คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : EL DORADO - Part 3
EL DORADO
Part 3
เดิมทีแล้ว เหล่าผู้วิเศษมีถิ่นฐานอยู่เชิงเขาแอล หลบหนีการล่าของเหล่าสัตว์ร้าย ในยุคที่ดาวเคราะห์ EL DORADOแห่งนี้ยังไม่มีอารยธรรม ความเชี่ยวชาญด้านการขี่ม้าของ 'โอซังฮุน' เป็นที่เลื่องลือเคยมีตำนานเล่าขานว่า
'โอซังฮุนคือผู้ปลุกดวงอาทิตย์จากการหลับไหล' โอซังฮุนจึงกลายเป็นผู้นำของโลก EL DORADO ในบัดดล
ด้วยความที่เป็นเพียงมนุษย์เดินดิน ไม่มีพลังวิเศษ หรือความน่าภาคภูมิแต่อย่างใด ประชาชน แลเสนาอมาตย์ในเมืองต่างเสนอความคิดว่า เราควรทำสัญญาการอยู่ร่วมกันของเหล่าสัตว์ อมนุษย์ ต่างๆ ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ระรานซึ่งกันและกัน โอซังฮุนจึงจัดตั้งสมาพันธ์ขึ้น โดยแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นประธานสมาพันธ์ เหล่าอมนุษย์ยอมรับแต่โดยดี เพราะโอซังฮุนคือผู้มีพระคุณแก่ดาวเคราะห์แห่งนี้ เหตุนี้เองชนพลเมืองผู้วิเศษจึงเป็นผู้หยิ่งยโส เพราะมีความเชื่อว่าตนเกิดจากพระอาทิตย์ ชื่อเมืองว่า'ผู้วิเศษ'นั้นชาวพลเมืองเป็นผู้ตั้ง และใช้เรียกตัวเอง
พระอาทิตย์สีแดงดั่งสีเลือดนกปรากฏในดวงตานิ่งเฉยของชายหนุ่มผิวสีน้ำนม ผู้ที่ยืนอยู่บนหน้าผาในเมืองหงส์ น้ำที่กัดเซาะก้อนหิน ลมที่พัดปะทะหน้า ดั่งสิ่วและค้อนคอยแกะสลักหน้าผาแห่งนี้จนกลายเป็นรูปปีกหงส์สายตาทอดยาวมองไปพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกพื้นดิน นางหายไป 5 วันแล้ว คยองซูจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่อาจรู้ได้
'บรรพบุรุษของข้า ดวงอาทิตย์ และท่านทวดของทวดโอซังฮุน ช่วยดูแลให้คยองซูได้รับความอบอุ่น และความสุขด้วยเถิด'
ทันทีที่เซฮุนอธิฐานจบ นกอินทรีตัวหนึ่งโฉบปีกลงตรงหน้าเขาก่อนจะเปลี่ยนทิศทางที่เคยทิ้งดิ่ง บินตรงไปยังพระอาทิตย์ดวงสีแดงที่กำลังตกขอบฟ้าในทันที
เซฮุนยกยิ้ม ในดวงใจของเขาได้แต่ภาวนาให้นกอินทรีเป็นตัวแทนเทพเจ้าเรนำคำภาวนาของเขาไปบอกยังบรรพบุรุษ
ชายหนุ่มขี่ม้าสีขาวกลับมายังเมืองหงส์เพื่อเสวยอาหารพร้อมองค์ราชา แลราชินีหงส์
หลังจากคืนนั้น เขาและนางกำนัลลู่หานเสร็จกิจการเสพสมแล้ว เขาทิ้งนางให้อยู่ป่าไผ่นั้น ออกคำสั่งห้ามนางกลับมายังพลับพลาหากยังไม่ถึงยามเช้า
"พี่ขอบใจเจ้ามากสำหรับการถวายงานพี่คืนนี้ แต่ขอเถอะลู่หาน เพื่อรักของเราชายาของพี่.."
เซฮุนจูบหน้าผากบอกลาลู่หาน เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกคลุมไหล่บางเปลือยเปล่าไว้ ก่อนจะได้จากกลับมายังพลับพลา
เมื่อมาถึงพลับพลา เซฮุนทำทีเดินย่องเข้าไปยังพลับพลาของคยองซู
มือหนาเอื้ิอมมือคว้าผ้าห่ม 'ว่างเปล่า'นางหายไป
เซฮุนควบม้าตามหานางในป่าสุดจนเขตแดนหมาป่า ชายหนุ่มหัวเสียที่พลาดท่าไม่ได้เผด็จศึกองค์หญิงหงส์คยองซู
"นางรู้แน่...โธ่เว้ย!"
ท่านชายแห่งเมืองผู้วิเศษออกแรงควบม้ากลับเมืองหงส์ เพื่อแจ้งข่าวให้องค์ราชาและราชินีหงส์ได้ทราบข่าว
'ท่านชายเซฮุน...พระองค์หลงลืมสิ่งใดไปรึเปล่าเพคะ'
เสี่ยวลู่หานหอบเอาร่างอันอิดโรยเดินกลับมายังพลับพลาที่ว่างเปล่า
ใบหน้าขาวใสซีดเซียวแลดูเหมือนกระดาษ ดวงตากลมโตเศร้าสร้อย น้ำใสไหลออกจากหางตา
นางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่น่าจะเกิดกับองค์หญิง และท่านชาย
'ทั้งคู่คงสุขสมจนลืมเสี่ยวลู่หานคนนี้สินะ'
ลู่หานคิดพลางปาดน้ำตา ขึ้นขี่ม้ากลับราชวังแห่งเมืองหงส์ หูทั้งสองข้างอื้ออึง ดวงตามัว ก่อนที่โลกจะดับทันทีที่ถึงประตูวัง
'เต๊าะ! เต๊าะ!'
เสียงขวานผ่าไม้หน้ากระท่อม ปลุกองค์หญิงหงส์สะดุ้งตื่นออกจากการหลับใหล
ร่างบางเกาะผนังกระท่อมทำจากไม้ไผ่และมุงด้วยใบจาก เท้าบางข้างที่เจ็บลากไปกับพื้น ปีกน้อยสีขาวมีประกายสีทองข้างซ้ายห้อยโตงเตงไม่สามารถขยับได้
ร่างบางขมวดคิ้วเพราะความเจ็บปวดจากข้อเท้าและปีก แต่ก็ยังดื้อดึงพยุงกึ่งลากตัวเองไปแอบมองท่านพี่รูปหล่อผ่าไม้ฟืน
ร่างกายกำยำ สีผิวออกคล้ำแต่ยังคงนวลเนียนตามชาติกษัตริย์
เส้นผมสีดำยาวปะบ่าถูกขมวดไว้เป็นก้อนกลมบนหัว ร่างสูงถอดเสื้อเหลือติดกายเพียงผ้าเตี่ยวสั้นปิดของลับและแก้มก้น
ร่างบางมองภาพนั้นอย่างตะลึงงัน แก้มทั้งสองข้างซบสีเลือดแดงกร่ำ มือบางจิกประตูกระท่อมจนมือบางเป็นห้อเลือด
ฉับพลันนั้นร่างสูงใหญ่หันกลับอย่างรู้สึกได้จากสัญชาตญาณว่าถูกแอบมองอยู่
ในจังหวะเดียวกัน คยองซูผู้ถูกจับได้ว่าแอบมองพลิกตัวหันหลังอย่างรวดเร็วแทบลืมไปเลยว่าเท้าของนางบาดเจ็บ
ร่างของนางหงายหลังลงกับพื้น ปีกข้างที่ไม่หักกางออกพยุงตัวนางไว้
และท่อนแขนแข็งแรงเต็มไปด้วยเหงื่อของใครอีกคนก็คว้าหมับดึงนางมาแนบชิดอก
'สายตาปะทะกับสายตา'
'จมูกโด่งแนบชิดคลึงเคล้าจมูกเล็กน่ารัก'
'ปากที่ห่างกันเพียงสายลมผ่าน'
"อย่าขัดขืน ชะแม่ของพี่ พี่เพียงทำตามที่ใจจะสั่ง...ขอพี่จูบเจ้าสักหน่อยเถอะแม่หวานใจ"
คำพูดที่แสนคุ้นหู แม้จะผ่านมา10ปีแล้วก็ตาม..
การกระทำที่ยังคงที่ 'ความอบอุ่นและความสุข'อบอวลรอบกายเขาทั้งสอง
ท่ามกลางบรรยากาศยามอัสดง ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า นกอินทรีตัวโตบินอยู่บนหลังคากระท่อม
รสจูบละมุนเริ่มจากเพียงปากกับปากบดเบียดกันเบาๆ
ชายหนุ่มร่างสูงออกแล้วรั้งเอวองค์หญิงร่างเล็กมากอดแนบชิด มือหยาบแข็งสอดเข้าใต้ขารั้งขาเล็กให้ยกขึ้นเกี่ยวเอวหนาไว้
ปากหนาขบเม้มปากเล็ก ก่อนจะค่อยเคลื่อนไปที่พวงแก้มใสสีอมชมพู จมูกโด่งเป็นสันจัดการกดฟอนฟัดแก้มจนขึ้นรอยแดง
"พี่อยากฟัดเจ้าให้หนำใจ อยาก อยากกอดชะแม่เอาไว้ทั้งวันทั้งคืน..."
"อื้ออ ท่านพี่ อ้ะ อย่าเพคะ พอแล้ว..."
องค์หญิงหงส์ตัวน้อยเอ่ยปากห้ามท่านพี่ตัวดีที่ปากเริ่มอยู่ไม่สุข ซุกไซร้ลงมาตามซอกคอขาวเนียน
ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งหลงใหล ห้ามใจไม่อยู่
"โธ่ ชะแม่เห็นใจพี่เถิด พี่อดอยาก ไม่ได้แตะต้องผู้ใดเลย พี่รอแต่ชะแม่"
"องค์ชาย อื้อออ..."
สิ้นคำพูดอื่นใด ร่างสูงใหญ่ออกแรงอุ้มร่างบางแนบอกไปยังเตียงแคบหลังเล็ก
จัดการประกบปากจูบปากรูปหัวใจน่ารัก ลิ้นร้อนสอดเข้าไปอย่างจาบจ้วงกดจูบลึกซึ้ง องค์หญิงตัวน้อยขดตัวนอนบนเตียง ออกแรงที่มีเพียงเล็กน้อยดันอกแรงสูงไว้
ชายหนุ่มละปากออก มองตาองค์หญิงตากลมก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
"กลัวรึไรกัน..."
ร่างบางเลือกที่จะก้มหน้าแทนคำตอบ จงอินมองภาพนั้นอย่างขำขัน แกล้งโน้มตัวจะจูบอีกครั้ง แต่องค์หญิงน้อยของเราก็ก้มหน้าต่ำลงไปอีก
"เอาละ พี่พอก็ได้ แต่มีข้อแม้บางอย่างขอชะแม่ช่วยพี่หน่อย..."
"เพคะ...?" ดวงตากลมโตช้อนมองในระยะใกล้ จงอินมองภาพสะท้อนของตัวเองในลูกแก้วใสนั่น อดรนทนไม่ไหวจัดการหอมแก้มแดงไปอีกฟอดใหญ่
"อื้อ...ท่านพี่หยุดก่อน มีอะไรให้น้องช่วยไม่ใช่หรอเพคะ"
"ฮ่าๆๆ จริงด้วยสินะ พี่เพียงจะขอให้เจ้าช่วยขยับตัวไปทางซ้ายของเตียงสักหน่อย ค่ำนี้พี่จะขอบรรทมนอนข้างๆองค์หญิงของพี่"
"นั่นอะไร..."
"มะยมเชื่อม..."
"นั่นอะไร..."
"แป้งทอด..."
"แล้วนั่นละ ฮู้~ มังกรนิหว่า"
"ป๋องแป๋ง มังกรบ้าอะไรกันเจ้าหูกาง"
"พ่นไฟได้หรือไม่ เฮ้ หมาน้อยใยเจ้าเดินหนีข้า"
ร่างสูงใหญ่วิ่งตามแบคฮยอนเหมือนเด็กน้อยๆวิ่งตามแม่
"เจ้ามันน่ารำคาญ เจ้าบ้านนอก...ป๋องแป๋งก็ไม่รู้จัก ตอนเด็กๆแม่เจ้าให้เจ้าเล่นสิ่งใดกัน หนอนไหมรึ"
แบคฮยอนแว๊วใส่อย่างหัวเสีย พยายามเดินหนีให้ห่างจากชานยอล
"ก็มีหนอนไหม เจ้ารู้ได้อย่างไร ฮ่าๆๆ ข้าเคยเลี้ยงด้วงด้วยนะ มันชอบมาเจาะท้องข้าจนเป็นโพรงน่ะ"
ชานยอลยิ้มอย่างภาคภูมิใจ หยิบด้วงตัวโตออกมาจากเสื้อสีขาวที่ใส่อยู่
เขายื่นให้แบคฮยอนดูพร้อมยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ
"ย๊ากกกก!! เอาไอ้ตัวบ้านี่ไปไกลๆจากข้าเลยนะ ไอ้หูกาง...อี๊ น่าเกลียดน่ากลัวชะมัด"
ร่างสูงเก็บเจ้าด้วงตัวโตปากเบะน้อยๆ ก่อนจะวิ่งตามร่างบางออกท้วมของแบคฮยอนเข้าโรงอาศัยขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นัก
ตัวตึกทำด้วยไม้สักทองแข็งแรง ทาสีด้วยสีสว่าง ด้านหน้าปลูกดอกไม้สีแดงสดใส
"ที่นี่ที่ไหนหรอ วังของเจ้าใช่รึไม่องค์ชายหมาน้อย"
"หาใช่ไม่! วังของข้าสวยกว่านี้ เมืองนี้เป็นเมืองลูกหลวงที่หมาป่ายึดมาจากพวกวิเศษ"
"ยึดเขามาทำไมละ..."
ร่างบางเดินนำร่างสูงเข้าห้องชั้นบน พยักหน้าให้ชายชราคนนึง ก่อนชายชราจะนำทั้งคู่ไปบนห้องด้านบนทีี่ตบแต่งอย่างหรูหรา
"จะเรียกว่ายึดก็ไม่ได้...อยู่ร่วมกันไร้สาระบ้าบอ...ถามมากจริง นู้นเลย...ที่นอนของเจ้า เจ้าหูกาง"
(นอกจากประเทศไทยของเราจะมี AECแล้ว เมืองหมาป่าและผู้วิเศษก็ยังคงไมตรีกันโดยผสานประชากรอยู่ด้วยกัน)
ร่างบางชี้ระเบียงห้องด้านนอกติดถนนหนทาง ก่อนจะออกเสียงไล่เทพารักษ์หนุ่ม
ชานยอลหน้าบึ้งเดินกระแทกส้นเท้าไปยังหน้าระเบียง
ร่างสูงกลายร่างเป็นต้นไม้ที่มีใบสีเขียวมะนาวต้นเล็กสูงเพียงฝ่ามือ มีใบเพียง2ใบ เกาะไม้ที่ใช้ทำระเบียง
แบคฮยอนมองภาพนั้นอย่างขบขับ ก่อนที่ร่างบางออกท้วมจะเดินมานั่งข้างต้นไม้นั้น
นิ้วเรียลสวยอย่างคนไม่เคยทำงานหนักออกแรงจิ้มใบไม้ใบหลายๆที
"นี่แหน่ะๆๆ เจ้าหูกางเจ้าปัญหา...ฮ่าๆๆๆ"
"ใครกันเจ้าปัญหา ข้ามันบ้านนอก เพิ่งเคยออกมาจากป่านิ"
"ฮ่าๆๆๆ เวลาเจ้าอยู่ในร่างต้นไม้แล้วพูดแบบนี้เหมือนพวกภูตผีเลย"
กล่าวจบร่างบางก็นั่งขำกุมท้องเสมือนว่ามันตลกอะไรมากมายพร้อมใช้เท้าข้างนึงก็จิ้มใบไม้ไปด้วย
"นี่หรอราชนิกูล เจ้ากับพี่เจ้าน่ะหยาบคาย ตอนเด็กๆข้าเห็นเจ้าช่วยกันแกล้งคนนู้นคนนี้ เจ้าหมาอ้วน!"
ชานยอลในร่างต้นไม้ตะโกนลั่นว่ากล่าวแบคยอน และจงอินผู้เป็นพี่ชาย ด้วนความโมโหแบคฮยอนแยกเขี้ยวหมาป่าเล็กๆก่อนจะลุกขึ้นเหยียบกระทืบต้นไม้สีเขียวมะนาวนั้นอย่างไม่ยั้งเท้า
"ไอ้หูกาง! ไอ้ภูตผี! ตายซะๆๆๆๆๆ"
ด้วยความโมโหแบคฮยอนหลับหูหลับตากระทืบจนหน่ำใจ ลืมตามามองอีกที เจ้าต้นไม้ใบเขียวมะนาวก็หายตัวไปเสียแล้ว
แบคฮยอนมองไปรอบๆอย่างกังวล...
'ตึกๆๆ'
เสียงเท้าวิ่งอยู่ในห้อง แบคฮยอนเดินกลับเข้ามาในห้องอย่างแวดระวัง ร่างบางมองไปรอบห้องก็พบแต่ความว่างเปล่า
'ตึกๆๆๆ..!!'
เสียงเท้าที่ดังใกล้ๆ แบคฮยอนหันหลังกลับมองอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื้อพบเทพารักษ์ร่างสูงกำลังส่งยิ้มกว้างมาให้ในระยะประชิด
"พระช่วย!! ไอ้หูกาง!"
แบคฮยอนยกมือขึ้นหมายจะตบตีร่างสูงอีกครั้ง แต่มีหรือที่ชานยอลจะยอม เขาจับข้อมือเล็กๆนั้นไว้
ร่างสูงยังคงยิ้มขำไม่เปลี่ยนแปลง
"รู้ไหมเจ้าหมาน้อย พี่เจอเจ้าครั้งแรก เพราะเจ้ามายืนปล่อยปัสสาวะใต้ต้นพี่ เจ้าหนอนไหมเอ๊ย ฮ่าๆๆๆ"
หลังจากตบตีกันอีกพักใหญ่ ชานยอลและแบคฮยอนก็นั่งหอบแฮ่กกันอยู่กลางห้องในโรงอาศัย
"อีกนานแค่ไหน...จะถึงตัวเมืองหมาป่าของเจ้า"
"แฮ่กๆๆ เลยแคว้นนี้ไป เหนื่อยชะมัดเลยเจ้าหูกาง"
ทั้งคู่นั่งเอาหลังชนกันเหงื่อโทรมกาย ใบหน้าหวานของเจ้าหมาน้อยแดงกร่ำ ในขณะที่ชานยอลเองก็ถึงกับลิ้นห้อย
"เจ้าไม่ควรรีบกลับนัก องค์ชายพี่เจ้าเขารังงอนเจ้าน่าดู"
"มิได้! ถึงท่านพี่จะไม่อยากเจอข้า แต่เพื่อนข้าองค์หญิงคยองซูไม่สบาย!"
"เชื่อข้าสิหมาน้อย พี่ชายเจ้าเขามียาวิเศษ องค์หญิงหงส์เพื่อนเจ้าหายวัน หายคืนแน่นอน"
"อย่าทะลึ่งให้มากเลยเจ้าหูกาง พี่ข้าไม่แตะต้องนางหรอก พี่ข้านางจะตาย.."
แบคฮยอนพูดอย่างมั่นอก มั่นใจ อวดอ้างว่าพี่ชายตนเป็นคนดีเสียหนักหนา
"เด็กอย่างเจ้าจะรู้อะไร มดน่ะมันใกล้น้ำตาล ใยพี่จะไม่ลิ้มรสหวานๆของมันกันเล่า"
"เฮ้อ...พี่ข้าน่ะทั้งรัก ทั้งหลงองค์หญิงหงส์ ดีจริงข้านะอยากมีรักแบบท่านพี่บ้างแต่ไม่เคยมีหญิงใดต้องใจเลย"
ร่างท้วมกอดเข่าแน่น วางคางแหลมๆนั้นตรงกลางเข่าขยับหัวซ้าย-ขวาไปมา
"บางที...เจ้าก็ควรมองคนใกล้ตัวไว้บ้าง"
"ไม่มีหรอกเจ้าหูกาง ข้าไม่หล่อเหมือนท่านพี่ ไม่สวยเหมือนคยองซู เก่งก็ไม่เก่ง เจ้าอารมณ์อีกต่างหาก"
ชานยอลมองคนพูดจ้ออย่างเผลอไผล ใจนึงก็รู้ว่าตนคงจะแอบชอบคนข้างหน้านี่เข้าแล้ว
ร่างสูงสบัดหน้า2-3ที ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่น่าตบปากตนเองจริงๆออกไป
"พี่จะสนใจเจ้าเอง..."
"อื้อ~ อ้ะ อื้อๆ!"
มือบางออกแรงทั้งทุบทั้งผลักอกชายหมาป่าตัวโตให้ปลดปากออกจากการจูบอันยาวนานครั้งนี้เสียที เพราะตนใกล้จะหมดลมแล้ว...
เป็นเวลาหลายชั่วยามตั้งแต่เวลาเย็น หลังจากที่ตนยอมรับข้อเสนอให้องค์ชายหมาป่ามานอนบนเตียงเดียวกัน
ทั้งนี้ก็เนื่องจากคยองซูเกรงว่าองค์ชายผู้เป็นพี่จะเสียพระเกียรติ
'นอนบนดิน นอนบนพื้น ไม่คู่ควร'
มานอนด้วยกันเสียจะดีกว่า
หลังจากกินปลาย่างเป็นครั้งที่สองแล้ว องค์ชายจงอินก็เสนอจะเช็ดเนื้อ เช็ดตัวให้
ทั้งที่ตนพยายามปัดป้อง เพราะเห็นว่ามิควร แต่มีหรือจะห้ามได้
"พี่ขอให้ชะแม่มาอยู่กับพี่แล้ว ชะแม่ป่วยอยู่พี่ก็ควรดูแลสุดความสามารถ"
พูดจบองค์ชายจงอินก็ถกแขนเสื้อของร่างบางขึ้นเช็ดผ้าขาวบางสีขาวไปตามท่อนแขน
คยองซูได้แต่นอนหน้าแดงปล่อยให้จงอินลูบไล้ตนเองไปทั่วทั้งร่าง แต่ไม่ใช่ในร่มผ้า...
มือหยาบอย่างบุรุษผู้ชอบใช้อาวุธ และเพลินกีฬาบีบผ้าขาวบางพอหมาด จากนั้นจึงนำมาซับเช็ดแก้มแดงนั้นอย่างเบามือ
"ยาไม่มี...ต่อไปพี่คงจำเป็นจริงๆนะชะแม่ ต้องดูดไข้ให้เจ้า..."
จากนั้นจูบที่ยาวนานก็เริ่มต้นขึ้น
แสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุมุมห้องช่วยได้เพียงเห็นใบหน้าและแววตาอีกคนในระยะใกล้เท่านั้น
เพียงปากสัมผัสปาก ใจดวงน้อยก็เอาแต่เต้นโครมครามไม่หยุด คยองซูยกยิ้มและหัวเราะทุกครั้งที่ชายหนุ่มพูดหยอกล้อให้นางเขินเล่น
มือบางยกกั้นหน้าอกหนามิให้ทาบทับบนตัวของนางเต็มที่
'ชาติหงส์ ตระกูลหงส์ มากพอแล้วแก่การยินยอมให้บุรุษมาละเมิด'
"งามเสียจริงคยองซู พี่อยากมีทารกกับเจ้า..."
จงอินพูดพลางสูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอนางหงส์คนงาม
"แต่น้อง...มีคู่หมั้นแล้วนะเพคะ เกรงว่า เอ่อ..."
"ชู่ว...ที่นี่มีแต่พี่กับเจ้า ใยต้องบ่นหาผู้ใดคนอื่นอีก พี่ขอตัวสักครู่นะเจ้า นอนเสียเลยไม่ต้องรอพี่"
พูดพลางเดินออกไปหน้ากระท่อมอย่างรวดเร็ว
องค์หญิงหงส์คยองซูหน้าเศร้าลงเล็กน้อยก่อนจะนอนตะแคงหันมองออกไปนอกหน้าต่าง
'เป็นเช่นไรบ้างก็ไม่รู้เสี่ยวลู่หาน'
เมื่อวิ่งออกมานอกกระท่อมได้ จงอินก็ตรงไปที่ลำธารทางเหนือ
ปลดกางเกงเองออก นั่งคุกเข้าลง เอาเจ้ามังกรตัวเขื่องจุ่มลงไปในน้ำเย็นของลำธารใส
เขาออกแรงสาวมืออยู่พักใหญ่
"อื้อ~ อ่ะ คยองซูของพี่..."
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นซีดปาก ขบฟันแน่นจนกรามนูนขึ้นเป็นสัน
ชายหนุ่มพยายามเร่งมือเสียจนรู้สึกเจ็บบริเวณลำด้าม...เขาคงบีบมันมากเกินไป
"อ้ะ!...."
จงอินกระตุกกายครั้งสุดท้าย ปลดปล่อยลูกของเขาไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำ...
ชายหนุ่มดึงผ้าขึ้นมานุ่ง รีบเดินอย่างรวดเร็วมานั่งหน้ากระท่อม มือหนาเอื้อมหยิบหญ้าแห้งมาม้วนพร้อมสูบเพียงจุดไฟ
ชายหนุ่มปล่อยความให้ล่องลอยไปกับควันของสมุนไพรเสพติด...
ความรักคือความเห็นแก่ตัว
ความรักไม่มีคำว่าถูกหรือผิด
เมื่อเขาได้นางมาแล้ว สิ่งที่ควรทำคือรักษานางไว้
เขาปล่อยนางให้บินหลุดมือไปไม่ได้ แม้จะต้องถอนขน หรือหักปีกหงส์ของนางเขาก็จะทำ!
แววตาขององค์ชายจงอินแข็งกร้าว...อย่างมุ่งมั่น ก่อนจะดับมวนยาเสพติดนั่นไปด้วยนิ้วมือหยาบ
เขาเดินกลับเข้าในกระท่อมทรุดตัวลงกอดนางหงส์เอาไว้ในอก
"ฝันดีชะแม่ของพี่ เราจะไม่แยกจากกันอีก พี่สัญญา..."
ความคิดเห็น