ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #20 : พบตัวคานัล!!&สายเลือดเทวา?

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 50


     

     

                "ไง...เรียกตัวพี่มา มีธุระอะไรหรอรีเน่...เฮ้ย!"ชายหนุ่มถามพร้อมกับที่รีเน่ดึงร่างของสเวนเข้าไปในห้องและปิดประตูด้วยความเร็วสูงจนผู้ที่อยู่นอกห้องถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงนและงุนงงอย่างที่สุด  รีเน่ผลักร่างของสเวนให้นั่งลงกับเตียง นัยน์ตาสีน้ำเงินดำมองชายหนุ่มผมทองที่หยิบเสื้อที่กองอยู่ข้างๆตนขึ้นสวม

                "นี่พวกแกสองคนทำอะไรกันเนี่ย? ได้ยินตอนอยู่ตรงบันไดว่าสวีทๆกันอะไรก็ไม่รู้?"สเวนถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่เมื่อเห็นทั้งสองเงียบ ก็เลยเริ่มสงสัย

                "หรือว่าพวกแกจูบกัน?"

                เฮือก!

                รีเน่หายใจกระตุกเฮือก สเวนหัวเราะร่า

                "ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ชั่งเถอะ รีเน่ แกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว...จากเนื้อความในจดหมายที่ซิลเวอร์ส่งมา ท่าทางจะเกิดเรื่องใหญ่สินะ ถึงต้องบอกเป็นการส่วนตัวน่ะ...."ชายหนุ่มร่างสูงกล่าว เด็กสาวพยักหน้า

                "ใช่...เรื่องส่วนตัวระหว่างพี่น้องและใครอีกหลายต่อหลายคน..."เธอกล่าวพร้อมผลักร่างของชายหนุ่มผมทอง

                "เฮ้ย! รีเน่! จะทำอะไรเนี่ย..."เซเรสโวยอย่างโมโห แล้วก็เย็นลงอย่างง่ายดายเมื่อเด็กสาวเขย่งเท้าขึ้นมาหอมแก้มเขาเบาๆ

                "ไปรอนอกห้องก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง..."

                ปัง!

                "อ้าวเซเรส! ไหงนายโดนถีบออกมาแบบนี้ล่ะ!"อัมบราถามอย่างตกใจ เซเรสลูบแก้มซ้ายเบาๆพร้อมหันไปยังโทบิที่ยืนคุยกับซากุระอยู่ไม่ไกล

                "โทบิ...ขอยืมยันต์มองลอดผ่านกำแพงหน่อยสิ หูทิพย์ด้วยนะ..."

     

                รีเน่หยิบเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงข้ามสเวนพร้อมเกลี่ยเรือนผมน้ำตาลไหม้ที่ปรกหน้าออก รีเน่จ้องหน้าผู้เป็นพี่อยู่เนิ่นนานเนื่องจากไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี

                "ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนกลับมารึยัง"สเวนเป็นฝ่ายเริ่มถาม

                "ก็ค่อยๆทะยอยกลับมาบ้างแล้วล่ะ...มนตราใหม่ๆเพียบ"รีเน่เอ่ยเสียงทะเร้น สเวนส่ายหน้าเบาๆด้วยความเหน็ดหน่ายใจ ความเงียบกลับเข้ามาสู่ตัวห้องอีกครั้งเนื่องจากไม่มีคนพูดต่อ

                "พี่...เรื่องที่เน่อยากจะพูดในวันนี้คือ...ในวันที่พี่เก็บรีเน่มา พี่รู้รึเปล่าว่าเน่เป็นใคร?"เด็กสาวถาม ชายหนุ่มส่ายหน้า

                "ตอนนี้เน่รู้แล้วว่าเน่เป็นใคร แล้วพี่ก็ควรได้รู้ด้วยว่าเน่เป็นใคร...."

                "ใครล่ะ?"

                "เน่คือ เป้าหมายที่ครอบครัวของพี่ตามฆ่า เป้าหมายที่มีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงแห่งมาคาร์ไลท์ เป้าหมายที่ทำให้ครอบครัวพี่เกือบทุกคนสูญหายไป...ราเฟรน่า คราโทนอฟ เน่เป็นเจ้าหญิงแห่งมาคาร์ไลท์"

                "งั้นหรอ?"รีเน่มองหน้าของชายตรงข้ามที่เธอคาดว่าเขาจะแสดงอาการตกใจบ้างแม้เพียงซักนิด แต่ท่าทีของเขากลับนิ่งสนิท!

                "นี่พี่ไม่ตกใจเลยหรอ?"รีเน่ถามอย่างสงสัย สเวนพยักหน้า

                "พูดตามตรง ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าเธอต้องไม่ธรรมดา เพราะขนาดพลังเวทย์ของเธอ ก็มากจนอยู่ในระดับจอมปราชญ์เลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่พลังของเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไป..."เขาพยักหน้ากับคำพูดของตนแล้วเริ่มเปิดประเด็น ดวงตาขบขันแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่เอาจริงเอาจัง

                "ไปบอกพวกข้างนอกให้ไปตามฮาร์ฟมาทีสิ..."

     

                "คุณพระ!! รีเน่เป็นเจ้าหญิงแห่งมาคาร์ไลท์!"อัมบราอุทานเบาๆหลังจากได้ยินที่รีเน่กล่าว โทบิและซากุระก็อึ้งไปตามๆกันพร้อมกับหันไปยังชายหนุ่มผมทองข้างๆ

                "คุณเซเรสไม่ตกใจหรอ?"ทั้งคู่หันมาถามเซเรสที่รู้สึกเหมือนจะไม่ได้สติอยู่

                "ห๊ะ! มีอะไรหรอ?"เขาสะดุ้งแล้วหันมาถาม โทบิและซากุระส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ

                "ไม่มีอะไรหรอก..."

                "เอ๊ะ! ตะกี้สเวนบอกว่าให้รีเน่ออกมาใช้พวกเราทำอะไรนะ?"ฟาร์เปรยเบาๆ อัมบราที่ยืนอยู่ข้างๆเหลือบมองเรือนผมของผู้เป็นเพื่อนที่ตอนนี้ดูผิดไปจากปกติที่มีสีเหลืองแซมอยู่บางเส้น ก่อนที่หล่อนจะได้เอ่ยปากถามอะไร ฟาร์ก็ตะโกนออกมาซะดังลั่น

                "เขาบอกให้เรียกผอ.ฮาร์ฟมานี่หว่า!!"

                "อืม...อยู่นี่แล้ว"เสียงของชายหนึ่งพูดขึ้นจากด้านหลัง อัมบรา ฟาร์ โทบิและซากุระร้องเหวออย่างตกใจ! ฮาร์ฟดรัมมี่ ผู้อำนวยการแห่งไนท์โนวอิงคิงด้อมมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!

                ฮาร์ฟเปิดประตูเข้าไปซึ่งพอที่จะทำให้เหล่าคนสอดรู้สอดเห็นด้านนอกเห็นว่ารีเน่กำลังจะเดินออกมา ถึงแม้ว่าจะแอบดูอยู่ตั้งแต่เริ่มก็เถอะ

                ชายผมเขียวปิดประตูเบาๆอย่างสุภาพแล้วยืนพิงผนังข้างห้องน้ำ

                "สวัสดีเวนี่~ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเจอกันในเหตุการณ์แบบนี้นะ"ฮาร์ฟกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

                "ใช่ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตอนนี้พวกเราอาจได้เห็นเหตุการณ์ผนึกจอมมารลงบนผืนแผ่นดินอีกครั้ง"สเวนกล่าวเสียงเย็นพร้อมกับที่รีเน่มองทั้งสองคนสลับกันไปมาอย่างสงสัย

                "หมายความว่าอะไรกันอีกเนี่ย?"เด็กสาวเอ่ยถามทั้งสองคนด้วยความสงสัย ฮาร์ฟหยิบแผนที่หนึ่งขึ้นมาจากอากาศที่ไม่มีอะไรเลย แผนที่ภายในโรงเรียนนี้ที่รีเน่เห็นบ่อยๆ แต่อันที่ฮาร์ฟถือนั้นเป็นแผนที่ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆวางอยู่

                "รีเน่...เธอคงเคยได้ยินเรื่องที่ราชาเกรซและราชาเซ็ทผนึกจอมปิศาจลงบนแผ่นดินสินะ..."ฮาร์ฟเอ่ยถามเด็กสาว  เธอพยักหน้า

                "และนั่นแหละ ที่เราเอ่ยถึงว่าอาจจะได้เห็นเหตุการณ์นั้นอีก ก็เพราะว่า ตอนนี้ที่นี่มีสายเลือดองค์เทวะ และสายเลือดขององค์จอมมารพร้อมที่จะผนึกเจ้าคานัลที่ตอนนี้ถูกแยกเป็นสามร่างแล้ว แต่ตอนนี้คงเหลือแค่สองแล้วสินะ...."

                "สายเลือดองค์เทวะ? หมายความว่ายังไง?"รีเน่เอ่ยถามอย่างสงสัยพร้อมนึกถึงประโยคสุดที่ฮาร์ฟพูดไว้ 'ตอนนี้ถูกแยกเป็นสามร่าง' ซึ่งก็คงหมายถึงร่างจิตที่เป็นคานัล ร่างพลังที่เป็นยูเรม แล้วอีกร่างล่ะ?

                "ตระกูลเอรูทีส เป็นเชื้อสายเทพ ที่สืบทอดต่อกันมานาน ทุกรุ่นล้วนเป็นเทพบริสุทธิ์ ซึ่งเห็นชัดได้ที่นัยน์ตาสีเขียวมรกต แต่ดูท่าว่าเซเรสจะไม่รู้ว่าตนมีเชื้อเทพอยู่เหมือนกัน...ส่วนสายเลือดองค์จอมมารก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใคร เพราะคนนั้นยังยืนชักสีหน้างงอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว"ฮาร์ฟและสเวนหัวเราะเบาๆโดยที่รีเน่ยังชักสีหน้างงไม่หาย

                "แล้วร่างของคานัลที่ถูกแยกเป็นสามร่างล่ะ? ร่างแรกคือร่างจิตที่เป็นของคานัล ร่างสองคือร่างพลังที่เป็นของยูเรม แล้วอีกร่างนึงล่ะ?"

                "ร่างกายยังไงล่ะ..."

                "ร่างกาย?"รีเน่ทวนคำที่พูดอย่างสงสัย ผู้อำนวยการหนุ่มพยักหน้า

                "ใช่ ร่างกาย ร่างกายที่เกรซและเซ็ทได้ผนึกไว้ใต้ดินนั้น  อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ซักทีเดียว..."ฮาร์ฟกล่าวแล้วเดินไปเปิดม่านที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงนอน เผยเห็นทุ่งดอกไม้สีเหลืองสวยแล้วยืนพิงที่ผนังตรงนั้นเพื่อเฝ้ามองทุ่งดอกไม้ด้านนอก

                "ร่างกายที่เป็นร่างสมบูรณ์ของจอมปิศาจ ศึกแรกที่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันใกล้นี้...ไม่สิ มันเกิดไปแล้วสินะ ศึกระหว่างร่างพลังและร่างจิต..."สิ้นคำ นัยน์ตาสีดำนิลกาฬเบิกกว้างจนรูม่านตาหดเล็กลง  ถ้าเป็นไปตามที่เธอคิด ศึกระหว่างร่างพลังและร่างจิตที่กล่าวถึงนี้! คือศึกระหว่างยูเรมและคานัล!!

                "ท่านรู้ว่าร่างไหนเป็นฝ่ายชนะใช่ไหม!...."รีเน่เอ่ยถามผู้อำนวยการหนุ่ม เขาพยักหน้า

                "ร่างจิตของจ้าวจอมมารได้ครอบครองพลังของตัวเองอีกครั้ง การรับมือก็ยากยิ่งขึ้นมากเป็นเท่าตัว..."

                "นี่หมายความว่าคนที่เป็นร่างพลังนั้นก็ตายแล้วงั้นเราะ!!!"รีเน่ตะโกนถามชายหนุ่ม ฮาร์ฟพยักหน้าเพื่อให้รีเน่ยอมรับความเป็นจริง

                พลัน หยาดน้ำใสปริ่มที่ดวงตา ภาพความหลังที่เคยอยู่กับยูเรมก่อนที่จะย้อนเวลากลับมา ภาพความทรงจำที่กลับมาบางส่วนที่วิ่งเล่นไล่จับกันตอนเด็กๆ เล่นซ่อนหา แอบไปเที่ยว ภาพต่างๆนาๆผุดขึ้นอย่างไม่มีหยุด หยาดน้ำจากแค่ปริ่มที่ดวงตา บัดนี้ มันไหลย้อยลงมาจากตำแหน่งเดิม

                ของเหลวใสหยดลงบนกางเกงยีนส์สีเขียวตัวเดียวกับที่ใส่ในวันเข้าเรียนวันแรก

                จากหยดเดียว เพิ่มเป็นอีกหลายหยดที่หยดตามลงมา ณ จุดเดิมจนเปียกซึมไปจนถึงผิวขาวด้านใน

                "เป็นอย่างนี้อีกแล้ว...มีคนตายจนได้..."เธอพึมพำเบาๆด้วยความเสียใจ สเวนมองน้องสาวอย่างอนาถใจ

                "นักฆ่าไม่ควรคร่ำครวญเมื่อมีคนตายนะ ถึงแม้ตอนนี้แกจะเป็นเจ้าหญิงแล้วก็ตาม แต่เมื่อก่อน แกก็เป็นถึงทายาทนักฆ่าอันดับหนึ่งเชียวนะ ไม่ควรจะมาร้องไห้แบบนี้เพียงเพราะคนรู้จักตาย..."ชายหนุ่มผมน้ำตาลอ่อนกล่าว แต่คำพูดที่สเวนพูดกลับทำให้รีเน่เริ่มสะอึ้นและร้องไห้หนักกว่าเก่า

                สเวนทำหน้าบึ้งตึงแล้วหันไปยังผู้อำนวยการผมเขียวเพื่อขอความช่วยเหลือ

                "เวนี่ไม่มีความอ่อนโยนเอาซะเล๊ย...."ผอ.ฮาร์ฟกล่าวอย่างอารมณ์ดีผิดกับคนที่นั่งบนเก้าอี้ที่เริ่มร้องไห้อย่างไม่สามารถหยุดได้

                "...ถึงแม้ว่า ร่างจิตจะดูดกลืนร่างพลังไปแล้วก็ตาม  แต่ว่า พลังของคานัลที่ได้มาตอนนี้ ได้มาไม่เต็มร้อยเปอเซนต์ และได้มาเพียงแค่ยี่สิบห้าเปอเซนต์เท่านั้น...."ฮาร์ฟเปรยเบาๆอย่างทีเล่นทีจริง พร้อมๆกับเด็กวสงที่หันขวับไปหาผู้พูดทันที

                "หมายความว่ายังไง!!"เธอเอ่ยถามและรู้สึกว่าเหมือนมีความหวังอยู่รำไร แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด!!

                "ฉันฟังมาจากเฟรย์และเนอซีว่า ในกรณีที่ส่งคนจากอนาคตกลับมาในอดีต จะทำให้เกิดการแบ่งภาคของพลังของผู้ที่อยู่ในโลกอนาคตและอดีต โดยจะถูกแบ่งออกเป็นครึ่งต่อครึ่ง คานัลและเธอถูกส่งกลับมาในโลกอดีต ซึ่งก็คือปัจจุบันของพวกเรา ผู้ที่กลับมาจะไม่ถูกแบ่งภาคของพลัง และผู้ที่ตายในอนาคต ในโลกอดีตนี้ก็จะไม่ถูกแบ่งภาคเช่นกัน...

                เซเรส ฟาร์ อัมบรา วิโอล่า เอนวารา ทั้งหมดที่กล่าวมาคือผู้ที่ตายในโลกอนาคตสินะ เพราะจากที่ฉันสัมผัสได้ พลังของหกคนนี้ไม่ได้บั่นทอนลงไปแม้แต่น้อย...(รีเน่พยักหน้าเบาๆแล้วปาดน้ำตาออก) และเหตุนี้เอง คานัลจึงได้พลังของร่างพลังไปเพียงยี่สิบห้าเปอเซนต์ คานัลที่เป็นร่างจิตจะมีพลังเริ่มแทบจะเป็นศูนย์ และเมื่อได้พลังของร่างพลังไม่สมบูรณ์ไป จึงกลายเป็นแค่ยี่สิบห้าเปอเซนต์อยู่เช่นเดิม

                เซ็ท พ่อของเธอได้แบ่งส่วนของคานัลออกเป็นสามส่วน ซึ่ง ส่วนแรก ผนึกไว้ในผืนดิน ส่วนที่สอง ได้ผนึกลงในร่างโคลนนิ่งที่เกิดจากการแบ่งจิตและพลังออกจากกัน และสามนั้นก็คือจิต ซึ่งเขาลงในกายเขาเอง..."ฮาร์ฟหยุดหายใจแล้วเริ่มพูดต่อ

                "และในโลกอนาคต ราชาเซ็ททรงเสด็จสวรรคต ทำให้ร่างจิตนั้นได้ออกมาอย่างอิสระ แต่ร่างจิตกับร่างกายมันอยู่ห่างไกลกัน คานัลจึงไปยังร่างพลังซึ่งตอนนั้นกำลังจะพากลับมาคาร์ไลท์ และนั่นแหละ ร่างจิตจึงส่งเธอกลับมา เธอซึ่งมีพลังอันไร้ขีดจำกัด...รีเน่ ตอนนี้เธอผนึกพลังของตัวเธอเองไปกี่ชั้น?"

                "ซักสิบแปดเห็นจะได้ล่ะมั้ง..."

                "เฮ้ย!!!"สวนอุทานอย่างตกใจ ฮาร์ฟยืนยิ้มแล้วมองทอดออกไปยังนอกหน้าต่างต่อ

                "นั่นเพียงพอที่จะผนึกคานัล...พลังนี้มากพอที่จะลากมิติทั้งสิบให้มาซ้อนทับกัน...มนตราที่คานัลร่างสมบูรณ์เคยใช้...จากรูปการนี้ เธอสามารถกำจัดคานัลได้สบาย แต่เธอมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นจอมมารแทน..."

                "แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อีก..."สเวนกล่าวขึ้นหลังจากเพิ่งตกใจไป รีเน่ที่เลิกร้องไห้แล้วหันมาด้วยสีหน้างุนงง

                "หมายความว่าอะไรอีกล่ะ?"

                "ตราบใดที่เธอ ราเฟรน่า คราโทนอฟ  ไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์ไป เธอก็จะไม่มีวันเป็นจอมมารได้..."

     

                ณ ป่าใหญ่หลังหอประชุมใหญ่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ชายหนุ่มเรือนผมสีเงินสว่างใช้มือซ้ายกุมตำแหน่งที่เคยมีแขนด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลชโลมไปทั่วซีกขวาของร่างกาย ชายหนุ่มอีกคนที่มีใบหน้าเหมือนกันกระโดดลงมาจากต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล ตามมาด้วยชายหนุ่มผมฟ้าสวยและเด็กสาวผมทองรอนยาว

                "...คานัล!! แกไม่ชนะหรอก! ยอมแพ้ซะเถอะ!!"ยูเรมตะโกนอย่างเหนือกว่าทุกด้านแล้วเหลือบไปที่ต้นไม้สองต้นข้างๆคานัล ทันใดนั้น! โคนต้นที่กว้างและแข็งแรงหักกรอบอย่างฉับพลัน! พร้อมที่ทั้งสองต้นล้มลงทับขาของผู้ที่บาดเจ็บอยู่

                คานัลผายมือซ้ายที่เหลือข้างเดียวออกไปด้านข้าง ขนนกสีดำค่อยๆผุดออกจากกลางหลังซึ่งบ่งบอกถึงการออกมาของปีกที่เป็นสัญลักษณ์ของจอมมาร แต่ไม่ทันที่มันจะได้แผ่สยายออกมา มันก็ถูกกำจัดไปด้วยคลื่นความถี่สูงที่แผ่ออกมาจากไวโอลินสีแดงเลือด

                "ฉันจะให้โอกาสแกสองนาทีที่จะบอกฉันเกี่ยวกับที่แกย้อนเวลากลับมา!! แกมีจุดประสงค์อะไร!! แล้วที่แกไปกดดันมิติแอสทอร์ไลน์และเพลเน็ทให้มาซ้อนทับกันทำไม!! ความไม่คงที่ของมิตินี่อีก!! แกต้องการอะไรกันแน่!!"ยูเรมเข้นถามด้วยความโมโห คานัลกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย

                ด้วยความโมโห ผู้ถามจึงเพิ่มต้นไม้ให้ลงมาทับขาอีกต้น! ซึ่งตอนนี้กิ่งก้านได้ผลักร่างของคานัลให้แนบลงกับพื้น เลือดที่ไหลเยอะอยู่แล้วก็ยิ่งไหลเยอะเข้าไปใหญ่และเริ่มเจิ่งนองทั่วพื้น แต่แปลก...ที่หน้าของคานัลไม่ซีดลงซักนิด?

                "ที่มิติแอสทอร์ไลน์จะซ้อนทับกับเพลเน็ทนั้น ก็เกิดจากที่เจ้าร่างพลังอีกคนนึงมันเปิดช่องว่างของกาลเวลาย้อนกลับมาแล้วซ้อนร่างพิมพ์เดิม ซึ่งเป็นพลังของดับตะวัน ประกายแสงหิมะ และนัยน์ตามาร ศาสตราวุทย์ที่เคยใช้กำหลาบข้าเมื่อยี่สิบปีก่อน...."

                "และที่ย้อนกลับมานี้ก็เพราะว่าฉันรู้พิกัดที่เจ้าจะส่งกลับมา ซึ่งก็คือ3Kที่อยู่ใกล้กลับร่างกายของข้า..."เอนวาราที่ยืนอยู่ข้างหลังเหลือบมองกองเลือดที่ไหล่นองทั่วพื้นที่เหยียบอยู่ และเลือดนั้นก็ได้สัมผัสกับรองเท้าบู๊ธของชายหนุ่มผมดำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                เสร็จกัน!!

                เร็วเท่าความคิด!!

                คานัลพุ่งแขนซ้ายที่เหลืออยู่เข้าตะครุบข้อเท้าของชายหนุ่มผมดำที่ยืนอยู่ห่างออกไปมากนัก!  ร่างของเขาจมลงสู่กองเลือดราวกับโคลนดูดที่ดูดอย่างรวดเร็วจนตอนนี้หายไปเกือบครึ่งตัวแล้ว!!

                "และถ้าฉันดูดกลืนแกกลับ!! และตามหาร่างกายให้พบ!! การนำมิติทั้งสอง...ไม่สิ การจะนำมิติทั้งสิบให้มาซ้อนทับกันอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยาก!!"คานัลตะโกนอย่างมีชัย เลือดพุ่งขึ้นตวัดเข้ารอบคอของชายหนุ่มแล้วดึงให้จมเข้าสู่กองเลือด

                "เอวาร!! วิโอล่า!! หนีไป!!"ยูเรมตะโกนบอกเพื่อนอีกสองคน ตามข้อตกลงแล้ว เมื่อมีเหตุใดเกิดขึ้นที่จะส่งผลถึงชีวิต พวกที่เหลือต้องรีบหนีเพื่อไปบอกนายเหนือหัวให้ได้

                "แต่ว่า...!!"เอนวาราเปล่งเสียงออกมาเบาๆ

                "ไม่มีแต่!! ไปบอกราเฟรน่า!! เร็ว!!"

                "อะ..เออ!!"สิ้นคำ วิโอล่าและเอนวาราก็ถีบตัวจากพื้นแล้วหายไปอย่างฉับพลัน 

                คานัลที่กำลังจะดูดกลืนอีกฝ่ายยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ

                "ก่อนที่แกจะหายไป...ฉันจะบอกอะไรดีๆให้แกฟังสองอย่าง..."คานัลเอ่ยเบาๆโดยที่ร่างของยูเรมบัดนี้ถูกกลืนกินไปจนถึงปากแล้ว

                "อย่างแรก เรื่องมิติแอสทอร์ไลน์กับเพลเน็ทที่กำลังจะเชื่อมต่อกันน่ะ...จริงๆแล้วมันเชื่อมต่อกันมานานแล้วตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วล่ะ..."

                ยูเรมเบิกตากว้างอย่างตกใจ กลุ่มเลือดสีแดงสดดึงร่างของยูเรมให้จมลึกลงเร็วยิ่งขึ้น

                "อย่างที่สอง..."เหลือเพียงแค่หนึ่งดวงตาและหนึ่งหู คานัลลุกจากต้นไม้อย่างง่ายดายพร้อมที่ตัวมีไอควันสีดำห่อหุ้ม

                "ผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนราเฟรน่า ชายหนุ่มผู้มีเชื้อเทวาอีกคน และเด็กสาวผู้ครอบครองอาวุธมนตราดำ คือตัวแปรของทุกสิ่ง...."สิ้นคำ ร่างนั้นก็ถูกกลืนหายเข้าไปในกองเลือดเสียแล้ว...

     

                ที่โรงอาหารตะวันออกอันเนืองแน่นด้วยคนจากหลากหลายชั้นปี  เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเกลี่ยเรือนผมที่ไหลมาปรกหน้าอย่างเบื่อหน่าย มือเรียวขาวลากดินสอไปมาบนกระดาษสีขาวอย่างเหม่อลอย  ที่อกซ้ายของเสื้อปักชื่อกับกำความเป็นเจ้าของไว้อย่างชัดเจน

                เดซ รอเฟนี่

              อีกสามวัน...

              อีกสามวันที่เราจะกลับสู่ที่มา...

                เดซรำพึงในใจอย่างเหม่อลอยพร้อมที่มือก็ยังขยับไปแบบไม่มีการควบคุม  พลันแรงหนึ่งๆก็มากระแทกเข้าที่ไหล่ขวาที่พอจะทำให้เธอหน้าขะมำกับพื้นโต๊ะ  เดซหันไปยังผู้ที่ทำตนอย่างไม่ถือสาอะไรเพราะเขาคนนี้แทบจะเปนเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอในตอนนี้

                "สวัสดียามเที่ยง คุณบาร์ตัน เอ...ตอนนี้ต้องเรียกว่าคุณฮาเวอรี่สินะคุณครูซิฟิค?"เดซเอ่ยเสียงขบขันพร้อมที่เจ้าของชื่อชักสีหน้าเหยเก

                "โนวาร์ บาร์ตันเหมือนเดิมแหละดีแล้ว เกิดรุ่นพี่คนไหนได้ยินเข้าแล้วไปบอกพี่ชั้นที่ห้องของรีเน่มิแย่หรอ..."โนวาร์กล่าวสมเหตุสมผลแล้วนั่งลงข้างๆเด็กสาว

                "เดซ เธอรู้สึกบ้างรึเปล่าว่าเมื่อวานพลังของพวกเราก่อนหน้านี้เหมือนมันหายไปครึ่งนึง แล้ววันนี้ก็กลับมาเท่าเดิม...ไม่สิ อาจเรียกว่ามากกว่าเก่าเลยด้วยซ้ำ"ชายหนุ่มเอ่ยถาม เดซยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ

                "คนอย่างฉันต้องสนเรื่องแบบนั้นด้วยหรอ อีกไม่กี่วันชั้นก็จะหายไปจากที่นี่อยู่แล้ว..."

                "แต่หน้าที่ของเธอมันยังไม่หมดไม่ใช่หรอ?"

                "หมายความว่าไง?"

                "พลังของรีเน่...ราเฟรน่าน่ะ เรียกได้ว่าเกินขีดจำกัดของปิศาจชั้นสูงที่เป็นสายเลือดราชวงศ์ไปแล้ว และถ้าเป็นปกติ ก็เป็นอันแน่นอนว่าไอปิศาจของราเฟรน่านั้นมากพอที่จะทำให้สามเคและประเทศข้างเคียงแห้งแล้งลงอย่างง่ายดาย แต่นี่ไม่?"

                "คุณต้องการจะสื่ออะไรกันแน่เนี่ย คุณบาร์ตัน นับตั้งแต่ฉันรู้จักคุณมา คุณก็ชอบเอ่ยเป็นนัยๆแบบนี้มาหลายครั้งหลายคราแล้ว..."เดซเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย โนวาร์พยักหน้าแล้วตอบให้ผู้ฟังกระจ่างใจ

                "สายเลือดเทวาเป็นตัวหยุดการเติบโตของไอปิศาจ ซึ่งก็คือเจ้าชายเซเรสของเรานั่นเอง...พอนึกอะไรขึ้นได้บ้างรึยัง?"ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย และทำหน้าเหยเกอีกครั้งเมื่อเด็กสาวตรงหน้าส่ายหน้า

                โง่เหมือนรีเน่ไม่ผิดเพี้ยนเลยวุ้ย!

                คิดแล้วก็ถอนหายใจอย่างหน่ายใจ

                "ในอีกสามวันที่เธอจะกลับบ้านเก่าน่ะ เป็นวันพระจันทร์สองดวงพอดีซึ่งร้อยปีจะเกิดขึ้นครั้งนึง   และวันนั้นแหละ!! พลังของเผ่าปิศาจจะเพิ่มมากขึ้นจนพลังในการหยุดยั้งไอปิศาจของเผ่าเทวาไม่สามารถหยุดได้แน่นอน และยิ่งบวกกับ...."โนวาร์ถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดต่อโดยละคำพูดสุดท้ายไว้

                "....ยิ่งไม่ต้องบอกเลย ความน่ากลัวของคุณเธอที่มากถึงขนาดถล่มสามเคได้โดยใช้พลังเพียงปลายเศษนิ้วก้อยของคุณเธอ..."

                "ฉันว่า คุณเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่านะคุณบาร์ตัน ดูท่าทางคุณจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไปแล้ว..."เดซแทรกขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นเพื่อนเริ่มซีดลง โนวาร์พยักหน้าแล้วถอนหายใจอีกครั้ง....

     

                เหล่าผู้ที่แอบฟังอยู่นอกห้องปิดปากของตนเองอย่างตื่นตระหนก เพราะเหมือนพวกเขาได้รับรู้เรื่องบางอย่างระดับพระการเสียแล้ว! เรื่องที่คิงบางประเทศรับรู้  เจ้าของเรือนผมสีแดงทำสีหน้าเหมือนประติดประต่ออะไรบางอย่างได้แล้ว อัมบราเซไปพิงที่ขอบระเบียงแล้วถอนหายใจอย่างหมดแรง

                "ฉันรู้สึกว่าเราไม่ควรแอบฟังเรื่องตะกี๊นี้ยังไงไม่รู้แหะ เหมือนมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเลยนะเนี่ย..."เธอทิ้งท้ายด้วยคำว่า 'มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก'

                "ใช่เลย...มันเป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าที่เด็กอายุ16อย่างพวกเราจะรับรู้ภายในเวลาเดียวกันนะเนี่ย..."ฟาร์เอ่ยเสียงแผ่วแล้วลูบที่ใต้ขอบตาเบาๆ

                "...และชั้นหวังว่าจะไม่มีอะไรเซอไพส์ไปมากกว่าที่ชั้นเป็นผู้มีสายเลือดเทวาหรอกนะ..."เซเรสกล่าวด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนือยแล้วหันไปมองที่ทางขึ้นบันไดที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก  ร่างสูงที่มาพร้อมเรือนผมสีฟ้าสว่างยาวสลวยและเด็กสาวผมทองรอนยาว

                และทั้งสองก็วิ่งเข้าห้องที่พวกเค้ายืนออกันอยู่...

     

                "อ่ะจะบ่ะเฮ้ย!"

                "เอวาร! วิโอล่า! เป็นอะไรวิ่งหน้าตื่นมาเชียว! แล้วยูเรมล่ะ!? หรือว่าเสร็จเจ้าบ้าคานัลไปแล้ว..."รีเน่เอ่ยเสียงแผ่วเบาด้วยความหดหู่ แล้วก็ตั้งสติกลับขึ้นมาใหม่ด้วยความเร็วสูงเพื่อจะรับฟังเรื่องที่ตนได้ฝากฝังเพื่อนให้ไปทำ

                "ยูเรมเสียท่าให้กับคานัลแล้วจริงๆ แต่มีเรื่องนึงที่ฉันได้ยินก่อนที่ยูเรมจะถูกกลืนกิน และมันสำคัญมาก!"เอนวารากล่าวฉะฉาน วิโอล่าหันมามองเพื่อนข้างๆอย่างงุนงง

                มันไปได้ยินอะไรเอาตอนไหนฟะ?

                "คานัลบอกว่า! มิติแอสทอร์ไลน์และมิติเพลเน็ทเชื่อมต่อกันมานานแล้ว และ ผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนเธอ ชายหนุ่มผู้มีเชื้อเทวาอีกคน และเด็กสาวผู้ครอบครองอาวุธมนตราดำ คือตัวแปรของทุกสิ่ง...."

                สิ้นเสียง ความเงียบก็โรยตัวกลับมาสู่ห้อง เอนวารามองหน้าของทุกคนประหนึ่งว่า

                ผมพูดอะไรผิดรึเปล่า?

                เอนวารากวาดตาไปทางซ้ายที ขวาที่เพื่อเช็คสีหน้าของคนในห้องที่เปลี่ยนไปแทบจะทันที โดยเฉพาะฮาร์ฟที่ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างหน้าต่าง

                "ดูเหมือนเรื่องมันซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย!"ฮาร์ฟกระแทกเสียงเบาๆแล้วหันกลับมายังเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้

                "เรื่องมันชักจะบานปลายกันไปใหญ่แล้ว ชั้นขอออกคำสั่งยกเลิกงานเทศการและการประลอง! และขอให้เหล่าประเทศที่เป็นพันธมิตรแห่งเราเตรียมทหารเวทย์ให้พร้อม! เพื่อรับมือกับจอมปิศาจคานัลที่จะได้ร่างสมบูรณ์กลับคืน!!"ฮาร์ฟกล่าวด้วยใบหน้าที่เครียดผิดจากปกติ

                "...จะได้ไม่สายแก่การรับมือเหมือนครั้งก่อน...ที่ทำให้วัลฮารากลายเป็นเศษซาก..."กล่าวเสร็จ ฮาร์ฟก็รีบเดินไปแหวกทางที่เอนวาราและวิโอล่าขวางอยู่ออกแล้วเปิดประตูอย่างฉับพลัน

                ฮาร์ฟผลักประตูออกแทนการดึงตามปกติ ซึ่งมีผลให้ประตูบานนี้หักกรอบอย่างง่ายดาย และยังทำให้ประตูไม้เข้าชนร่างของชายผมแดงที่อยู่หลังประตูจนเสียหลักล้มลง ผู้อำนวยการหนุ่มเดินออกไปอย่างไม่แยแสนักเรียนที่ตนเพิ่งทำร้ายไปและเดินหายลับไปจากทางบันได

                "ฟาร์! เป็นอะไรรึเปล่า!"อัมบราถามอย่างเป็นห่วงพร้อมลดตัวจนอยู่ในระดับเดียวกัน  รีเน่เดินออกมาจากห้องพร้อมลูบประตูห้องของตนอย่างอาวอน

                "โธ่...ประตูห้องที่รัก ไยเจ้าจากข้าไปเร็วเยี่ยงนี้หนอ...แล้วข้าจะนอนได้อย่างไรถ้าไม่มีเจ้า..."รีเน่รำพึงออกมาเบาๆแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วหันไปมองเพื่อนผมแดงที่กุมดวงตาขวาไว้แน่นอย่างเจ็บปวด

                "โดนอะไรเข้าไอ้คุณฟาร์?"

                "ลูกบิดบ้องตาเข้าเต็มๆเลย..."ฟาร์เอ่ยเสียงโอดครวญพร้อมขอตัวเดินกลับไปที่ห้องที่ห่างออกไปไม่มากนัก โทบิมองตามจนกระทั่งฟาร์เดินเข้าห้องไป

                "ผมไปดูอาการคุณฟาร์ก่อนนะครับ!"เด็กหนุ่มร่างเล็กหันมาบอกกับเด็กสาวที่มีความสูงไล่เรี่ยกันแล้ววิ่งเข้าไปในห้องที่เพิ่งมีคนเข้าไป

                "เอ่อ ฉันกับซากุระกลับห้องก่อนนะ ไปล่ะ!"อัมบราว่าแล้วก็ดึงแขนของเด็กสาวผมดำ

                หญิงสาวทั้งสองกล่าวแล้วแล้วรีบวิ่งกลับเข้าห้องไปด้วยความเร็วสูงจนชายหญิงสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องหันมามองกันด้วยใบหน้าที่มีสัญลักษณ์อันบอกถึงความงงและงงอย่างยิ่ง!

                "พวกนั้นมันอะไรกันเนี่ย?"รีเน่และเซเรสหันมามองหน้ากัน

                "พูดตามทำไม!"ทั้งสองเอ่ยพร้อมกันอีกครั้งแล้วจ้องตากันด้วยใบหน้าที่แสดงความโมโหเล็กน้อย ซักพัก ทั้งคู่ยิ้มแล้วก็หัวเราะร่า

                "พวกเราควรจะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรกหว่า?"รีเน่เอ่ยถามแล้วยิ้มอย่างขบขัน เซเรสกวาดตามองไปที่เศษไม้ที่เดิมมันเคยเป็นประตูไม้เก่าๆที่มีตัวเลขประจำห้องสีทองติดอยู่หน้าประตู

                "หาอะไรมาแทนประตูก่อนดีกว่าแฮะ นี่ก็เข้าฤดูหนาวแล้ว ถ้าคืนนี้หิมะตกขึ้นมา มีหวังพวกเราต้องนอนกอดกันถึงเช้าแน่เลย~"

                "ใครมันจะไปนอนกับแก!! ไอ้โฮโมบ้า!!"รีเน่เปลี่ยนสีหน้าจากที่หัวเราะเป็นบึ้งตึงและขึ้นสีอย่างที่เป็นบ่อยๆ เซเรสหัวเราะแล้วเดินเข้ามาใกล้

                "เธอไง ราเฟรน่า คราโทนอฟ ..."กล่าวเสร็จ ร่างสูงก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้เด็กสาวที่อยู่ต่ำกว่า

                อ๊า! เป็นงี้ทุกทีสิน่า!

                "เซเรสสสสสสสสสสสสสส"เซเรสถูกเรียกด้วยน้ำเสียงยืดยานจนสะดุ้งอย่างตกใจแล้วถอยหน้าออกจากรีเน่อย่างรวดเร็ว เมื่อคนที่เรียกเขานั้นยืนอยู่แค่ตรงประตู!

                เอนวาราและวิโอล่าที่ยืนอยู่ข้างหลังหัวเราะแห้งๆแล้วส่งสายตาที่สื่อสารเป็นคำพูดได้ว่า

                ขวางแล้วนะ แต่แรงพี่แกเยอะ!!

     

                ณ อีกห้องนึงที่อยู่ไม่ไกล

                ฟาร์เดินเข้าไปในห้องน้ำข้างประตูพร้อมปิดปังอย่างรุนแรง

                "คุณฟาร์ครับ! เป็นอะไรรึเปล่า?"โทบิถามอาการของชายหนุ่มข้างในด้วยความเป็นห่วง

                "มะ...ไม่มีอะไร! แค่คอนแทคเลนส์มันหลุดน่ะ...โทบิ ช่วยหยิบขวดยาสีแดงๆกับสีเหลืองที่อยู่บนโต๊ะข้างๆเตียงชั้นให้หน่อย!"ฟาร์ส่งเสียงผ่านบานเกล็ดห้องน้ำออกมา โทบิทำตามอย่างทันที

                นัยน์ตาสีดำมองฉลากที่ติดขวดนั้นอย่างงุนงง มันคือยาย้อมผมสีแดง? และอีกขวดคือยาอะไรไม่รู้ที่มีน้ำสีเหลืองคล้ายน้ำสัปปะรสซึ่งไม่มีฉลากเขียนไว้

                โทบิหยิบมันขึ้นอย่างไม่คิดอะไรมากแล้วรีบปรี่ไปเคาะประตูห้องน้ำ

                "คุณฟาร์ครับ เปิดหน่อยครับ"โทบิบอกเบาๆ ประตูห้องน้ำแง้มออกเล็กน้อยซึ่งพอที่โทบิจะยื่นขวดยาเข้าไป และพอที่จะทำให้โทบิเห็นอะไรที่สะท้อนบานกระจกในห้องน้ำนั้น...

                ฟาร์ยกมือขึ้นกุมไหล่ทั้งสองข้างของตนพร้อมทำสีหน้าเจ็บปวด! ออร่าสีขาวทองกำลังค่อยๆไหลออกจากกลางหลัง ออร่าที่แยกออกมาเป็นสองด้านและเปลี่ยนสภาพเป็นปีกนกสีขาวทองขนาดใหญ่!!

                ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีแดงแซมเหลืองค่อยๆสัมผัสที่ตาซ้ายเบาๆแล้วถอยออก มันคือคอนแทคเลนส์สีแดง? โทบิจ้องที่กระจกที่สะท้อนหน้าของฟาร์แล้วขยี้ตาเบาๆเพื่อย้ำว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นความจริง

                นัยน์ตาของฟาร์ที่ปกติมีสีส้มแดงสดใส แต่หลังจากที่ฟาร์นำคอนแทคเลนส์ออกมาแล้ว มันทำให้ทุกอย่างที่โทบิแอบฟังหน้าห้อง305เมื่อครู่กระจ่างอย่างทันที

              นัยน์ตาสีส้มแดงสดใส

                บัดนี้!!

                มันมีสีที่บ่งบอกว่ามีสายเลือดของเทวา!

                มันเป็นสีเขียวดุจแร่มรกต!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×