ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #19 : สัมผัสรัก....

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 50


     

     

                แสงแดดยามสายตั้งฉากสามสิบห้าองศากับพื้นลานหน้าหอ ผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่นรวมที่เป็นแหล่งรวมตัวของนักเรียนหอวีนัสปีหนึ่ง  เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลและดวงตาสีฟ้าใสนามโนวาร์พลิกหน้ากระดาษบนมือแล้วบรรจงเขียนลงในหน้าว่างที่เพิ่งเปิด เขียนไป ยิ้มไปอย่างสนุกสนานอยู่นาน

                ซักพักก็มีเสียงการย่างเท้าลงมาของเพื่อนหนุ่มผมทองที่ใบหน้ามีรอยช้ำที่รอบขอบตาและลอยจ้ำแดงๆหลายจุดจนน่าขัน

                โนวาร์หัวเราะเบาๆพร้อมกล่าวทักทาย

                "เป็นไงเมื่อคืน...การเช็ดตัวให้เพื่อนในคราบสตรีที่เลอโฉมเป็นเรืองที่ลำบากมากนักฦๅ"เขากล่าวอย่างขบขัน ผู้ถูกหยอกพยักหน้า

                "ลำบากมาก! ไอ้ตอนเป็นไข้นี่ทำตัวก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปอยู่หรอก แต่พอมันฝื้นไข้ทีอย่างกะม้าดีดกะโหลก...."เซเรสเอ่ยอย่างหน่ายๆแล้วยกมือขึ้นจับคอของตนบิดไปมา เสียงฝีเท้าถี่ยิบดังขึ้นจากทางบันไดพร้อมกับบางสิ่งที่พุ่งออกมาใส่คนที่เพิ่งเดินออกห่างจากบันได

                "ใครเป็นม้าดีดกะโหลกกันห๊ะไอ้โฮโม!!"เสียงจากผู้ที่เพิ่งประทานฝ่าเท้างามใส่ใบหน้าขาวของเจ้าของเรือนผมสีทอง รีเน่ตวัดขาเข้าที่คอพร้อมกดร่างของเซเรสให้ล้มลงกับพื้นห้องรวม มือบางทุบเข้าที่กลางหลังของเด็กหนุ่มด้วยความโมโห

                ผู้ที่ถูกทุบอยู่พลิกตัวกลับ ทำให้ผู้ที่นั่งทับอยู่เหนือร่างล้มลงที่พื้นพรมข้างๆ ได้โอกาส ชายหนุ่มขึ้นคร่อมร่างบางพร้อมรวบมือทั้งสองไว้ด้านบน  เซเรสยิ้มเมื่อเห็นว่าตนอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่า ใบหน้าหวานสวยเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลันเมื่อใบหน้าที่ยิ้มอยู่โน้มเข้าใกล้!!

              ปั่บ!

                เสียงปิดสมุดดังขึ้นพร้อมเสียงกระแอมเบาๆ

                "ฉันขอแนะนำให้พวกนายผละออกจากกันนะ...."โนวาร์กล่าวอย่างไม่อยากขัด เพราะจริงๆแล้วเขาก็อยากดูต่ออีกซักหน่อย แต่ว่าเมื่อมองผ่านเงาใต้ประตูหน้าห้องรวมตอนนี้มันมีเงาของเพื่อนร่วมสายชั้นกำลังจะเปิดประตูเข้ามา!

                "เฮ้อ...ยัยเดซกับวิโอล่าหายไปไหนกันนะ ที่โรงอาหารก็ไม่อยู่ แล้วทีนี้โนวาร์จะซ้อ....เฮ้ย!!"อัมบราร้องเสียงหลงพร้อมกับที่หลายๆคนที่ยืนอยู่ด้านหลังที่พอเห็นภาพเบื้องหน้าก็เผลออุทานอย่างตกใจ

                "ผิดศีลธรรม!!"เสียงจากชายหนุ่มนามทาทะรัส

                "โอ้ว!"อัมบรา

                "อู้ว!!"ฟาร์

                "ผมไม่เห็นนะครับ..."โทบิ

                "ฉันไม่เห็นนะคะ..."ซากุระ

                ทุกคนกล่าวต่อเนื่องกันเหมือนนัดหมายกันมาก่อนพร้อมเสียงแหวอย่างโมโหของรีเน่ที่ดังขึ้นตามด้วยร่างของชายหนุ่มผมทองที่กระเด็นไปหัวเกือบจะแทบเท้าของผู้มาเยือน

                "ไหวไหมเฮีย ตาช้ำเชียว..."อัมบราย่อเข่าลงมาถามชายหนุ่มที่แผ่หลาอยู่แนบเท้า รีเน่กอดอกด้วยความโมโหเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ตนเพิ่งถีบไปนั้นทำท่าโอดครวญใส่เพื่อนผมม่วง

              อี๋! ไอ้โฮโม! ทำโอดครวญไปเห๊อะ!! ไปกินข้าวดีกว่า!!

                คิดเสร็จ เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ก็กระทืบเท้าปึงๆไปแหวกทางที่เพื่อนๆยืนบังอยู่พร้อมวิ่งผ่านลานหน้าหอเพื่อจะไปยังทางเชื่อมที่จะพาไปถึงลานกว้างหินอ่อนที่เป็นใจกลางของโรงเรียน

                เพื่อนๆทั้งหลายที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องหันหน้ามาจ้องหน้าเซเรสด้วยความสงสัย

                "นายไปทำอะไรรีเน่กัน!!"

     

                ณ โรงอาหารตะวันตกที่คนน้อยอย่างปกติเฉกเช่นทุกวัน

                บอร์ดผู้ผ่านเข้ารอบจากการประลองถูกวางตั้งไว้กลางโรงอาหาร แต่ก็มีคนดูอยู่เพียงไม่กี่คน รีเน่เดินไปเก็บถาดอาหารพร้อมถือขวดนมผลไม้รวมตรงดิ่งมายังบอร์ดที่มีคนยืนอยู่ประปราย

                รีเน่ใช้หลอดเจาะฝาขวดนมรสโปรดแล้วดูดขึ้นมาอย่างปกติ นัยน์ตาเหลือบมองไปยังชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสั้นละต้นคอและดวงตาสีดำแดงที่ยืนอยู่ข้างๆ ร่างกายถูกปกปิดด้วยยูนิฟอร์มของโรงเรียน และข้างๆอีกคนก็เป็นชายหนุ่มผมฟ้าสวยยาวจรดกลางกลังและเด็กสาวผมทองรอนในชุดเดียวกัน

                "เป็นไง...ได้เรื่องไหม?"รีเน่กล่าวถามถึงข่าวสารของคานัล ยูเรมส่ายหน้าเบาๆ

                "ไม่ได้...แถมจะเกิดเรื่องยุ่งซะอีก"

                "หมายความว่ายังไง!?"เด็กสาวถามเสียงเครียด แม้ดวงหน้าจะยังจ้องบอร์ดตรงหน้าไม่วางตา

                "ฉันติดต่อกับมาเฮโดส เราพบค่าไม่คงที่ของมิติ ตอนนี้มิติของเรา แอสทอไลน์กำลังถูกเชื่อมกับมิติอื่นที่เป็นยุควิทยาศาสตร์ ไร้ซึ่งเวทมนต์และพลังพิเศษเหมือนเมืองวิเวนซ่า แต่วิทยาการของมิตินั้นจะต่ำกว่าถึงสองช่วงสมัย"

                "ซึ่งเป็นฝีมือของคานัลเป็นแน่แท้!"ชายหนุ่มที่สูงที่สุดในกลุ่มกล่าวเบาๆ ยูเรมพยักหน้า

                "...และผลพ่วงของการที่เธอย้อนกลับมาจากอนาคต และมีคานัลมาด้วย ทำให้เหตุการณ์บางอย่างผิดแผกไป เช่น...."ยูเรมยกนิ้วขึ้นชี้ดวงตาของตน

                "ตา?"รีเน่ขึ้นเสียงสูง

                "ใช่ ตาของฉัน ถ้าเธอยังจำได้ เมื่อก่อนตาของฉันเป็นสีฟ้าขาวเหมือนตาของเอนวารา แต่เดี๋ยวนี้ไม่..."

                "เพราะอะไรล่ะ?"

                "เป็นเพราะคานัลได้แหกผนึกออกมา ฉันและคานัลก็เปรียบเหมือนคนๆเดียวกัน ตัวคานัลคือร่างจิต ตัวฉันคือร่างพลัง ตราบใดที่คานัลอยู่ในสถานะมีชีวิต ดวงตาของฉันก็จะเป็นสีแดง และถ้าได้พลังเพิ่ม ฉันก็จะเพิ่มขึ้นตาม ที่เป็นสีดำแดงนี้เพราะฉันปกปิดไว้"ยูเรมเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับที่เด็กสาวผมทองที่จริงๆแล้วมีอายุมากที่สุดในกลุ่มร้องขึ้น

                "เป็นไรป้า..."เอนวาราถาม พร้อมเสียงดังที่ฟาดเข้ากลางกระหม่อมของผู้ถาม

                "ดูนี่สิ!!"เธอกระแทกเสียงด้วยความโมโหพร้อมชี้นิ้วไปยังบอร์ดผู้ประลองรอบต่อไปที่จะประลองกันในบ่ายอีกสองวันหลังจากงานเต้นรำพรุ่งนี้ รีเน่ฮาเวอรี่หอวีนัส - โนวาร์บาร์ตันหอวีนัส

                "โนวาร์บาร์ตัน! คนที่ปลดผนึกเดียโบส!! ไอ้คนชอบปลอมตัว!! ไอ้คนเปลี่ยนชื่อ!!!"เอนวาราเอ่ยเสียงหลง รีเน่หันมามองอย่างสงสัย?

                "หมายความว่าไงเนี่ย? ชอบปลอมตัว? คนเปลี่ยนชื่อ?"เธอถาม ยูเรม เอนวาราและวิโอล่าพาเจ้าหญิงของพวกเขามานั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆพร้อมหายใจเข้าออกเพื่อตั้งสติให้ตัวเองและคนตรงหน้า

                ยูเรมหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งและปากกาออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไปคล้ายกราฟที่มีวงกลมหนึ่งลากไปยังวังกลมหนึ่งและอีกวงกลมหนึ่งลากไปยังอีกวงกลมหนึ่งทั้งหมดเจ็ดวงพร้อมเขียนกำกับไว้ว่าวงนั้นเป็นอะไร

                "นี่ คือตระกูลฮาเวอรี่ คารีรารับภารกิจจากคิงไพรเมอร์ที่สั่งให้เขาและครอบครัวที่เหลือเข้าลักพาตัวเธอเพื่อจุดชนวนแห่งสองแผ่นดินใหญ่ ซึ่งบังเอิญที่เธอเป็นผู้ที่มีพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์...เข้าใจใช่ไหมราเฟรน่า"เขาถาม รีเน่พยักหน้าเบาๆถึงแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากก็ตามที แต่ถ้าสังเกตให้ดีๆล่ะก็ ตอนนี้รีเน่สามารถให้คนอื่นเรียกชื่อเธอว่า 'ราเฟรน่า' ได้อย่างเต็มปาก 

                ยูเรมพยักหน้าเบาๆแล้วจิ้มปากกาไปยังวงกลมที่เขียนไว้ว่าราเฟรน่า

                "และในตอนนั้น! เธอก็ได้ปลุกพลังของมีดดับตะวัน... เอ่อ ขอข้ามช่วงนี้ดีกว่า...."ว่าแล้ว ยูเรมก็จรดปากกาลงบนกระดาษพร้อมเขียนชื่อของคนๆหนึ่งที่รีเน่คุ้นเคย สเวนฮาเวอรี่ อดีตพี่ของเธอ

                "สเวนฮาเวอรี่ที่ไม่ได้ร่วมภารกิจ เจอเธอ รับไปเลี้ยง เธอกลายเป็นน้องชายของเค้า!"

                "ก็ใช่ ทำไมหรอ?"รีเน่ย้อนถามอย่างสงสัย

                "อ่ะ สรุปเลยแล้วกัน เธอเคยสังเกตุลักษณะของโนวาร์ไหม?"

                "เคยสิ ผมสีน้ำตาลคล้ายๆฉัน ดวงตาสีน้ำเงินอ่อนเหมือนท้องนภา สูงโปร่ง..."

                "พอก่อน!"ยูเรมกล่าวตัดบท พร้อมดึงแหวนวงดำออกจากนิ้วพร้อมบรรจงสวมเข้าไปที่มือของรีเน่

                "นี่..นาย..จะขอฉันแต่งงาน!!?"รีเน่เอ่ยเสียงสั่น ชายหนุ่มตบหน้าผากตัวเอง

                "ไม่ใช่เวลานี้ราเฟรน่า ตอนนี้ฉันขอให้เธอจินตนาการภาพสเวนฮาเวอรี่ และ โนวาร์บาร์ตันพร้อมกัน"สิ้นคำพูด รีเน่ก็หลับตาแล้วพินิจคิดใบหน้าของทั้งสอง พลันใบหน้าของทั้งสองก็พุ่งพรวดออกมาจากแหวนที่มีอัญมณีสีแดง!

                "นี่คือภาพสเวน และ โนวาร์สินะ..."

                "อื้อ...."รีเน่ยังตอบด้วยน้ำเสียงงุนงง พลันใบหน้าหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นอารามที่ตกใจ

                "ไม่จริง...!"เธอเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ

                "เธอคงพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้วแล้วสินะ...."ยูเรมเปรยเบาๆพร้อมเขียนบางอย่างลงบนกระดาษอีกครั้งแล้วหันให้รีเน่ดู

                "ตระกูลฮาเวอรี่ที่รอดจากพลังของดับตะวันนั้น ไม่ได้มีเพียงสเวนฮาเวอรี่ที่ไม่ได้เข้าภารกิจ แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่สเวนฮาเวอรี่นำเธอเข้ามาทดแทน!....ใช่แล้ว!! โนวาร์บาร์ตัน!!  ดูดีๆแล้วสีผม โครงหน้า สีตาจะคล้ายกับสเวนฮาเวอรี่ และด้วยรูปแบบพลังของเขาที่เป็น กางเขนสีดำ ซึ่งมีเพียงคนเดียวที่สามารถใช้ได้ ซึ่งก็คือน้องชายเพียงคนเดียวของสเวนฮาเวอรี่! ครูซิฟิค กางเขนดำแห่งฮาเวอรี่!!"

                "มีอะไรครับ?"เสียงของบุคคลใหม่ดังขึ้นจากด้านหลังวงสนทนา ซึ่งทำให้ทั้งสี่คนสะดุ้งอย่างตกใจ บุคคลใหม่ที่ตอนนี้มีชื่อว่า ครูซิฟิค ฮาเวอรี่  โนวาร์บาร์ตัน!!

                "มาเมื่อไหร่เนี่ยไอ้บ้า"รีเน่เอ่ยเสียงสั่น โนวาร์ยิ้มแล้วตอบกลับ

                "มาตั้งแต่ที่สวมแหวน อันที่จริงเรื่องนี้ฉันกะว่าจะบอกเธอเองน่ะนะ แต่หมอนี่เล่าได้หมดเปลือกจริงๆ น่านับถือ"โนวาร์กล่าวชมชายหนุ่มที่ตนยืนอยู่ข้างๆ ยูเรมพยักหน้าเบาๆ

                "แล้วนี่นายมาคนเดียวหรอ?"รีเน่เอ่ยถามอีกครั้ง โนวาร์ส่ายหน้าแล้วใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางปากทางเข้าโรงอาหารที่มีร่างของชายคนหนึ่งยืนพิงอยู่หลังเสาและเดินออกไป

                "มันหึงที่มีคนสวมแหวนให้แกก่อนมันน่ะ ตามไปง้อซะ..."โนวาร์กล่าวด้วยความขบขัน แต่รีเน่ไม่ขันด้วยเสียแล้ว! เพราะคนๆนั้นคือ เซเรส!! รีเน่รีบกระโดดข้ามโต๊ะกินข้าวไปพร้อมรีบวิ่งไปยังเซเรสที่ออกวิ่งไปแล้ว

                โนวาร์ที่มองตามส่ายหน้าอย่างหน่ายใจแล้วนั่งลงข้างๆยูเรม

                "พวกนายเป็นเพื่อนเก่าของรีเน่สินะ?"โนวาร์เอ่ยถาม ยูเรมพยักหน้าเบาๆ เอนวาราพยักหน้าตามพร้อมชี้นิ้วไปยังเด็กสาวผมทองข้างๆ

                "ยัยป้านี่ไม่เกี่ยวนะ..."สิ้นคำของเอนวารา มือของวิโอล่าก็หวดเข้าใส่หัวที่สูงกว่าอย่างไม่หยุดยั้ง

                ยูเรมและโนวาร์หัวเราะเบาๆด้วยความสำรวม โนวาร์ทุบมือของตนอย่างนึกอะไรได้แล้วหันไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ

                "นายมีพี่หรือน้องบ้างหรือเปล่าเนี่ย?"ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงสงสัย ยูเรมเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง

                "ทำไมหรอคุณ ครูซิฟิค?"

                "เมื่อตอนเช้าตอนผ่านลานกว้างน่ะ ฉันเห็นคนที่มีลักษณะคล้ายนาย  ยืนอยู่ตรงยอดหลังคาหอประชุม ใส่กางเกงเรย์สีน้ำตาลสบายๆ แต่มีผมเป็นสีเงิน ไม่ใช่สีดำ นั่นใช่พี่หรือน้องนายรึเปล่า?"โนวาร์ถามด้วยความสงสัย ยูเรมเบิกตากว้างแล้วหันไปยังเพื่อนอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังที่แสดงสีหน้าเหมือนกัน

                "นายเจอหมอนั่นที่ไหนนะ!!"ยูเรมถามซ้ำอีกครั้ง

                "ยอดหลังคอ หอประชุม ทำไมหรอ อ้าวเฮ้ย!!"โนวาร์อุทานอย่างตกใจ เมื่อร่างของทั้งสองที่ยังนั่งๆยืนๆอยู่เมื่อครู่ได้พุ่งออกไปจากตำแหน่งเดิมเรียบร้อยแล้ว!!

                แม้ฉันจะต้องแลกด้วยชีวิต! แต่แกก็อย่าหวังว่าจะได้เชื่อมมิติสองมิติให้เจอกัน!!

     

                "เซเรส! รอเดี๋ยวก่อน!"เด็กสาวตะโกนลั่นเพื่อหวังว่าจะให้ชายหนุ่มที่ตนวิ่งตามอยู่จะหยุด แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย แถมความเร็วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!

                "ที่นายเห็นนั่นนายเข้าใจผิด!!"เธอกล่าวเสียงดังลั่นทางเดินหนึ่งๆที่เหมือนจะเป็นทางเชื่อมของตึกเรียน เซเรสหยุดกึกพร้อมกันกลับมา รีเน่ยิ้มแล้วค่อยๆฉรอความเร็วลงจนหยุดอยู่หน้าชายหนุ่ม

                "หมายความว่ายังไง?"

                "ก็ที่นายเห็นนั่นคือ ตอนยูเรมกำลังสวมแหวนให้ฉันสินะ ที่นายคิดนั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาเพียงต้องการจะบอกอะไรฉันเท่านั้...."

                "แต่แกก็ยอมให้มันสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางซ้าย!! แล้วแกก็ยังไม่ยอมถอดแหวนวงนั้นออกจากนิ้วของแก!! แล้วจะมาบอกว่าฉันเข้าใจผิดงั้นเร๊อะ!!"เซเรสตวาดลั่นด้วยความโมโห รีเน่มองไปยังมือข้างซ้ายแล้วก็พยายามจะถอดแหวนนั้นออกอย่างทุลักทุเล  แต่ไม่ทันจะได้ทำอะไร ชายหนุ่มที่เพิ่งจะตวาดใส่เด็กสาวไปนั้นก็เริ่มสาวเท้าหนีไปอีกครั้ง

                เด็กสาวที่พยายามถอดแหวนอยู่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ก้าวออกไปด้วยความตกใจ ขาของชายหนุ่มก้าวลงบันไดที่อยู่สุดทางเชื่อมตึกเรียนไปหนึ่งขั้น เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้รีบคว้าข้อมือหนาพร้อมดึงให้หันมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

                เผี๊ยะ!

                เสียงตบหน้าที่รีเน่มอบให้แก่เซเรสดังขึ้น ความร้อนก่อตัวขึ้นที่ฝ่าแก้มที่มีเรือนผมสีทองปิดอยู่เล็กน้อย รอยแดงค่อยๆเผยขึ้น เส้นประสาทของชายหนุ่มที่ควรจะทำงานอย่างปกติ 

              กลับด้านชา

              ไร้ความเจ็บปวดโดยสิ้นเชิง

                เผี๊ยะ!

                รีเน่ตบซ้ำเข้าที่เดิม เซเรสยังทำสีหน้าเย็นชา พลันใบหน้าคมก็สะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อเริ่มเห็นหยาดน้ำใสๆไหลออกจากดวงตาคู่งาม

                "นายไม่ฟังฉันเลยสินะ..."เสียงหวานกล่าวอย่างหดหู่ ไร้เสียงสะอื้นแม้ว่ากำลังร้องไห้ เซเรสเริ่มรู้สึกผิด แต่ด้วยความโมโห เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห

                "แล้วแกจะพิสูจน์ยังไง! ว่าที่ยูเรมมันสวมแหวนให้แกนั้นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด!!"

                "นายเคยแกล้งฉันต่างๆนาๆ....ตอนเช้าที่นายมานอนกับฉัน...ตอนที่นายจะแกล้งจูบฉัน...."รีเน่เอ่ยเสียงแผ่วเบาพร้อมปล่อยให้น้ำตาไหลผ่านนวลแก้มขาว

                "ตอนที่นายปลดเสื้อฉัน....อาบน้ำให้ฉัน....ฉันจะทำให้นายทุกอย่างเลย...โอเคไหม..."สิ้นเสียง ใบหน้าของชายหนุ่มนามเซเรสก็ขึ้นสีโดยฉับพลัน ริมฝีปากอมชมพูค่อยๆเคลื่อนมาประกบเข้ากับริมฝีปากของชายตรงข้าม มือที่เมื่อครู่ตบหน้าและจับมือของชายหนุ่มไว้เปลี่ยนเป็นโอบคอของผู้ที่สูงกว่า มือร้อนของชายหนุ่มลูบแผ่นหลังในชุดปาจามาตัวหลวมของเด็กสาวในอ้อมกอด

                เซเรสสำผัสได้ว่ารีเน่เกร็งสุดชีวิตแต่ก็ยังจูบเล้าโลมเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอจูบปากแล้วสลับกับหอมแก้มแล้วกลับมาจูบอีกครั้งสลับกันไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ ชายหนุ่มดุนลิ้นเข้าไปเพื่อลิ้มรสหวานภายในปากของอีกฝ่าย เด็กสาวสะดุ้งเฮือก แล้วก็ยอมเปิดปากออกเพื่อให้ชายหนุ่มได้ล่วงล้ำเข้าไปรับรสหวาน เซเรสทำแบบนี้อยู่เนิ่นนาน

                พลันรีเน่ก็ถอนปากของตนออกแล้วซบลงบ่นแผ่นอกกว้าง เธอหายใจหอบและถี่เพื่อต้องการให้อากาศไหลเวียนผ่านปอดได้อย่างเต็มที่ แผ่นหลังบางกระเพื่อมเบาๆซึ่งเนื่องมาจากการหายใจหอบของเธอ

                "ฉันเชื่อแล้วว่าเรื่องแหวนนั่นฉันเข้าใจผิด...."เขากล่าวเบาๆ รีเน่เงยหน้าขึ้นมองเซเรสด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ แดงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายสร้างความเขินอายให้ตัวเองและได้มอบจูบแก่เพื่อนร่วมห้อง

                ความสุข ขึ้นชื่อว่าอยู่กับตัวเราได้ไม่นาน แต่บางครั้งก็สร้างความไม่ได้สติให้แก่ใครบางคน....

                แสงแดดตั้งมุมเก้าสิบองศากับพื้นราบ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กทั่วๆไปดังอยู่รอบโรงอาหารและลานประลอง แต่ผิดกับอีกที่หนึ่ง....

                "องค์หญิงต้องขยับเท้าอย่างนี้สิเจ้าคะ ซ้าย..ขวา โอ๊ย!!"เด็กสาวผมขาวร้องลั่นเมื่อผู้เป็นนายของเธอเหยียบเท้าของเธอเข้าเต็มเปาเลยทีเดียว!

                "ขอโทษจ้าๆ เหม่อไปหน่อย...."รีเน่กล่าวขอโทษขอโพยปิศาจคนสนิท สาเหตุที่เธอเหม่อนั้นก็เพราะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าซึ่งคิดเท่าไหร่ มันก็ทำให้หัวใจเต้นระส่ำอย่างห้ามไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่อก เลือดสูบฉีดทั่วใบหน้า

                การเต้นสำหรับหอผ่านไปแล้วหลายวัน...

                แต่การเต้นที่มีคนจากทั่วประเทศมานั้น มันจะเริ่มอยู่พรุ่งนี้แล้ว! เธอยังเต้นแทบไม่เป็นเลย!!

                "องค์หญิงเป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ? ทำไมหน้าแดงๆ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?"เดียโบสถามด้วยความเป็นห่วง รีเน่ส่ายหน้า  ประตูไม้เปิดออกพร้อมกับที่คนที่เหมือนจะเป็นต้นเหตุเดินเข้ามาโดยมีน้ำสีแดงข้นซึมอยู่ตั้งแต่แขนเสื้อข้างขวาจรดมือขาว

                ชายหนุ่มมองไปยังเด็กสาวผมทองแล้วยิ้มกริ่ม รีเน่หันไปยังเดียโบส

                "เธอกลับไปเป็นกำไลก่อนนะ ฉันมีธุระกับหมอนั่นนิดหน่อย...."เธอบอกกับบ่าวของตน ผู้เป็นบ่าวชักสีหน้างงอยู่พักนึงแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ พลันร่างเล็กบางของเด็กสาวแปรเปลี่ยนเป็นกำไลหินสีดำวาวลายลูกไม้สีขาวตามเดิม

                รีเน่หยิบกำไลขาวไปเก็บไว้ในลิ้นชักที่โต๊ะหัวเตียงแล้วหันกลับมามองชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

                "มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า?"เธอถามหน้าซื่อๆ เซเรสยิ้มแล้วเหล่ไปทางไหล่ขวา

                "พอดีฉันไปซ้อมกับฟาร์มาน่ะ ได้แผลมานิดหน่อย ทำแผลให้หน่อยสิ...."เซเรสเอ่ยเสียงทะเล้นแล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง รีเน่ยืนมองแล้วเลิกคิ้วอย่างสงสัย

                "ทำไมไม่ใช้เวทย์ขาวรักษาล่ะ?"

                "แรงจะยกแขนยังไม่มีเลย...นับประสาอะไรกับร่ายเวทย์กัน"ชายหนุ่มกล่าว

                "งั้นฉันร่ายเวทย์ให้...."

                "ไม่เอา...แกสัญญากับฉันว่าจะทำให้ฉันทุกอย่าง รักษาสัญญาหน่อยสิ...."ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้ง พร้อมกับที่ใบหน้าของเด็กสาวขึ้นสีอย่างฉับพลัน ความรู้สึกแปลกๆก่อตัวขึ้นภายในตัว

                รีเน่เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาแล้วมานั่งลงข้างๆเซเรส มือบางเกลี่ยผมน้ำตาลไหม้ที่ยาวเลยบ่าของตนให้เข้าที่ ก่อนที่จะค่อยๆเอื้อมมือไปปลดกระดุมบนของชายหนุ่มตรงหน้าออกทีละเม็ดๆ มือเรียวขาวสั่นหงึกๆผิดกับตอนที่จูบกันอยู่เมื่อเช้าที่ดูลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ กระดุมทั้งหกเม็ดถูกปลดออกจนหมด  รีเน่ค่อยๆดึงเสื้อสีดำแถบทองออก ผิวกายขาวที่มีกล้ามเป็นแห่งๆสร้างการเต้นของหัวใจที่ถี่ขึ้นจนเลือดสูบฉีดขึ้นบนใบหน้า

                "นายตื่นเต้น?"เซเรสเอ่ยเป็นเชิงถาม

                "เ..งี..ย...บไปเลย"เด็กสาวเอ่ยเสียงสั่น พร้อมหยิบสำลีไปชุบแอลกอฮอร์เพื่อเช็ดแผลที่ไหลขวาของชายหนุ่มอย่างเก้ๆกังๆ เซเรสหัวเราะเบาๆซึ่งสร้างความประหม่าให้แก่เด็กสาว

                มือบางใช้สาลีเช็ดคราบเลือดของชายหนุ่มอย่างเบามือแล้วทายาห้ามเลือดไว้ ตามด้วยหยิบผ้าพันแผลขึ้นพันอย่างชำนาญ พอพันเสร็จ รีเน่ก็ปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยอ่อนแล้วทิ้งตัวลงนอน เซเรสทิ้งตัวลงนอนตามพร้อมหันมายังเด็กสาวข้างๆ

                "รีเน่..."

                "หืม?"

                "ตอนนั้นที่นายจูบฉัน นายกล้าได้ยังไง? "เสียงทุ้มเอ่ยถาม พลันใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็แดงยิ่งขึ้นอีก

                "ไม่รู้สิ...ตอนนั้นฉันนึกวิธีที่จะอธิบายให้นายเข้าใจว่าฉันไม่ได้มีใจกับยูเรมไม่ออก..."

                "ก็เลยจูบฉัน?"

                "อืม..."

                "แล้วนายมีใจให้ใครล่ะ...."เซเรสเอ่ยถาม

                "จนป่านนี้แล้ว...."รีเน่เปรยเบาๆแล้วพลิกตัวเป็นนอนคว้าแทนเพื่อจะหันมามองหน้าของชายหนุ่มได้สะดวก

                มือขาวของเซเรสเอื้อมไปเล่นเรือนผมของสตรีตรงข้าม

                "ฉันอยากได้ยินจากปากนายรีเน่..."ชายหนุ่มเอ่ยเสียงจริงจังพร้อมจ้องลึกเข้ามายังนัยน์ตาสีดำสวย ซึ่งเป็นดวงตาที่ทำให้ใจของเด็กสาวหลายต่อหลายคนหวั่นลงได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรีเน่ที่นอนจ้องตาในระยะประชิดแบบนี้....

                "เดี๋ยวก่อนรุ่นพี่!! พวกนั้นกำลังสวีทกันอยู่!!"เสียงของชายหนุ่มนามฟาร์ดังขึ้นจากนอกประตู ซึ่งก็หมายความว่าพวกนั้นมาแอบดูอีกแล้วสินะ...รุ่นพี่?

                "หมายความว่าไง!!พวกแกถอยไปเลยนะเจ้าเด็กบ้า!!"เสียงคุ้นหนึ่งดังขึ้น เสียงเหมือนคนที่พวกเขาสองคนรู้จักดี

                แต่หวังว่าคงไม่ใช่นะ?

                "ฮาเวอรี่!! ใจร่มๆหน่อย!!"เสียงของหญิงสาวผู้เป็นหัวหน้าหอดังขึ้นพร้อมกับที่ทั้งสองลุกขึ้นจากเตียงด้วยอารามตกใจ

                ฮาเวอรี่!!?

                ในสถานการณ์นี้ที่คนนามสกุลฮาเวอรี่จะถูกเรียกว่ารุ่นพี่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น!!

                สิ้นความคิด ประตูไม้ก็เปิดออกกว้างอย่างรุนแรงพร้อมกับที่รีเน่และเซเรสเด้งออกกันราวกับแหม่เหล็กคู่เดียวกัน รีเน่เด้งออกไปที่ระเบียงนอกหน้าต่าง เซเรสเดินไปเก็บผ้าพันแผล

                ทั้งสองค่อยๆมองหันกลับไปด้านหลังอย่างหวั่นใจ แล้วก็แทบจะแหวออกมาทันทีเมื่อคนที่ตนคิดนั้นไม่ได้ยืนอยู่ด้านหน้า แต่มีเพียงร่างของฟาร์ อัมบรา โทบิและซากุระที่ถือยันต์เปลี่ยนเสียงกันคนละใบและยันต์มองทะลุผ่านอีกกันคนละใบ

                "สวีทกันจังเลยน๊า~"ฟาร์เอ่ยผ่านยันต์เป็นเสียงของสเวนฮาเวอรี่ พลันมีดสีดำสนิทก็พุ่งเข้ามากระชับมือของเด็กสาว หอกขาวปรากฏขึ้นบนมือของชายหนุ่ม ไอความเย็นและไอความร้อนแผ่ออกจากประตูห้องจนสร้างความหนาวสั่นและร้อนรนให้แก่ผู้ที่ยืนอยู่นอกประตู

                เปิดวิถีที่17!!

                ลำนำที่17!!

                ระเบิดน้ำแข็งสลายตัว!!

                ระเบิดเพลิงมรณะ!!

                รีเน่และเซเรสเอ่ยใช้พลังของมีดพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย  ก้อนน้ำแข็งที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีฟ้าขาวพุ่งออกจากปลายหอกไปยังผู้ที่อยู่นอกห้อง พร้อมๆกับบอลไฟสีดำแดงที่พุ่งออกมาตามๆกันจนผู้ที่อยู่ข้างนอกไม่มีทางหลบพ้นเป็นแน่!! แต่จู่ๆมือหนึ่งที่หุ้มด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าก็ปัดก้อนน้ำแข็งและบอลเพลิงออกไปทางอื่น...

                "ใครใช้ให้พวกแกปล่อยพลังกันในหอแบบนี้เนี่ย รีเน่ เซเรส...."เสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง รีเน่จ้องไปยังปากของฟาร์ที่ไม่ได้ขยับอย่างสงสัย เจ้าของเสียงค่อยๆเดินเรียบออกมาจากข้างประตูพร้อมเดินเข้ามาในห้อง

                ชายที่มีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวทรงหนูแทะ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบเป็นสีดำที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มสีดำซีดของโรงเรียนอยู่

                สเวนฮาเวอรี่ นักฆ่าแห่งพาซีผู้ใช้เพลิงสีฟ้า!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×