ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #9 : บททดสอบ&ปกปิด&ความจริง

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 50


     

    ไอความเย็นแผ่ออกจากร่างของชายหนุ่มผมทองอย่างช้าๆ ไอความเย็นที่มาพร้อมกับจิตสังหารอันมหาศาล ส่งผลกระทบให้เพื่อนอีกสองคนเริ่มหนาวสั่น แสงแดดยามเย็นแปรเปลี่ยนเป็นจันทร์เสี้ยวสีขาว ผืนท้องฟ้าสีแดงกลับกลายเป็นสีดำที่แต้มไปด้วยแสงดาวในยามค่ำคืน ที่บอกถึงเวลาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว!!

    "แค่ไอเวทย์ ก็ถึงกลับเปลี่ยนเวลาได้แล้ว เจ้าคงไม่ใช่คนธรรมดาสินะ?เด็กสาวพูดด้วยเสียงแหบต่ำ ชายหนุ่มยิ้มเยาะอย่างพอใจ

    ถูกต้อง ข้าไม่ใช่คนธรรมดา...แต่ข้าเป็นคนที่หล่อมากๆ

    แหวะ!”ชายผมแดงสบถเบาๆ

    อ่ะ เอาดีๆแระ ข้า เซเรส เอรูทีส เดอะปริ๊นซ์ออฟไอซาเนีย แล้วผู้ที่อยู่ในร่างของสหายข้าคือใคร?เซเรสกล่าวอย่างหนักแน่น เด็กสาวพยักหน้าเบาๆก่อนจะตอบกลับ

    เรา...เดียโบส บุตรีแห่งมาคาร์ไลท์ หรืออีกชื่อนึงก็คือ Dark messenger(ผู้ส่งสารจากความมืด)

    บุตรี? ผู้หญิง? ไยเสียงเจ้าถึงแหบห้าวดั่งบุรุษเพศชายหนุ่มถามกลับ

    ก็เพราะว่าเราไม่ได้อยู่ในร่างจริงน่ะสิ พูดตามตรงร่างของข้ากลายเป็นทุรีตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วแล้วล่ะ . . . .”เซเรสกระซิบบอกฟาร์และโทบิเบาๆว่าให้รีบไปซ่อน

    เจ้าชาย เจ้าชอบคนๆนี้หรือไม่?เดียโบสว่าพร้อมชี้นิ้วไปยังหน้าของตน หน้าของรีเน่นั่นเอง

    เจ้าอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของข้าจะดีกว่า ข้าไม่อยากมีเรื่องกับใครนักเซเรสตอบปัดๆอย่างอารมณ์เสีย  เด็กสาวหัวเราะอย่างขบขัน

    งั้นข้าขอทดสอบอะไรเจ้าหน่อยได้มั้ย ขอทดสอบซักสามอย่างอ่ะ ได้ป่ะ?เดียโบสถามอย่างเป็นกันเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสีแดงวาวโรจ ชายหนุ่มผมทองเลิกคิ้วอย่างสงสัย

    ทดสอ...?ยังไม่ทันสิ้นคำ ร่างบางที่มีปีกสีดำใหญ่ปรากฏขึ้นข้างๆเซเรส เดียโบสพุ่งมือเข้าที่ท้องของชายหนุ่มด้วยเล็บมือที่แหลมคม เซเรสใช้ด้ามยาวของหอกสีขาวนวลกันไว้ได้อย่างทันท่วงที ปากก็ท่องมนตราบทใดๆที่จำได้อย่างรวดเร็ว

    บททดสอบอย่างที่หนึ่ง สติ

     

    ผลึกแก้วสามประการแห่งมนุษย์ จงมอบพลังให้แก่ข้า พายุมนตราจงก่อเกิด...พายุหิมะสะเก็ดแก้ว!!”เกล็ดน้ำแข็งพุ่งเข้ามารวมตัวกันที่ด้ามหอกพร้อมกับแตกออกเป็นเศษแก้วจำนวนมากในระยะประชิดตัวเด็กสาว 

    เด็กสาวผู้มีปีกถอยหลังแล้วกระพือปีกทั้งหกอย่างรุนแรงเพื่อพัดเศษแก้วให้พุ่งไปทางอื่น ชายหนุ่มไม่รอช้า พุ่งหอกขาวใส่เด็กสาวอย่างระมัดระวัง เดียโบสเอนหลังหลบคมหอกอย่างฉิวเฉียด พร้อมฟาดหัวคทาใส่ข้อพับของชายหนุ่มให้เสียหลักตกลงไปยังชั้นล่าง เซเรสพุ่งหอกขาวปักลงกับพื้นเป็นแนวทแยงพร้อมประสานมือแน่น

    สายลม จงเป็นมิตรแก่เราชายหนุ่มพูดเบาๆพร้อมกับลมหมุนพุ่งเข้ามาประคองร่างสูงไว้ให้ลงมายืนที่ด้ามหอกอย่างปลอดภัย มือหนาสะบัดเบาๆ คทาที่มีด้ามยาวคล้ายกระบองสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นบนมือ

    มีสติต่อเหตุการณ์ไม่ขาดฝันเยอะพอสมควรนะเนี่ย

     

    บททดสอบอย่างที่สอง พลัง

     

    หญิงสาวไม่รอช้า เสียงท่องมนตราสายฟ้าลอดผ่านลำคองามระหง

    ฟ้าจงพิโรธ แผ่นดินจงโกรธา สายฟ้าสีดำ จงพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า เกลียวทมิฬสังหาร!!”สิ้นเสียง พื้นดินรอบตัวของเซเรสแตกออกเป็นจุดๆหลายจุด สายฟ้าสีดำม่วงพุ่งทะลุพื้นดินที่แตกออกขึ้นมาบรรจบที่เหนือหัวของชายหนุ่ม พร้อมหมุนลงมาเป็นเกลียวด้วยความเร็วสูง

    เซเรสกระโดดลงจากด้ามหอกพร้อมโยนคทาสีฟ้าที่มีไอเย็นลอยออกมาเบาบางใส่เกลียวสายฟ้าสีดำม่วงที่พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูง สายฟ้าสีดำพุ่งเข้าใส่คทาสีฟ้ายาวจนสลายไปพร้อมกับคทาที่แตกออกเป็นเศษแก้วเบาบาง

     นี่เธอทำบ้าอะไรฟระ! ชั้นเกือบตายแล้วนะ!!”เซเรสตะโกนปาวๆอย่างตกใจ เดียโบสตบหน้าผากสวยพลางคิดอย่างเบื่อหน่าย

    ตะกี๊ที่บู๊ไปก็เป็นปฏิกิริยาตอบสนองสิเนี่ย….

     

    เด็กสาววางคทาลงกับพื้น พร้อมผายมือไปยังประตูที่เปิดอยู่ วัตถุบางอย่างที่ห่อผ้าไว้พุ่งออกมาจากห้องเข้ามือเรียวของเด็กสาวอย่างพอดี

     งั้นคราวนี้ต้องซ้ำให้ตาย!”กล่าวจบ  มือเรียวก็ค่อยๆดึงวัตถุออกจากห่อผ้าที่ลงอักษรโบราณเก่าแก่ มันคือดาบโปร่งแสงใสเรียวยาวราวกับแผ่นกระจกและมีลวดลายแปลกๆที่พินิจดูคล้ายอักษรเวท ด้ามดาบที่พันด้วยหนังสัตว์สีดำบางอย่างและประดับด้วยเพชรเล็กๆเต็มด้าม

    เร็วเท่าความคิด! ร่างบางเจ้าของปีกสีดำพุ่งฝ่ามือที่ไม่ได้ถือดาบและห่อหุ้มด้วยประกายไฟฟ้ากับน้ำแข็งใส่ชายร่างสูง ชายหนุ่มยกหอกขึ้นสูงพร้อมเกล็ดน้ำแข็งพุ่งเข้ามารวมกันเป็นกำแพงน้ำแข็ง

    เปล่าประโยชน์!” เดียโบสตะโกนอย่างมีชัย ทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัย และก็เข้าใจในทันที เมื่อโล่น้ำแข็งที่ตนเรียกมาหายไปเมื่อปลายดาบนั้นสัมผัสกับน้ำแข็ง แต่ผลกระทบยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อน้ำแข็งหายไป คมดาบก็สามารถพุ่งเข้าหาชายหนุ่มได้ แต่ระยะห่างกันเกินไป เค้าจึงหมุนตัวแล้วเหวี่ยงด้ามหอกปัดคมดาบให้เบนไปทางอื่นจนกระเด็นไปไกล เดียโบสตั้งหลัก แล้วประสานมืออย่างฉับไว พลันอากาศโดยรอบก็ค่อยๆกลายเป็นสีเขียวจนชายหนุ่มสองคนสะดุ้งเฮือก!

    ข้า ผู้ส่งสารแห่งนิลกาฬ ขอเรียกมิติทดสอบจิตใจ...เสียงแหบห้าวหยุดลงเบาๆ พร้อมกับสรรพสิ่งหยุดนิ่งสนิท ไม่ใช่หยุดไร้การขยับ แต่หยุดเพราะความไม่เปลี่ยนแปลงของทุกสิ่ง

    เฮ้ย! ทำไมไม่เกิดอะไรขึ้นเลยเนี่ย!!”เด็กสาวหน้าซีดลงอย่างตกใจ พร้อมกับเซเรสที่แสยะยิ้มบางๆ พร้อมพุ่งไปกดร่างบางในชุดปาจามาให้ล้มลงจนเผยเห็นขาอ่อนที่ขาวนวล

    ยอมรึยังเดียโบส?เซเรสถามเด็กสาวใต้ร่างของตนที่ตอนนี้กำลังกุมหัวของตนอย่างทรมาน

    อ๊ะ! ไม่! อย่าแย่งร่างคืน! ไม่!!....นี่มันร่างของชั้น! แกสิออกไป!!”จากเสียงแหบห้าว กลับกลายเป็นเสียงหวานใสของบุรุษที่เค้ารู้จักดี ดวงตาสีแดงเปลี่ยนเป็นสีดำสลับกันไปมา จนทำให้ชายหนุ่มเริ่มสับสน บุคคลตรงหน้านี้คือ เดียโบส คนที่สู้กับเค้าจนถึงเมื่อครู่ หรือ รีเน่ ฮาเวอรี่ เพื่อนร่วมห้องของเค้ากันแน่

    เซเรส! ช่วยด้วย! เอามันออกไปจากร่างชั้น!!....เจ้าชาย อย่าทำเชียวนะ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนของเจ้าตาย

    หมายความว่าไง?เซเรสพูดอย่างสงสัย

    เซเรส!! ใช้หอกนั่นแทงหัวใจรีเน่ซะ!!!”ฟาร์โผล่ออกจากที่ซ่อนแล้วตะโกนอย่างสุดเสียง

    เพื่ออะไร!”ชายหนุ่มหันไปถามเพื่อน

    ขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ต้องทำลายที่ร่างต้น!!ฟาร์ตะโกนกลับ เซเรสหันมายังเด็กสาวใต้ร่างของตนที่น้ำตาเริ่มเจิ่งนอง ปีกสั่นระริก

    เซเรส....เอามันออกไป ฆ่าชั้น...

    ..............ไม่! มันต้องมีวิธีอื่นแน่!!”ชายหนุ่มตะโกนลั่น

    คุณเซเรส! มันมีทางเดียวเท่านั้นนะครับ ฆ่าคุณรีเน่ซะ!”โทบิเสริม เซเรสเริ่มมึนงงอย่างเห็นได้ชัด เค้าจะทำเพื่อความปลอดภัย หรือไม่ทำเพื่อตามใจตัวเอง มันอยู่ที่การง้างมือครั้งนี้!

    รีเน่ ขอโทษนะ ชั้นฆ่าแกไม่ลงหรอก....เพราะชั้น.....สิ้นเสียง มือหนาก็ทุบเข้าที่ข้างๆหัวของเด็กสาว ปากของชายหนุ่มสั่นระริก กับคำพูดที่จะพูดออกไป

    ชั้นชอ.......

    บททดสอบสุดท้าย มิตรภาพ ทุกอย่างผ่านหมด!!

     

    ใบหน้างามนั้นเปลี่ยนเป็นยิ้มร่าอย่างพอใจ ฉับพลัน เดียโบสกลับขึ้นมายืน เซเรสก็กลับมายืนอยู่ในท่าเตรียมพุ่งกระโจนและห่างจากจุดที่เดียโบสอยู่มากโขนัก!

    การทดสอบจบลงแล้ว....เสียงแหบห้าวกล่าวเบาๆ พร้อมกับเซเรส มองรอบด้านไปอย่างงุนงง ณ จุดที่ฟาร์กับโทบิยืนตะโกนบอกเค้าอยู่เมื่อครู่นั้น กลับไม่ได้มีร่างของชายทั้งสองยืนอยู่ แต่กำลังลุกขึ้นมาต่างหาก

    ข้าจะบอกอะไรให้เจ้ารู้สามอย่าง หนึ่ง! ที่เจ้าเห็นเมื่อครู่ ทั้งหมดเป็นมิติที่ข้าสร้างขึ้น ที่เจ้าจะพูดเมื่อครู่ ไม่ถึงหูเพื่อนเจ้าหรอกนะ....เดียโบสกล่าวยิ้มๆ ชายหนุ่มสบถด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย

    สอง ดาบที่ข้าถืออยู่นี้ คือดาบ ดูดกลืนเวท เป็นดาบในตำนานที่สร้างขึ้นเมื่อราวๆ2526ปีที่แล้ว ตอนนั้นข้าอายุ140ปีพอดี ดาบเล่มนี้สามารถดูดกลืนพลังเวทได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน สังเกตให้ดีๆว่าตัวดาบตอนนี้เป็นสีฟ้า และ. . . เดียโบสหันปลายดาบไปยังเซเรสที่ยืนอยู่ ตัวดาบใสค่อยๆมีไอเย็นสีฟ้าพวยพุ่งออกมาเบาๆ

    ฉึก!

    ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่สมองด้วยความเร็วสูง มือหนาสัมผัสที่ขาตัวเองเบาๆ ลิ่มน้ำแข็งเล็กๆปักเข้าที่ขาของชายหนุ่ม น้ำสีแดงข้นค่อยๆซึมออกมาจากกางเกงสีดำ ชายหนุ่มกุมบาดแผลที่ได้รับอย่างตกใจ ลิ่มน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว เซเรสเงยหน้ามองผู้ต้องสงสัยที่ยืนยิ้มอย่างขบขัน

    ปลดปล่อยพลังที่มันได้รับมา . . .

    ถูกต้อง! ดูดกลืนเวทสามารถปล่อยเวทที่มันดูดมาได้ มันยังสามารถดูดคำสาป ปราณ ไอเวทย์ เพื่อเพิ่มพลังให้กับมันเองได้....

    แล้วอย่างที่สามที่เจ้าจะบอกข้าล่ะ....เซเรสย้อนถาม เดียโบสทุบมือของตนอย่างนึกขึ้นได้แล้วบินขึ้นสูงจนทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องล่างมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้เสื้อตัวใหญ่ได้เด่นชัด เซเรสเบือนหน้าหนีทันควันด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

    เกี่ยวกับนายของข้า...

    นายของเจ้า?

    ใช่นายของข้า ข้าเคยเป็นข้ารับใช้คนสนิทของท่านนั้น นายของข้าก็คือ....(เดียโบสยกมือขึ้นกุมขมับของตน)โอ๊ย! ไม่ไหวแฮะ พลังเวทหมด....สิ้นคำ ดวงตาสีแดงก่ำเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใส แล้วก็กลับมาเป็นสีดำ ปีกทั้งหกกระจายออกเป็นขนนกสีดำจำนวนมาก ดวงตาสีดำเหลือกขึ้นด้านบนก่อนที่จะล่วงลงมาด้วยกฎของแรงโน้มถ่วง มือหนาของเซเรสเข้ารองรับร่างของรีเน่ไว้ได้อย่างเฉียดฉิว เค้าดูร่างบางภายในอ้อมแขนที่หลับอย่างไม่มีสติ ใบหน้ายามที่เด็กสาวหลับก็ยังดูอ่อนหวานเฉกเช่นทุกวัน ใบหน้าที่ไร้เดียงสาทำให้ชายหนุ่มผมทองยิ้มกริ่ม

    " เป็นผู้หญิงไม่มีบอกกันเลยนะ" ชายหนุ่มผมแดงเดินมาพลางดูสตรีในอ้อมแขนของผู้เป็นเพื่อน ตามมาด้วยเด็กหนุ่มผมดำร่างเล็ก โทบิ

    "ผมว่าพาคุณรีเน่ไปนอนพักดีกว่านะครับโทบิกล่าวเบาๆพลางเช็ดใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเนื่องจากกางขอบเขตมิตินานเกินไป

    " นายก็ไปพักได้แล้วล่ะโทบิ  ฟาร์ ฟากแกเก็บกวาดให้ดีนะ"ชายหนุ่มผมทองกล่าวเสร็จ ก็เดินไปยังทางเข้าหอพักในทันที ส่วนโทบิก็หายไปพร้อมๆกับตอนที่เซเรสเดินเข้าไป บุรุษผู้ถูกทิ้งอยู่มองดูรอบๆตัวอย่างฉงน ระเบียงชั้นคานหินที่เริ่มหมิ่นๆเต็มทน พื้นที่แตกออกเป็นวงๆ ควันขึ้นฉุยๆ ทาทะลัสและอัมบราที่นอนสลบอยู่

    "นี่ชั้นต้องจัดการหมดเลยหรอวะเนี่ย"

     

    หนาวจัง.....

    ทุกคนหายไปไหนหมด....

    ทุกคนที่ว่าคือใคร?....

    แล้วที่นี่ที่ไหนกัน....

    ชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง....

    แล้ว....ชั้นเป็นใคร

    เด็กสาวคิดอย่างหดหู่ ชุดกระโปรงลายลูกไม้สีขาวขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมม มือน้อยๆเอื้อมมือขึ้นลูบผมสีน้ำตาลที่เปราะไปด้วยโคลน และมีเลือดแซมอยู่เล็กน้อย อีกมือนึงกอดมีดขนาดใหญ่สีดำและสร้อยที่มีจี้สีเขียวไว้แน่น

    เด็กสาววัย11ปีซุกหน้าลงแนบเข่าของตน แผ่นหลังแนบกับกำแพงอิฐที่เย็นเฉียบ ฝนตกปรอยๆไม่หยุด แสงไฟตามบ้านเรือนเริ่มดับกันหมดแล้ว เธอเริ่มคิดถึงอดีตที่ผ่านมา แต่...เธอจำไม่ได้! เธออยากจะนึกอะไรที่เกี่ยวกับเธอได้บ้าง แต่ เธอจำไม่ได้แม้แต่น้อย! เด็กสาวเริ่มสะอื้น

    เธอทำไมอยู่คนเดียวล่ะ? เธอเป็นใครชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาถามเธอ แล้วก็นั่งลงตรงหน้า เด็กสาวเงยหน้ามองต้นเสียง ชายหนุ่มรูปงามอายุไม่เกิน16 ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เห็นชัดแม้นมีเสื้อคลุมปิดอยู่ก็ตาม เสื้อสีดำที่มีแถบสีทองซีด เหนืออกซ้ายมีตราสีทองปักไว้อยู่ แต่มันชั่งเรือนลางจนมองแทบไม่เห็น

              ไม่รู้ เด็กสาวตอบอย่างหดหู่แล้วก็ก้มหน้าลงที่เข่าของตนอีกครั้ง เด็กหนุ่มจับคางของตนอย่างใช้ความคิด

              เธอความจำเสื่อมหรอ?ชายหนุ่มถามเด็กสาวตรงหน้าอย่างสงสัย เธอพยักหน้าเบาๆหยาดน้ำใสๆซึมไปทั่วชายกระโปรงจนเด็กหนุ่มสังเกตได้ว่าคนตรงหน้ากำลังร้องไห้

              น่ะ อย่าร้องเลย การที่เราจำอะไรไม่ได้เลยมันอาจจะดีกว่านะเค้าบอกกับเธอเป็นเชิงปลอบพร้อมลูบหัวเธอเบาๆ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย

    เธอไปอยู่กับชั้นไหม? ชั้นก็อยู่คนเดียวเหมือนกัน... ชายหนุ่มถกผ้าคลุมออกจนเผยเห็นเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาว ดวงหน้าเกือบหวาน ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำ

    โอเค! ชั้นจะอยู่กับนาย!“เด็กสาวลุกขึ้นพร้อมเปลี่ยนอารมณ์ของตนได้อย่างรวดเร็ว เค้ายิ้มร่าอย่างพอใจ แล้วเอื้อมไปหยิบห่อผ้าออกมาจากหลังผ้าคลุม ชายหนุ่มยื่นห่อผ้านั้นให้กับเด็กสาว

    ห่อไรเนี่ย?

    เสื้อผ้าน่ะ ชั้นว่าชุดของเธอคงใส่ไม่ได้แล้ว เอานี่ไปเปลี่ยนหลังซอยนั้นเถอะ แล้วก็เอายานี่ไปกินด้วยนะ เธอต้องเปลี่ยนตัวเองซักหน่อยชายหนุ่มบอกเธออย่างอ่อนโยน เด็กสาวรีบวิ่งไปยังซอยดังกล่าว....

    มาแล้วๆเด็กสาววิ่งกลับมาด้วยอาภรดูคล้ายบุรุษไม่สิ เธอกลับมาในคราบของบุรุษเพศโดยสมบูรณ์! ผู้ที่รออยู่ยิ้มอย่างพอใจ

    นี่มันยาอะไรหรอ? รู้สึกดีจังเด็กสาวที่เปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มแล้วถามอย่างสงสัย อารมณ์เศร้าโศกเมื่อครู่มลายหายไปราวกับไม่มีอะไร

    มันคือยาทิวาสองกายามันทำมาจากเลือดของชั้นเอง กินแล้วทำให้เธอที่กินมันไปเปลี่ยนเป็นเพศตรงข้ามได้ตลอดไป จนกว่าจะปลดยานั้นออกจากกระแสเลือด โดยการนำพลังเวทที่ปกติจะส่งออกภายนอก เปลี่ยนเป็นเข้าสู่กระแสเลือดแทน เท่านั้นตัวยาก็จะถูกปลดออก แล้วทำให้เธอค่อยๆกลับเป็นผู้หญิงตามเดิม เอาล่ะต่อไปนี้เธอชื่อ รีเน่ ฮาเวอรี่ น้องของชั้น....ชายหนุ่มหลุบเสียงลง รีเน่จะยกมือขึ้นจับต้นแขนของชายหนุ่มเพื่อถาม

              ไปกันเถอะ เค้ายื่นมือมายังเด็กสาว รีเน่คว้าหยาบหนาไว้แล้วเดินตามไปแบบติดๆ

              แล้วนายชื่ออะไรล่ะ?” เธอถามพร้อมขยับเสื้อที่หลวมพอสมควร

              ชั้นชื่อสเวน สเวน ฮาเวอรี่ พี่ของเธอนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

     

     

     ตื่นได้แล้วโว้ยเสียงปลุกของรูมเมทผมทองพร้อมกับแรงสะกิดที่ต้นแขนเบาๆ แต่ร่างบางบนเตียงก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ชายหนุ่มสะกิดอีกครั้ง ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

                    ปึด!

    เสียงเส้นเลือดของชายหนุ่มดังขึ้นที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มเดือด มือหนากระชากผ้าห่มออกแล้วรีบวิ่งไปเปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว คราวนี้ได้ผล ลมหนาวพัดเข้ามาในห้องอย่างไม่ขาดสาย เด็กสาวในชุดปาจามาท่อนบนครางออกมาเบาๆแล้วขดตัวอยู่กลางเตียง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม เซเรสล้มตัวลงข้างๆกับเพื่อนของตน แล้วกระซิบอะไรบางอย่างเข้าหูเด็กสาวอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้น เด็กสาวนามรีเน่กระเด้งออกจากเตียงไปชิดตู้เสื้อผ้าทันที

                    แกจะมาโฮโมอะไรตอนเช้าๆแบบนี้วะ!”เสียงหวานตะโกนลั่น ดวงหน้าหวานแดงก่ำ

                    สนุกที่ได้แกล้งแกไง ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วก็เอื้อมไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากพื้น

    อะไรน่ะ?” รีเน่ถามอย่างสงสัยพร้อมกับเดินมานั่งที่เตียงข้างๆเด็กหนุ่ม

    ใบตอบรับของผู้ที่ต้องไปเต้นรำประจำงานน่ะ รุ่นพี่เค้าเลือกๆไว้

                    แล้วไง?”

                    ก็ดูสิ ในใบมันบอกว่านายต้องเต้นคู่กับชั้น แถมในรายการนายยังเป็นผู้หญิงอีก ซึ่งมันก็จริงอ่ะนะ(เด็กสาวหันมาค้อนชายหนุ่มเล็กน้อย)และท่อนท้ายมีให้เซ็นว่าจะร่วมงานไหมแล้ว . . .

                    นายตอบตกลงไป?”

                    ถูกต้อง เก่งหนิ!”เจ้าชายเมืองนักบุญยิ้มร่าเริง พร้อมกับลูบหัวรีเน่เบาๆ(กลัวมันกัด) กระบวนการคิดของเด็กสาวทำงานอย่างรวดเร็วพร้อมกับร่างกายที่รับคำสั่งอย่างฉับไว

    มือเรียวเอื้อมไปฉกกระดาษ ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนเพื่อไม่ให้มือน้อยได้กระดาษชิ้นนี้ไป แต่เด็กสาวมีความชำนาญกว่า เธอพุ่งไปคว้ามือหนาไว้แน่น . . . แต่แรงถีบตัวของเธอไม่ใช่น้อยนัก ร่างของทั้งคู่จึงไถลตกเตียงลงกองอยู่กับพื้นพร้อมกับผ้าปูเตียงที่ไหลลงมาคลุมร่างทั้งสอง เด็กสาวค่อมร่างสูงโปร่งไว้แล้วพยายามดึงสิ่งที่อยู่ในมือหนานั้นออกมา เซเรสกำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น มืออีกข้างก็พยายามดึงผ้าปูเตียงที่คลุมอยู่ออก....

              ปึง!

    เซเรส! รุ่นพี่เค้า. . . อาคันตุกะผมแดงเปิดประตูขึ้นอย่างถือวิสาสะ แล้วก็ต้องยิ้มเจื่อน เมื่อเด็กสาวร่างบางผมสีน้ำตาลยุ่งที่ใส่เพียงเสื้อตัวหลวมและรู้สึกเสื้อจะถูกเลิกขึ้นจนเห็นท้องอันเนียนขาว แต่มีผ้าปูเตียงปิดไว้ กับชายหนุ่มผมทองที่อยู่ด้านล่างของเด็กสาวมาอยู่ในท่าที่คล้ายกับกอดก่ายกัน

    นี่พวกนายสองคนทำอะไรกันเนี่ย?”ฟาร์ถามแล้วยิ้มแห้งๆ

    ก็ไอ้เซเรสมันจะตอบตกลงไอ้ที่เต้นรำอ่ะดิ แกก็น่าจะรู้ว่าชั้นมันผู้ชายเด็กสาวเงยหน้าขึ้นพูดอย่างโมโห

    รีเน่มันจะปล้ำชั้นต่างหาก ที่พูดตะกี้มันข้ออ้างชายหนุ่มเถียงขึ้น เด็กสาวหันขวับพร้อมกับประทานกำปั้นอันหนัก หน่วง  ใส่หน้าคมๆของชายหนุ่มเต็มเปา แล้วหันกลับไปหาอาคันตุกะอีกครั้ง

                    ตกลงแกจะเชื่อใคร ชั้น หรือไอ้บ้านี่!” เด็กสาวถามฟาร์แล้วก็ต่อยเข้าที่หน้าของเด็กหนุมอีกครั้ง ฟาร์เท้าประตูแล้วมองดูอย่างครุ่นคิด

    ถ้าแกยังอยู่บนตัวของเซเรสด้วยชุดแบบนั้นต่อ ชั้นว่าชั้นเชื่อเซเรสนะ เด็กสาวได้ยินดังนั้นแล้วมองลงมายังตัวเอง ซักพัก หน้าหวานก็ขึ้นสีเป็นครั้งที่สองแล้วก็รีบถีบตัวออกจากชายที่นอนกองอยู่พร้อมๆกับดึงผ้าปูเตียงมาคลุมตัว ชายหนุ่มผมทองค่อยๆลุกขึ้นพลางลูบบริเวณที่โดนสาวเจ้าต่อย

    เอาล่ะ ดีมากที่ยอมแยกกันซักพักนึง ยัยอัมบรากับทาทะลัสต้องการคุยกับนายน่ะ รีเน่ ตอนบ่ายสอง โต๊ะหินที่สองสวนหย่อมข้างหอ . . .ชายหนุ่มผมแดงกล่าวเสร็จก็ปิดประตู ความเงียบเข้ามาสู่ภายในห้อง

    นี่กี่โมงแล้วเซเรส

    เที่ยงยี่สิบ...

    ชั้นขอนอนต่อนะ อีกหนึ่งชั่วโมงค่อยเรียกชั้นนะเด็กสาวกล่าวแล้วหาววอดๆ ร่างบางล้มลงบนเตียงใหญ่เบาๆแล้วหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมตัว เซเรสตอบอย่างเบื่อหน่าย พร้อมกระโดดขึ้นเตียงไปอยู่ข้างๆรีเน่ทันที

    ชั้นนอนด้วยนะรีเน่....ชายหนุ่มกล่าวเบาๆพร้อมเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับเด็กสาว

    อืม...ชั่งเหอะ...ตอนนี้กำลังหนาวเลย...ซักวันคงไม่เป็นไร...เด็กสาวเขยิบเข้าหาแผ่นอกของชายหนุ่มอย่างอุดอู้
               เซเรสยิ้มละไมอย่างพอใจ แล้วคิดถูกแล้วที่ตนเปิดหน้าต่างไว้....

               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×