ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #13 : รัฐอิสระวิเวนซ่า

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 50


                สี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ณ ชายแดนระหว่างโคมะกับเวล

     

                ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนเดินกินลูกชิ้นปิ้งจิ้มน้ำซอสอย่างร่าเริง กิ่งหลิวพริ้วไสวทั่วทางเดินที่ห่างกันต้นละห้าเมตร ข้างๆต้นไม้คือแม่น้ำใสๆที่น่าลงไปเล่นซะเสียนี่กระไร วันนี้เป็นวันที่น่าหลับเฉกเช่นทุกวันตั้งแต่ที่รีเน่ได้เข้าเรียนที่ K.K.K. หรือทำภารกิจระยะยาวที่หวังผลระยะยาวจริงๆเหยื่อ คือผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้าง ก็ไม่ใช่ใครอื่น.....

                 ชายหนุ่มผมสีทองที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวมรกต ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าชายแห่งไอซาเนีย เซเรส เอรูทีส

                กลิ่นปลาย่างซีอิ้วลอยตามลมมาเตะจมูกได้รูปของสเวนเข้าอย่างจัง ท้องเริ่มมีปฏิกิริยากับกลิ่นที่หอมฉุย สายตาเหลือบมองไปยังร้านแผงลอยที่อยู่ไม่ไกลที่เป็นตัวส่งกลิ่นหอมมาเตะจมูกเค้า

              เอาวะ....กินซะหน่อย

                คิดเสร็จ ร่างสูงก็ไปโผล่ที่หน้าร้านภายในชั่วพริบตา

                "ลุงครับ  ขอปลาย่างไม้นึ....."

                "มีใครแถวนี้ชื่อสเวนบ้างรึเปล่าขอรับ!!?"เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้สเวนต้องหันไปมอง ชายคนนั้นมีเรือนผมสีดำสนิทเกล้าไว้ ใบหน้าเหี่ยวย่นตามอายุ ชุดเป็นชุดเกราะตามฉบับโคมะ ชุดเกราะที่สานเองจากมือพร้อมลงอักษรเวทตะวันออกไว้ด้วย ดาบคาตานะยาวพาดอยู่กลางหลัง สเวนเรียกชายคนนั้นให้เข้ามาใกล้

                "เฮ้ทหาร! ชั้นสเวน! มีอะไรรึเปล่า?"สเวนกล่าวพร้อมเดินเข้ามาใกล้ ทหารในชุดเกราะยื่นแผ่นกระดาษสีดำแผ่นหนึ่งให้กับสเวน

                "จดหมายจากเจ้าชายของเราถึงเจ้า เท่านั้นแหละ"กล่าวเสร็จ ทหารในชุดเกราะคนนั้นก็เดินจากไป สเวนพลิกแผ่นกระดาษไปยังอีกด้านนึง ดวงตาจดจ้องสัญลักษณ์สีทองที่ประทับอยู่อย่างตกใจ สัญลักษณ์ที่เป็นรูปตัวเคสามตัวทับกันอยู่ ชายหนุ่มพลิกกลับไปยังด้านหลังอีกครั้ง ตัวอักษรสีขาวค่อยๆปรากฎขึ้นช้าๆ

     

              ถึง สเวนฮาเวอรี่ จาก โทบิ ฟูคาดะ

     

                ปล. เมื่อได้รับแล้วก็รีบเปิดอ่านซะ! จดหมายนี้มีเวลาให้อ่านอยู่แค่1นาทีเท่านั้น!

     

                ชายหนุ่มรีบพลิกกลับไปยังอีกด้านแล้วเปิดจดหมายออกเพื่อดึงแผ่นกระดาษสีดำที่มีตัวอักษรสีขาวอยู่ภายใน

     

              ถึงสเวนเพื่อนรัก

                      

                       นี่ชั้นเอง ซิลเวอร์ คาร์เทีย เดอะเมจิคเชี่ยนออฟมาคาร์ไลท์ จดหมายที่ส่งมาหานายภายในวันนี้ เกี่ยวกับ....

                00:35

                       น้องของนายที่เพิ่งเข้าเรียนมาได้ไม่กี่อาทิตย์นี้ รีเน่ฮาเวอรี่ เอ่อ น้องของนายนี่สร้างเรื่องไม่เบาเลยนะ นายจำวินซ์สตีโอดูได้มั้ย ที่มันเข้าเป็นหัวหน้าหอวีนัสตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนายดันไปชนะมันน่ะ นั่นแหละ มันก็โดนน้องนายจัดการเหมือนกัน!....

     

              หึ สมแล้วที่เป็นน้องของชั้น

    00:20

                       แต่ว่าที่พูดมานี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะบอกหรอกนะ....

    00:17

                       เมื่อวานก่อนถ้านายยังมองท้องฟ้าอย่างทุกวัน อาจสังเกตุเห็น....

    00:12

                       ว่าจู่ๆเมฆก็หายไปหมดเลย นั่นน่ะ ฝีมือของน้องนายนะ แล้วทีนี้ จากที่เราๆรู้กันอยู่ในเรื่องของกองกำลังตามหาองค์รัชทายาทน่ะ บังเอิญหนึ่งในนั้นอยู่ในหอวีนัส ซึ่งน้องนายก็อยู่.......

    00:04

                       แล้วพวกนั้นน่ะ......

    00:02

                       พาตัว......

    00:01

                       น้องนายไป....

    00:00

     

                ตัวอักษรที่เหลือเรือนหายออกไปจากแผ่นกระดาษอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมฉายแววกังวลกับคำว่า'พวกนั้นน่ะ พาตัว น้องนายไป'หมายความว่า รีเน่ถูกลักพาตัวไปแล้ว!!

     

                ไหนเซเรสบอกจะดูแลอย่างดีไงล่ะ!! ไหนK.K.K.เคยบอกว่าที่นี่ปลอดภัยที่สุดภายในผืนแผ่นดินแอสทอไลน์ยังไงล่ะ!! แต่นี่กลับทำให้นักเรียนของตัวเองหายไปได้!!

     

                คิดอย่างโมโห สเวนใช้นิ้วขีดไปมาบนพื้นเป็นรูปอักขระเวทอย่างรวดเร็ว ฉับพลัน รอยบนพื้นเปล่งแสงวาบ แล้วกลายเป็นม้าสีดำใหญ่ในทันที ชายหนุ่มกระโดดขึ้นหลังม้าแล้วควบออกจากตัวเมืองอย่างรวดเร็ว......

     

    ณ ลานกว้างกลางหอวีนัส ย้อนกลับไปอีกราวๆสิบนาที

     

                พลัน ร่างบางของเด็กหนุ่มก็ล้มลงตามชายผมทองที่นอนกองอยู่กับพื้น สมองก็คิดอย่างตื่นตกใจ

                เฮ้ย! ทำไมขยับไม่ได้เนี่ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมทุกอย่างมันหยุดนิ่งไปหมด!

     

                "มนตราหยุดเวลาของท่านเอนวาราคนนี้สุดยอดเหมือนเดิมชิมะ?"เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างร่าเริง ดวงตาสวยของรีเน่จ้องมองบุคคลสามคนที่เดินเข้ามาใกล้อย่างตกใจอย่างรุนแรง

                หนึ่งในนั้นคือ! วิโอล่า ทรัมโปน! เด็กสาวผู้สีไวโอรินในโรงอาหาร! อีกคนหนึ่งคือ ชายร่างสูงที่อยู่ในชุดผ้าคลุมสีดำแถบทองยาวเลยเข่า ถือคทาด้ามสีน้ำเงินเข้ม หัวคทาเป็นแร่คริสตัลใสรูปหยดน้ำลอยอยู่ และชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่าชายคนแรกเล็กน้อย มือหนาที่มีแหวนสีดำแร่สีแดงอะไรซักอย่างประดับอยู่เอื้อมมาดึงร่างของรีเน่ให้ลุกขึ้น ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมยิ้มกริ่ม

                "ราเฟรน่า เรามารับกลับบ้านแล้วนะ....."

     

    2 ชั่วโมงต่อมา ณ ชายแดนประเทศเวล เทือกเขาแห่งหนึ่งระหว่างโคมะกับเวล ชายหนุ่มหยุดอาชาสีนิลที่ควบมากว่าสองชั่วโมงอย่างเหน็ดเหนื่อย พร้อมมองไปรอบๆตัว ซากปรักหักพังของโบราณสถานแห่งหนึ่งที่สวยพอสมควร ดอกไม้ใบหญ้าโตกันเขียวชอุ่ม เสียงเกือกม้าดังขึ้นจากไกลๆ จนให้สเวนต้องหันไปมอง เกวียนไม้โอ๊คเก่าๆสั่นโคลงไปมา สัญลักษณ์ของประเทศแห่งหนึ่งที่สเวนคุ้นเคยเป็นอย่างดีติดอยู่บนไม้โอ๊คเก่าๆ สัญลักษณ์ของประเทศแห่งความมืด มาคาร์ไลท์!! ดวงตาสีน้ำเงินจดจ้องเกวียนไม้เก่าๆอย่างพินิจ สิ่งที่ผิดแพกไปคือ มีม้า แต่ไม่มีคนควบ!

                "อ่อ....เกวียนรุ่นเก่าของเมืองวิเวนซ่านั่นเอง มิน่าล่ะ..."สเวนเปรยเบาๆ แล้วกลับมาสนใจม้าที่เรียกจากมนตราของตนต่อโดยมิทันได้สังเกตุเด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มที่นั่งมองหน้าต่างอยู่อีกด้าน ชายหนุ่มขึ้นม้าแล้วควบต่อไปทางที่ๆเกวียนไม้เก่าๆพึ่งผ่านไปเมื่อครู่ แสงแดดยามบ่ายแยงตาสีน้ำเงินดำเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มควบม้าออกพร้อมมองท้องฟ้าอย่างสงสัยกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป เมื่อตอนนั้นเมฆเยอะทั่วท้องฟ้า แต่นี่กลับไม่มีแม้เพียงซักก้อนเดียว ทำให้แดดแยงตาชายหนุ่มได้เป๊ะๆพอดิบพอดี...........

     

               

                แสงแดดยามบ่ายคล้อยต่ำลง ร่างสูงมาหยุดยืนอยู่หน้ารั้วประตูสถาบันK.K.K. บัดนี้ชุดเก่าๆของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเสื้อสีดำแขนยาวแถบทองซีด กางเกงสีดำขาดวิ่น สเวนค่อยๆสำผัสรั้วเหล็กเบาๆ พลันร่างของชายหนุ่มก็เข้ามาอยู่หลังรั้วเหล็กอย่างรวดเร็ว!

                ข้อเสียของสถาบันอย่างนึง ลักลอบเข้าโรงเรียนได้ง่ายๆ เพียงแค่มีเสื้อประจำโรงเรียน....

     

                สเวนเหลือบมองนาฬิกาที่ลอยอยู่เหนือลานกว้างอย่างปกติ ซึ่งไม่ค่อยมีใครสังเกตุเห็น ขณะนี้เวลาเกือบห้าโมงเต็มแก่แล้ว พวกนั้นคงอยู่ที่หอประชุมใหญ่แน่!!

                สิ้นความคิด ร่างของชายหนุ่มก็ออกตัวอย่างรวดเร็วจนพื้นมีไฟลุกพรึ่บ!

                "ไอ้ฮาร์ฟ! แกอยู่ที่ไหน! ฟีเน่! ซิลเวอร์! ออกมาให้หมด!"สเวนตะโกนอย่างโมโห พร้อมกับเตะเสาต้นหนึ่งจนล้มครืน ชายผมดำยาวคนหนึ่งวิ่งมาขวางสเวนไว้อย่างร้อนรน

                "ใจเย็นก่อนฮาเวอรี่! ใจ . . .ว๊ากกกกกก!"หมิงห้ามอย่างใจเย็น แล้วจู่ๆก็ร้องลั่น เมื่อบัดนี้ มือของชายหนุ่มนาม สเวน ฮาเวอรี่ เต็มไปด้วยเปรวเพลิงสีฟ้าอ่อนที่ลุกโชน และร่างก็มีไอเวทลอยอยู่คละคลุ้ง สเวนวาดมือเป็นวงกลมแล้วพุ่งฝ่ามือที่มีเปลวเพลิงเข้าใส่ร่างสูงของหมิงเข้าอย่างจังจนกระเด็นไกลออกไป สเวนเดินต่อไปยังประตูใหญ่ที่เปิดแง้มอยู่ บุคคลภายในห้องที่จดจ้องมายังตนอย่างไม่วางตา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเก่าสามคนอย่าง ฟินาเร่ ซิลเวอร์ ฮาร์ฟ หรือไม่ก็เจ้าชายตัวเล็กแห่งเมืองโคมะที่ชื่อโทบิ เจ้าชายประจำประเทศไอซาเนียที่ชื่อเซเรส และยังอีกชายผมแดง สาวผมม่วง และผู้หญิงผมขาวโพลนอีกคนที่มีพลังเวทแผ่อยู่เนื่องๆ

                "สเวนต๋า ตะเองมาได้ไงเนี๊ย?"ผู้อำนวยการหนุ่มถามด้วยใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ผู้ถูกถามอารมณ์เสียกับคำถามที่มาพร้อมกับเสียงสูง ชายหนุ่มเดินมานั่งที่เก้าอี้เบาๆ

                "ชั้นจะร่วมประชุมด้วยคงไม่มีปัญหาสินะ?"

                "ไม่มีปัญหาขอรับ!!"ชายผมเขียวกล่าวอย่างร้อนรนพร้อมดีดนิ้วเบาๆ ถ้วยชาร้อนพร้อมดื่มก็ปรากฎขึ้นบนมือ ผู้ถือถ้วยชาร้อนอยู่เหลือบมองหน้าของผู้มาร่วมประชุมคนใหม่ที่ตอนนี้หน้าตาโมโหเหมือนยักษ์ขมูขี

                "ง่า...เวนี่จ๋า อย่าเคืองกันเลยน๊า มันเป็นเหตุสุจวิศัยจริงจิ๊ง"ฮาร์ฟรีบยื่นถ้วยน้ำชาพร้อมส่งเสียงอดอ้อนให้กับชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างทันที อัมบราหันมามองเพื่อนของตนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความกลัวอยู่เล็กน้อย แล้วก็เบิกตากว้างอย่างนึกอะไรขึ้นได้

                "น...น..นี่ ชั้น.....ได้ยินมา...ว่า สเวนน่ะ หวงรีเน่มากเลยนะ แค่ใครแตะทีนี่ก็ เลือดตกยางออกกันเป็นแถวเชียวนา"อัมบรากล่าวเบาๆเพื่อให้หมู่เพื่อนๆได้ยิน และผู้ที่มีปฏิกิริยาที่สุดคือเซเรสที่สะดุ้งอย่างตกใจจนทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนชำเลืองตามองมา

                "ใช่ๆ ถ้าพี่เค้ารู้ว่ามีใครไปทำอะไรกับน้องเค้านะ บรึ๋ย..ไม่อยากจะคิด"ฟาร์กล่าว....ดังทีเดียว! ดังจนทำให้ชายที่กำลังปลอบผู้เป็นเพื่อนอยู่อุทานอย่างตกใจ พลันสเวนกูลุกพรวดจนทำให้ทุกคนอยู่ในอารามตกใจ

                "ใครทำอะไรน้องชั้น!"

     

    กลับมาที่ปัจจุบันอีกครั้ง

                สถานการที่ทำให้สองคนผู้แอบดูอยู่หยุดหายใจโดยพลัน ใบหน้าของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ขึ้นสีแดงก่ำ  สองข้อมือบางที่ถูกรวบอยู่พยายามจะขัดขืน แต่แรงของชายหนุ่มกลับมีมากกว่า เสื้อสีขาวบางที่เปียกน้ำจนเห็นส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน 

                "เจ้าบ้า อย่าทำอะไรบ้าๆกับชั้นนะ!"รีเน่ตะโกนด้วยใบหน้ากึ่งเขินกึ่งโมโห ชายหนุ่มหัวเราะอย่างขบขัน

                "ชั้นไม่ได้ทำบ้าๆอะไรซะหน่อย"

                "แล้วที่แกทำอยู่นี่อะไรกัน!!"

                "เธอคิดลึกไปเองน๊า ชั้นยังไม่ทันได้ทำอะไรเธอเลยซักนิด"

                "หมายความว่าไง?"

                "เฮ้ยยูเรม! เลิกสะกดจิตได้แล้ว!"เอนวาราตะโกนบอกชายหนุ่มอย่างดังพร้อมเสียงดีดนิ้วเบาๆ ภาพรอบตัวเด็กสาวเปลี่ยนเป็นภาพของไม้เก่าๆภายในเกวียนเทียมที่มีหญิงผมทองที่เริ่มสพงกกับชายผมฟ้าที่เป็นคนตะโกนใส่หูคนที่นั่งตรงข้ามเธออยู่เมื่อครู่

                "ตะกี๊นี้หมายความว่ายังไงเนี่ย?"รีเน่ถามอย่างงุนงง ชายเจ้าของนามว่ายูเรมหัวเราะเบาๆก่อนที่จะเปิดเผยความจริง

                "ตะกี๊นี้น่ะ...เป็นมโนภาพที่เธอสร้างขึ้นเอง โดยที่ชั้นแค่เรียกมันออกมาจากจิตใต้สำนึกของเธอ เธอเห็นภาพอะไร นั่นน่ะ มาจากความต้องการของเธอเอง"กล่าวเสร็จ ชายหนุ่มก็ยิ้มแป้นพร้อมหัวเราะคิกคักอย่างขบขัน เด็กสาวยกมือขึ้นปิดปากอย่างเขินอายสมหญิงเป็นครั้งแรก ภาพเมื่อครู่แล่นเข้าสู่สมองอีกครั้ง ใบหน้าหวานก็เป็นสีแดงก่ำตลอดการเดินทาง....

     

     

                แสงแดดยามสายสะท้อนผ่านเกวียนไม้เก่าๆเข้ามาเห็นเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ยาวเคลียไหล่ที่นั่งหลับอย่างอิ่มสุข ซึ่งตรงกันข้ามกับพวกคนที่เหลือที่ยืนฟังโทรศัพท์อยู่นอกเกวียน

                "ว่าไงนะ! เสด็จสวรรคตแล้วหรอ! มันยังไม่ถึงเวลาของท่านหนิ!"

                "ข้าก็คิดเยี่ยงนั้นเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้ พระราชาทรงมีอาการซึมเศร้า ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เพ้อถึงแต่พระชายาที่ตายไปแล้วกับเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา หายใจตื้นและช้า เหงื่อออก ตัวเย็นและมีสีเขียว รูม่านตาโต และไม่หดเมื่อถูกแสง หมดสติไปในบ้างครั้ง จนกระทั่งเมื่อรุ่งเช้า ท่านได้สวรรคตลง และอาการทั้งหมดนี้ ทำให้ข้าตัดสินใจตรวจพระศพ และทำให้ข้าพบสารอย่างนึง "

                "เจ้าพบอะไร?"ยูเรมถามปลายสายอย่างสงสัย

                "ข้าพบยานอนหลับกลุ่มบาร์บิทูเรตในอัตราที่เกิดขนาดภายในร่างกายของพระราชา ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าพระราชาอาจคิดปลงพระชนตัวเอง"สิ้นเสียงจากหมอปลายทาง หัวใจของทั้งสามคนถึงกับหยุดเต้น

                "เป็นไปได้อย่างไร! ท่านเซ็ทนะหรอ จะปลงพระชนตัวเอง....."

                "ใจเย็นก่อนท่านยูเรม นี่เป็นแค่การสันนิฐานของในที่ประชุมเท่านั้น ยังไงเสีย ท่านก็รีบพาเจ้าหญิงราเฟรน่ากลับมาเร็วๆด้วยล่ะ....."เสียงปลายสายดับไป ยูเรมกดวางแล้วเก็บมือถือของตนพร้อมเคาะเกวียนเพื่อเรียกเด็กสาวภายในเกวียนให้ตื่นขึ้น

                "ราเฟรน่า ตื่นได้แล้วเราจะเข้าเมืองกันแล้วนะ"

                "งืม....ขออีกห้านาทีนะเซเรส...."

                ปึด!

                เสียงเส้นความรู้สึกของชายหนุ่มขาดลง ยูเรมนำมือของตนทาบกับเกวียนเบาๆ ฉับพลัน เกวียนไม้เก่าๆสลายตัวออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยทันทีพร้อมกับร่างบางที่ร่วงหล่นลงมาบนเศษไม้จนทำให้ตาสว่าง การเดินทางผ่านไปได้หกวัน ไม่มีทีท่าว่านักเรียนจากสถาบันK.K.K.จะมารับตัวรี่เน่กลับแม้แต่น้อย ไม่มีแม้เหล่าทหารที่จะมาจับตัวรีเน่ พลังเวทของเด็กสาวก็ค่อยๆฟื้นคืนอย่างไม่รู้ที่สิ้นสุดจนต้องลงมนตร์ยับยั้งไอเวทไว้ที่ผ้าคลุมสีดำของเธอ

                รีเน่คลำก้นของตัวเองอย่างเจ็บปวดพร้อมลุกขึ้นเขม็งใส่ยูเรมอย่างโมโห

                "อ่ะ แล้วทีนี้เราจะไปต่อกันยังไงล่ะ?"เธอถามขึ้นเสียงเล็กน้อย ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆพร้อมชี้ไปยังที่ราบแห่งหนึ่งที่โล่งแจ้งแบบสุดๆ

                "ก็เราถึงกันแล้ว...."

                "ถึง!? ไหนล่ะเมือง? ไหนล่ะ?"

                "เอาน่า ตามชั้นมา ชั้นจะนำไปเอง...."ยูเรมกล่าวแล้ววิ่งไปยังทุ่งโล่งแห่งนั้นโดยมีชายหนุ่มผมฟ้าและเด็กสาวผมทองอีกคนตามมา

                [ P a s s w o r d . . . ]

                [ U r a m   U . ]

     

                ตัวอักษรคอมพิวเตอร์สีเขียวสว่างลอยขึ้นบนอากาศทำให้รีเน่ตกใจเล็กน้อย พลัน ตัวอักษรสีเขียวนั้นก็หายไปพร้อมเปลี่ยนเป็นกระจกบานกว้าง

                ยูเรมเดินไปยังบานนั้นพร้อมแตะกระจกเบาๆจนเกิดคลื่นเหมือนสัมผัสพื้นน้ำ แล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในกระจกตามด้วยเด็กสาวผมทอง เอนวารากำลังจะเดินไปยังกระจกบานนั้น แต่เหลือบเห็นเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ที่กำลังตัวสั่นอยู่

                "ทำไมหรอราเฟรน่า?"

                "สองคนนั้นหายไปได้ยังไงอ่ะ!!?"รีเน่ตะโกนลั่น ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

                "อืม ถ้าอยากรู้นะ ตามชั้นมาเลย!"ไม่ว่าเปล่า เอนวาราดึงรีเน่เข้าไปในกระจกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตนที่กระโจนตามเข้าไป พลันกระจกบานกว้างก็หายไปราวกับไม่มีอะไร

                รีเน่มองไปรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ สถานที่รอบตัวนั้นไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อมต่อกับทุ่งโล่งตะกี๊นี้เลยแม้แต่น้อย ตึกอารามที่สูงผงาดเหมือนหอเดอะมูนนับร้อยๆตึก สายไฟระโยงละยาง โดมใหญ่สูงกว่าตึกสิบชั้นเห็นจะได้ ฝูงชลเดินกันขวักไขว่แล้วยังมียานบินสีเงินบินอยู่ทั่วท้องฟ้า.....

     

              ปิ๊ม! ปิ๊ม! ปิ๊ม!

                เสียงแตรดังแสบแก้วหูจากข้างหลัง เด็กสาวหันไปมอง ต้นเสียงนั้นคือรถรูปทรงเหมือนวงรีสีเงินที่มีคนนั่งอยู่สองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งคล้ายแฟนกัน แต่เมื่อรีเน่หันมานั้น หน้าของชายในรถก็ชายแววลามกขึ้นทันทีจนแฟนสาวถึงกับตบหน้าหัน

                "ราเฟรน่าๆ มาทางนี้ๆ"ชายเจ้าของเรือนผมสีฟ้าสว่างยาวเรียกเด็กสาวให้ออกจากกลางถนน เด็กสาวเดินเข้าไปสมทบ และก็พบสิ่งที่ดูแปลกตา ยูเรมกับวิโอล่ากำลังคุยอยู่กับชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มผมสีดำยาวมีสีขาวแซมเล็กน้อยและริ้วรอยบนใบหน้าซึ่งบ่งบอกถึงอายุที่เริ่มเข้าสู่วัยทอง นัยน์ตาสีแดงเข้มดุจแร่สกาเร็ท

                "ยินดีต้อนรับสู่รัฐอิสระวิเวนซ่า!"ทั้งสามคนรวมถึงชายในชุดสูทนั้นกล่าวพร้อมกัน

                "รัฐอิสระวิเวนซ่า? ไม่เคยเห็นได้ยินเลย?"

                "องค์หญิงไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลกหรอกขอรับ รัฐวิเวนซ่าหรืออิเลคโทรนิคซิตี้ของพวกเรา ก่อตั้งจากปิศาจและมนุษย์ที่มีเลือดสายเคีย ดีอาและมูที่ถูกกีดกันจากมาคาร์ไลท์เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ความสามารถของชาวเมืองนี้คือ ความสามารถทางสมองอย่าง การประดิษฐ์ การค้าขาย การออกแบบการฆ่า และยังมีพวกร้านค้าต่างๆอีกมากมาย อย่างร้านเสื้อผ้าก็ร้าน โกลเด้นแมรี่ที่อยู่ข้างหลังของพวกเรา ร้านดับเบิ้ลเวพพอน ขายพวกดาบหรือหอกอะไรเทือกนั้น ร้านซัมมอนเจเวอรี่ ซึ่งเกี่ยวกับพวกเครื่องประดับที่มีพลังมนตราแฝงอยู่ วิเวนซ่าเป็นเมืองที่ไม่เชื่อมต่อกับประเทศใดๆ และที่สำคัญ รัฐนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของมนุษย์ที่มาจากมาคาร์ไลท์ ที่นี่ก็เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของมาคาร์ไลท์ จึงไม่มีกษัตริย์ ไม่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย ไม่มีราชวงศ์......"

                "อ่อ! ลืมแนะนำตัว ข้าน้อยมาเฮโดส เป็นเคียเผ่าแวมไพร์ ผู้ควบคุมรัฐแห่งนี้"มาเฮโดสว่าพร้อมโค้งคำนับให้เด็กสาวอย่างนอบน้อม เด็กสาวโค้งตอบอย่างตกใจ

                "ท่านเอนวารากับท่านวิโอล่า พวกท่านพาองค์หญิงไปซื้อของอะไรก่อนก็ได้นะ เพราะข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านยูเรมเสียหน่อย"กล่าวเสร็จยูเรมก็เดินตามชายจ้าวเมืองคนนั้นไป ดวงตาสีดำนิลเหลือบเห็นร้านขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามถนนที่มีกระจกส่องเห็นภายใน และภายในก็คือ ดาบเล่มใหญ่ที่เรียงรายอยู่นับสิบ

                "เอนวารา ไปดูร้านนั้นกันหน่อยสิ"รีเน่ส่งสายตาเว้าวอนให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ

                "ไม่ได้ ถ้าจะไปร้านนั้น ต้องไปร้านขายเสื้อผ้ากันก่อนย่ะ!"วิโอล่าตะโกนลั่นพร้อมกับลากรีเน่ให้เข้าไปยังร้านที่อยู่ข้างหลังของพวกเค้า (แหม มั่นชั่งเหมาะเจาะเหมือนจัดวางอะไรแบบนี้)รีเน่คิดอย่างเซ็งๆ

     

                "ง่ะ ผ่านๆ ชุดนี้ไม่เวิร์ค เอวาร เอาชุดตรงนั้นมา...."เด็กสาวผมทองบอกกับชายหนุ่ม

                "นี่วิโอล่า ชั้นว่าอันนี้ก็ไม่เวิร์คนะ เอาชุดนี้ดีกว่า"ชายผมฟ้ายื่นชุดหนึ่งๆให้กับเด็กสาวให้เข้าไปยังห้องลองเสื้อ เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ร้องโอดครวนอย่างเหน็ดเหนื่อย กับกองชุดสตรีที่ตนลองไปกว่ายี่สิบชุด

                "นี่...ขอชั้นเลือกเองไม่ได้หรอ....."

                "ไม่ได้ย่ะ! อย่างเธอเลือกทีก็มีแต่พวกเสื้อซ่อมซ่อธรรมดา"วิโอล่าตะคอกกลับพร้อมส่งชุดกระโปรงสีบานเย็นให้รีเน่อย่างสนุกสนาน พร้อมกับที่เอนวาราส่งเสื้อคอปกสีฟ้าลายปักกับกางเกงยีนส์สีฟ้าเข้ม สาวผมฟ้าหันมายังชายหนุ่มอย่างโมโห

                "นี่เอวาร! อย่าเลือกแต่สีฟ้าสิ หาสีที่มันเข้ากับราเฟรน่าด้วย!"

                "โหวป้า! แล้วชั้นจะไปรู้ได้ไงว่าสีไหนเข้าไม่เข้าอ่ะ!"ชายหนุ่มตะคอกกลับจนเจ้าของร้านรีบวิ่งมาอย่างตกใจ

                "มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ?"

                "ช่วยเลือกชุดที่เข้ากับเธอคนนี้ที"ทั้งสองกล่าวแทบจะพร้อมกัน สาวเจ้าของร้านพยักหน้าแล้วมองมายังรีเน่อย่างพินิจคิดเคราะห์ เพียงไม่กี่สิบวิ เธอก็เดินไปหยิบชุดนึงจากราวขายของของเธอเข้าไปในห้องลองเสื้อพร้อมๆกับรีเน่ ซักพักเจ้าของร้านก็เดินออกจากห้องลองเสื้อ

                "ไม่ทราบว่าพวกคุณจะพอใจรึเปล่านะคะ?"กล่าวจบ เธอก็เปิดม่านออก ร่างบางก็ก้าวออกมาจากห้องลองเสื้ออย่างแช่มช้าความงามของเธอทำให้ลูกค้าแทบทั้งร้านหันมามองเธอพร้อมๆกัน เสื้อคอปกกแขนยาวสีดำลายปักปล่อยชาย กางเกงผ้ายีนส์สีดำแนบขา ผ้าคลุมสีดำแถบทองถูกแปรสภาพเป็นผ้าคาดเอวสวย ชายผ้าปิดขาซ้ายส่วนบนไว้มิด

                "แจ่มมากพ่ะย่ะค่ะ!"ทั้งสองตะโกนลั่นพร้อมชูนิ้วโป้งพร้อมกันอย่างพอใจ ซึ่งสร้างความเขินอายให้กับเด็กสาวได้ไม่น้อย

                "สมกับที่เป็นเจ้าหญิงแห่งมาคาร์ไลท์เลยนะคะ ดูสง่าราศีมากเลยทีเดียว"

                "ขอบคุณ.....ที่ชม"เจ้าของร้านยิ้มร่าพร้อมถือถุงชุดตัวเก่าส่งให้เด็กสาว

                "เอ่อ คุณเจ้าของร้าน เสื้อกับกางเกงสองตัวนี้ราคาเท่าไหร่"

                "...อ๋อ ไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้เจ้าค่ะ แค่เจ้าหญิงของพวกเรามาเยือน ณ ที่แห่งนี้ ก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ"เธอกล่าวแล้วยิ้มร่าอีกครั้ง รีเน่กล่าวขอบคุณแล้วหันมามองคนติดตาม?ทั้งสองด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

                "ต่อไปร้านขายอาวุธนะ"กล่าวเสร็จ ร่างเพรียวก็พุ่งตัวเพื่อไปยังร้านตรงข้าม แต่มีมือสองมือมาดึงข้อมือของเธอไว้แทบจะพร้อมกัน ทั้งสองนั้นก็คือ วิโอล่ากับเอนวารานั่นเอง

                "ใครว่าจะไปร้านอาวุธกันล่ะ...."วิโอล่าพูดด้วยเสียงแหบต่ำจนทำให้เด็กสาวอีกคนต้องยิ้มเจื่อน พลันดวงตาของเธอเหลือบเห็นร้านซัมมอนเจเวอรี่ที่อยู่เยื้องๆกับร้านขายอาวุธหรือร้านข้างๆของร้านเสื้อผ้านั่นเอง สมองอันน้อยนิดของเธอตื่นตกใจ

              โอ้ไม่นะ! ไม่เอาเครื่องประดับนะ!!

                "ไปร้านซัมมอนเจเวอรี่กัน!!"

                "ไม่นะ!"

     

                "เอาล่ะ ท่านยูเรม ท่านพอจะรู้ต้นเหตุของเรื่องที่ข้าเล่ามาหรือไม่...."มาเฮโดสถามชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามตนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ซึ่งพอๆกับใบหน้าของชายคนนั้นเหมือนกัน

                "อาจเป็นได้ว่า มีใครบางคนไม่ต้องการให้ราเฟรน่ากลับมาสู่มาคาร์ไลท์ หรือไม่ ก็ต้องการให้มาอย่างไว แต่มิใช่เพลานี้"

                "ใครบางคนที่ท่านว่านี่หมายถึงใครกัน?"เจ้าเมืองถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมไท้ทอยอย่างขบคิด

                "ขอข้าคิดก่อน...."ฃายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพร้อมหลับตาสนิท มาเฮโดสยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มอย่างกระวนกระวาย ในเมื่อประตูมิติระหว่างรัฐวิเวนซ่ากับประเทศใหญ่มาคาร์ไลท์ถูกตัดขาดออกจากกันโดยไร้ร่องรอย ประตูมิติที่จะช่วยย่นระยะการเดินทางที่ไกลจากวังหลวงไปอีกหลายสิบกิโลเมตร

                "มีเข้าเค้าอยู่สองคน...."ยูเรมเปรยขึ้นเบาๆ

                "คนหนึ่งเป็นคนที่อาจเป็นไม่ได้แน่ ส่วนอีกคนนี่อาจรอระยะเวลานี้มานานแล้ว..."

                "ทั้งสองคนที่ท่านกล่าวถึงคือ?"

                "คนแรก คนที่รอระยะเวลานี้มานาน คูเนล คราโทนอฟ เจ้าชายคนรองแห่งมาคาร์ไลท์...เสด็จอาของราเฟรน่า....."

                "แล้วอีกคนล่ะท่าน.....คนที่อาจเป็นไปไม่ได้ หรือว่า!!"มาเฮโดสพูดอย่างตกใจ ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามพยักหน้าเบาๆ

                "มันเป็นสิ่งที่ข้าสันนิฐานขึ้นเท่านั้นมาเฮโดส อย่าตกใจไป ถ้าผู้นั้นตื่นขึ้นมา ป่านนี้พวกเราก็คงจะรู้สึกตัวไปแล้วล่ะ"ยูเรมกล่าวเบาๆ พร้อมกับใต้ดินในอีกสถานที่นึงในเวลาเดียวกัน โลงศพสีน้ำตาลแดงที่ตั้งอยู่บนแท่นหินสูงค่อยๆถูกแง้มออกจากภายใน ดวงตาสีแดงของผู้ที่อยู่ในโลงลุกโชน

     

                .....ถึงเวลาแล้ว....ทายาทแห่งข้า.....เวลาที่พลังของเจ้า.....จะมาอยู่ในตัวข้า...."

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×