คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : >>ตำนาน
*แก้ไขให้อ่านง่ายขึ้นครับ*
ตำนาน 12 นักษัตร เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาช้านานตั้งแต่โบราณกาลของจีน โดยเล่าความเป็นมาของปีนักษัตร ซึ่งเป็นแนวคิดการนับปีของหลายเชื้อชาติ รวมทั้งจีน ไทย เวียดนาม เป็นต้น ตำนานของจีนเรื่องเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เทวดาพูดกับสัตว์ทั้งหลายว่า
"ใกล้ปีใหม่แล้ว รุ่งเช้าวันชิวอิก ( คือ วันที่ 1 เดือน 1 ตามจันทรคติของจีน) เชิญท่านทั้งหลายมาอวยพรปีใหม่ ข้าพเจ้าจะกำหนด 12 นักษัตรตามลำดับ จากท่านที่เดินทางมาถึงอันดับที่ 1 ถึง 12 ตั้งแต่นี้ไป ในแต่ละปีก็จะมีสัตว์ 1 ตัวเป็นนักษัตร"
สัตว์ทั้งหลายต่างจดจำวันดังกล่าวไว้ได้อย่างแม่นยำ มีแต่แมวขี้เกียจเท่านั้นที่จำไม่ได้จึงไปถามหนู
"เป็นวันชิวยี่จ๊ะ ( วันที่ 2 เดือน 1 ) "
ซึ่ง วันส่งท้ายตรุษจีนมาถึงอย่างรวดเร็ว เจ้าวัวรู้ตัวว่าเดินช้า จึงออกเดินท่างตั้งแต่เที่ยงคืน พอเจ้าหนูเห็น ก็เลยกระโดดขึ้นหลังวัว เมื่อมาถึงเช้าวันชิวอิก วัวก็เดินทางไปถึงก่อนใครๆ และเมื่อวัวส่งเสียงเรียก เทวดาก็ออกมาเปิดประตูให้ เจ้าหนูรีบกระโดดลงมาจากหลังวัวและวิ่งไปหาเทวดา
"เจ้าหนู ยินดีต้อนรับ เจ้ามาถึงเช้าที่สุด นักษัตรที่ 1 คือเจ้า"
ด้วย เหตุนี้ หนู (ชวด) ถึงถูกจัดให้อยู่นอันดับแรกของนักษัตร วัว (ฉลู) อยู่ในอันดับ 2 แล้วตามด้วยเสือ (ขาล) กระต่าย (เถาะ) มังกร (มะโรง) งู (มะเส็ง) ม้า (มะเมีย) แพะ (มะแม) ลิง (วอก) ไก่ (ระกา) สุนัข (จอ) และหมู (กุน) ซึ่งก็ว่ากันว่าการลำดับ 12 นักษัตร เป็นอันสิ้นสุด
ในวันที่ 2 เจ้าแมวจึงตามมา แต่ก็สายไปแล้ว เพราะถูกหนูหลอก จึงแค้นใจมาก นับแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อแมวเห็นหนูก็จะไล่จับทันที เทวดาก็เลยสั่งให้เจ้าหนูมักหลบซ่อนในถ้ำหรือซอกรูเล็กๆ ตั้งแต่นั้นมา
เพิ่มเติม
สมัยก่อนในยุคที่ยังไม่มีการกำหนดปีเกิด...ในทุกๆ ปีของวันขึ้นปีใหม่นั้น..วันหนึ่งของวันที่ใกล้จะถึงวันปีใหม่ เทพเจ้าผู้อาศัยอยู่บนยอดเขาได้ออกมายืนชมทิวทัศน์รอบภูเขา เทพเจ้ามองเห็น...พวกสัตว์ป่าต่างๆ มายืนรวมกันเป็นกลุ่มวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานร่าเริง เทพเจ้าจึงมีความคิดว่า...น่าจะใช้สัตว์พวกนี้ให้เป็นประโยชน์ขึ้นมาได้บ้าง จึงรำพึงขึ้นมาว่า
" ส่า..ข้ามีความคิดที่ดี สำหรับวันขึ้นปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้แล้วล่ะ..คือให้พวกสัตว์นี้มีส่วนทำประโยชน์ขึ้นมาได้บ้างคงจะเป็นการดีนะ.."
เพราะในวันขึ้นปีใหม่ของทุกๆ ปี...พวกสัตว์ต่างๆ จะต้องขึ้นเขามาทำความคาราวะและแสดงความยินดีต่อเทพเจ้าอยู่แล้ว
" แต่ว่าปีนี้ให้มาแสดงความยินดีอย่างเดียวก็ไม่สนุก..อื้ม..เอาอย่างนี้ ข้ามีความคิดที่ดีๆ เกิดขึ้นแล้วล่ะ..ฮ่า ๆๆๆ..สัตว์ตัวไหนที่มาแสดงความยินดีกับข้า..ในวันขึ้นปีใหม่เป็นตัวแรก..จะได้รับตำแหน่งพิเศษที่มีความสำคัญมากเป็นรางวัล"
เทพเจ้าเมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว...จึงเขียนป้าย ประกาศขึ้นมาและนำไปเสียบไว้ เพื่อเป็นการประกาศต่อสัตว์ทั้งหลายไว้ที่เชิงเขา...
ในป้ายประกาศ...มีข้อความเขียนไว้ว่า
"ในวันขึ้นปีใหม่ปีนี้ ผู้ที่ขึ้นเขามา เพื่อแสดงความยินดีในวันขึ้นปีใหม่กับข้า.. จะได้รับตำแหน่งตามลำดับ ตั้งแต่หนึ่งถึงสิบสองผลัดกันไปปีละหนึ่งครั้ง..จะได้เป็นสัตว์ที่มีหน้าที่พิเศษคุ้มครองปีนั้นๆ ตามลำดับ..สิบสองครั้งสิบสองตัว..สิบสองปี"
..นี่เป็นประกาศจากเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่..
สัตว์ต่างๆ เมื่อได้อ่านป้ายประกาศแล้ว...ก็ให้มีความยินดีและตื่นเต้นอย่างเหลือล้น ลิงเมื่ออ่านประกาศจบ ก็รีบเอาหัวห้อยลงมาจากกิ่งไม้แล้วตะโกนขึ้นว่า
"ข้าคือสัตว์ตัวที่เป็นอันดับหนึ่ง..เจึ๊ยกๆๆ"
ไก่เมื่อได้ยินลิงพูดเช่นนั้นก็ตีปีกพรึ่บๆ ร้องเอก อี้ เอก เอ๊ก..ตอบกลับไปทันควันว่า
" กุ๊ก..กุ๊ก..แต่ผู้ที่ตื่นเช้าที่สุด..ก็คือข้า อันดับหนึ่งต้องเป็นของข้าอย่างแน่นอน..เอก อี้ เอก เอ๊ก..."
พวกสัตว์ต่างๆ ในที่นั้นรีบยกมือขึ้นมานับนิ้วกันใหญ่
" อีกกี่วัน วันปีใหม่จะมาถึงนะ..อยากให้มาถึงเร็วๆ จังเลย "
สัตว์ทุกตัวต่างรอกันอย่างกระวนกระวาย ไม่เว้นตัวไหนเลย...จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไรล่ะ เพราะว่าจะได้รับหน้าที่พิเศษจากเทพเจ้าเชียวนะ...
แต่ว่ายังมีแมวจอมขี้เซา...ที่ชอบนอนบิดขี้เกียจตอนกลางวันตัวหนึ่ง หลังจากได้อ่านประกาศผ่านมาหลายวัน..มันก็ลืมเสียแล้วว่าเทพเจ้าประกาศไว้ว่าอย่างไร..เจ้าแมวนึกขึ้นมาได้เลือนๆ ลางๆ จึงรีบไปถามหนูว่า..เทพเจ้าประกาศว่าให้ไปหาวันไหน..เจ้าหนูจอมเจ้าเล่ห์จึงโกหกกับแมวไปว่า
" เทพเจ้าสั่งให้ไปหาในวันรุ่งขึ้น..ของวันขึ้นปีใหม่ ห้ามไปหาในวันขึ้นปีใหม่นะจำไว้ให้ขึ้นใจด้วย..จู้ๆๆ.. นี่ข้าบอกให้เพราะอยากให้เจ้าไปร่วมด้วยรู้ไหม?..จู้ๆๆ "
เจ้าแมวก็เลยโล่งใจหันกลับมาหลับอย่างเดิม...
แล้ววันขึ้นปีใหม่ก็มาถึง...ได้ฤกษ์ขึ้นไปหาเทพเจ้าเพื่อรับตำแหน่งแล้วหละ เจ้าวัวแหงนหน้าขึ้นมองไปที่บนยอดเขาแสงของพระอาทิตย์บนขอบฟ้า..ฉายแสงแดงฉานไปทั่วบริเวณยอดเขา เจ้าวัวผู้เป็นสัตว์ที่เฉื่อยชาพูดขึ้นว่า
" มอ..มอ..ข้าเดินช้าไม่ทันใคร เห็นทีจะต้องออกเดินทางแต่เดี๋ยวนี้เห็นจะดี "
แต่พอวัวเริ่มก้าวขาไปทีละก้าวๆ เดินทางไปด้วยความเชื่องช้านั้น..ก็มีสัตว์ตัวหนึ่งที่ชอบโกหก..ค่อยๆแอบขึ้นไปบนหลังวัว และเกาะอยู่บนหลังโดยที่วัวไม่ทันรู้ตัวเลย..เอ๋...จะเป็นสัตว์ตัวไหนนะ..ทำไมขี้โกงจังเลยชอบอาศัยแรงชาวบ้านนี่...
ใช่แล้ว...เป็นเจ้าหนูตัวที่โกหกแมวไง..เจ้าหนูตัวนี้อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับวัวก็เลยคอยจังหวะ และรู้ว่าวัวจะออกเดินทางไปแต่หัวค่ำก่อนหน้าใคร
" อุ๊..ฮู่ ฮู่..ไม่ต้องเดินเองให้เมื่อย..คุณวัวพาไปส่งถึงที่..สบายจะตายไป..อุ๊..ฮู่ ฮู่.."
วัวผู้เชื่องช้าก็ไม่ได้ทันสงสัยอะไรเลย เจ้าวัวเดินแบกหนูจอมเจ้าเล่ห์ไปตามทางขึ้นภูเขา..เจ้าวัวเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ด้วยความอุตสาหะ...
เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาก็เช้าพอดี...พระอาทิตย์เริ่มฉายแสงสว่างจ้าขึ้นมาทีละนิด ๆ และก่อนที่วัวจะรู้สึกตัว..เจ้าหนูจอมเจ้าเล่ห์ก็รีบกระโดดลงมาจากหลังวัว วิ่งแน่บไปยืนตรงหน้าของเทพเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง...พอไปยืนอยู่หน้าเทพเจ้าแล้ว เจ้าหนูก็รีบตะโกนขึ้นว่า
" ขอแสดงความเคารพและสวัสดีปีใหม่..ท่านเทพเจ้า "
" ย่า..สวัสดีปีใหม่ ผู้ที่มาอันดับ 1 เป็นที่หนึ่ง..ก็คือเจ้านะเจ้าหนูตัวน้อย ฮ่าๆๆ"
เป็นเพราะความที่โง่กว่าหนูวัวเลยไม่ได้เป็นอันดับที่ 1 อุตส่าห์รีบออกเดินทางมาแต่มืดก่อนใครๆ แต่วัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธและถือสาหนูเลย
" ย่า..ที่ 2 ก็คือวัว..ใช้ความอุสาหะและอดทนมากนะเจ้าวัว..ข้าขอแสดงความยินดีด้วย
" เจ้าวัวเมื่อได้รับคำชมจากเทพเจ้าก็แกว่งหางไปมา...แสดงความยินดีเป็นที่สุด..
ส่วนสัตว์ตัวอื่นๆ ทั้งหลาย...เมื่อยามเช้ามาถึงแล้ว ต่างก็รีบออกเดินทางเพื่อจะขึ้นไปแสดงความยินดีกับเทพเจ้าบนยอดเขา..พีย้อง..พีย้อง..ที่กำลังกระโดดหย่องๆ ไปข้างหน้าตามทางขึ้นสู่ยอด..ก็คือกระต่ายนั่นเอง และวิ่งตามมาติดๆ ก็คือเสือตัวใหญ่..เจ้ากระต่ายพอเหลือบไปเห็นว่ามีเสือวิ่งตามตัวเองมาติดๆ มันก็รีบวิ่งเข้าไปหลบในดงไม้ทันที
" จ๊าก..โอ้ยน่ากลัวจังเลย "
เหตุนี้แหละเจ้าเสือจึงได้เป็นอันดับที่ 3 กระต่ายได้เป็นอันดับที่ 4 ไปตามลำดับ.. (บางคนเล่าว่ากระต่ายคิดว่าตัวเองวิ่งเร็วกว่าใครจึงวิ่งมาได้กลางทางแล้วนอนพักกลางทางจึงเข้ามาเป็นที่สี่)
พอดีตอนนั้น...พญามังกรกำลังออกมาบินเล่นบนท้องฟ้า..ก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศของเทพเจ้าเข้า
" อะไร..ผู้ที่จะต้องไปถึงเป็นคนแรกและเป็นที่หนึ่งจะต้องเป็นข้าสิ "
พญามังกรทะยานบินขึ้นไปจนสูงเหนือเมฆ..แล้วเพ่งมองไปทางยอดเขา อะไรกัน..ข้างหน้าน่ะมีงูกำลังเลื้อยแซ๊กไปแซ๊กมาอยู่ข้างล่าง ตรงทางที่จะไปสู่ยอดเขา..งูกำลังเลื้อยเข้าใกล้ทุกทีแล้วหละ เห็นที่จะไม่ได้การ..เจ้าพญามังกรมองเขม้นไปที่งู..ตาเป็นมันเลยเชียว
" เห..ย่า ย่า..เจ้าเป็นงูที่เลื้อยอยู่กับดิน..บินไม่ได้เหมือนกับข้า..พญามังกร แล้วเจ้าจะไปถึงก่อนข้าได้ยังไง..ที่หนึ่งจะต้องเป็นข้า ฮ่าๆๆ "
ว่าแล้วพญามังกรก็รีบทยานขึ้นสูงแล้วพุ่งตัวลงสู่ยอดเขาทันทีทันใด..มังกรจึงได้เป็นที่ 5 แล้วที่ตามมาติดๆ ก็คืองู..ได้เป็นที่6 ตามระเบียบเพราะแพ้ความไวของพญามังกร... ม้า...ก็เริ่มออกเดินทางขึ้นเขามาพร้อมกับเพื่อนคู่ซี้..คือแกะ สัตว์สองตัวนี้สามัคคีกันดีมานานแล้ว..เรียกว่ามีม้าที่ไหนก็ต้องมีแกะที่นั่นอย่างแน่นอน..ม้าน่ะมีจิตใจที่อ่อนโยนเคารพเจ้านาย..แต่เจ้าแกะนี่สิ..เป็นจำพวกใจเสาะและขี้กลัวจนขึ้นสมอง..แกะเดินตามม้าด้วยตัวอันสั่นเทาไปตลอดทาง แม้แต่เสียงลมพัดใบไม้ไหวแค่นิดเดียว..เจ้าแกะก็มีอันต้องตกอกงตกใจไปตลอดเลยเชียวหละ..
" บรื้อๆๆ..ข้ากลัวหมาป่าจะโผล่ออกมาน่ะสิ..บรื้อๆๆ"
แกะพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว ม้าเพื่อนซี้จึงพูดปลอบใจแกะว่า
"ไม่ต้องเป็นห่วง..ไม่ต้องกลัวหรอกเพื่อนรัก..ถ้าหมาป่าโผล่ออกมาหมายจะกินนายหละก็..เราจะจัดการเตะมันให้กระเด็นไปเลย..ไม่ต้องห่วง เราสัญญาว่าจะปกป้องนายเอง..ฮี้ๆๆๆ"
เมื่อแกะเห็นว่า...ม้าสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างนั้นก็โล่งใจ..แกะเลยพาม้าไปกินใบไม้ความลับ (ต้นหญ้า) ที่สุดอร่อย..ซึ่งแกะไม่เคยบอกใครมาก่อน..เป็นรางวัล
"ม้าเพื่อนรัก ใบไม้ความลับนี้อร่อยมากรู้ไหม..เราไม่เคยบอกใครเลย เชิญท่านกินตามสบายเลยนะ "
"ฮี้ๆๆ..ทำไมอร่อยอย่างนี้หละหือ..ฮี้ๆๆๆ "
อันนี้ก็เป็นเหตุที่ว่า...ทำไมม้ากับแกะจึงกินหญ้าเป็นอาหารค่ะ..แล้วทั้งม้าและแกะก็เดินขึ้นเขามาด้วยกันอย่างสามัคคี...
เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา...และจวนจะถึงเทพเจ้าอยู่รอมร่อแล้วนั้น..แกะก็หันมาพูดกับม้าว่า
"เชิญท่านไปก่อนเราเถอะ "
ม้าจึงพูดด้วยความดีใจ
"เอาอย่างนั้นหรือท่านแกะ..ให้เราเข้าไปหาท่านเทพเจ้าก่อนท่านหรือ..ขอบคุณท่านมาก "
เหตุนี้..ม้าจึงมาอันดับที่ 7 และแกะตามมาติดๆ เป็นอันดับที่ 8..
"ขอแสดงความยินดีและสวัสดีปีใหม่..ท่านเทพเจ้า
" เทพเจ้ายิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า
"ย่า ๆๆ..ขอแสดงความยินดีด้วยเหมือนกัน ม้ากับแกะสามัคคีกันดี..น่าภูมิใจ ฮ่า ๆๆ"
ทีนี้ก็มาถึงไก่...ไก่น่ะมีนิสัยตื่นแต่เช้าก่อนใครๆ ก็จริงแต่เมื่อคืนก่อน..เจ้าไก่ไม่ยอมนอนกลับเอาแต่สังสรรค์ต้อนรับปีใหม่จนดึกดื่น จึงทำให้วันสำคัญวันนี้ต้องนอนตื่นสาย ผิดปกติ
" จ๊าก..เอก อี้ เอก เอ๊ก..ทำไงดี..ไม่ได้การแล้วงานนี้..เอก อี้ เอก เอ๊ก.."
ไก่จึงรีบตาลีตาเหลือกกางปีกวิ่งถลาออกเดินทางขึ้นเขาไปอย่างรีบร้อน..ในระหว่างที่กำลังเดินทางมาอย่างรีบร้อนนั้น ตรงทางแยกที่จะไปสู่ยอดเขาไก่ก็เห็นลิงกับหมากำลังตะลุมบอนทะเลาะถกเถียงกันให้จ้าละหวั่นแถมยังกอดปล้ำกันจนฝุ่นตลบไปหมด...
หมาเห่า "โฮ่งๆๆ" และต่อว่าลิงว่า
"เอ็งแกล้งปาเม็ดผลไม้ใส่ข้าใช่ไหม..เจ้าลิงเกเร โฮ่งๆๆๆ"
" โอ้ย..ไม่ใช่ ไม่ใช่..เจี๊ยกๆๆ ก็เอ็งมากัดหางข้าก่อนนี่..เจี๊ยกๆๆ"
ลิงร้องโวยวายดังลั่น..ไก่เมื่อเห็นดังนั้น จึงจำเป็นต้องเข้าไปห้ามศึกที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบนั้น
"เอก อี้ เอก เอ๊ก..อย่ามะเลาะกันเลย มาเถอะ...เราขึ้นเขาไปหาเทพเจ้าพร้อมกันดีกว่า "
ไก่ร้องเตือน ลิงหยุดชะงักแล้วผละจากหมากระโดดขึ้นไปยืนบนต้นไม้แล้วพูดอย่างโมโหและพาลว่า
"ไม่เอา..ไม่เอาหรอก..เจี๊ยกๆ..ข้าจะไปของข้าคนเดียว..เจี๊ยกๆๆ"
ลิงว่าแล้วก็กระโดดผลุงแถมหันกลับมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ไก่กับหมา..ก่อนจะกระโดดโหนต้นไม้ปีนหายลับไปจากตรงนั้นทันที...
หมากับไก่...จึงออกเดินทางมาด้วยกันด้วยเหตุนี้ จากนั้นเมื่อหมากับไก่กำลังจะโผล่มาถึงยอดเขาอยู่รอมร่อนั้น..ลิงก็กระโดดพรวดพราดลงมาจากต้นไม้ แล้วกระโดดข้ามผ่านหน้าหมากับไก่ไปอย่างเร็ว..วิ่งโร่เข้าไปหาเทพเจ้าไปอย่างหน้าตาเฉย..หมากับไก่เมื่อเห็นดังนั้นก็พากันวิ่งตามลิงเข้าไปติดๆ ผลปรากฏว่า..ทั้งคู่วิ่งเข้าไปถึงเทพเจ้าพร้อมๆ กันเลยทีเดียว ไม่มีใครช้ากว่ากันสักก้าวเดียวเลย..อาร้า..แล้วจะว่ายังไงดีล่ะท่านเทพเจ้า...
เทพเจ้ามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว...จึงประกาศออกมาว่า
"ลิงน่ะอันดับที่9"
แล้วชี้ไปที่ไก่
"ไก่เป็นอันดับที่ 10"
แล้วก่อนที่เทพเจ้าจะว่าอะไรต่อ หมาก็เห่าโฮ่งๆๆขึ้นกลางคันด้วยความไม่พอใจ
" อะไรกันท่านเทพเจ้า..ลิงได้อันดับที่ 9 ข้าก็ไม่แย้งหรอก แต่ข้ามาพร้อมๆ กับไก่แล้วไฉนเลยไก่..จึงได้อันดับที่ 10 ก่อนข้าหละ.."
เทพเจ้าจึงหัวเราะ และตอบหมาไปว่า...
ต่อจากลิงแล้วถ้าเป็นหมา...ก็จะเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นน่ะสิ..ข้าจึงให้ไก่มาแทรกตรงกลางเข้าใจไหม..เจ้าหมา"
เทพเจ้าน่ะรู้หมดทุกอย่าง...ว่าหมากับลิงเป็นศัตรูกันมานม นานแล้ว จึงไม่อยากให้เข้าใกล้กันมากนัก จึงตัดสินไม่ให้หมามีอันดับต่อมาจากลิง..แต่ให้ไก่เข้ามาแทรกตรงกลาง..เหตุนี้หมาจึงได้อันดับที่ 11ไป ลิงน่ะ..เมื่อได้ฟังเทพเจ้าพูดเช่นนั้นก็อายจนหน้าแดงก่ำไปหมดทั้งหน้า จึงเป็นเหตุที่ว่า ทำไมลิงจึงหน้าแดงอยู่ตลอดเวลา มาจนถึงทุกวันนี้..ส่วนหมาเมื่อได้ฟังเทพเจ้าพูดจบแล้ว ก็ได้แต่ก้มหน้าลงมองพื้นดินด้วยความจำนนในเหตุผลนั้น..เลยเป็นเหตุให้หมาต้องมีท่าทางเหมือนก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา มาจนถึงทุกวันนี้เหมือนกันค่ะ...
เมื่อเทพเจ้าตัดสินคดีของลิง หมา และไก่เสร็จ...ทันใดนั้นก็มีตัวอะไรบางอย่างวิ่งตาเหลือกด้วยความเร็วเข้ามา พร้อมกับฝุ่นที่ตลบไปหมด..สิ่งที่กำลังตรงเข้ามาหาเทพเจ้า..เป็นตัวอะไรกันนี่?..ตรงกลางฝุ่นที่ตลบนั้น คือหมูป่าที่มีนิสัยรีบร้อนตาลีตาเหลือกนั่นเองแหละ...
"โอ้ย..เสียใจจัง..ข้ารีบร้อนเลยจำทางผิด..ดันวิ่งไปบนเขาลูกอื่น..แฮ่ๆๆ ข้ามาทันได้ติดอันดับกับเขาหรือเปล่านี่ท่านเทพเจ้า..แฮ่ๆ"
"ฮ่าๆๆๆ เจ้ามาทันสิ..เป็นอันดับสุดท้ายพอดี คืออันดับที่ 12 เป็นอันว่า..ได้ครบทั้งหมดแล้ว 12 อันดับ..ฮ่าๆๆๆ"
และแล้วการจัดอันดับสัตว์ทำหน้าที่คุ้มครองปีทั้ง 12 ปี...ก็ถูกกำหนดและกำเนิดขึ้นมานับตั้งแต่บัดนั้น....สัตว์ตัวอื่น ๆที่ขึ้นมาหาเทพเจ้าล่าช้าไป ก็ทยอยออกมาสบทบกันอย่างมากมาย..ทุกตัวต่างเข้ามาแสดงความยินดี
" ท่านเทพเจ้า..ขอแสดงความยินดีและสวัสดีปีใหม่ " แล้วการแสดงความยินดีในวันขึ้นปีใหม่ ระหว่างเทพเจ้าและสัตว์ต่างๆ ก็เริ่มขึ้น ด้วยความสุขและสนุกสนาน..o-me-de-ta-shi...
จากนั้น...ทุกอย่างก็จบลงอย่างมีความสุข..อ๋า..ยังจำเรื่องของเจ้าแมวจอมขี้เซาที่โดนหนูเจ้าเล่ห์ ที่ได้รับเลือกให้เป็นที่ 1 นั้น..หลอกเอาจนไม่ได้รับเลือกให้ติดอันดับกับใครเขาเลยได้มั้ยคะ...เจ้าแมวน่ะทั้งโกรธและแค้นหนูมาก..มาจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ เรียกว่าแค้นนี้ต้องชำระกันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เมื่อแมวเห็นหนูที่ไหน..เป็นต้องไล่กวดไปทุกครั้งแล้วแมวก็สัญญากับตัวเองว่า "คราวหน้า..ถ้ามีการเลือกอันดับขึ้นมาอีกละก็..จะไม่ยอมขี้เซาอีกเป็นอันขาด" แมวจึงมีนิสัยชอบเอามือของมันาขึ้นมาถูใบหน้าไปมา..อยู่ตลอดเวลา และนิสัยอันนี้ของแมว..ผู้สันทัดกรณีบอกว่าเพื่อกันไม่ให้ง่วงนอนนั่นเองค่ะ
ความคิดเห็น