ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #3 : ก้าวแรกสู่(K)night(K)nowing(K)ingdom

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 50


      

     

    พลังมหาสารหลั่งไหลเข้าสู้ร่างกายน้อยๆ ประกายไฟสีเหลือง เขียวออกมาทั่วร่าง เหงื่อไหลออกทุกอณุรูขุมขนจนเหมือนกับผู้ที่ดิ้นพล่านโดนน้ำสาด ชายผู้เป็นพี่รีบเข้ามาพยุงน้องอย่างเป็นห่วง แต่พอมือสัมผัสร่างน้อยที่ดิ้นอยู่บนพื้นก็ต้องชักกลับอย่างรวดเร็ว เพราะ ร่างกายที่อยู่บนพื้นร้อนจัดราวกับเปลวเพลิง!!

    จู่ๆร่างที่ดิ้นพล่านอยู่บนพื้นก็หยุดนิ่ง  ประกายไฟหายไป แสงของคทาบนมือของเด็กหนุ่มเริ่มดับลง ชายหนุ่มลืมตาขึ้นแล้วลุกพรวดขึ้นมานั่ง เหงื่อบนใบหน้ากับผมที่เปียกชุ่ม ทำให้เสริมความงามให้ใบหน้าที่อ่อนหวานได้อีกเท่าตัว

             " นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?"เสียงหวานๆถามขึ้นมาท่ามกลางความตะลึงของเจ้าของร้านและชายหนุ่มผู้เป็นพี่ที่หันมามองหน้ากันเหมือนกับคิดในสิ่งเดียวกัน

     "  เฮ้อ..แกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ" ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจอย่างเบาใจ เหมือนกับเจ้าของร้านที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ รีเน่ปาดเหงื่อบนใบหน้าขาวอย่างเหนื่อยอ่อน

     " ข้ากะจะทำลายทิ้งไปตั้งนานแล้วล่ะไอ้ด้ามนี้เนี่ย" ชายแก่พูดอย่างโล่งใจ แต่มันกลับทำให้สเวนที่นั่งอยู่ข้างๆหันหน้ามาอย่างรวดเร็ว

     " ไอ้บ้า! แล้วทำไมไม่ทำลายไปซะล่ะ น้องชั้นเกือบหลับไม่รู้ตื่นแล้วรู้มั้ย! ไอ้เด็กคนนี้นี่ชั้นดูแลมาแบบไข่ในหินยิ่งกว่าเลี้ยงม้า!.......!! " ชายหนุ่มตะโกนลั่นและบ่นต่ออย่างไม่เป็นภาษาพร้อมกับกระชากคอเสื้อของชายแก่ด้วยความโกรธ แต่ชายแก่กลับแสยะยิ้ม ก่อนที่จะปัดมือออกและพล่ามสรรพคุณของคทาออกมา

     "ก็ถ้าทำลายได้ ชั้นคงทำลายไปแล้ว มันเป็นคทาธาตุธรรมชาติที่หาได้ยากมากๆ ตัวด้ามทำจากต้นไม้มรณะของโคมะและหินนิลของมาคาร์ไลท์ สลักอักษรรูนโบราณด้วยจอมเวทโอลิมปัสของพาซี ลูกแก้วได้มาจากไข่มุกแสงจันทร์นิรันดร700เม็ดนำมาบดรวมกันแล้วหลอมด้วยไฟจากปล่องภูเขาไฟของฟาเรนเดียร์จนเป็นลูกแก้วลูกนี้อย่างประณีตด้วยช่างหลอมของประเทศแห่งความตาย มาคาร์ไลท์ เค้าว่ากันว่าคทานี้จะสูบชีวิตของคนที่มาแตะต้องคทานี้ ถ้าไม่ใช่เจ้าของ มันจะดูดพลังเวทและชีวิตมาจนหมดสิ้น แต่พอผู้เป็นนายมาถือครอง คทาจะส่งพลังที่สะสมไว้เข้าสู่เจ้าของ หรือไม่ก็ถ้ามันเต็มจะส่งคืนจนหมด.... ถ้าคืนไหนฝันร้ายมากๆ ก็สงสัยคทานี้ได้เลย เพราะคทานี้มีพลังชีวิตขอคนก่อนหน้านี้อยู่  ชื่อของมันคือ คทาโทริฟาเรีย"

    หลังจากที่ชายแก่พูดจบ เด็กหนุ่มที่นั่งฟังตาแป๋วมองคทาในมือของตนอย่างไม่เชื่อสายตาว่า คทาในมือของเค้าเกือบทำให้เค้าตาย และยังทำให้เค้ามีพลังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ระหว่างที่มองคทาสีดำในมือตนอยู่นั้น ตาสีดำสนิทเหลือบเห็นนาฬิกาข้อมือของตนที่บ่งบอกเวลา เที่ยงสี่สิบห้า สถาบันสามเครับนักเรียนจนถึงบ่ายโมง ถ้าไม่รีบออกจากร้านตอนนี้ คือหมดสิทธ์!  อดเงิน!! หมดอนาคต!!!

    เด็กหนุ่ม จบความคิดของตนด้วยการหยิบข้าวของที่กองอยู่บนพื้นร้านแล้วรีบวิ่งออกจากร้านอย่างรวดเร็ว!!

     

     10วินาทีโดยประมาณ เด็กหนุ่มที่หน้าหวานราวกับหญิงสาวก็วิ่งกลับมาอีกครั้งอย่างเหนื่อยหอบ!

     "โรงเรียนมันอยู่ที่ไหนนะพี่ ผมลืม . . ."

     "กำ . . ."ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนยาวตบหน้าผากตัวเองอย่างเบื่อหน่ายเหมือนกับชายแก่ข้างๆที่ส่ายหน้าอย่างขบขัน

    หลังจากเด็กหนุ่มได้แผนที่มาจากผู้เป็นพี่แล้ว ก็เดินไปตามแผนที่ ผ่านหลายตรอก จะมาหยุดที่ตรอกแห่งหนึ่ง ที่มีร่างของชายแก่คนหนึ่งถูกแช่แข็งอยู่ รีเน่กลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อวาน

     

    ดวงตาสีดำสนิทเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใส คลื่นพลังสีดำออกมาจากหลังหกสายคล้ายปีก ไอเย็นค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วตรอก ชายแก่หัวล้านรีบถอยครูด พร้อมกับชักมีดที่เหน็บไว้ที่เอวออกมา เด็กหนุ่มหน้าสวยส่ายหัวหน่ายๆ พร้อมกับยกมือไปทางชายแก่คนนั้น

     "ลุง นิ่งๆนะ เดี๋ยวก็สบาย"

     "เฮ้ย! แกจะทำอะไรชั้น!"ชายแก่ตะโกนลั่น ที่ฝ่ามือขาวของรีเน่ค่อยๆมีแสงสีฟ้ามารวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ชายแก่วิ่งหนีเพื่อจะหลีกเลี่ยงจากความตายที่กำลังเข้ามาใกล้ ก้อนพลังแสงพุ่งเข้าใส่ชายแก่อย่างรวดเร็ว ก้อนแสงแตกออกแล้วห่อหุ้มร่างของชายแก่ไว้แล้วก็เปล่งแสงสีฟ้าสว่างไปทั่วตรอก

    แสงค่อยๆหรี่ลง ไอเย็นลอยออกมาจากวัตถุใสที่มีร่างของชายแก่อยู่ภายใน น้ำสีแดงซึมที่มุมปากเล็กน้อย ดวงตาที่เหลือกขึ้นจนขาวโพลน น้ำแข็งได้แช่ร่างของชายแก่ไว้เรียบร้อยแล้ว! คลื่นพลังที่กลางหลังของเด็กหนุ่มค่อยๆไหลกลับเข้าตัว ดวงตาสีฟ้าใสแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทตามเดิม

    เด็กหนุ่มหันหลังเดินออกจากตรอกมืดอย่างเงียบเชียบ แล้วหันหลังไปยังร่างที่ถูกแช่แข็ง

    "ลุงผิดเองที่มายุ่งกับผม"

     

    เฮ้อ ไอ้เน่ แกลืมมันซะ มันเป็นอดีตไปแล้ว . . .

     

     เด็กหนุ่มคิดพร้อมกับเคาะหัวตัวเองหนึ่งทีเพื่อลืมเรื่องนี้ซะ แล้วก็เดินไปตามแผนที่ในมือ

     

    **********

     

    เด็กหนุ่มเดินหอบถุงเสื้อผ้า หนังสือ ดาบ คทาอยู่บนถนนเส้นหนึ่งที่ด้านหน้าเป็นประตูรั้วขนาดใหญ่ที่มีตัวอักษรK.K.K.เด่นหลาอยู่ นักเรียนใหม่นับร้อยยืนออกันอยู่หน้าประตูแต่เทียบกับวันสมัครแล้วมันยังไม่ถึง1ใน10  แต่เวรกำอะไรไม่รู้ วันนี้รีเน่กลับตัวเล็กเป็นพิเศษ หรือไม่ก็คนที่อยู่ข้างๆตัวใหญ่เกินไปก็ไม่รู้ เด็กหนุ่มหน้าหวานถูกชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งชนจนเกือบล้ม แต่มือหนาได้ดึงร่างเล็กไว้ได้อย่างทันท่วงที

     "ข . . .ขอบใจ"รีเน่กล่าวเสียงตะกุกตะกัก ชายหนุ่มร่างสูงปล่อยรีเน่ให้เป็นอิสระ เรือนผมสีหมอกขาว ดวงตาสีฟ้าอ่อน ร่างกายล่ำสันผิวสีแทนเข้ม ถือขวานเงินเล่มโต ถุงหนังสือและเสื้อผ้าแขวนไว้กับด้ามขวาน

    ชายหนุ่มพยักหน้าให้อย่างไม่ค่อยสนใจ ประตูรั้วค่อยๆเปิดออกแล้วเสียงประกาศก็ดังขึ้น

     

    ~นักเรียนและผู้เกี่ยวข้องทุกคนโปรดทราบ กรุณาไปรวมตัวกันที่ลานกว้างอเนกประสงค์ ณ ใจกลางโรงเรียน~

     

     

    พอเสียงประกาศ นักเรียนหลายคนรีบวิ่งไปอย่างกระตือรือร้น เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าเดินตามกลุ่มนักเรียนอย่างเหนื่อยหอบ มิใช่ว่าลานกว้างมันไกลหรอกนะ แต่ของที่ตนถือมาและความเร็วของนักเรียนคนอื่นมันมากเกินไปต่างหาก

    รีเน่เดินไปเรื่อยๆจนหยุดที่ลานหินอ่อนสีขาวนวลกว้างกว่าหกร้อยตรารางเมตรซึ่งมีตึกเรียนและโรงอาหารอยู่ล้อมรอบ  

    เวทีสีขาวใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กึ่งกลางสนาม  มองออกไปไกลๆจะเห็นป้อมทรงกระบอกใหญ่ๆกว่าสิบป้อม

    นักเรียนร้อยกว่าคนที่เข้ามาอยู่ในลานนี้ยืนกันอย่างไม่อึดอัด แถมบางคนยังลงนอนกับพื้นอย่างสบายใจ

    รีเน่ถือข้าวของของตนมาหยุดที่กลางกลุ่มคนอย่างทุลักทุเล ถุงกระดาษที่ใส่หนังสือกว่าสิบเล่มเริ่มปริออกทีละน้อยจนกระทั่งล่วงออกมาจากถุงด้วยกฎของแรงโน้มถ่วง!

    โธ่เว้ย!

    รีเน่สบถในใจอย่างโมโหพร้อมก้มลงเก็บหนังสืออย่างเบื่อหน่าย พลันนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งก็กรูเข้ามาช่วยเก็บแทบจะทันที!!

    มาๆ ผมช่วยเก็บ!....ผมเก็บให้ๆ.....ผมช่วยนะๆ.....ฯลฯรีเน่นั่งมองเหล่าเพศเดียวกันทั้งหลายที่เข้ามาเก็บหนังสือของตนอย่างเข้าใจผิด รีเน่เดินเก็บหนังสือจากผู้ชายที่รายล้อมตัวทีละเล่มอย่างโมโหจนทำให้บุรุษหลายต่อหลายคนยิ้มเพราะนึกว่าเค้ากำลังอาย

    เธอมาจากเมืองไหนหรอ รู้สึกหน้าไม่คุ้นเอาซะเลยหนุ่มผมดำคนหนึ่งโผล่งขึ้น รีเน่หันไปยังผู้ถามที่ยืนอยู่ข้างๆที่ตัวแทบจะเท่าเค้าพอดี

    ชั้นหรอ เอ่อ....มาจากพาซีน่ะรีเน่ตอบเบาๆพร้อมกับมีเสียงสะท้อนขึ้นและเสียงปากกาที่กำลังจดลงกระดาษ

    แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ จะได้รู้จักกันไว้ ชั้นโทบิ จากโคมะโทบิถามแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร

    รีเน่...ชั้นชื่อรีเน่รีเน่ตอบกลับ ชายรอบๆพูดชื่อรีเน่ซ้ำแล้วก็จดลงในกระดาษ

    แล้วทำไมเธอถึงมาเรียนที่นี่?โทบิถามขึ้นอีกครั้ง

    เอ่อ.....รีเน่เกาแก้มอย่างเคร่งเครียด เหงื่อเริ่มเปียกชื้นไปทั่วเสื้อกล้ามทะลุเสื้อโค๊ทสีน้ำตาลตัวใหญ่นี้

    นี่พวกนาย! พวกนายเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันหรือไง! เจ้านั่นมันผู้ชายนะ!”หญิงสาวคนหนึ่งพูดอย่างเบื่อหน่าย ชายที่อยู่รอบๆตัวรีเน่ถอยครูดแทบจะทันที รีเน่ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมหันไปยังผู้ที่มาช่วยตนอย่างนึกขอบคุณ

    เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีน้ำตาลออกดำ ใบหน้าหวานชวนหลงใหล ผิวขาวใสอมชมพู ความสูงพอๆกับรีเน่ เสื้อคลุมหนังสีน้ำตาลเข้มยาวเลยเข่า กางเกงยีนส์สีเขียว รองเท้าบู๊ท

    ซึ่งเมื่อเธอคนนี้ยืนต่อหน้าเค้า มันก็ดูเหมือนว่ากำลังยืนอยู่ต่อหน้ากระจก เพราะหน้าตาของเธอคนนี้เหมือนกับรีเน่แทบจะทุกประการแม้แต่ชุดที่ใส่!!

    แต่รีเน่กลับไม่สนใจ หรือไม่ก็ไม่เคยสนถึงหน้าตัวเองที่ออกสวยจนเหมือนสตรีตรงข้าม ไม่สิ สตรีตรงข้ามเหมือนกับเธอต่างหาก!

    ขอบใจนะ ชั้นกำลังคิดอยู่เลยว่าจะตอบพวกนั้นว่ายังไงรีเน่ตอบแล้วยิ้มอย่างขอบคุณ หญิงสาวพยักหน้ากลับพร้อมจ้องหน้าของชายตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

    มีอะไรหรอ?รีเน่ถามอย่างสงสัย หญิงสาวตรงข้ามส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ

    เปล่า ชั้นเห็นว่าหน้าของเธอมันเหมือนกับชั้น โลกเรานี้มันมีเรื่องบังเอิญเยอะดีเนาะหญิงสาวตอบ รีเน่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วอ้าปากจะถามชื่อ

    พลันเวทีสีขาวค่อยๆเรืองแสงก่อนจะมีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นเวทีซึ่งถ้าจำไม่ผิด คนๆนั้นคือยามผมเขียวเมื่อวานนั่นเอง

    "Hello! everybody! Welcome to Knight Knowing Kingdom!!"ชายหนุ่มผมสีเขียวอ่อนตะโกนขึ้น พร้อมกับเสียงเฮของนักเรียนที่ยืนอยู่ข้างล่าง ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจแล้วเริ่มพูดต่อ

    "เอาล่ะ น้องๆที่น่ารักทุกคน พี่ชื่อ ฮาร์ฟ ดรัมมี่ ฉายาก็คือ ผู้บรรเลงแห่งสรวงสวรรค์ และเป็นผู้อำนวยการของสถาบันไนท์โนอิงคิงดอม หรือเรียกง่ายๆว่าสามเค"ฮาร์ฟพูดอย่างคล่องปรื๋อ นักเรียนหลายคนโห่ร้องอย่างไม่เชื่อในคำพูด รูปร่างของฮาร์ฟค่อนข้างสูงใหญ่ ผมสีเขียวอ่อนดูประหลาดตายาว ดวงตาสีฟ้าเข้ม ใบหน้าที่ดูแล้วไม่น่าจะเกินปีห้า แต่เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลตัวเอกของเราไม่สนใจ แล้วเริ่มมองหาเป้าหมายของภารกิจที่ตนต้องสังหาร!

     "ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่โชคดีมาก เพราะปีนี้เป็นปีที่ครบรอบงานเทศกาลที่4ปีมีครั้ง อีกประมาณสองอาทิตย์จะประกาศ แล้วหนึ่งอาทิตย์ถัดไปคือวันงาน . . ."

     

    ~ผอ.ครับ กรุณาเข้าเรื่องด่วน อย่าเลยเถิด~

    เสียงประกาศดังขึ้นหนึ่งครั้งแล้วก็เงียบไป

    "เสียงนั่นคือซิลเวอร์ คาร์เทีย ปี4หอวีนัส ดำรงตำแหน่ง . . ."

     ~กรุณาเข้าเรื่องครับผอ.ฮาร์ฟไม่งั้นผมจะไปหาท่านถึงที่!!~

    "ครับๆ เข้าเรื่องก็ได้ครับ . . ."ฮาร์ฟรับคำซิลเวอร์เหมือนกับเด็กรับคำจากผู้ใหญ่ นักเรียนหลายคนหัวเราะบทสนทนาของสองคนนี้จนลงไปกลิ้งกับพื้น(เส้นตื้นไปมั้ย?)

    "นี่ อย่าหัวเราะกันสิ เข้าเรื่องเลยนะ . . . จากที่ชั้นดูรายชื่อของนักเรียนที่เข้ามาในปีนี้ จะมีกันราวๆ100คน ซึ่งปกติเราจะรับเพียง60คนต่อปีการศึกษา โรงเรียนของเราจะมีถึงปี6 คนที่จบจากโรงเรียนเราไปไม่เป็นราชาที่ดี ก็เป็นอัศวินที่แข็งแกร่งอย่างเช่น กษัตริย์เมืองนักบุญ เกรซ เอรูทีส หรือ สเวน ฮาเวอรี่ ทายาทนักฆ่าอันดับหนึ่งของพาซีที่อยู่ตัวคนเดียวมาตลอดหลังจากจบ 'ศึกชิงรัชทายาท'(รีเน่พอได้ยินชื่อพี่ของตนก็หายใจกระตุก พี่ของเค้าเคยเรียนอยู่ที่นี่ด้วย!!) เค้าลาออกจากโรงเรียนด้วยสาเหตุที่ต้องไปช่วยครอบครัวทำงาน และหลังจากที่กล่าวไป หลังจากจบเหตุการณ์'ศึกชิงรัชทายาท'เหล่าญาติพี่น้องของเค้าก็หายสาบสูญไป . . ."รีเน่สังหรณ์ใจอย่างประหลาด พร้อมกับสาวเท้าไปยังด้านหลัง เซนต์บางอย่างบอกว่า...

    เค้าต้องรีบออกจากลานกว้างนี้ให้เร็วที่สุด!

    คิดเสร็จ รีเน่ก็เหลียวไปยังด้านหลังแล้วเตรียมวิ่งทันที แต่ทว่า....

    ปึก!

    หน้าสวยๆชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง รีเน่เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ ผิวกายสีขาวสะอาด ดวงตาสีเขียวมรกตเหมือนอัญมณี เรือนผมสีทองสว่าง เซเรส เอรูทีส!

     "ฮาร์ฟเค้ากำลังจะพูดอะไรนายก็ฟังหน่อยสิ"เซเรสเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับจับไหล่บางหันไปยังเวที

     "จนเมื่อ5ปีก่อน ชั้นได้ยินมาว่าสเวน ฮาเวอรี่ได้ตามตัวน้องชายของเค้าเจอแล้ว นั่นก็คือ รีเน่ ฮาเวอรี่ ไหน ใครคือคนๆนั้นโปรดแสดงตัวหน่อย"ฮาร์ฟพูดต่อแล้วเรียกชื่อของเด็กหนุ่ม รีเน่เริ่มลนลานอย่างผิดสังเกตุ ซึ่งไม่รอดพ้นสายตาของผอ.ประจำสถาบันไนท์โนวอิงคิงด้อม 

    ฮาร์ฟมองมาอย่างแน่นิ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นักเรียนคนอื่นมองตามสายตาของชายหนุ่มบนเวทีที่มองไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าหวานราวกับผู้หญิง

    'กฎหลักของการแฝงตัว คืออย่าทำตัวเด่น' นี่คือคำที่นักฆ่าผู้ใหญ่จะพร่ำสอนนักฆ่าอื่นๆมาตลอด แต่ทานโทษเถอะ

     

    ตอนนี้ทั้งโรงเรียนรู้จักตนหมดแล้ว!

     

    *******************

     

    เด็กหนุ่มใช้ปากไขกุญแจห้องอย่างทุลักทุเลพร้อมวางตั้งหนังสือกับคทาสีดำสวยของตนไว้กลางห้องแล้วสาดส่องไปทั่วห้อง ระเบียงที่พอเดินออกไปดูแล้วจะเห็นแม่น้ำที่ไหลผ่านหลังหอ ทุ่งดอกไม้สีเหลืองสดใสที่อยู่ในประเทศไอซาเนีย ลมพัดเอื่อยๆที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมที่ชวนฝัน ห้องน้ำที่อยู่ข้างขวาของประตูห้องก็จัดอย่างเรียบง่าย เตียงใหญ่สีขาว ตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ โต๊ะกลมตรงมุมห้อง พ่วงด้วยโซฟาที่อยู่ตรงข้าม

    เยี่ยม! เด็กหนุ่มคิดเสร็จ มือบางเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อโค๊ทออกทุกเม็ดแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มสีขาวสะอาด ความเหนื่อยร้าที่สะสมมานานถูกปลดปล่อยออกมาทันทีพร้อมกับเสียงกรนเบาๆ

    ชายหนุ่มอีกคนก้าวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าปรกติ ทั้งๆที่เค้าถือของมากกว่ารีเน่ถึงสองเท่า เซเรสวางกระเป๋าของเค้าถุงเสื้อผ้าของรีเน่และห่อดาบของรีเน่ไว้ที่โต๊ะ ชายหนุ่มกวาดตามองไปทั่วห้อง ตาสีเขียวมรกตมองไปยังเด็กหนุ่มอีกคนที่ตอนนี้หลับไปแล้วอย่างขบขันแล้วมองไปทั่วห้อง

    ข้อดีของห้องนี้คือ มีห้องน้ำในตัวและเตียงใหญ่พอสมควร

    แต่ข้อเสียของห้องนี้คือ มีเตียงเดียว!!

    ชายหนุ่มส่ายหัวหน่ายๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเด็กหนุ่มที่หลับอย่างไม่ได้สติ ชายหนุ่มมองหน้าบุคคลที่นอนอยู่อย่างสงสัย

    ใช่คนในคืนก่อนเปล่าวะ?

     

    ย้อนกลับไปที่เมื่อยี่สิบนาทีก่อน!

     "เอาล่ะ ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าน้องชายของสเวน ฮาเวอรี่คือใครแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า"สิ้นเสียง ผอ.หนุ่มก็เรียกอาจารย์คนหนึ่งจากหลังเวทีให้ขึ้นมา รีเน่ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างคนที่รู้ก็ไม่น่าจะมีเกิน20คน

    อาจารย์ร่างท้วมหนาเตอะ แว่นสีเงินกรอบโต เดินขึ้นมาบนเวทีสีขาว            

    "ชั้นชื่อ โปก้า ดีลุค เป็นอาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์ ในวันนี้ชั้นจะมาบอกว่าใครอยู่หออะไร ห้องไหน ชั้นไหน โดยจะมีห้องละสองคน ไม่สนชายหญิง ไม่เรียงตามลำดับคะแนน โดยชั้นจะแสดงให้ดูด้วยมโนภาพเวทมนตร์นี้" พูดเสร็จ โปก้าก็ขยับนิ้วไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว แผนภาพขนาดใหญ่บางอย่างโผล่ขึ้นมาอย่างหน้าอัศจรรย์ มีทั้งรูปหน้าของแต่ละคนและชื่อคนที่จะร่วมห้องด้วย หอไหน หอไหนก็บอกหมด

    "หอของพวกเราจะแบ่งออกเป็นสิบสองหอ หอละห้าถึงสิบคนประมาณนี้ แต่ละหอจะมีชื่อและรูปแบบที่ต่างกันออกไป

       หอแรก เดอะซันส์ ผู้อยู่หอนี้ส่วนมากจะเลือดร้อน ทำอะไรไม่ค่อยคิด อัศวินส่วนมากอยู่หอนี้กัน

       หอที่สอง เดอะมูน ผู้อยู่หอนี้จะชำนาญเรื่องเชิงดาบ เยือกเย็น คนที่เป็นนักฆ่าหรือนักดาบส่วนมากอยู่หอนี้ หอนี้เป็นหอที่สูงที่สุดในหอทั้งสิบสองหอ

       หอที่สาม เดอะจูปิเตอร์ เรียกอีกชื่อนึงคือ ตึกเรียนประวัติศาสตร์ ชั้นหนึ่งชั้นสองจะเป็นชั้นเรียน

       หอที่สี่  ดิเอิร์ธ เป็นหอเดียวที่อยู่ติดพื้นจริงๆ คนที่อยู่หอนี้มีเพียงไม่กี่คน เนื่องจากคนที่อยู่หอนี้มักไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร

       หอที่ห้า เนปจูน หอนี้จะเรียนเกี่ยวกับพวกใช้สัตว์อสูร

       หอที่หก ยูเรนัส ไพ่มนตรา

       หอที่เจ็ด พลูโต เสียงมนตราทั้งสามหอนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

       หอที่แปด ลีโอ หอนี้ค่อนข้างคล้ายกับหอเดอะซันส์

       หอที่เก้า สกอร์ปิโอ หอนี้คล้ายกับหอดิเอิร์ธมาก คนที่อยู่หอนี้ได้ต้องมีความสามารถในการลอบสังหารหรือใช้ยาพิษมากทีเดียว

       หอที่สิบ เจมิไน โดดเด่นด้านดาบยิ่งกว่าหอเดอะมูน

       หอที่สิบเอ็ด อควอเรียส หอนี้จบไปเป็นขุนนางดีๆทั้งนั้น

       หอสุดท้าย วีนัส หอนี้แทบจะเรียกได้ว่า เป็นหอต้นแบบของทุกหอที่กล่าวมา มีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเก่งในด้านเชิงดาบ ด้านมนตรา ไพ่อสูร สัตว์มนตรา หรือศาสตราวุธทุกรูปแบบ บ้างก็ใช้หอก ขวาน มีด กระบองสองท่อน ไวโอริน ขลุ่ย....."

    เรื่องบังเอิญปนความซวยบังเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อ ชั้นที่สาม หอวีนัส ห้องที่305 ผู้ที่ต้องอาศัย รีเน่ ฮาเวอรี่ และเซเรส เอรูทีส!

    "นายคือรีเน่ ฮาเวอรี่ ใช่มั้ย?"เสียงจากบุคคลที่อยู่ข้างหลังดังขึ้น มือที่วางอยู่บนบ่าเล็กๆถูกปัดออกอย่างเพิ่งนึกได้ รีเน่หันไปมองบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลัง อย่างหวาดๆ

    ถ้าเกิดเจ้านี่จำได้ มันเรียกทหารมาจับแน่ๆ . . .

    "ยินดีที่ได้รู้จัก ชั้นเซเรส เอรูทีส จากไอซาเนีย"กล่าวจบ มือหนาก็ยกขึ้นให้จับมือ

    ชายร่างเล็กเอื้อมไปจับอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วคิดอยู่ภายในใจ

    อย่าได้เป็นเพื่อนกับตัวชั้น ไม่งั้นชีวิตของนายจะยืดยาวออกไปเกิดกว่าควร

    พอจับมือเสร็จ ชายหนุ่มผมทองก็เดินไปรับกุญแจจากหญิงสาวผมดำที่เป็นประธานหอวีนัสตรารางสอนสองแผ่น และกฎระเบียบภายในหอ

    ชายหนุ่มอ่านกฎระเบียบอย่างเบื่อหน่าย

     

                  1.ห้ามขึ้นหอช้ากว่า1ทุ่ม

     

                  2.ห้ามพาคนจากหออื่นเข้ามา

     

                  3.ปีหนึ่งห้ามขึ้นไปเกินชั้น4 นอกจากจะได้รับอนุญาตจากประธานหรือรองประธาน

     

                  4.ถ้าใครสามารถชนะคนจากหออื่นได้ คะแนนก็ของหอนั้นๆก็จะบวก10 แต่ถ้าแพ้คะแนนจะหักออก20

     

                  5.ถ้าใครชนะประธานหอได้ ก็ต้องเป็นประธานหอแทน

     

                 *6.ห้ามไปที่ชั้นดาดฟ้าในเวลากลางคืน!

     

    ชายหนุ่มอ่านข้อสุดท้ายอย่างสงสัย แล้วยื่นกุญแจไปให้ห้องให้เด็กหนุ่มหน้าหวาน

    "เอาล่ะ ไปที่ห้องกันเถอะ เดี๋ยวชั้นช่วยถือนะ" เซเรสพูดกับเค้าอย่างเป็นมิตรแล้วกำลังเอื้อมไปหยิบคทาของเด็กหนุ่มที่วางพิงอยู่บนถุงเสื้อ เด็กหนุ่มร้องลั่นไม่ให้เจ้าชายได้แตะคทาโทริฟาเรียของตน แล้วบอกให้ถือแค่ถุงเสื้อผ้ากับห่อดาบก็พอ

    เจ้าชายกำลังจะอ้าปากถามเจ้าของคทา แต่เจ้าของคทานั้นเดินถือตั้งหนังสือนำไปแล้ว แล้วก็เดินกลับมาแทบจะทันทีพร้อมหน้าตาที่เหรอหราอย่างยิ่ง

    เซเรส หอวีนัสมันไปทางไหนอ่ะ?

     

    ***********

     

    เสียงหอบของเด็กสาวดังถี่ขึ้น ผมสีน้ำตาลยาวถูกย้อมไปด้วยเลือด ชุดกระโปรงลายลูกไม้เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เธอวิ่งอยู่ภายในระเบียงแห่งหนึ่งที่มืดสนิท และมีเพียงแสงที่ลอดใต้ประตูบานหนึ่งที่เธอกำลังพาร่างกายที่บอบช้ำไปที่ประตูบานนั้น นิ้วเรียวๆบิดกลอนประตูอย่างรวดเร็วพร้อมกับผลักประตูบานนั้นออกไป......

     

    "รีเน่ ตื่น!!!!" เสียงตะโกนของเพื่อนร่วมห้องดังสนั่นทำให้คนที่อยู่ในห้วงนิทราต้องลืมตาขึ้น

     " มีอารายเซเรส ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินห้ามปลุกอีกนะ" รีเน่กล่าวเสร็จก็ปรือตาลงอีกครั้ง แต่ก็ถูกทำให้ลืมตาขึ้นอีกด้วยมือของใครบางคนที่กำลังลูบคอเค้าเล่น

     " เฮ้ย! จะทำอะไรไอ้บ้า!" รีเน่ร้องลั่นพร้อมกับคว้าหมอนที่ตนกอดอยู่ขึ้นมาฟาดเข้าที่หน้าของคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงอีกคน ชายหนุ่มก้มตัวหลบอย่างง่ายดายแต่ไม่สามารถหลบteenของบุรุษนามรีเน่ไปได้ ทำให้ชายหนุ่มกระเด็นตกเตียงไป ชายหนุ่มที่ตกเตียงลุกขึ้นด้วยมาดขรึมแบบเจ้าชาย แต่ก็ถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะของคนที่ถีบเค้าตกเตียงลงมา

    "ตกลง มีอะไร?" รีเน่หยุดหัวเราะพร้อมกับถามอย่างตรงไปตรงมา ชายหนุ่มผมทองชี้ไปยังห้องน้ำที่อยู่ข้างประตูห้อง ไอน้ำอุ่นๆพวยพุ่งออกมาจากห้องน้ำอย่างไม่ขาด

    " นายต้องไปอาบน้ำ เพราะคืนนี้เราต้องนอนด้วยกัน" สิ้นเสียงของเจ้าชายผมขาว ชายร่างเล็กหันมาที่เตียงที่เค้านั่งอยู่ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างที่พี่ของเค้าเคยพูดไว้  'รีเน่ จำไว้นะ เจ้าชายส่วนมากบ้าผู้หญิงมาก แล้วหน้าของนาย อาจทำให้ใครต่อใครอีกหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าตอนนี้นายเป็นผู้หญิง'  ใช่แล้ว หน้าของเค้าเหมือนผู้หญิงมากเกินไป หรือว่าไอ้เจ้าชายนี่จะ.....

    รีเน่คิดอะไรอยู่ได้ซักพัก หน้าหวานๆของเค้าก็แดงก่ำราวกับลูกตำรึงสุก เซเรสมองรีเน่อย่างงุนงง เขาแค่หมายถึงให้เพื่อนของตนไปอาบน้ำเฉยๆ เพราะเดี๋ยวอาจจะเป็นหวัด แต่นี่ เพื่อนรวมห้องของเค้าคิดไปไหนไกลกันเนี่ย!

     

     ชายหนุ่มร่างเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างแผ่วเบาพลางเดินเช็ดผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวประบ่าของตน เสื้อนอนกับกางเกงตัวหลวมโพรกที่พี่ของตนซื้อๆมาแบบมิได้ดูไซด์ของน้อง ทำให้แขนเสื้อยาวกว่ามือและกางเกงก็ยาวกว่าขามาก เด็กหนุ่มจึงต้องพับแขนและขาขึ้นหลายทบ ชายหนุ่มผมทองที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงหันมามองรีเน่แล้วค่อยๆหัวเราะออกมาเบาๆ

     " ขำอะไรไม่ทราบ"รีเน่ถามเพื่อนร่วมห้องอย่างรำคาญ เซเรสค่อยๆวางหนังสือลงที่หัวเตียงก่อนที่จะอ้าปากเอ่ยคำพูดออกมา

     " จากที่ชั้นรู้มา....เวลาอาบน้ำเสร็จ จะเป็นช่วงที่จะเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดและดูดีที่สุด" คำพูดของเซเรสทำให้รีเน่มั่นใจได้เลย เจ้าชายนี่เป็น.....

    รีเน่ถอยจนติดกำแพงที่อยู่ข้างหลังอย่างตกใจ

     " ไอ้บ้า! คิดไปไหน"เซเรสพูดพลางทำหน้ามุ่ย

    คิดไปจนถึงนรกแล้วโว้ย!”รีเน่ตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย เค้ามองหน้าไอ้เจ้าชายอารมณ์ขันอย่างระแวง แต่ก็ต้องทำใจเพราะถ้าเค้ายังระแวงเจ้าชายคนนี้อีก มันก็จะดูมีพิรุธเป็นแน่ รีเน่จึงก้าวเท้ามานั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วแล้วชักผ้าห่มมาห่มอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มอีกคนที่มองการกระทำมาตั้งแต่ต้นหัวเราะออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะปิดไฟที่หัวเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเพื่อเข้าสู่นิทราเช่นเดียวกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×