฟารับแขกและพบว่าพี่ตัวสูงกำลังนั่งอยู่กับคุณแม่ของตัวเอง
นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ก่อนจะโดนพี่ชายที่แอบไปคุยอะไรกับแม่เขามาก็ไม่รู้ลากมาดูหนังด้วยพร้อมกับได้รับความร่วมมือจากแม่อีกด้วย
“ อีกตั้งนานกว่าหนังจะฉายไปไหนดี ” คนที่ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถาม
“ ไม่รู้ ” คนเป้นน้องกอดอกก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่
“ อย่ามาไร้สาระใส่ฉันนะ ” คนเป็นพี่เห็นท่าทางบูดบึ้งของน้องก็ทำหน้าบึ้งคืนก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอกแบบเด็กๆ
“ หึยยยย ” คนตัวเล็กทำเหมือนเสือแยกเขี้ยวก่อนจะสะบัดหน้าแล้วก็เดินนำไปอีกทาง พอคนเป็นพี่เห็นก็อมยิ้มก่อนจะรีบวิ่งตามไป
ก่อนคนตัวเล็กจะไปหยุดลงที่หน้าร้านไอติมร้านประจำที่ชอบมานั่งกินอยู่บ่อยๆแล้วหันไปมองคนที่เดินตามมา
“ กินมั้ย มินอยากกิน กินเป็นเพื่อนหน่อย ” คนตัวเล็กเอ่ยถามก่อนจะชูนิ้วไปทางหน้าร้าน
“ กินดิ แต่ไม่อยากกินเป็นเพื่อนนะ อยากกินเป็น”
“ พอ! ” คนเป็นน้องพูดขัดขึ้นก่อนที่พี่จะพูดจบแล้วเดินนำเข้าไปในร้าน ทิ้งให้พี่ตัวสูงที่อุส่าจะเล่นมุขต้องเซ็งเก้อคอตกแล้วเดินตามเข้าไป
“ กินด้วยดิ ถ้วยนั้นน่ารักจัง ” พอไอติมมาวางลงที่โต๊ะสองถ้วย คนเป็นพี่ที่เท้าคางมองมาที่น้องก็เอ่ยถามขึ้นเบาๆพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆให้อีกคนสงสาร
“ ของตัวเองก็มีกินไปเลย ” คนน้องมองค้อนก่อนจะเอามือขึ้นมากุมปากถ้วยไอติมตัวเองเอาไว้แล้วตักขึ้นมากินคำโต
“ โหย ทำไมน้องมินใจร้ายจัง ” พอเห็นท่าทางหวงของของตัวเล็กคนพี่ก็ทำตัวเป็นเด็กก็จะยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างมาชนกันซ้ำๆทำตาแบ๊วใส่
“ น่ารักมากมั้ย โอ้ยยย ” คนเป็นน้องเห็นก็แทบหลุดขำก่อนจะยื่นมือไปตักไอติมของอีกคนมากินตัดหน้าทันที นี่คิดว่าตัวเองน่ารักขนาดนั้นเลยหรอ โอ้ยฮา มินคิด
“ เอ้าๆ มาแย่งพี่กินทำไม เห้ย ทำไมเป็นคนอย่างนี้ ” พอเห็นว่าน้องตัวเล็กตักไอติมถ้วยตัวเองไปกินอย่างลอยหน้าลอยตาก็รีบโวยวายก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาหวังจะแก้แค้นอีกคน
“ อย่านะ อย่าเลย อย่า ” พอยื่นมือเข้าไปใกล้ถ้วยของอีกคน ไอ้เจ้าของถ้วยก็รีบโวยก่อนจะเอาช้อนในมือมาปัดช้อนพี่ชายให้เปลี่ยนทางไป
“ หึหึ แกคิดว่าจะรอดหรอ ” คนเป็นพี่ไม่ยอมรามือก่อนจะหันช้อนพุ่งข้าใส่ถ้วยไอติมของอีกคนแล้วก็ได้มาซึ่งไอติมก้อนโตเต็มช้อนยัดมันเข้าปากอย่างสบายใจ โดยที่ไม่ลืมส่งยิ้มเยาะเย้ยไปให้อีกคนที่กำลังแสดงอารมณ์โกรธด้วยการมองแรงมาทางตัวเอง
สงครามการกินไอติมจบลงก่อนทั้งสองจะเดินออกมาจากร้านแล้วเดินตรงไปอีกทางเพื่อดูของต่างๆตามร้าน ระหว่างทางมินก็แวะดูนู้นนี้ไปเรื่อยทั้งรองเท้าทั้งเสื้อผ้า ส่วนพี่ตัวสูงก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษนอกจากมองดูคนตัวเล็กวิ่งเข้าออกร้านข้างๆไปเรื่อย
“ พี่คิมๆ ” ได้ยินเสียงน้องเรียกจากด้านในของร้านสักร้าน พอเดินเข้าไปด้านในก็รู้ว่าคือร้านขายเครื่องประดับต่างๆ มีทั้งสร้อยคอนาฬิกาแหวนและกำไลข้อมือผู้ชายเยอะแยะไปหมด
“ อะไร ” พอเดินมาถึงตัวคนที่เรียกก็ถามก่อนจะหันไปดูของด้านหลัง
“ ดูๆ เท่ป่ะ ” พูดพร้อมกับสะกิดแขนอีกคนให้หันมาดู ก่อนจะชูนิ้วที่สวมแหวนตัวเอ็มขึ้นให้พี่ชายดู
“ เชรด อย่างเฟี้ยว ไหนๆ ” ซึ่งนั้นถือว่าเป็นการดึงความสนใจของพี่ชายได้มาก พอเห็นแหวนบนนิ้วของน้องก็รีบหันไปดูว่ามีตัวอักษรชื่อตัวเองบ้างรึเปล่า
“ ขอบคุณนะคะ ” เสียงพนักงานไล่หลังมาหลังจากที่ผู้ชายสองคนเดินออกมาจากร้านพร้อมกับแหวนบนนิ้วคนละวง
“ เท่กว่า ” คนเป็นพี่ยกนิ้วขึ้นมาอวดก่อนจะชี้ย้ำให้อีกคนเห็นแหวนตัวอักษร K ที่อยู่นิ้วกลางบนมือด้านซ้าย
“ ไม่ๆ ของมินสวยกว่า ” มินไม่ยอมก่อนจะยกมือข้างขวาขึ้นมาอวดอีกคนพร้อมกับแหวนตัว M เด่นบนมือขาวๆ
“ ยอมก็ได้ ” คนเป็นพี่ยิ้มก่อนจะลูบห้องน้องเบาๆแล้วยิ้มอีกคน
“ ... ไปดูหนัง ฉายแล้วมั้ง ” คนเป็นน้องยืนนิ่งมองพี่ชายตัวสูงสักพักก่อนจะเอ่ยปากบอกเมื่อก้มมองหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาว่าถึงตามที่ตั๋วบอกแล้ว
เด็กหนุ่มตัวเล็กเปลี่ยนเป็นจับแขนพี่ชายแล้วออกแรงดึงไปตามทางเดินที่ทั้งสองคนเดินออกมาก่อนจะตรงเข้าไปยังโรงหนังที่ระบุไว้ในตั๋ว
“ ไม่ใช่หนังผีหนิ ” คนน้องพอเดินเข้ามาในโรงหนังก็ก้มมองตั๋วในมือที่ไปเอามาจากพี่ชายแล้วปรากฏว่าเป็นชื่อหนังอีกเรื่อง
“ ก็เห็นว่ากลัวไง ไม่ดูเรื่องนี้หรอ ” คนตัวสูงกว่ารีบเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วก้มไปถามใกล้ๆเพราะไม่อยากเสียงดัง ก่อนทั้งสองจะเดินไปยังที่นั่ง
“ ไม่ดูแล้วจะพาออกไปมั้ย ” พอนั่งลงคนน้องก็หันไปถามก่อนยักคิ้ว
“ ไม่ ” คนพี่ก็รีบตอบก่อนจะยิ้มให้คนน้องที่กำลังทำหน้าบึ้งซึ่งเห็นเป็นภาพลางๆในความมืด
ภายในโรงหนังก็มีเพียงแค่แสงวูบวาบจากจอหนังเท่านั้น ทำให้เห็นใบหน้าขาวของอีกคนไม่ชัดเท่าไหร่ คิมยังคงมองอยู่อย่างนั้นแต่คนเป็นน้องได้หันไปทางด้านหน้าแล้วก่อนเพลงสรรเสริญพระบารมีจะดังขึ้นทั้งคู่ก็ลุกขึ้นยืนเมื่อเพลงจบก็นั่งลงแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่รอยยิ้มและความอบอุ่นยังปรากฏอยู่ข้างในใจของผู้ชายที่กำลังนั่งดูหนังบนจอแต่ในหัวกลับคิดถึงแต่เรื่องของคนที่นั่งข้างๆ
“ กลับมาแล้วหรอจ้ะ ” เสียงทักหลังจากที่ก้าวเข้าบ้านเพียงไม่กี่ก้าว คุณแม่คนสวยก็เอ่ยถามเสียงดังจากโซฟาหน้าทีวีที่ประจำเขาเลย
“ ครับ เหนื่อยมากกกก ” ลูกชายตัวเล็กเดินตรงเข้าไปหาแม่ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาแล้วเอาหัวไปหนุนตักแม่
“ ทำไมเหนื่อย ไปทำอะไรมา ” แม่ถามก่อนจะก้มมามองหน้าลูกชายที่น่ารักของเธอแล้วยกมือขึ้นบีบจมูกลูกชายเบาๆ
“ นั่งรถไง รถติดมากๆ ” เด็กชายเบะปากน้อยๆเป็นการสนับสนุนคำพูดตัวเอง
“ แล้วพี่คิมเป็นไง ” อยู่ดีดีแม่ก็ถามถึงพี่ชายที่พึ่งมาส่งเขาที่หน้าบ้าน
“ พี่คิมก็เป็นพี่คิมไงแม่ ” ลูกชายที่หนุนตักอยู่ก็ยิ้มให้แม่ก่อนจะโดนแม่ตีเข้าที่ท้องเบาๆ
“ กวนแม่หรอเรา...พี่เขาน่ารักหรือเปล่า ” แม่ถามต่อ
“ อะไร ทำไมแม่อยากรู้.. แหนะๆ เมื่อเช้าคุยไรกัน ” ถามทันทีเมื่อคิดได้ว่าเมื่อเช้าเห็นพี่คิมกับแม่นั่งอยู่ด้วยกันที่นี้
“ คุยอะไร ไม่มีเลย ” คุณแม่พูดเสียงสูงก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วมองไปทางทีวี
“ แม่ บอกมินมา ” ลูกชายรู้ว่าแม่กำลังแกล้งเขาอยุ่ก็เอื้อมมือเล็กไปจี้ที่เอวของแม่ก่อนหญิงสาวจะสะดุ้งแล้วหัวเราะออกมา
“ ฮะฮ่า มิน มิน อย่าทำแม่ ฮ่า ” หญิงสาววัยกลางคนรีบลุกออกจากโซฟาแล้วยืนตัวตรงอยู่หน้าลูกชายที่เกือบกลิ้งตกลงมาเมื่อเธอลุกขึ้นกะทันหัน
“ แม่ไม่รู้ แม่ไปนอนแล้ว ”
แม่หันมาบอกก่อนจะเดินไปปิดทีวีแล้วก็วิ่งหายไปบนบันไดสู่ชั้นสองของบ้าน ทิ้งลูกชายตัวเล็กนอนค้างอยู่บนโซฟาก่อนจะยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่คนเดียวเมื่อคิดถึงหนังที่พี่ชายพาไปดูมันไม่ใช่หนังผีอย่างที่พี่ตัวสูงชวนไปดูตั้งแต่แรก แต่กลับเป็นหนังการ์ตูนดิสนีย์สาวแตกโดยให้เหตุผลว่ากลัวเขาจะนอนไม่หลับฝันร้ายแล้วมางอแงทีหลังไม่อยากรับผิดชอบ นึกถึงแล้วก็ฮานี่พาน้องชายไปดูหนังนะไม่ใช่ไปกับลูกสาว โอ้ย ไอ้พี่คิม
KiimMon : ถึงบ้านแล้ว
พอเดินขึ้นห้องกะว่าจะไปอาบน้ำก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก็พบกับแจ้งเตือนไลน์ที่อยู่หน้าจอ
Minthtp : ใครถามคร้าบบบ
มินพิมพ์ตอบไปกวนๆ ก่อนจะนั่งลงบนเตียง
KiimMon : แม่ง รู้งี้พาดูหนังผีดีมั้ย
สักพักก็มีข้อความตอบกลับมาก่อนที่เด็กหนุ่มจะพิมพ์ตอบไปทันที
Minthtp : ไม่ทันแล้ว :P
KiimMon : ไปอาบน้ำเลย
พอเห็นข้อความของพี่ที่ส่งมาก็นึกว่าต้องไปอาบ ก่อนจะตอบกลับไปสั้นๆแล้วเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วตรงไปยังห้องน้ำ
Minthtp : งั้นอาบน้ำแป็ป
คนตัวสูงอ่านข้อความบนจอโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนเตียงแล้วเดินไปหาอะไรกินในครัวบ้าง เขาออกไปบ้านมินตั้งแต่เช้าแล้วก็ดูหนังกันต่างๆนานากว่าจะออกมาก็บ่ายแก่ๆกว่าจะถึงบ้านก็ปาไปห้าโมงเย็นรถติดซะเหนื่อยไอ้คนน้องที่นั่งมาก็หลับอย่างเดียวทิ้งกันซะได้ คิดไปก็แอบดีใจไม่เสียแรงเลยที่ตื่นไปหาที่บ้านของมินแต่เช้าจากที่ชวนไปดูหนังมาเป็นอาทิตย์วันนี้ก็ยอมไปแบบจำใจจนได้ พอหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจะดื่มก็สะดุดตาเข้ากับแหวนที่พึ่งได้มาสดๆวันนี้ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาพอนึกถึงหน้าอีกคนตอนมันโชว์แหวนก่อนจะลงรถไป นี่นับเป็นแหวนคู่ได้มั้ย เอ้ะ แต่มันไม่น่าจะเกี่ยวกัน 55555 คิมคิด
พอหาอะไรกินเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนก่อนจะตรงไปนอนลงบนเตียงแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเจอแจ้งเตือนบนหน้าจอก่อนจะเลื่อนไปอ่าน
Minthtp : มาแล้วววว
Minthtp : พี่คิม
Minthtp : พี่คิมมมมม
Minthtp : ไอ้พี่คิม
Minthtp : มินนอนแล้วนะ
พอเห็นข้อความก็อดยิ้มไม่ได้ก่อนจะมีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวแล้วกดโทรออกหาเบอร์ล่าสุดที่พึ่งออกไปตอนเช้า
“ โหล ”
“ โทรมาทำไม มินจะนอนนนน ” พอปลายสายรับก็พูดออกมาก่อนจะลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ นั้นไง ก็ยังไม่นอน ” คนเป็นพี่คิดไว้แล้วว่าคนน้องต้องยังไม่นอน ก่อนจะเอ่ยถามพร้อมกับเอาโทรศัพท์แนบหูยิ่งกว่าเดิมแล้วนอนลงหนุนแขนอีกข้างของตัวเอง
“ จะนอนแล้ววว ” ปลายสายก็ตอบแบบลากเสียงยาวเหมือนเดิมก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ ก็นอนไปดิ ” พอเห็นน้องโวยวายก็ตอบแบบกวนๆก่อนจะนอนยิ้มนิ่งๆอยู่บนเตียง
“ พี่คิมก็วางดิ มินจะได้นอน ” คนน้องตอบเสียงเอื่อยๆ
“ ไม่ มึงก็นอนไปดิ เดี๋ยวกูวางเอง ” คนเป็นพี่ก็ทำดื้อก่อนจะพลิกตัวไปนอนคว่ำแล้วรอฟังเสียงตอบจากอีกคน
“ เออ งั้นมินนอนละ ” คนน้องยอมกับความดื้อของพี่ชายที่โทรมาก่อนเจ้าตัวจะวางโทรศัพท์ลงข้างหมอนแล้วหลับตานอนโดยไม่สนว่ามีคนถือสายอยู่
“ เปิดลำโพงไว้ด้วย ” เสียงแจ้วจากพี่ชายดังมาจากโทรศัพท์ข้างหมอนก่อนคนน้องจะยื่นมือไปกดโทรศัพท์ตามที่พี่บอกแล้วก็ขยับไปนอนลงท่าเดิม
“ หลับยัง ” เงียบไปสักพักก่อนที่คนพี่จะเอ่ยถามขึ้นเมื่อไม่ได้ยินอะไรเลยจากอีกคน
“ อืมม… ” เสียงตอบเบาๆจากปลายสายทำให้คนพี่ที่ยังตื่นเต็มตารู้ว่าน้องคงใกล้หลับแล้วเลยนอนเงียบๆในมือก็ยังคงเอาโทรศัพท์แนบไว้ข้างหูเหมือนเดิม
“ ที่ไปด้วยกันวันนี้ ขอบคุณมากเลยนะ พี่โคตรมีความสุขเลย ”
คิมพูดขึ้นเบาๆก่อนจะเงียบลงไป เมื่อรู้ว่าอีกคนคงหลับไปแน่แล้วก็รอสักพักก่อนจะกดวางสาย
“ ฝันดีนะครับ ”
คำพูดสุดท้ายที่พูดส่งไปยังปลายสายก่อนจะกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ลงข้างตัว ก่อนจะเอื้อมมือไปที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วปิดไฟ ข่มตาลงให้ทั้งโลกเหลือแต่เพียงความมืดก่อนจะพาตัวเองเข้าไปยังอีกฝั่งของโลกหนึ่ง โลกที่มีแต่เพียงเขกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้พร้อมกับหัวใจอันอบอุ่นและรอยยิ้มที่ไม่มีวันจางไปจากความทรงจำ
____________________________________________
อัพแล้วนะ อย่าพึ่งอดข้าวประท้วงเรา 5555
เจอคำผิดแนะนำให้ตบค่ะ คิดเห็นยังไงว่ากันได้นะ
ชอบเม้นนึง มิกของโอมแต่มินของพี่คิม < < เห็นด้วยแรง
ทวิตเตอร์เราไปเปิดแอคมาแล้ว หลังจากที่เสนอไปแล้วมีคนถามถึงหนึ่งคน 55555 ปลื้มจิตสุด
แอคนี้เบย คุยกันๆ @lightdot_ เพื่อการนี้โดยตรง
ฝากฟิคด้วยนะคะ ขอบคุณทุกเม้น ทุกวิวเลย จุ้บๆ
ความคิดเห็น