ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #14 : มนตรากักเวท

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 50


     

     

                    "อืม...ป้า ป้าว่ามันเข้ากันมั้ยเนี่ย?"ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด

                    "อืม...ชุดสีดำแบบนี้ก็คงจะมีแต่สีแดงเท่านั้นแหละที่เข้ากัน..."เด็กสาวผมทองตอบกลับ รีเน่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยกชายเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อเบาๆ สร้อยสีแดงเพลิงที่เธอสวมอยู่มีอิทธิพลให้เธอร้อนขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุและทำให้เธอสรุปในใจได้อย่างถูกต้อง

                    สองคนนี้ไม่มีเซนต์ในการหาเครื่องประดับหรือการแต่งตัวเลยซักนิด!

     

                    "วิโอลา เอนวารา คุณต้องการสร้อยแบบไหนกันแน่"เสียงหวานใสของเด็กสาวตัวเล็กๆถามอย่างเบื่อหน่าย

                    "อืม เราต้องการสร้อยที่เข้ากับเจ้าหญิงราเฟรน่าน่ะ พอจะมีบางไหม?"ชายผมฟ้าตอบ เด็กสาวผู้ถามมองไปยังรีเน่ที่นั่งอยู่อย่างพินิจคิดเคราะห์ เด็กตัวเล็กที่มีอายุภายนอกน่าจะราวๆ6-7ขวบนี้คือ นานาเจ้าของร้านประจำร้านซัมมอนเจเวอรี่ ความจริงอายุถึงหกร้อยปีเลยทีเดียว ดวงตาสีแดงบ่งบอกถึงความเป็นปิศาจ เรือนผมสีหมอกขาวยาวจรดพื้น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีลวดลายคล้ายเถาไม้อยู่ครึ่งซีก

                    "ถ้าจะให้เข้ากับเจ้าหญิง ก็ไม่น่าที่จะเลือกสร้อยแจสเปอร์ที่มีอสูรอิฟรีทสถิตอยู่นะ"เด็กสาวกล่าวอย่างตำหนิ ผู้ถูกตำหนิทั้งสองหัวเราะแห้งๆ นานาเดินไปยังหลังเคาท์เตอร์ของตนพร้อมชูบางอย่างขึ้น

                    "โอปอลสีดำนี่สิ ถึงจะเหมาะกับเจ้าหญิงแห่งมาคาร์ไลท์!"บนมือของนานาคือแร่สีดำบางอย่างที่มีขนาดเล็กไม่มาก

                    "เจ้าหญิง ท่านช่วยถอดสร้อยมาคาร์ไลท์มาให้หม่อมชั้นด้วย กม่อมชั้นจะทำ'เอ็กเซล'"เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกระตือรือร้นอยู่เล็กน้อย เอ็กเซลคืออุปกรณ์เวทมนตร์ชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างแปลกแยกไปจากพวกคทาอยู่มาก เนื่องจากเอ็กเซลจะมีรูปแบบเป็นเครื่องประดับอย่างแหวน สร้อย กำไล และจะมีพลังแฝงเพิ่มตามอัญมณีที่ประดับอยู่ อัญมณีที่มีสีเขียวอ่อนจะมีพลังของธาตุลมหรืออสูรธาตุลมไว้ สีออกฟ้าขาวก็จะเป็นพลังของน้ำ น้ำแข็ง สีเขียวเข้ม ไม้ สีแดง ไฟ สีน้ำตาล ดิน สีเหลืองทอง ไฟฟ้า สีดำ มิติเวลาและพลังธาตุมืดหรือธาตุพิษ....

                    รีเน่บรรจงถอดสร้อยมาลาไคต์ออกจากลำคอสวยแล้วส่งให้เด็กสาวไป นานาหยิบมันมาไว้บนโต๊ะของเธอที่มีวงแหวนเวทอยู่บนพื้นโต๊ะแล้วก็หยิบแร่สีดำนั้นมาวางซ้อนกัน

                    "หลอมรวม"นานาเอ่ยเบาๆ พลันวงแหวนเวทก็เปล่งแสงอย่างฉับพลัน แร่โอปอลสีดำละลายกลายเป็นน้ำแต่ไม่ไหลออกจากวงแหวนเวท เส้นเงินที่สานอยู่บนจี้ค่อยๆม้วนตัวเป็นขดแน่นแล้วหลอมรวมเป็นเส้นเดียวกัน

                    "อะไรกันเนี่ย!"รีเน่เผลอร้องอย่างตกใจ วิโอล่าหัวเราะเบาๆ

                    "นี่คือวิธีการทำเครื่องประดับของนานาน่ะสิ"แร่โอปอลค่อยๆแข็งตัวเป็นก้อนกลมๆเล็ก เส้นเงินที่หลอมรวมกันแล้วพุ่งเข้าพันแร่สีดำนิลไว้แน่น แร่ปะการังเขียวแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยแล้วพุ่งเข้าประดับตามแร่เงินเป็นจุดๆ

                    "สุดยอด! อย่างสวยอ่ะ!"นานาส่งให้กับรีเน่ ผู้รับรับมาสวมเข้ากับลำคองามระหงอย่างพอใจ

                    "วิชาเล่นแร่แปรธาตุของเธอยังแจ๋วเหมือนเดิมนะนานา"เอนวาราบอกกับเด็กสาวเจ้าของร้าน

                    "แน่ล่ะ ชั้นทำแร่ขายมาตั้งกี่ร้อยปีกันแล้วล่ะ!"นานาว่าพร้อมทุบอกอย่างขึงขัง วิโอล่ามองสร้อยบนคอของรีเน่อย่างกระอักกระอวนแล้วหันไปยังเจ้าของร้าน

                    "นานา เธอคิดดีแล้วหรอที่เอาโอปอลสีนิลให้กับเจ้าหญิงราเฟรน่าน่ะ พลังของมันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ!"กล่าวเสร็จ เด็กสาวผู้มีเรือนผมสีหมอกขาวยิ้มแล้วส่ายนี้เบาๆ

                    "จากที่ชั้นรู้มา ตอนนี้เจ้าหญิงราเฟรน่าไม่มีอุปกรณ์ปกปิดไอเวทแล้วใช่มั้ยล่ะ ชั้นก็ลงมนตราปกปิดไอเวทไว้ที่เอ็กเซลแล้ว แล้วพลังของโอปอลดำนี่ก็ท่าทางจะเข้ากับเจ้าหญิงซะด้วยสิ . . ."

                    "พลังอะไรหรอน้องนานา!! มันมีพลังอะไรหรอ!!?" รีเน่พุ่งเข้ามายังเคาท์เตอร์อย่างฉับไวพร้อมตะโกนเสียงไสจนปิศาจทั้งสามที่คุยๆกันอยู่ถอยห่างเล็กน้อย นานากระแอมเบาๆก่อนที่จะเริ่มพูดอย่างกวนๆสมหน้าตา

                    "อืม...ชั้นดีใจนะ ที่ยังมีคนเห็นชั้นเป็นเด็กทั้งๆที่ชั้นอายุเท่าปู่ทวดของใครบางคนเลยด้วยซ้ำ..."สิ้นเสียง เด็กสาวผมทองสะอึกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

                    "แต่ของแบบนี้ คุณพี่ต้องลุ้นเอาเองนะคะ เพราะถึงพลังเวทของคุณพี่จะเพิ่มจนถึงขนาดนี้ คุณพี่ก็ยังไม่สามารถดึงพลังของเอ็กเซลออกมาซักหนึ่งในส่วนสิบล้านเลยด้วยซ้ำ"กล่าวจบ รีเน่ก็เริ่มรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะชักดับตะวันขึ้นมาปาดคอเด็กตรงหน้าตะหงิดๆ

                    "อืม แล้วเอ็กเซลนี้ราคาเท่าไหร่ล่ะนานา ชั้นเป็นเจ้าหญิงของมคาร์ไลท์ ขายถูกๆหน่อยนะ"รีเน่เริ่มใช้ยศศักดิ์ในการต่อราคาเสียแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า คนที่เธอกำลังต่อราคานั้นเป็นใคร!

                    "สามแสนเจ็ดหมื่นคอร์! ราคาเต็มไม่มีลด! ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิงหรือราชาจากไหน ชั้นก็ไม่ลดให้หรอกเฟ้ย!"เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีหมอกขาวตะเบ็งอย่างโมโห เขาสีดำงองุ้มไปค่อยๆงอกจากหัวอย่างแช่มช้าซึ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มฉุนขึ้นอย่างมากที่สุด รีเน่ยิ้มแหยแล้วถอยห่างอย่างเหงื่อตก

                    "อ่า...เก้าหมื่นได้ไหม?"

                    "สามแสนเจ็ดหมื่นคอร์!"เขาสีดำสวยใหญ่และยาวขึ้นเล็กน้อย ส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นจนเท่ากับรีเน่

                    "แสนสองแล้วกาน~"

                    "สามแสนเจ็ดหมื่นคอร์!!"ฟันที่เรียงกันสวยเริ่มแหลมคม ลวดลายบนใบหน้าเปล่งแสงสีแดงวาบ รีเน่มองไปยังผู้ติดตามทั้งสองที่ควรจะอยู่ข้างตัว อุแหม~ มันอยู่นอกร้านซะแล้ว!

                    "สองแสน...."

                    "สามแสนเจ็ดหมื่นคอร์!!!"ไอเวทมหาศาลเริ่มคละคลุ้งไปทั่วร้าน

                    "สองแส...."

                    "เดมิส!!!"สิ้นเสียง คลื่นพลังสีดำขนาดเท่าลูกบอลพุ่งปาดหน้าเด็กสาวไปยังกระจกโชว์ของข้างหลัง รีเน่มองไปยังกระจกที่ถูกคลื่นพลังซัดไปเมื่อครู่ ซึ่ง มันเว้าแหว่งหายไปแบบไร้ร่องรอย กระจกไม่มีรอยร้าวแม้แต่น้อย เด็กสาวปาดเหงื่อบนใบหน้าหวานใสเบาๆ  เจ้าของร้านที่ชื่อนานาเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นปิศาจที่หน้ากลัวเสียแล้ว!

                    "จ่ายราคาเต็มก็ได้จ้า..."สิ้นเสียง เขาบนหัวก็หดกลับจนไม่เหลืออะไร ฝันที่คมกริบก็กลับมาเหมือนเดิม ลวดลายบนหน้าเลิกเปล่งแสง ส่วนสูงก็ย่อลงจนเท่าเดิม ผู้ติดตามตัวดีก็เดินเข้ามาในร้านอย่างโล่งใจ

                    "เฮ้อ...รู้สึกเราจะลืมบอกราเฟรน่าไปว่า นานาเป็นปิศาจมาการ์เล็ธ ปิศาจแห่งความงก..."ไม่ว่าเปล่า เด็กหนุ่มยังแกล้งหยอกมานาด้วยการยื่นเงินไปแค่สิบคอร์

                    "ท่าทางจะไม่อยากแก่ตายนะเอนวารา..."เด็กสาวกล่าวเบาๆ ชายหนุ่มหัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตให้เด็กสาว เสียงเครื่องคิดเงินดังขึ้นเบาๆพร้อมผงกหัวขอบคุณเบาๆ จ่ายเงินเสร็จ ทั้งสามก็เดินออกมาจากร้านอย่างแช่มช้า เอนวาราหยิบโทรศัพท์มือถือสีฟ้าของตนขึ้นมากดเบอร์ของชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อน

     

                    [.....ตรู๊ด....ตรู๊ด....ปิ๊บ...ฮัลโหล ซื้อชุดกับเอ็กเซลเสร็จแล้วใช่ไหม!] ชายหนุ่มปลายสายตะโกนอย่างเร้ารนจนทำให้สติของผู้โทรหาเริ่มตื่นกระเจิง

                    "แกมีอะไรรึเปล่ายูเรม เสียงแกดูตื่นๆนะ!"เอนวาราถามกลับอย่างตกใจจนเด็กสาวอีกสองหันมาถามอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

                    [ตอนนี้มีสายลับจากฟาเรนเดียร์กำลังจับตามองพวกแกอยู่ ตอนนี้ชั้นกำลังใช้เวทสัมผัสดวงตายี่สิบสี่อยู่ พวกมันอยู่ในทิศหกนาฬิกา ห่างออกไปอีก ห้า สี่ สาม พวกมันอยู่ข้างหลังพวกนายแล้ว!...]พลันยานบิน ผู้คนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เนื่องจากตอนนี้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องได้ถูกขับออกจากมิติที่ถูกสร้างขึ้นเรียบร้อยแล้ว

                    "พันธะสัญญาแห่งเปลวเพลิง จงจุดประกายไฟให้ลุกโชน สู่อริข้า!!"เสียงท่องมนเร็วปรื๋อดังขึ้นจากข้างหลัง ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีฟ้าสะบัดผ้าคลุมสีดำเข้าปะทะกับเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่พุ่งมาจากข้างหลัง รีเน่กับวิโอล่าหันมาอย่างตกใจ

                    "เฮ้ย! อะไรกันเนี่ย!"เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ตะโกนอย่างตกใจ พลันประสาทสัมผัสอันเฉียบคมก็สำผัสได้ถึงสิ่งที่กำลังแหวกอากาศมาจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว มือเรียวชักมีดสีดำสวยออกจากฝักขึ้นปัดดาบเรียวที่พุ่งเข้ามา รีเน่พุ่งคมมีดใส่ผู้คิดทำร้ายตนอย่างรวดเร็วสมอดีตนักฆ่า แต่ดูเหมือนผู้หมายปองผู้นั้นจะมีความสามารถมากกว่า ชายหนุ่มยกคมดาบขึ้นกันไว้ได้อย่างทันท่วงทีจนเกิดประกายไฟ

                    "เจ้าหญิงราเฟรน่า! โปรดมากับเรา! พลังของท่านจำเป็นต่อเรา!"เสียงทุ้มดังผ่านหน้ากากโอเปร่าออกมาอย่างเว้าวร พลันเสียงท่องมนตราก็ดังมาจากที่ไกลๆ

                    "เบิกฟ้า ผ่านภา ผ่าทุกสิ่ง มลายสิ้น สายลมกรด!"ผ้าคลุมสีดำถูกคลื่นสุญญากาศพุ่งทะลุจนขาดเป็นริ้วๆ ซ้ำ คลื่นพลังนั้นมันยังพุ่งต่อไปยังหญิงสาวผมทองที่กำลังยกไวโอรินขึ้นเชยคาง วิโอล่ากระตุกแขนลงอย่างฉับไวจนเกิดเป็นเสียงแสบแก้วหูขึ้นกันคลื่นสุญญากาศไว้ได้อย่างทันท่วงที

                    "อ๊า..ผ้าคลุมที่องค์ราชาประทานให้...ตายซะเถอะมึง!"เอนวาราโอดครวญอย่างโมโห ดวงตาสีฟ้าขาวมองผ่านผ้าคลุมที่ขาดริ้วของตนไปเห็นชายหนุ่มในหน้ากากอีกคนที่ตอนนี้กำลังจะหมุนตัวเตะ

                    ชายหนุ่มดึงผ้าคลุมกลับมาพร้อมก้มตัวหลบลูกเตะไว้อย่างทันท่วงที มือหนาหุ้มด้วยออร่าสีฟ้าอ่อนพุ่งใส่ชายผู้บุกรุก มันเอี้ยวตัวหลบพร้อมจับร่างของชายหนุ่มเหวี่ยงอัดกำแพงที่อยู่ไม่ไกลอย่างรุนแรง! ดวงตาสีฟ้าขาวปิดสนิท ร่างสูงล้มลงกับพื้น

                    "เอนวารา!!"วิโอล่าตะโกนอย่างตกใจพร้อมจะวิ่งไปยังผู้เป็นเพื่อน แต่ผู้ที่กองอยู่กลับยกมือห้ามไว้

                    "ป้า...ป้าคอยสนับสนุนราเฟรน่าหน่อย รู้สึกราเฟรน่ากำลังแย่นะ ตรงนี้ชั้นจัดการเอง"เอนวาราลุกขึ้นจากพื้นทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตาพร้อมบ้วนเลือดสีแดงเข้มในปากออก

                    "ปากดีหรือเกินนะเจ้าปิศาจ...."ชายหนุ่มผมฟ้าหัวเราะกับคำพูดของชายผู้ทำร้ายเค้าเบาๆ

                    "ชั้นจะทำให้แกรู้จักกับ เอนวารา ดอเนอซีน่า เดอะ ริเวียธานาร์ ออฟ มาคาร์ไลท์!"สิ้นเสียง มิติเวทสีฟ้าก็บังเกิดขึ้นเพื่อที่จะไม่ให้ใครเห็นหรือเข้ามาย่างกรายได้ ดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกกว้าง นัยน์ตาสีฟ้าขาวไม่ได้อยู่ในลักษณะเป็นรูปวงกลมอย่างปกติ แต่มันกลับเป็นกลายเป็นเส้นตรงของสัตว์เลือดเย็นที่ดูน่ากลัว!!

     

                    "ได้โปรด...เจ้าหญิงราเฟรน่า...ได้โปรดเถิด เพื่อเหล่ามนุษย์..."ชายผมแดงเกลี้ยกล่อมเด็กสาวที่กำลังฉะดาบกับตนอย่างอาวร ซึ่งเป็นอันแน่นอนว่า มันเล่นละคร!

                    "เรื่องสิ...นายจะจับตัวชั้นไป ชั้นรู้"รีเน่สบถออกมาอย่างไม่สมหญิง ไอเวทมหาศาลไหลเข้าสู่ดับตะวันอย่างไม่ขาดสาย พร้อมกับที่มันค่อยๆเรืองแสงสีแดงเพลิงที่ขัดกับตัวมีดอย่างยิ่ง

                    "ปลอดปล่อยพลังของเจ้าออกมา ดับตะวัน"ฉับพลัน ร่างบางที่ฉะดาบกับชายหนุ่มผมแดงอยู่ก็หายไปอยู่ด้านหลังแทน!

                    ตัวมีดเปล่งแสงสีดำทะมึนออกมาอย่างไม่ขาดสาย รีเน่ตวัดมีดคู่ใจใส่กลางหลังของผู้บุกรุกอย่างไม่บันยะบันยังและรวดเร็วจนสายตาของคนปกติมองตามไม่ทัน โล่เวทมนตร์แตกออกอย่างไม่ไยดี ชายในหน้ากากหมุนตัวพุ่งดาบใส่เด็กสาว แต่เป้าหมายกลับหลบอย่างง่ายดาย ดวงตาสีเหลืองทองภายใต้หน้ากากเป็นประกายอยู่แว๊บนึง พร้อมที่ขลุ่ยสีดำเหมือนสีผมก็โผล่ขึ้นบนมือของชายผู้นั้น มือหนาบรรจงทาบขลุ่ยกับช่องปากของหน้ากากโอเปร่า เสียงท่วงทำนองที่ถูกผิวผ่านขลุ่ยดังกังวานจนกระจกของร้านค้าแตกออกเป็นแผงๆ รีเน่ยกมือขึ้นอุดหูของตนไว้แน่น คลื่นเสียงที่กำลังบั่นทอนสติของเธอให้หายไปทีละเล็กทีละน้อย

                    มันกำลังใช้เสียงมนตรา! บั่นทอนจิตวิญญาณ!

                    รีเน่คิดอย่างอ่อนเพลีย ร่างบางทรุดลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ เหงื่อเริ่มออกเต็มใบหน้าหวาน ดวงตาเริ่มเปลี่ยนสีสลับไปมา ดำก็ไม่แน่แดงก็ไม่เชิง บทเพลงที่บั่นทอนจิตใจของมนุษย์ออกจากร่าง ถ้าคนปกติฟัง ผลของมันก็แค่สลบ แต่ถ้าให้ปิศาจที่มีจิตใจของมนุษย์ฟัง ก็จะควบคุมตัวเองไม่อยู่

                    ....ยุธรภพ หากขาดซึ่งศาสตรา ก็จะไร้ซึ่งการฆ่าฟัน ยุธรภพ หากไร้ซึ่งวิชา ทุกอยางตอนนี้ก็แปรผันเปลี่ยนไป โลก หมุนไปได้เพราะพลังอันยิ่งใหญ่ ไฟมีความร้อน มีแสง เพราะมีพลังงาน น้ำแข็ง มีความเย็น เพราะมีพลังงาน......

                    ดวงตาของเด็กสาวมองขึ้นสูง ไอเวทแผ่ออกจากร่างกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนเขื่อนรั่ว ขอบเขตมิติที่ถูกสร้างขึ้นแตกออกอย่างไม่ไยดี ผู้คนเริ่มเดินกันขวักไขว่เหมือนเดิม วิโอล่าเริ่มตระหนักถึงอันตรายที่กำลังจะเข้ามาถึง ผู้คนที่สัมผัสกับไอเวทของรีเน่ก็แตกกระเจิงออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตกใจ

                    .....เวทมนตร์ จะไม่บังเกิดขึ้น หากไร้ซึ่งพลังงาน อาวุธลงอาคม ถ้าไร้ซึ่งพลังงาน ก็มิอาจใช้ได้เยี่ยงอาวุธลงอาคม.......

                    ดับตะวันกับเอ็กเซลเริ่มเรืองแสงสีทองสว่างอย่างแช่มช้า ไอเวทถูกสูบเข้าไปยังวัตถุทั้งสองอย่างรวดเร็ว! นัยน์ตาหยุดลงที่สีแดงก่ำ สิ่งที่มิได้ปรากฏออกมานาน งอกออกมาจากกลางกลัง ปีกนกสีดำใหญ่ทั้งแปด ปีกที่ได้ชื่อว่าสัญลักษณ์แห่งปิศาจตระกูลคราโทนอฟ

                    "....เจ้าอยากตายแบบไหน...."รีเน่ถามกับชายหนุ่มในหน้ากากตรงข้ามอย่างเย็นชาที่ตามคนปกติจะต้องตื่นกลัว แต่มันไม่! แถมมันกลับหัวเราะอย่างพอใจ

                    "ท่าทางครานี้ข้าจะต้านทานพลังของท่านไม่ไหวเสียแล้ว ข้ามิอาจนำพาท่านกลับไปยังผืนแผ่นดินเอเดนได้ ข้าผิดคำสาบานกับเจ้าชายต่างเมือง..."ยังไม่ทันพูดจบ เอ็กเซลเรืองแสงวาบ ร่างของมันหายไปอย่างที่ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรต่อเป็นครั้งสุดท้าย  ปีกทั้งแปดหุบลงอย่างรวดเร็วพร้อมแตกออกจนเหลือเพียงขนนกสีดำที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น นัยน์ตาสีแดงเปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำแต่ไอเวทกลับยังไม่เรือนหายไป

                    "นึกว่าจะแย่ซะแล้วมั้ยล่ะ"วิโอล่าปาดเหงื่อบนใบหน้าอย่างโล่งอก รีเน่มองอาการของเด็กสาวแล้วก็หัวเราะอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาสีดำมองผ่านหลังของเด็กสาวไป ซึ่งถ้ารีเน่มองไม่ผิด เธอว่าเธอเห็นอะไรซักอย่างแม้มันจะออกมาให้เห็นเพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาที!

                    มังกรสีฟ้าขนาดยักษ์ที่มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว ตัวยาวกว่าสิบเมตร เขี้ยวสีขาวยาวใหญ่ ผิวสีฟ้าหยาบที่เปียกชื้นเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าเกือบขาว แขนลีบเล็ก กรงเล็บแหลมคมยาว ทั้งหมด เป็นภาพที่เห็นเพียงชั่วพริบตา! และในวินาทีต่อมา เจ้าผู้บุกรุกผมแดงกำลังกระเสือกกระสนอยู่ในก้อนน้ำขนาดใหญ่ ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเขียวซึ่งบ่งบอกถึงอาการที่เริ่มขาดอากาศหายใจ พลันร่างของชายคนนั้นก็หยุดลง

                    ชายผมฟ้าที่ยันตัวลุกขึ้นจากพื้นเดินไปยังก้อนน้ำที่ลอยอยู่พร้อมกับคทาสีฟ้าคู่ใจที่มีหัวคทาเป็นแร่คริสตัลใสรูปหยดน้ำลอยอยู่ ดวงตาจดจ้องศพที่อยู่ในก้อนน้ำอย่างพินิจ สร้อยกางเขนค่อยๆลอยขึ้นจากคอเสื้อสีแดงนั้น

                    "พระผู้เป็นจ้าว ลูกขออ้อนวรกับท่าน โปรดนำพาวิญญาณผู้หลงทางผู้นี้ ขึ้นสู่บรรลุและอยู่กับพวกท่านด้วย อาเมน..."เอนวารากล่าวพร้อมยกมือขวาขึ้นแนบกับหัวใจ

                    นี่หรือปิศาจ ปิศาจ ไม่ได้เลวไปเสียทุกตัว บางตนก็ยังมีจิตใจงามอยู่ หนึ่งในนั้นคือ เอนวารา ดอเนอซีน่า......

     

                    หลังจากที่เอนวาราทำพิธีกรรมให้กับผู้เคราะห์ร้ายคนแรกเสร็จ ก็เริ่มมาทำพิธีให้กับคนที่สองโดยคนที่สองนี้ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก แล้วชมหญิงสาวผู้เป็นคนทำอย่างหน่ายใจ

                    "ราเฟรน่า ตอนเธอไม่ได้สตินี่รู้สึกจะเก่งกว่าตอนนี้อีกนะ...."หญิงสาวผู้ถูกชมหัวเราะเอิ๊กๆอย่างพอใจ พร้อมกับเสียงฝีเท้าของคนสองคนที่วิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก ยูเรมรีบถลาเข้าไปจับไหล่บางของรีเน่อย่างเป็นห่วง

                    "ราเฟรน่า! เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย! บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า! ตายล่ะ! ทำไมหน้าเธอซีดแบบนี้ เธอไปทำอะไรมา!แล้ว...!"คำถามนับสิบลั่นออกจากปากของเค้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หญิงสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายพร้อมตอบกลับตามความเป็นจริงและเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครู่

                    "ตายล่ะ! ถ้าเป็นงั้นจริง เราต้องรีบออกจากวิเวนซ่าอย่างด่วนที่สุด!!"ชายหนุ่มผมดำสวยตะโกนลั่น ซึ่งสร้างความสงสัยให้แก่เจ้าเมืองและเพื่อนอีกสามคนอย่างยิ่ง

                    "ทำไมล่ะ?"วิโอล่ากับรีเน่ถามอย่างสงสัย

                    "เจ้าสายลับนั่นมันทำเรื่องจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ สร้างมิติเวทภายในวิเวนซ่าโดยไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาแทรกแซง แถมมันยังทำเรื่องไว้ก่อนตายที่แย่ที่สุดอีกด้วย...!"ยูเรมละคำพูดสุดท้ายไว้ซึ่งทำให้ใครบางคนเริ่มตระหนักได้

                    "เร่งการฟื้นคืนพลังของราเฟรน่า เพื่อเร่งเร้าชนวนแห่งสงครามของสองแผ่นดิน!"เอนวาราเป็นคนนึกได้ พร้อมที่หน้าของวิโอล่ากับมาเฮโดสเครียดขึ้นอย่างฉับพลัน ยกเว้นคนที่สมควรจะเครียด แต่ใบหน้ายังบ้องแบ๊วอยู่อย่างไม่รู้อะไร ซึ่งมันก็สร้างความโมโหให้กับชายหนุ่มที่เป็นห่วง

                    "ราเฟรน่า! เธอฟังเรื่องนี้ให้ดีๆนะ! ตอนเนี๊ย พลังเวทกับพลังปิศาจของเธอน่ะ ก้าวข้ามเอนวารากับวิโอล่าไปแล้วนะ! หมายถึง เธอมีพลังที่พอจะทำให้เมืองนี้ทั้งเมืองหายไปได้แค่เพียงดีดนิ้ว ตอนนี้เธอต้องเรียนเวทกักเวทและพวกเราต้องรีบออกจากเมืองเดี๋ยวนี้!!"รีเน่พยักหน้าอย่างเข้าตาจนจริงๆ เมื่อไอเวทของเธอนั้นยังแผ่ออกมาอย่างไม่ขาดสายจน

                    เวทกักเวท มนต์ที่ใช้กักพลังเวทของตัวเอง จะคลายออกเมื่อเราลั่นวาจาคำที่กำหนดให้ใช้ปลดผนึกและถ้าพลังมันเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องร่ายซ้อนทับลงไปอีกเรื่อยๆ

                    "แล้วชั้นจะกำหนดคำปล่อยว่าอะไรดีล่ะทีนี้..."รีเน่เปรยขึ้นเบาๆหลังจากออกจากรัฐวิเวนซ่าได้ไม่นาน ชายหนุ่มที่กำลังสอนมนตร์เวทกักเวทให้กับเด็กสาวอยู่เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย

                    "ก็เป็นคำว่าอะไรก็ได้ ชื่อสถานที่ ประโยค อะไรก็ได้..."

                    "งั้นเอาคำว่า ยูเรมยูอีสมายด์(ยูเรมเป็นของชั้น) ดีป่ะ?"รีเน่ถามแบบขำๆ ซึ่งทำให้หน้าของคนที่สอนอยู่ขึ้นสีระรื่อและทำให้คนที่ควบม้ากับคนที่นั่งเช็คสายไวโอรินอยู่หัวเราะเบาๆ

                    "ล้อเล่นหรอกน่ะ อืม....ถ้าชั้นจะกำหนดให้เป็นคำว่า เซบิโต้ ต้องทำยังไงล่ะ"ยูเรมหดหู่ลงทันตาแล้วตอบคำถามของเพื่อนสาว

                    "เธอก็ร่ายเวทบทนี้นะ กานีโอธ เซนีเอง เซบิโต้  บทนี้คือกำหนดคำที่จะใช้ปลดปล่อยนะ จำได้รึเปล่า? ถ้าจำได้ก็ร่ายเวทเลย "สิ้นคำ เด็กสาวก็ร่ายเวทตามที่ชายหนุ่มบอก

                    "แล้วจะกักพลังเวทยังไงล่ะ?"

                    "อืมเราก็จะใช้คำเดียวกับที่ใช้คลายมนต์แหละนะ แต่ถ้าจะเริ่มผนึกเวทตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ก็จะทำคล้ายๆกับเมื่อครู่ แต่คำร่ายตอนต้นจะต่างกัน เพราะต้องร่ายว่า พาโนก้า โมโนทารา..."เมื่อชายหนุ่มกล่าวจบ รีเน่กำเอ็กเซลไว้แน่น แล้วเริ่มร่ายมนต์

                    "...พาโนก้า โมโนทารา เซบิโต้..."พลันเวทที่ลอยคว้างอยู่ก็ไหลกลับกลับเข้าสู่เจ้าของของมันด้วยชนิดที่ตามองตามไม่ทันจนไม่เหลือไอเวทให้สัมผัสได้เลยแม้แต่น้อย!

                    "เยี่ยมไปเลย! ชั้นไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีมนต์ที่ผนึกไอเวทได้ฉะงักแบบนี้!  ยูเรม! นายหามนต์นี้มาจากไหนอ่ะ!?"รีเน่ตะโกนถามอย่างตื่นเต้น ใช่ ไอเวทของเธอหายไปแบบฉะงักนัก ไม่หลงเหลือไอเวทภายในอากาศแม้แต่น้อย

                    "ชั้นคิดขึ้นเอง..."สิ้นคำตอบ ใบหน้าของเด็กสาวผู้ถามก็มองมาอย่างไม่น่าเชื่อ

                    "อ้าว ทำไมล่ะ? ก็ชั้นจำเป็นต้องใช้นี่นา ชั้นร่ายซ้อนไว้ตั้งสามชั้นกว่าจะกันไอเวทกับไอปิศาจของชั้นได้.."กล่าวจบ รีเน่ก็เข้ามองร่างของชายหนุ่มใกล้ๆจนชายหนุ่มได้กลิ่นแชมพูบนเรือนผมสีน้ำตาลไหม้นี้ ไอเวทและไอปิศาจยังแผ่ออกมาจากร่างของยูเรมอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้มนุษย์หลายๆคนแตกตื่นได้ล่ะ

                    "ไอเวทกับไอปิศาจของนายยังมีอยู่เลยนะยูเรม รู้สึกจะมีอยู่เยอะด้วยนะเนี่ย..."รีเน่บอกพร้อมพร้อมถอยตัวออกห่าง ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นอย่างที่ตัวเองก็รู้สาเหตุ

                    "เข้าใจที่ชั้นพูดรึเปล่ายูเรม"เด็กสาวย้ำอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์

                    "...อ๋อ ก็มันปกปิดได้ไม่หมดน่ะ ก็เลยปล่อยๆไป...."ยูเรมตอบพร้อมกับที่รีเน่เริ่มเจ้าสำรวจรอบตัวของตน แต่ภายในในใจนี้ แทบอยากจะดึงร่างบางเข้ามากอดซะเสียให้ได้ เพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะเค้ารักนางยังไงล่ะ!

     

                    "ซิลเวอร์! แกมั่นใจหรอว่ารีเน่มาทางนี้!!"เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนถามอย่างร้อนรน ซึ่งผิดกับชายผมเงินที่ถูกล่ามด้วยโซ่มนตราและคณะผู้ติดตามอีกสี่คน ทั้งสี่มียศเป็นนักเรียนของK.K.K. หนึ่งในนั้นเป็นผู้ใช้ไพ่มนตราที่แข็งแกร่ง หนึ่งในนั้นมียศเป็นถึงเจ้าชายแห่งไอซาเนีย หนึ่งในนั้นตือผู้ใช้ดาบสีดำเรียวยาว และอีกหนึ่งในนั้นคือประธานหอวีนัสและศรีภรรยาของซิลเวอร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

                    ทั้งหกมองไปทั่วทุ่งกว้างข้างๆถนนที่ดูยังไงก็ไม่มีอะไรแม้แต่น้อย ฟาร์หันมาถามเซเรสที่อยู่ในชุดสีดำคล้ายนักบวชที่เหมือนกับตนอย่างสงสัย

                    "นี่เซเรส นายว่ามันแปลกไหม?"

                    "แปลกอะไร?"ชายหนุ่มถามกลับ

                    "ก็เดียโบสไม่ตามมาด้วยนี่ไง เธออยู่ที่ไนท์โนวอิงคิงดิ้อมเหมือนกับรออะไรอยู่"

                    "รออะไรกัน?"

                    "ถ้ารู้ชั้นก็เป็นนักพยากรณ์แห่งเวลไปแล้วล่ะ.."ฟาร์ตอบกลับอย่างเบื่อหน่ายแล้วเดินไปหาสาวผมม่วงในชุดที่เหมือนกันกับตนที่รู้สึกว่าช่วงนี้สนิทกันอย่างประหลาด  ตอนนี้ทุกคนอยู่ในชุดกองกำลังป้องกันตัวเองของเอเดนทุกคนแม้แต่สเวน

                    "เออ...ก็ถึงวิเวนซ่าแล้ว ชั้นเพิ่งได้ข่าวมาว่าพวกนั้นเข้าไปในเมืองนี้แท้ๆ..."ซิลเวอร์กล่าวแล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ซะให้ได้ เด็กสาวผมดำทาบมือบนอากาศราวกับมันมีกำแพงอะไรซักอย่างตั้งอยู่

     

                [Password...]

     

                [Finalae K.]

     

                    อักษรโฮโรแกรมสีเขียวลอยขึ้นบนอากาศเหมือนเดิม พร้อมกับที่กระจกบานเดิมก็โผล่ออกมา ณ ที่เดิม ทั้งหกเดินผ่านกระจกเข้าไปพร้อมที่กระจกก็หายวับไปเฉกเช่นเดิม ตึกสูงนับร้อยเรียงราย สายไฟระโยงระยาง จานบินสีเงินลอยผ่านหัวไปนับร้อยๆลำ ถนนที่...ควรจะมีคนเดินอยู่บ้างซักคน แต่นี่กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว เหลือเพียงแต่ชายในชุดสูธสีน้ำเงินและเด็กสาวผมขาวตัวเล็กๆในชุดกระโปรงสีฟ้าเท่านั้น

                    "อ้าว! ท่านฟินาเร่! ท่านซิลเวอร์! มาเยือนที่เมืองข้ามีอะไรหรือกระหม่อม"มาเฮโดสปรี่เข้ามาถามอย่างตระหนก หญิงสาวและชายหนุ่มมองไปยังกระจกร้านค้ารอบๆที่แตกออกจนไม่เหลือแม้แต่บานเดียว

                    "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมกระจกถึงแตกออกไม่เหลือซักบานแบบนี้!"ทั้งสองถามกลับแทบจะพร้อมกัน ปิศาจผู้เป็นจ้าวเมืองเกาหัวอย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี

                    "เจ้าหญิงราเฟรน่าเสด็จเยือนที่นี่ สายลับจากฟาเรนเดียร์เข้าลอบทำร้าย สู้กัน กระจกเลยแตก เจ้าหญิงราเฟรน่าถูกเร่งการฟื้นตัวของพลังจนเป็นเรื่อง ท่านยูเรมเลยรีบพาตัวออกจากที่นี่เพื่อไม่ให้มีใครติดตามได้"เด็กสาวผมขาวที่ชื่อนานาเดินมาบอกกับทั้งสองด้วยสีหน้าที่มีน้ำโหหน่อยๆ

                    "เดี๋ยวนะ! เรื่องที่เธอกล่าวไปเนี่ย เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหรือเมื่อครู่กัน..."สเวนแหวกฟินาเร่กับซิลเวอร์เพื่อแทรกตรงกลางมาถามนานา

                    "ซักพักแล้ว ห่างจากที่เวลาพวกเจ้ามาราวๆสามสิบนาทีเห็นจะได้...."

                    "พวกนั้นคงยังไปไม่ไกล....."ซิลเวอร์เปรยเบาๆหวังให้สเวนใจเย็นลง แต่ผลมันกลับเป็นตรงข้ามเลย...

                    "พวกเธอบอกมาเดี๋ยวนี้!! รีเน่ของชั้นไปทางไหน!!!"ชายหนุ่มเข้ามาจับบ่าของเด็กหญิงผมขาวตรงหน้าแล้วตะโกนถามอย่างเสียงดัง ไม่ได้คำตอบกลับมา แต่ได้เพียงตาขวางที่จ้องมาอย่างโมโห

                    "พ่อแม่เธอสอนให้ตะโกนถามผู้สูงอายุหรือไง!!"นานาเค้นเสียง กำไลเอ็กเซลที่เธอใส่อยู่เปล่งแสงวาบ พร้อมกับร่างของชายหนุ่มกระเด็นออกไปไกล เซเรสยิ้มเยาะอย่างพอใจพร้อมเดินเข้าไปถามนานาเช่นเดียวกัน

                    "ท่านพอจะทราบหรือไม่ ว่าเจ้าหญิงราเฟรน่ากับพระสหายนั้นได้ออกจากเมืองไปทางไหน และจุดหมายของพวกเค้าคือที่ไหน หากท่านรู้ ใคร่บอกเราในเร็วพลัน..."เซเรสกล่าวอย่างเขร่งขรึมผิดทุกวัน เจ้าของร้านซัมมอนจีเวลหัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับที่เจ้าของเมืองตีหน้าเครียดโดยพลัน

                    " ชั้นบอกนายแน่เจ้าชายเซเรส เอรูทีส แต่มีสิ่งที่ข้าต้องบอกเจ้าสี่อย่าง และสี่สิ่งนี้ ข้าขอเอาชื่อของนักพยากรณ์แห่งมาคาร์ไลท์เป็นเดิมพันได้เลยว่ามันเป็นความจริง.....

                    1. เป็นที่รู้ว่า ถ้าจะยุติสงครามย่อมมีผู้เสียสละ... แต่จะเสียใครไปนั้น... เจ้าต้องเป็นคนเลือก....

                    2.คนใกล้ตัวเจ้า.... จะเป็นตัวพลิกกุญแจให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแนวทางไป

                    3.ยามใดเจ้าพร้อมที่จะเสียสละเพื่อคนที่รัก.... คนที่รักก็จะรักเจ้า...."

                    อันที่สามฟังดูดีไม่เลวแฮะ!

     

                    เซเรสคิดอย่างพอใจ แต่ก็เอะใจขึ้นมากับข้อที่หายไปข้อนึง

                    "เดี๋ยวก่อน แล้วอีกข้อนึงล่ะ..."

                    "อีกข้อนึงคือ ถ้าเจ้าจะออกจากวิเวนซ่าตอนนี้ เจ้าต้องปราบกองทัพจอมเวทย์กับอัศวินที่อยู่ห่างจากเจ้าไปสองร้อยเมตรนี้..."สิ้นคำ เซเรสและคนที่เหลือก็หันไปยังด้านหลังที่เห็นทหารในชุดเกราะสีแดงกันทุกคน บางคนถือดาบ บางคนก็ถือคทาที่ดูแล้วคงเป็นนักรบเวทย์ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เป็นใคร มันอยู่ที่จำนวน! แค่คำนวณจากสายตาแล้ว ทหารกองนี้ต้องมีมากกว่าสองพันคนเป็นแน่! เสียงร่ายเวทจากระยะไกลๆดังขึ้นพร้อมกับสิ่งหนึ่งที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง

                    ความเร็วที่ไม่ใช่ของมนตรา แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่ชื่อว่ามังกร! มันง้างกรงเล็บอันแหลมคมหวังให้ฟาดใส่สาวผมม่วงและชายผมแดง

                    "จงมากำแพงเวท!,ดาบนิลกาฬ!"ทั้งสองพูดขึ้นแทบจะพร้อมกันอากาศก่อต่อกันกันอุ้งเล็บของมังกร พร้อมกับที่เด็กสาวผมม่วงพุ่งตัวไปตัดแขนนั้นให้ขาดออกด้วยดาบสีดำเรียวที่ถูกสลักด้วยฝีมืออันประณีต แขนของมังกรขาดร่วงลงกับพื้น เจ้ามังกรถึงกับหวีดร้องลั่นก่อนที่ร่างของมันจะมลายหายไป พลธนูผสมจอมเวทย์ปล่อยพลังของศาสตราของตนอย่างรุนแรง เซเรสยกหอกขึ้นสูงพร้อมกางข่ายเวทอย่างเบาบางเพื่อกันพลังเหล่านั้นไว้

                    "คำพยากรณ์แม่นจนเหลือเชื่อเลยนะนานา..."ฟินาเร่พูดกับเด็กสาวอย่างขบขัน พร้อมกับนั่งบนเก้าอี้ที่ดึงออกมาจากร้านเพื่อนั่งดูรุ่นน้องรับมือกับพวกนี้....ในเวลานี้เนี่ยนะ!!

                    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองและนัยน์ตาสีเขียวปักด้ามหอกลงกับพื้นแล้วประสานมือกันแน่นพร้อมหลับตานิ่ง

                    "กราดิโอ้ซับทู"สิ้นเสียง ร่างของชายหนุ่มก็เกิดการระเบิดเบาๆออกมาสองครั้ง ไอเวทมหาศาลที่ถูกสะสมมานานล้นทะลักออกจากร่างของชายหนุ่มอย่างไม่ขาดสาย ขอบเขตเวทมนต์น้ำแข็งแผ่กระจายไปรอบตัวเมือง ชายหนุ่มเบิกตาขึ้นช้าๆ เรือนผมสีทองค่อยๆยาวออกพร้อมเปลี่ยนสีหมอกขาว วงแหวนเวทหลายสิบวงปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชายหนุ่ม หญิงสาวที่กะจะนั่งดูรุ่นน้องบู๊ลุกขึ้นอย่างตกใจพอๆกับแฟนหนุ่มของตน

     

                    "ไม่จริง! มนุษย์ปกติไม่น่าจะมีไอเวทสูงถึงขนาดต้องกักไว้ถึงสองชั้นนี่นา....หรือว่า!!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×