ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรู้!

    ลำดับตอนที่ #279 : >>ปิศาจ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 423
      0
      18 มี.ค. 52

    ที่มาhttp://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=3065.0

    มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" คำกล่าวนี้ได้สะท้อนถึงความสำคัญที่เราจำเป็นต้องรู้จักศัตรูของเรา หากเราปรารถนาที่จะมีชัยชนะในสงคราม ในชีวิตคริสเตียนก็เช่นเดียวกัน เรารู้ว่าเรากำลังอยู่ในสงครามฝ่ายจิตวิญญาณ เราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ แต่เรากำลังต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วต่างๆ เหมือนกับที่บอกในพระธรรมเอเฟซัส 6:12 ว่า

    "เพราะเรามิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์ แต่ต่อสู้กับเทพนิกรเจ้า และเทพนิกรอำนาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า"

    ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำความรู้จักกับศัตรูของเรา เพื่อที่เราจะได้รู้จักยุทธอุบายต่างๆของมันและระวังตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของศัตรูได้


    ความงามอันก่อให้เกิดความทะนงตน


               เมื่อเราพูดถึงผีมารซาตาน คนทั่วไปมักจะนึกถึงตัวประหลาดที่มีเขา 2 เขา หรือผีที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วพระคัมภีร์บอกเราว่าซาตานนั้นเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูง มีรูปร่างงดงาม ฉลาด เป็นทูตสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ และพระเจ้าได้ทรงตั้งให้อยู่ท่ามกลางเครูป ดังที่ปรากฏในพระธรรมเอเสเคียล 28:12 - 15

    "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งเสียงบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์เมืองไทระ และจงกล่าวแก่ท่านว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบเต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเอเดนพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือทับทิม บุษราคัมน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพฑูรย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำและลวดลายแกะสลักก็เป็นทองคำ สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา เราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง"


     เป็นเหตุให้ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์


              พระเจ้าไม่ได้สร้างซาตาน พระองค์สร้างแต่ทูตสวรรค์ ถ้าอย่างนั้นแล้วซาตานเกิดขึ้นได้อย่างไร? ซาตานเกิดขึ้นก็เนื่องจากความหยิ่งผยองของทูตสวรรค์ตนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ ที่คิดว่าตนเองรูปร่างงดงาม มีตำแหน่งสูงกว่าบรรดาทูตสวรรค์องค์อื่นๆ และฉลาดที่สุด ดังนั้นตนจึงสมควรที่จะได้รับการยกย่อง ได้รับการนมัสการแทนพระเจ้า

    "จิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลงเพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว เราตีแผ่เจ้าต่อหน้ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อตาของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเพลินอยู่ที่เจ้า"
    เอเสเคียล 28:17

    ความหยิ่งยโสนี้เป็นหนึ่งในความบาปที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง เหมือนกับที่บอกไว้ในพระธรรมสุภาษิต 6:16 - 19 ดังนี้

    "มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียด มีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์ ตายโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง"

    เพราะความหยิ่งผยองนี้เอง ซาตานจึงได้ถูกพระเจ้าขับไล่ออกจากสวรรค์ และถูกผลักให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ ตกลงมายังปากแดนของคนตาย

    "โอดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน"
    อิสยาห์ 14:12-15


     แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ  มันถูกกำหนดให้สตรีผู้หนึ่งมาบดขยี้หัวมัน


              สำหรับชื่อของซาตานนั้นมีอยู่หลายชื่อที่เรารู้จักดีก็คือ ลูซิเฟอร์ สำหรับชื่ออื่นๆก็ได้ปรากฏในพระธรรมหลายๆตอนเช่น ดาวประจำกลางวัน โอรสแห่งพระอรุณ (อิสยาห์ 14:12) กษัตริย์แห่งเมืองไทระ (เอเสเคียล 28:12) งู (ปฐมกาล 3) พระของยุคนี้ (2 โครินธ์ 4:4) เบเอลเซบูล (มัทธิว 12:24) พ่อของการมุสา (ยอห์น 8:44) พญานาค (วิวรณ์ 12:3) เป็นต้น

    ซึ่งชื่อต่างๆข้างต้นนี้ได้สะท้อนถึงลักษณะของซาตานได้เป็นอย่างดี มารนั้นเป็นผู้ฆ่าคน ไม่ตั้งอยู่ในสัจจะ ไม่พูดความจริง

    "ท่านมาจากปีศาจซึ่งเป็นบิดาของท่าน
    ท่านต้องการทำตามความปรารถนาของบิดาของท่าน
    บิดาของท่านเป็นฆาตกรมาตั้งแต่แรกเริ่ม
    เขาไม่ยืนหยัดอยู่ในความจริง
    เพราะความจริงไม่อยู่ในเขา
    เมื่อเขาพูดเท็จ
    เขาก็พูดตามธรรมชาติของเขา
    เพราะเขาเป็นผู้พูดเท็จ และเป็นบิดาของการพูดเท็จ"
    ยอห์น 8:44

    การกบฏก็เป็นอีกลักษณะหนึ่งของมาร เหมือนกับที่มันได้กบฏต่อพระเจ้า และได้นำทูตสวรรค์หนึ่งในสามส่วนมาเป็นพวกของมันด้วย

    "เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือสตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ  นางมีครรภ์แก่ กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร  เครื่องหมายอีกประการหนึ่งปรากฏในสวรรค์ คือมังกรใหญ่สีแดง มีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละหัวสวมมงกุฎ  หางของมันตวัดดวงดาวหนึ่งในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบนแผ่นดิน มังกรยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่กำลังจะคลอดบุตรเพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่คลอด  นางคลอดบุตรเป็นชาย ซึ่งจะต้องปกครองชาติทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก แต่บุตรของนางถูกคว้าตัวขึ้นไปเฝ้าพระเจ้ายังพระบัลลังก์ของพระองค์ "
    วิวรณ์ 12:1-5


     ดังนั้นในฐานนะที่เราเป็นคริสเตียน เราจำเป็นต้องเชื่อฟังผู้นำ เชื่อฟังหัวหน้า ผู้ปกครองบ้านเมือง แม้ว่าเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดหรือนโยบายของเขาเหล่านั้นก็ตาม เพราะผู้นำเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า หากเราขัดขืน ไม่เชื่อฟังหรือไม่ให้ความร่วมมือ ก็เท่ากับว่าเรากบฏ และการกบฏก็คือบาปนั่นเอง

    "ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น  ดังนั้น ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ "
    โรม 13:1-2


     พอพระเยซูกลับคืนชีพแล้ว เราก็ได้รับการไถ่   แต่มารมันยังไม่เลิกตื้อ


               เรารู้ว่าที่ไม้กางเขนนั้น พระเยซูคริสต์ได้ทรงประกาศชัยชนะเหนือมารซาตาน โดยการฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม และเราผู้ที่เชื่อในพระเจ้า เราก็มีชัยชนะเหมือมารซาตานด้วยเช่นกัน

    "สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา"
    1 โครินธ์ 15:57

    แม้ว่ามารซาตานจะเป็นผู้แพ้ก็ตาม แต่มันไม่ปรารถนาที่จะพินาศเพียงผู้เดียว มันต้องการที่จะล่อลวงมนุษย์ให้พินาศไปกับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สำหรับอุบายที่มันใช้ในการล่อลวงก็มีมากมาย วัตถุประสงค์ของอุบายต่างๆนั้นก็เพื่อทำให้ชีวิตเราออกห่างจากพระเจ้า ตัวอย่างของอุบายที่ซาตานใช้ก็เช่น การกล่าวโทษ โดยเฉพาะในยามที่เราพลาดพลั้งทำบาป มันจะพยายามกล่าวโทษเรา ทำให้เรารู้สึกผิดจนไม่อยากที่จะกลับเข้ามาหาพระเจ้าอีก หากเราหลงกลอุบายของมัน ชีวิตเราก็จะห่างจากพระเจ้าและมีแนวโน้มที่จะหลงไป อย่างไรก็ตามให้เรายึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ที่ว่าจะยกโทษบาปทั้งสิ้นให้เราเมื่อเราสารภาพของเราต่อพระองค์

    "ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเราและจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น"
    1 ยอห์น 1:9
     

     บิดาแห่งการมุสา

              นอกจากการกล่าวโทษแล้ว มารมักจะพูดในสิ่งที่เราอยากฟังหรืออยากจะทำ เหมือนกับที่มันล่อลวงเอวาโดยการโกหกว่าหากกินผลไม้ต้องห้ามแล้วจะไม่ตาย และยังเสริมอีกว่าถ้ากินแล้วจะกลายเป็นเหมือนพระเจ้าที่รู้จักความดีและความชั่ว เมื่อการโกหกบวกกับความจริงและสิ่งนั้นเป็นความอยากรู้อยากเห็นของเราหรือเป็นไปตามที่ใจเราต้องการ ผลสุดท้ายก็คือความบาปนั่นเอง

    " ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นงูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆในสวนนี้ หญิงนั้นจึงตอบงูว่า ผลของต้นไม้ต่างๆในสวนนี้เรากินได้ เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินหรือถูกต้องเลยมิฉะนั้นจะตาย งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่าเจ้ากินผลไม้นั้นวันใดตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นน่ากินและน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากินแล้วส่งให้สามีกินด้วยเขาก็กิน"
    ปฐมกาล 3:1-6

    อุบายอีกอย่างที่สำคัญก็คือความหยิ่ง ความหยิ่งผยองนี่เองที่ทำให้มารซาตานถูกขับไล่จากสวรรค์ ความหยิ่งจึงเป็นเครื่องมือแห่งความตายที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับครั้งที่มันได้ดลใจให้กษัตริย์ดาวิดนับจำนวนประชากรอิสราเอล ทำให้กษัตริย์ดาวิดคิดว่าการที่เขารบชนะ การที่อาณาจักรอิสราเอลได้ขยายออกไปก็เพราะกำลังทหารและความสามารถของเขา แต่แท้ที่จริงแล้วชัยชนะต่างๆนั้นล้วนแล้วแต่มาจากพระเจ้าทั้งสิ้น และเพราะความผยองครั้งนี้นี่เองเป็นเหตุให้คนอิสราเอลต้องตายถึงเจ็ดหมื่นคน

    "ซาตานได้ยืนขึ้นต่อสู้อิสราเอลและดลพระทัยให้ดาวิดนับจำนวนอิสราเอล ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและผู้บังคับบัญชากองทัพว่า จงไปนับอิสราเอลตั้งแต่เมืองเบเออร์เชบาถึงเมืองดาน แล้วนำรายงานมาให้เราเพื่อจะได้ทราบจำนวนรวมของเขาทั้งหลาย แต่โยอาบทูลว่า ขอพระเจ้าทรงเพิ่มประชากรของพระองค์อีกร้อยเท่าของที่มีอยู่แล้ว ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท แต่ประชาชนนี้ทั้งสิ้นเป็นผู้รับใช้ของเจ้านายของข้าพระบาทมิใช่หรือ ไฉนเจ้านายของข้าพระบาทจึงรับสั่งเช่นนี้ ไฉนพระองค์จึงทรงนำกรรมชั่วมาสู่อิสราเอล แต่โยอาบขัดรับสั่งมิได้จึงจากไปและไปตลอดคนอิสราเอลทั้งสิ้นและกลับมายังเยรูซาเล็ม และโยอาบถวายจำนวนประชาชนที่นับได้แก่ดาวิดในอิสราเอลทั้งสิ้นมีหนึ่งล้านหนึ่งแสนคนที่ชักดาบ และในยูดาห์มีสี่แสนเจ็ดหมื่นคนที่ชักดาบ แต่ในการนับนั้นท่านมิได้รวมเลวีและเบนยามิน เพราะว่าพระบัญชาของพระราชาเป็นที่น่าเกลียดแก่โยอาบ แต่พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยในเรื่องนี้และพระองค์ทรงลงโทษอิสราเอล"
    1 พงศวดาร 21:1 - 7


              แม้ว่ากลอุบายของมารนั้นจะมีมากมาย แต่เราก็สามารถเอาชนะกลอุบายเหล่านั้นได้ เคล็ดลับอยู่ที่การมีชีวิตที่ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า ภาวนาพระคำของพระองค์เป็นประจำ และกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ ให้เราลองมาดูตัวอย่างจากพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์สามารถเอาชนะการทดลองของมารได้อย่างไร



         อันนี้สำคัญมากทุกคนควรอ่าน


          เมื่อครั้งที่มารได้มาผจญพระเยซูนั้น มารได้ทดสอบฤทธิ์อำนาจของพระองค์ มารได้บอกให้พระเยซูเสกก้อนหินให้เป็นขนมปัง แต่พระเยซูได้ตอบกลับโดยใช้พระวจนะจาก เฉลยธรรมบัญญัติ 8:3 ว่า

    "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า"

    แม้ว่าการเสกก้อนหินนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่พระเยซูจะไม่กล่าวหรือทำอะไรตามใจตนเอง นอกจากจะพูดและทำในสิ่งที่พระบิดาทรงบัญชาเท่านั้น

    "เพราะเรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้ทรงส่งเรามา ได้ทรงบัญชาว่าเราต้องพูดอะไร และพูดอย่างไร เรารู้ว่า พระบัญชาของพระองค์เป็นชีวิตนิรันดร ดังนั้น สิ่งที่เราพูดนั้น เราก็พูดดังที่พระบิดาทรงบอกกับเรา"
    ยอห์น 12:49-50

    เมื่อพระเยซูทรงกระทำแต่ในสิ่งที่พระเจ้ากระทำ ดังนั้นเราก็ควรที่จะเลียนแบบพระเยซูเช่นเดียวกัน เพราะนี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการทดลองของมาร หลังจากนั้นมารได้ท้าทายสิทธิอำนาจในการเป็นพระบุตรของพระเจ้าของพระเยซู โดยการท้าให้กระโดดจากหลังคาพระวิหาร เป็นที่น่าสังเกตว่ามารนั้นก็รู้พระคัมภีร์ดี และฉลาดมากด้วย เพราะมารบอกว่าทุกสิ่งที่กล่าวในพระคัมภีร์นั้นเป็นความจริง และถ้าหากพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าจริง ทูตสวรรค์ก็จะต้องมารักษาพระองค์ให้ปลอดภัย หากเราไม่รู้จักพระคัมภีร์ดีพอ เราอาจจะหลงกลมันก็เป็นได้ เราจำเป็นต้องรู้และเข้าใจในพระคำของพระเจ้าเหมือนกับที่พระเยซูรู้และได้ตอบมันกลับไปว่าการทดสอบพระเจ้านั้นก็เท่ากับการขาดความเชื่อในพระเจ้า

    "อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน" เฉลยธรรมบัญญัติ 6:16

    เราจะเห็นได้ว่ามารไม่เคยลดความพยายามในการทดลองเรา เหมือนกับที่ได้ทดลองพระเยซู ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ถึงสามครั้ง โดยในครั้งสุดท้ายนั้นได้ใช้อำนาจ ความมั่งคั่ง และเกียรติยศมาล่อลวงพระองค์ อย่างไรก็ตามการเชื่อฟังพระเจ้านั้นสำคัญยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เพราะ

    "โลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์" 1 ยอห์น 2:17

    ความบาปและสิ่งไม่ดีต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกนั้นเป็นเพราะการไม่เชื่อฟังของมนุษย์คู่แรก ถ้าอาดัมและเอวาเชื่อฟังเหมือนกับที่พระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดา โลกก็คงจะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ เมื่อพระเยซูทรงตอบมารว่า

    "จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว" เฉลยธรรมบัญญัติ 6:13

    พร้อมกับขับไล่มัน มารซาตานจึงจากไป ถ้าหากพระเยซูไม่ขับไล่มันไป มันอาจจะทดลองพระองค์ต่อก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญก็คือการที่เราต้องต่อสู้กับมารเมื่อมันมาทดลองเรา เหมือนกับที่พระเยซูได้ทรงกระทำ และการต่อสู้ของเราจะทำให้เราได้รับชัยชนะเหมือนกับที่พระเยซูได้ชนะนั้น ทั้งนี้ก็เพราะว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า เราอยู่ฝ่ายที่ชนะแล้ว และในพระคัมภีร์ก็บอกไว้อย่างชัดเจนว่าหากต่อสู้กับมาร มันก็จะหนีเราไป

              "ท่านทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า จงต่อต้านปีศาจ แล้วมันจะหลบหนีไปจากท่าน" ยากอบ 4:7I.บทนำ
    เมื่อเราศึกษาหัวข้อ ซาตาน และ สมุนของมัน ซึ่งถูกขนานนามว่าเหล่าภูตผี เราต้องตระหนักว่างานหลักของมันคือทำให้คนเชื่อว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง ซาตานจะทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้มีบทเรียนบทนี้เกิดขึ้น ให้สังเกตุด้วยตัวคุณเองเถิดว่ามีกี่ครั้งที่จิตใจคุณหันเหไปจากบทเรียนนี้

    ซาตานมีอยู่จริง มันเป็นหัวหน้าของเหล่าทูตสวรรค์ที่ถูกสาปลงจากสวรรค์ พระเยูได้เคยพูดถึง "มารร้ายและสมุนของมัน " พระมภีร์ได้บันทึก ชื่อ ที่มา กิจกรรม ฤทธิ์เดช และข้อจำกัดของมันและเหล่าสมุน ในฉากเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ ซาตานได้กระด้างกระเดื่องต่อพระเจ้า และได้ล่อมนุษย์ให้ทำผิด แต่เรารู้ว่า ผลที่สุด ซาตานจะถูกทำลายตลอดไปเป็นนิตย์

    II.ข้อพระธรรม
    อสย.14:12-15; อสค.28:15-17; ลก.10:18; ปฐก.3:1-19; ยบ.1:6-12; 1ซมอ.18:10; 1พศด.21:1; 2พศด.11:15; ฉธบ.18:10-12; 1ยน.3:12; ยด.6 - 9 ;มธ.2:13-16; 4:1-11;5:1-13;16:23; ลก.22:3; อฟ.2:2;6:12; กจ.5:3,16; 1ธส.2:18;2ทธ.3:1-9; 4:3-4; 1ทธ.4:1; มธ.25:41;2ธส.2:9; 2ปต.2:4; วว.12:3-12; 16:13-16; 19:20;20:1-3;20:7-10

    III.แก่นแท้ของสัจจะธรรม
    เรื่องของซาตานและสมุนที่ถูกสาปลงมาของมันมีปรากฏชัดเจนในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์สอนว่า ซาตานและสมุนเป็นบุคคล เหลี่ยมคูสาระพัด และมีอำนาจชั่วร้ายต่อกิจการของมนุษย์

    เราควรศึกษาซาตานและเหล่าสมุนในเรื่องเดียว เพราะว่าพวกมันเป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้า ถ้าซาตานไม่เป็นซาตาน ก็จะไม่มีสมุน (ภูตผี)

    พระคัมภีร์พูดถึงอำนาจชั่วร้ายนี้เรื่อยๆเป็นลำดับ และ ยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อมีการพยากรณ์ถึงพระคริสต์ และเมื่อพระองค์มาปรากฏในสภาพมนุษย์ สงครามระหว่างพระคริสต์กับซาตานเริ่มย้อนหลังไปตั้งแต่ ปฐก.3:15 และดำเนินต่อมาจนถึงทุกวันนี้

    การรู้สัจจะ จะทำให้เราเป็นไท เราต้องรู้สัจจะธรรมของพระเจ้า ขั้นต่อไปคือรู้จักองค์พระเยซูเจ้า และพระคุณที่ช่วยให้รอดพ้นจากความบาป , เราต้องรู้สัจจะธรรมเกี่ยวกับซาตาน มันเหมือนกับ " สิงห์คำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกินได้ " (1ปต.5:8)

    IV.สัจจะธรรมที่ยิ่งใหญ่ : ซาตานและสมุนของมัน ภาค 1

    A.ที่มาของซาตาน


    1. ซาตานถูกสร้างขึ้น


    a. ซาตานถูกสร้างให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ทูตสวรรค์(อสค.28:15) มันมีนามบนสวรรค์ว่า " ลูซิเฟอร์ โอรสแห่งพระอรุณ " (อสย.14:12)
    b. พระเจ้าตรัสผ่านอิสยห์โดยเอ่ยถึงมันว่า "ลูซิเฟอร์" พระเจ้าตรัสผ่านทางเอเสเคียล โดยใช้นามบนโลกว่า "กระษัตริย์เมืองไทระ" ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามันได้ตกต่ำด้านจริยธรรมที่สุด นามเหล่านี้แสดงถึงการมีอำนาจสูงสุด และตกต่ำสุด และความผยองเหมือนเมืองไทระ
    c. ใน อสค.28:12-15 พระเจ้าตรัสถึงซาตานนอกเหนือไปจากกระษัตริย์เมืองไทระ พระเจ้าได้เอ่ยแบบอ้อมๆถึงซาตานใน ปฐก.3:14-15 และใน มธ.16:23. และยังพบใน อสย.14:12 ที่เอ่ยมาถึงนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากซาตาน
    d. ดังนั้นซาตานคือ "ลูซิเฟอร์ , โอรสแห่งพระอรุณ " ลูซิเฟอร์แปลว่า "ดาวประจำกลางวัน , ผู้ถือความสว่าง " (อสย.14:12) มันเป็น "ตราแห่งความสมบูรณ์แบบ เต็มด้วยสติปัญญา และมีความงามอย่างพร้อมสรรพ อยู่ในเอเดน พระอุทยานของพระเจ้า " และ "อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้"( อสค.28:12-15)


    2.สภาพของซาตานก่อนล่ม


    a. สภาพของซาตานก่อนล่มพบใน อสค.28:12-15 ขีดเส้นไต้ที่ข้อ12
    บันทึก อสค.28:15
    b. มันเป็น " เครูบ ผู้พิทักษ์ " ซึ่งเท่ากับเป็นการบ่งว่ามันเคยเฝ้าอยู่เหนือพระที่นั่งของพระเจ้า มัน "ปราศจากตำหนิในวิธีการทั้งหลายของเจ้า ตั้งแต่วันที่เจ้าได้ถูกสร้างขึ้น มาจนพบความบาปชั่วในตัวเจ้า " วลีนี้บ่งบอกว่าพระเจ้าพบความบาป ความกระด้างกระเดื่อง และความผยองในตัวมัน
    c. พระเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์ทุกตน รวมทั้งลูซิเฟอร์ด้วย พระองค์สร้างให้ลูซิเฟอร์โดดเด่นในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ความงาม สิทธิอำนาจ การเจิม และความสมบูรณ์
    ดังนั้นพระเจ้าได้สร้างทูตสวรรค์ ลูซิเฟอร์ แต่ด้วยความบาปของความผยอง ลูซิเฟอร์จึงกลายเป็นซาตาน


    ///////////////////////////////

    B. บาป และการล่มของซาตาน

    1.อะไรทำให้ลูซิเฟอร์กลายเป็นซาตาน


    a. ลูซิเฟอร์ "เครูบที่ได้รับการเจิม " กลายเป็นซาตาน โดยการนำบาปแรกเข้ามาในจักรวาล : ความผยอง
    b. อสย.14:13-14 แจงรายละเอียดของบาป ให้สังเกตุวลีที่ว่า " ข้าจะ " ในข้อพระธรรมสองข้อ :
    - ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์
    - ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น
    - ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรใกล
    - ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ
    - ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด

    c. ลูซิเฟอร์กลายเป็นซาตาน โดยเลือกทำตามใจตนเองเหนือน้ำพระทัยพระเจ้า
    บาปเริ่มเกิดขึ้นเมื่อลูซิเฟอร์กล่าวว่า " ข้าจะ "
    คำถาม : บาปเริ่มที่ไหน ?
    คำตอบ : ในสวรรค์ ในใจของลูซิเฟอร์

    2. การล่มของซาตาน



    a. พระเจ้ากำหนดการลงโทษ สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นทูตสวรรค์ หรือ มนุษย์ ต้องให้พระเจ้าเป็นศูณย์กลาง ลูซิเฟอร์ได้ทำผิดเมื่อเอาตัวเองเป็นใหญ่
    b. การลงโทษของพระเจ้าคือ " เจ้ากระทำบาป เราจะกำจัดเจ้าเสียจากภูเขาแห่งพระเจ้า และเครูบผู้พิทักษ์นั้นก็ขับเจ้าออกไป.." (อสค.28:16) " โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ …"(อสย.14:12)
    c. เราเช่นกันจะล่มจมเมื่อเรากล่าวว่า "ข้าจะ" และไม่ยอมกล่าวว่า "ตามน้ำพระทัยพระเจ้า "
    d. พระเยซูตรัสว่า "เราได้เห็นซาตานตกจากฟ้า " (ลก.10:18)

    ///////////////////////////

    C. ชื่อของซาตาน

    1. ซาตานหมายถึง " ศัตรู " (1ปต.5:8)
    2. มาร , ผู้ปรักปรำ บันทึก วว.12:9
    3. เบเอลเซบูล นายผี ขีดเส้นไต้ที่ มธ.12:24
    4. เบลีอัล , ผู้ตกต่ำ ที่ขอบข้างของพระคัมภีร์ ที่ตรงกับข้อพระธรรม 2คร.6:15จงเขียนคำว่า "ซาตาน "
    5. งูดึกดำบรรพ์ ดู ปฐก.3:15 ; วว.12:9
    6. พระแห่งโลกนี้ ขีดเส้นไต้ที่ 2คร.4:4
    7. เจ้าโลก บันทึก ยน.12:31: 8. เจ้าแห่งย่านอากาศ บันทึก อฟ.2:29. พญานาค ดู วว.20:2 และขีดเส้นไต้
    10. ทูตแห่งความสว่าง บันทึก 2คร.11:1411. ผู้ที่กล่าวโทษพี่น้อง ดู วว.12:10
    12. พ่อของการมุสา ขีดเส้นไต้ที่ ยน.8:44


    ////////////////////////////

    D.ขอบเขตการทำกิจของซาตาน


    1. มันเข้าถึงพระที่นั่งของพระเจ้า

    a. บันทึก ยบ.1:6 : ซาตานมาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าอีก (ยบ.2:1)
    b.มันยังคงเข้าถึงพระที่นั่งของพระเจ้าได้ ในส่วนสุดท้ายของ วว.12:10 มีเสียงดังว่า "เพราะว่าผู้ที่กล่าวโทษพวกพี่น้องของเราต่อพระพักตร์พระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น ได้ถูกผลักทิ้งลงไปแล้ว "

    2.มันลงมาที่โลก

    a. " พระเจ้าตรัสถามซาตานว่า , ' เจ้ามาจากไหน ? ' ซาตานจึงตอบกลับไปว่า ' จากไปๆมาๆอยู่บนแผ่นดินโลก และจากเดินขึ้นเดินลงบนนั้น '" (ยบ.1:7; 2:2)
    b. ซาตานปรากฏในสวนเอเดนในร่างงู ความทะเยอทะยานของซาตานคือการปรักปรำพระเจ้าโดยทำให้พระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าในมนุษย์เสียหาย
    ซาตานล่อลวงอีวาได้สำเหร็จ และอาดัมก็เลือกทำตาม จึงเกิดความหายนะขึ้นตามมา บาปจึงเข้ามาในใจมนุษย์ เหตุการณ์นี้เรียกว่า การล่มของมนุษย์ (ปฐก.3:1-19)
    พระเจ้าตรัสถึงแผนการไถ่บาปของพระองค์ (ปฐก.3:15) เหตุการ์ตอนนี้เป็นการณ์พยากรณ์ครั้งแรกโดยตรงถึงพระเยซู ผู้เป็น "พงศ์พันธุ์ของหญิง "
    c. อีกตัวอย่างหนึ่งที่บอกว่าซาตานลงมาที่โลก จะพบใน พศด.21:1,"ซาตานได้ยืนขึ้นต่อสู้อิสราเอล และดลพระทัยให้ดาวิดนับจำนวนอิสราเอล "
    d. ซาตานมีความสามาถที่จะเข้าถึงในฐานะที่เป็น "เจ้าแห่งย่านอากาศ " (อฟ.2:2) มันปกครองความมืดของโลกนี้ และความชั่วร้ายเบื้องบน (อฟ.6:12)

    ////////////////////////////////////

    E.สิ่งที่ซาตานกระทำ


    1.ซาตานล่อให้คนทำบาป

    a. จาก ปฐก.3:15 จนถึง มธ.4 เป้าหมายของซาตานคือขัดขวางแผนการณ์ของพระเจ้า ใน มธ.4 ซาตานเผชิญหน้ากับพระเยซู ซาตานมีโอกาศที่จะทดสอบและล่อ องค์พระผู้เป็นเจ้า(มธ.4:1-11)
    ทั้งคู่ไม่ใช่คนแปลกหน้า ทั้งสองต่างรู้จักกันและกันตั้งแต่การทรงสร้างลูซิเฟอร์ (ทูตสวรรค์ถูกสร้าง และ พระเยซูเป็นผู้สร้าง )
    พระเยซูชนะซาตานในการทดสอบสามครั้ง และมันจึงผละจากพระองค์
    b. ซาตานเข้าดลใจยูดาสอิสคาริโอส (ลก.22:3)
    c. อ่านเรื่องราวของ อานาเนีย และ สัปฟีรา (กจ.5:1-11) บันทึกข้อ 3

    2. ซาตานลวงโลก

    a." พระของยุคนี้ได้กระทำใจของเขาให้มืดไป "(2คร.4:4) มันทำให้ใจบอด
    b.ซาตานถอนพระคำออกจากใจ (มธ.13:19)
    d. ซาตานวางกับดักจับมนุษย์ "บ่วงของมาร"(2ทธ.2:26),"ยุทธอุบายของพญามาร"(อฟ.6:11) และ " มาร……เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ "(1ปต.5:8)

    3.ซาตานขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้า

    a.มันขัดขวางการรับใช้ของเปาโล บันทึก 2ธส.2:18 :
    b. ซาตานใช้การกระทำที่ดูบริสุทธิ์เพื่อให้งานของมันบังเกิดผล ถ้าคนทำตาม บันทึก 2คร.2:11
    c.ซาตานร่อนผู้รับใช้พระเจ้าบันทึก ลก.22:31:
    d.ซาตานหว่าน เมล็ดพืชชั่วในหมู่ชนของพระเจ้า บันทึก มธ.13:38,39 :
    e. ซาตานสามารถก่อปัญหาแก่ผู้รับใช้พระเจ้าได้เรื่อยๆ บันทึกคำพยานของเปาโลใน 2คร.12:7 :


    ///////////////////////////////////////////

    F.ซาตานมีความจำกัด



    1.ซาตานไม่ได้มีฤทธิเดชไปทุกสิ่ง (Omnipotent)

    a. พระเจ้าจำกัดฤทธิ์เดชของซาตาน จริงอยู่ มันมีฤทธิ์เดช แต่ไม่ได้มีฤทธิ์ไปเสียทุกสิ่ง ในพระธรรม ยบ.1 และ 2เป็นการเปิดเผยข้อจำกัดของซาตาน ไม่ใช่ฤทธิ์เดชของมัน ซาตานไม่อาจบังคับมนุษย์ให้ทำบาป มันอาจจะล่อลวง แต่ไม่มีอำนาจบังคับให้ทำบาป
    b. อ่าน ยบ.2:6 พระเจ้าจำกัดฤทธิ์เดชของซาตาน ขีดเส้นไต้ที่ ยบ.1:22

    2.ซาตานไม่ได้รอบรู้สารพัด (Omniscient)

    a. ซาตานฉลาด แต่ไม่เท่าพระเจ้า มันไม่ได้รู้ไปหมดทุกสิ่ง มันรู้จักคนที่มันจะเล่นงาน
    b. บันทึก 1ปต.5:8 :
    อ่าน ลก.22:31 และอ่านถ้อยคำที่พระเยซูตรัสแก่เปโตรเกี่ยวกับซาตาน

    3. ซาตานไม่อาจอยู่ได้ทั่วทุกแห่ง

    a. ซาตานไม่อาจอยู่ในที่มากกว่าหนึ่งแห่งในเวลาเดียวกัน เมื่อมันอยู่กับพระเยซู มันไม่อาจอยู่ในที่อื่นได้ เมื่อมันผละจากพระเยซู มีบันทึกไว้ใน มธ.4:11
    b. เนื่องจากซาตานไม่อาจอยู่ทุกที่ มันจึงใช้สมุนของมัน คือปีศาจ ไปทุกที่ๆมันต้องการให้ไป มันมีอณาจักรของมันเอง พระเยซูได้ตรัสถึงอณาจักรของซาตาน (มธ.12:26)


    //////////////////////////////////////////

    V.สัจจะธรรมนี้สอนอะไร


    บัดนี้เราได้เรียนถึงที่มาของซาตาน ชื่อของมัน ที่ๆมันทำกิจ และมันทำกิจอย่างไร อาวุธชนิดเดียวที่ใช้ปราบมันได้คือพระคำของพระเจ้า พระเยซูใช้พระคำของพระเจ้า (มธ.4) เปาโลได้สอนเราเกี่ยวกับศัตรูของเรา และวิธีปราบมัน (อฟ.6:12-17)
    ซาตานมีอิสระบนโลกเท่าที่พระเจ้าอนุญาติเท่านั้น มันไม่อาจทำเลยเถิดได้ แต่เราในฐานะที่เป็นคริสเตียนต้องมีความรับผิดชอบ เราไม่ควรให้โอกาศแก่ซาตาน (อฟ.4:27) เราควรรับหนทางที่พระเจ้าให้หลีกเลี่ยงในยามถูกล่อ (1คร.10:13)
    องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามีฤทธิ์ในทุกสิ่ง รอบรู้ทุกอย่าง และ สถิตอยู่ทุกแห่ง พระองค์สถิตอยู่กับเราเสมอ (1ปต.5:7; 1ยน.4:4 )





    ภาพการก่อม๊อบในสวรรค์  ก่อนถูกสาป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×