ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #12 : ผู้กลับมา คำสารภาพจากชายผมทอง

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 50





            "
    ส่วนเธอ รีเน่ ฮาเวอรี่ ไม่สิ . . . ราเฟรน่า คราโทนอฟ เดอะปริ๊นเซส ออฟ มาคาร์ไลท์"สิ้นเสียง  เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลยาวนิ่งลง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ปากสั่นเทิ้มด้วยความตกใจ

    "จ . .จะ . .จะบ้าหรอ! . . เจ้าหญิงราเฟรน่าเธอตายไปแล้ . . .!

    "หายสาปศูนย์ มิได้ตายจาก"ชายหนุ่มผมดำเปรยขึ้นเบาๆ

    "ใช่ เจ้าหญิงราเฟรน่ามิได้ตายจาก หลังจากที่ตระกูลฮาเวอรี่ที่เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งพาซีได้พยายามลักพาตัวเจ้าหญิงราเฟรน่าที่ทรงพระเยาน์เพียง11ปี โดยผู้ว่าจ้างงานนี้ก็คือไพรเมอร์ คิงออฟฟาเรนเดียร์คนปัจจุบัน ตอนนั้นท่านเซ็ท หรือ เซฟาร์ ราคูเซ็ท คราโทนอฟ พระราชาแห่งมาคาร์ไลท์ และพระชายาของท่าน ได้พาพระราชธิดาและสหายของพระธิดาอีกสองคนมาเที่ยวที่ชายแดนโคมะ ซึ่งพระธิดาคนนั้นก็คือเธอนั่นเอง!"เอนวารากล่าวจบแล้วชี้มายังรีเน่ในทันที

    "และในวันนั้น คารีรา ฮาเวอรี่และคนในครอบครัวอีกกว่าสิบคนได้บุกเข้าชิงตัวเธอเพื่อจุดชนวนสงคราม . . ."

    "เดี๋ยว!"รีเน่ยกมือขึ้นหยุดการพูดของชายผมฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้าม

    "มีไร?"เด็กสาวผมทองข้างๆถามอย่างสงสัย

    "ชั้นรู้สึกพวกนายมั่วกันไปเองนะ ไม่มีหลักฐาน! ไม่มีมูลเหตุ! ไม่มีเปอเซนต์ที่เจ้าหญิงราเฟรน่าก็คือชั้น!"รีเน่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    "มีแน่!"ยูเรมตะโกนลั่นพร้อมกับจ้องเขม็งมายังกลางอกของเด็กสาว ดวงตาสีแดงแวววับ

     สร้อยคอค่อยๆลอยออกจากเสื้อแขนกุด อัญมณีสีเขียวเรืองแสงอ่อนๆตรงหน้าเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล

    "อย่างแรกคือ สร้อยเงินที่มีแร่มาลาไคต์อยู่ภายในจี้ รอยสักดาร์ควิงส์ที่อยู่กลางหลัง และสิ่งที่ยืนยันได้มากที่สุดก็คือ อาวุธอย่างเดียวที่ท่านเซ็ทได้มอบให้กับพระธิดาของพระองค์ มีดสีดำที่มีใบมีดขนาดใหญ่ แต่เบาดุจขนนก มีดในตำนาน มีดดับตะวัน"ยูเรมกล่าวพร้อมกับหันไปทางอื่น สร้อยมาลาไคต์ล่วงลงบนหน้าอก รีเน่เอื้อมไปแตะมีดคู่กายของตนที่เหน็บอยู่ด้านหลัง ดวงตาสีดำสวยสั่นระริกด้วยความตื่นตกใจกับความจริงที่ได้รับ

    "เดี๋ยว!...แล้วทำไมเมื่อห้าปีก่อนชั้นอยู่ที่ฮัคซูนไม่ใช่โคมะล่ะ!"เสียงหวานใสสั่น เอนวาราตีสีหน้างงงวยแล้วหันไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยูเรมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

    "นั่นเป็นเพราะหนึ่งในพลังของดับตะวัน 'เคลื่อนย้ายมวลสาร' เธอปลุกพลังของมันออกมาในตอนนั้น ซึ่งก็คือตระกูลฮาเวอรี่หายสาบศูนย์ไปหมดสิ้น ยกเว้นสเวนฮาเวอรี่ที่มิได้ร่วมทำงาน และเธอมาโผล่ที่ชายแดนพาซีหรือเมืองฮัคซูนนั่นแหละ มาพร้อมกับปิศาจคนสนิท . . ."

    "ปิศาจตัวสนิท?"รีเน่ขึ้นเสียงสูงอย่างสงสัย

    "ก็ . . .อุ๊บ!"เอนวาราอ้าปากพูด แต่มือหนาของคนข้างๆเอื้อมมาปิดไว้อย่างทันที แล้วส่งสายตาไปใส่ชายหนุ่มผมฟ้าเป็นเชิงว่า ขอเป็นคนพูด

            "ปิศาจตนนั้นก็คือ . . ."

    "เดียโบส . . ."ชายหนุ่มผมทองพูดขึ้นท่ามกลางห้องประชุมที่มีเพื่อนของตนอีกสามคนรุ่นพี่ประจำหออีกสองคนและผอ.หัวเขียวอีกคน หญิงสาวผมขาวพยักหน้าเบาๆแล้วพูดต่อ

    "ตอนที่องค์หญิงราเฟรน่าใช้พลังของดับตะวัน ตัวข้าที่อยู่เคียงข้างองค์หญิงมานานก็ได้ถูกพามาที่ฮัคซูนเหมือนกัน แต่พลังเวทอันมหาศาลขององค์หญิงได้ล้นทะลักออกมาอย่างมิอาจควบคุมและพลังปิศาจที่แผ่ออกจนถึงขีดอันตราย ข้าจึงทำการผนึกพลังนั้นไว้ ด้วยหนึ่งชีวิต หนึ่งความทรงจำสิบเอ็ดปี เข้าผนึกพลังไว้จากแกนใน องค์หญิงจะได้เป็นเหมือนมนุษย์สามัญธรรมดา มิต้องถูกรุกรานโดยชาวมนุษย์อีก แต่ก็ได้เพียงแค่ห้าปีเท่านั้น . . ."เดียโบสเงียบลงแล้วยกชาร้อนขึ้นจิบ บรรยากาศภายในห้องประชุมเหมือนกับห้วงมิติที่ไร้ซึ่งความสนุกสนาน เซเรสหน้าซีดลงยิ่งกว่าเดิมก่อนจะทุบโต๊ะดังสนั่น

    "เดียโบส! ใครเป็นคนพาตัวรีเน่ไป! บอกแค่นี้ก็พอ!"เซเรสตะโกนลั่น พร้อมกับที่สาวเจ้าหัวเราะเบาๆ

    "มิต้องเป็นห่วงไปเจ้าชาย ผู้ที่พาตัวองค์หญิงไปนั้นคือพระสหายขององค์หญิงเป็นแน่แท้ พวกเค้าทั้งสองย่อมต้องรู้วิธีหยุดพลังเวทเป็นแน่ บางทีพลังเวทนั้นอาจตื่นขึ้นไม่มากหนัก หรือไม่ก็ไม่ตื่นอีกเลยกระมัง"กล่าวจบ หญิงสาวก็ยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย แต่ก็สร้างความสบายใจให้แก่ห้องประชุมในระดับหนึ่ง

    "เอ ถ้างั้นตอนนี้รีเน่ก็ไม่ต่างกับถังบรรจุพลังเวทที่พร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อสินะ"หญิงสาวประธานหอถามขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน

    "ใช่ . . .ทำไมหรอ"เดียโบสตอบแล้วลุกบิดขี้เกียจ

    "ชั้นได้ยินมาจากเคธ เจ้าชายของฟาเรนเดียร์มาว่า กษัตริย์ไพรเมอร์คิดจะก่อสงครามกับมาคาร์ไลท์อีกครั้งซึ่งก็ซ้อนรอยเหตุการณ์เดิม ศึกชิงรัชทายาท!"ฟินาเร่เอ่ยเสียงเครียดไม่สมตัว บรรยากาศกลับมาสู่ห้องประชุมอีกครั้ง

    "ตายหอง! คทาโทริฟาเรียอยู่ที่นี่! ผนึกมารก็อยู่ที่นี่! รีเน่ก็ต้องลุยกับฟาเรนเดียร์ทั้งกองทัพโดยไม่มีอาวุธขยายเวทเลยสิเนี่ย!"ชายหนุ่มผมแดงตะโกนลั่น ทำให้เซเรสเริ่มหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

    "นี่ทุกคน เงียบแป๊บนึงนะ"เด็กสาวผมม่วงพูดขึ้นแล้วมองไปยังสามหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม ใบหน้าของทั้งสามนิ่งเงียบราวกับใช้ความคิด ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวจากชายหนุ่มทั้งสาม มีเพียงแค่

                    คร่อก . . .

                     ปึด!

    "เซเรส นายใช้วิถีที่เก้าของหอกนายใส่ไอ้สามคนนี้หน่อยสิ"ฟินาเร่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    "มันจะดีหรอ?"

             "ดีไม่ดียังไง นี่คือคำสั่งของประธานหอนะจ๊ะ!"เซเรสจะเถียงกลับ แต่ไม่ทันได้เถียง เมื่อดวงตาสีมรกตเหลือบไปเห็นคิ้วสวยที่กระตุกถี่ยิบ หอกสีขาวนวลปรากฎขึ้นข้างกายฝ่ามือของชายหนุ่ม เซเรสชูปลายหอกขึ้นฟ้า พร้อมกับยกมืออีกข้างมากุมที่อก

                  

                              เปิดวิถีที่เก้า

                           หยาดน้ำตาจากดวงดาว

    ปลายหอกสีขาวสว่างขึ้น พร้อมกับความเย็นของน้ำสำผัสร่างของชายทั้งสาม ชายทั้งสามเบิกตาขึ้นพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย ปากขยับขึ้นพร้อมกับเปร่งเสียงออกมา

    "เย็น!!"ทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับที่สายตาของคนทั้งห้องจ้องมายังพวกเค้าทั้งสาม ผู้อำนวยการหนุ่มยิ้มแห้งแล้วเถไปยังคนข้างๆ

    "ซิลเวอร์คุง จดหมายที่เธอส่งให้คนนั้นมันถึงรึยังหว่า?"ฮาร์ฟถามลูกศิษย์ของตน ผู้ถูกถามเถไปยังรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ(ทั้งห้องมองตามราวกับดูว่าจะพูดอะไรต่อ) โทบิสะดุ้งก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนึงขึ้นมาดู

    "ส่งไปเมื่อตอนเที่ยงยี่สิบ ถ้าไม่ผิด ตอนนี้คนๆนั้นกำลังภารกิจอยู่แถวๆชายแดนโคมะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากK.K.K. ซึ่งคนๆนั้นจะถึงที่นี่ประมาณ . . ."โทบิขีดๆเขียนคำนวณเวลาอยู่พักนึง แล้วนิ่งไป

                     ปึง!

    "เค้ากลับมาแล้วครับท่าน!"ชายหนุ่มผมดำตะเบ็งอย่างสุดเสียง แล้วก็วิ่งออกจากห้องไป โทบิวางดินสอลงกับโต๊ะ มือเล็กๆสั่นอย่างรุนแรง

    " . . .เค้าจะกลับมาประมาณตอนนี้"

     "ไอ้ฮาร์ฟ! แกอยู่ที่ไหน! ฟีเน่! ซิลเวอร์! ออกมาให้หมดทุกหัว!"เสียงทุ้มต่ำตะโกนมาแต่ไกล ผู้ถูกเรียกสะดุ้งพร้อมกันแล้วมองหน้ากันอย่างมิได้นัดหมาย

     'ใจเย็นก่อนฮาเวอรี่! ใจ . . .ว๊ากกกกกก!'เสียงกรีดร้องของชายหนุ่มเมื่อครู่ร้องลั่น  สองชายหนุ่ม หนึ่งเด็กสาวและหนึ่งปิศาจมองหน้ากันอย่างงุนงง

    ฮาเวอรี่? ตะกี๊ชายคนนั้นตะโกนว่าฮาเวอรี่ ทั้งๆที่รีเน่ไม่อยู่แล้ว . . .หรือว่า!

     สิ้นความคิด บุคคลคนนั้นก็โผล่ขึ้นที่หน้าประตู ผมสีน้ำตาลเข้มหั่นซอยสั้น ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำ ออร่าสีเหลืองแผ่ออกทั่วร่างกาย เสื้อแขนยาวสีดำแถบทองซีดขาดวิ่น กางเกงสีดำสนิทที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน แถบชื่อที่ปักอยู่ใต้สัญลักษณ์ประจำโรงเรียนที่เจือจางลง แต่ยังเห็นได้ชัดอยู่

                              สเวน . . .ฮาเวอรี่

     สายลมยามราตรีพัดผ่านใบหน้าหวานของเด็กสาวนาม รีเน่ ฮาเวอรี่ หรืออีกนามนึงที่เพิ่งจะรับรู้ได้ไม่นาน ราเฟรน่า คราโทนอฟ พระธิดาเพียงคนเดียวของ เซฟาร์ ราคูเซ็ท คราโทนอฟ พระราชาแห่งมาคาร์ไลท์. . .

     ลมผ่านเสื้อแขนกุดบางๆของเด็กสาวไป รีเน่ยกมือขึ้นกุมไหล่บางของตนพร้อมกับทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่มีเพียงแมกไม้นาๆพันธุ์

    "หนาวหรอราเฟรน่า?"ชายหนุ่มผมดำถามรีเน่อย่างเป็นห่วง รีเน่พยักหน้าเบาๆ ยูเรมถอดผ้าคลุมสีดำของตนยื่นให้กับเด็กสาว

    "ขอบคุณมาก คุณยูเรม . . ."รีเน่กล่าวขอบคุณแล้วก็ยกผ้าคลุมขึ้นปิดไหล่บางไว้มิดชิด ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยแล้วพิงหัวลงที่หน้าต่าง

        

    "แล้วนี่เราจะไปที่ไหนกันหรอเอวาร"รีเน่ถามชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม

    "เราจะกลับมาคาร์ไลท์กัน . . ."เอนวาราตอบพร้อมกับชายตามองมายังวิโอลาที่นั่งหลับเป็นตายอย่างขบขัน

    "คนแก่นี่หลับง่ายจริงๆเนอะราเฟรน่า"ชายหนุ่มผมฟ้าเอ่ยอย่างขบขัน รีเน่หันไปมองแล้วก็หัวเราะร่าอย่างไม่สมหญิง ชายหนุ่มผมดำหันมายังเด็กสาวที่หัวเราะร่า

    "ราเฟร . . ."

             "เรียกรีเน่เหอะ ชื่อจริงชั้นยังไม่คุ้น"รีเน่เปรยขึ้นแล้วเบาๆ

             "โอเค รีเน่ ชั้นรู้นะว่าเธอความจำเสื่อม แต่ในตอนอายุสิบเอ็ด ที่เธอไปโผล่ที่ฮัคซูนนั้น จวบกับที่ สเวนฮาเวอรี่ ต้องออกตามหาพวกคนในตระกูลแล้วดันมาเจอกับเธอ คำถามก็คือ     มันทำยังไงเธอถึงกลายเป็นผู้ชายไปได้?"ยูเรมถามอย่างสงสัย

    "รู้จักยาสองอุทัยเปลี่ยนกายามั้ยล่ะ?" ชายหนุ่มทั้งสองส่ายหน้า

             "มันเป็นยาที่ทำขึ้นจากเลือดนักฆ่าชั้นสูง ซึ่งก็คือตระกูลฮาเวอรี่นั่นแหละ มันต้องผ่านกรรมวิธีที่โคตะระยุ่งยากมากๆ ซึ่ง ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันทำยังไง มันถือเป็นของสำคัญอย่างหนึ่งในตระกูลนี้เลยล่ะ คนที่กินนั้นจะกลายเป็นเพศตรงข้ามตลอดไป เพราะยานี้ทำการลงมนตราไว้ ซึ่งพอกินเข้าไปมันจะกระจายเข้าสู่กระแสเลือด มนตราที่ลงไว้ในยาจะเป็นตัวจับตัวยาไว้ไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพไป มันสามารถแก้ได้ง่ายๆแค่ปลดปล่อยพลังเวทให้โคจรในร่างซึ่งชั้นทำไม่ได้หรอกนะ มันยากเอาการทีเดียว แต่คนที่ทำได้พลังกายจะมากขึ้นกว่าปกติในระยะเวลาสั้นๆ มีแต่คนในตระกูลฮาเวอรี่เท่านั้นแหละที่ทำได้ . . ."

     ซักพัก เกวียนเทียมก็จอดลงข้างๆทะเลสาบแห่งหนึ่งที่พื้นน้ำสะท้อนกับแสงจันทร์สว่างไสว

    "ถึงไหนแล้วเนี่ย?"รีเน่ถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม เอนวาราเปิดประตูเกวียนออกแล้วก้าวลงออกจากเกวียน

    "คาดว่าจะอยู่แถวๆชายแดนของเวลแล้ว ใช่ป่ะ?"เอนวาราหันไปถามยูเรมที่เดินตามลงมา

             "อืม ทะเลสาบเอเกส มีที่เดียวในเวลเท่านั้น สิ่งที่บ่งบอกง่ายๆคือยังมีร่องรอยที่ชั้นสู้กับซอโอรีอยู่ตรงนั้น . . ."เด็กหนุ่มว่าแล้วชี้ไปยังอีกมุมหนึ่งของทะเลสาบที่แหว่งไปกว่าสิบตรารางเมตร เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลกระโดดออกจากเกวียนพร้อมถีบหลังของชายหนุ่มผมดำอย่างรุนแรงจนหน้าคะมำลงกับพื้น

    "ถีบชั้นทำไมเนี่ยราเฟร . . . เอ๊ย! รีเน่!" ยูเรมค่อยๆลุกพร้อมกับลูบหลังตัวเองป้อยๆ รีเน่กลับกอดอกแล้วทำหน้าบึ้งตึง

    "ซอโอรี สัตว์ประหลาดเจ้าถิ่นของที่นี่ดันไปโผล่ที่ชายแดนพาซีซะได้ . . ."หญิงสาวเค้นเสียงแล้วหักข้อนิ้วเบาๆ แต่ทำให้ชายหนุ่มผู้ต้องหาถึงกับยิ้มเจื่อน

    "แค่จาทดสอบเฉยยยยยยยยยยๆ"เด็กหนุ่มพูดเสียงยานอย่างโกหก รีเน่ไม่รอช้า หมัดแรกซัดเข้าที่แผ่นอกของชายหนุ่มผมดำจนกระเด็นตกน้ำไป หมัดสองซัดเข้าที่ชายหนุ่มผมฟ้าจนกระเด็นไปตกที่เดียวกัน ชายหนุ่มคนแรกโผล่พ้นจากพื้นน้ำได้แล้วยืนขึ้นซึ่งน้ำอยู่แค่เพียงเข่า พร้อมกับที่ตรงหน้าของเค้าคือหญิงสาวที่เพิ่งซัดตนตกน้ำ

    "มีอะไรจะพูดมั้ย?"รีเน่เอ่ยอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งๆที่ชายตรงหน้าสูงกว่าตนเกือบหนึ่งฟุต ยูเรมเกาแก้มอย่างไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็จับไหล่บางของคนตรงหน้าอย่างหวาดๆ พร้อมกับที่ชายอีกคนโผล่ออกมาจากน้ำพอดี

    "เธอจำอะไรเกี่ยวกับเราสองคนได้มั้ยรีเน่?" ยูเรมเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วยิ้มกริ่ม

        เหอะ คิดจะทำอย่างเจ้าเซเรสมันหรอ แกไม่ทำให้ชั้นตกใจได้หรอกน่า!

                     รีเน่คิดอย่างลำพอง พร้อมกับดีดคางของคนตรงหน้าเบาๆ

               "จำไม่ได้ซักนิดฟ่ะ"สิ้นเสียง แล้วก็ยิ้มอย่างสะใจ เด็กสาวหันไปมองพระจันทร์ที่อยู่ด้านหลังอย่างสบายอารมณ์

    เซเรสมันคือใคร! ถึงกับทำให้เธอลืมชั้นได้! ราเฟรน่า! ชั้นจะทำให้เธอจำให้ได้!

     รีเน่กระชับผ้าคลุมของตนอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อจู่ๆก็รู้สึกว่ามีไอเย็นแผ่ออกจากด้านหลัง ชายหนุ่มวางมือหนาไว้ที่ไหล่ของเด็กสาว รีเน่ค่อยๆหันหลังไปยังชายหนุ่มผมดำที่หน้าตายิ้มอย่างอ่อนหวาน แต่ฉายแววความเจ้าเล่ห์อยู่ตงิดๆ

    "งั้นมาทำกิจกรรมที่เมื่อก่อนเราทำกันดีกว่านะราเฟรน่า..."รีเน่รีบหันไปยังชายหนุ่มผมฟ้าเป็นเชิงคำถามว่า ที่ยูเรมกล่าวนั้นคืออะไร เอนวาราทำท่าถูตัวไปมาอย่างรุกรี้รุกรนแล้วจู่ๆก็โบกมือลา

    "รอดกลับมาให้ได้นะราเฟรน่า ชั้นว่ามันเอาจริงง่ะ"ชายหนุ่มว่าแล้ว ก็รีบวิ่งขึ้นเกวียนเทียมไปอย่างรวดเร็ว! รีเน่ค่อยๆหันมามองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าที่เริ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมากว่าร้อยเปอเซนต์เสียแล้ว!

             "เอ่อ...ทำอะไรหรอยูเรมจัง...คงจะเป็นประลองเวทกันช่ายม๊า~"เด็กสาวเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับล้วงมือเข้าไปลูบท้องชายหนุ่มตรงหน้า ยูเรมยิ้มแป้นแต่ใบหน้าของเด็กสาวกลับยิ้มเจื่อนอย่างเสียวไส้ ว่าที่ตนคิดนั้นมันเป็นความจริงรึเปล่า...

    "ไม่ใช่ประลองหรอก..."กล่าวเสร็จ มือหนาก็เอื้อมไปปลดผ้าคลุมสีดำให้หลุดออกจากไหล่บาง รีเน่สะดุ้งอย่างตกใจกับความเย็นที่ได้รับ เจ้าของเสื้อแขนกุดสีขาวบางเริ่มสั่นระริก

    "แก้ผ้าอาบน้ำ!"ชายหนุ่มเอ่ยดังๆพร้อมกับเอื้อมไปจับเสื้อด้านหลังของรีเน่

             "Posion mark!!!"รีเน่ร่ายเวทแสนถนัดลั่นไปทั่ว ยูเรมเลิกคิ้วอย่างงุนงงแล้วยิ้มอย่างมีชัยในเวลาเดียวกัน

    "ลืมไปรึเปล่า ตอนนี้เธอใช้มนตราไม่ได้" ชายหนุ่มเปรยเบาๆพร้อมกับผลักร่างบางของรีเน่มให้ล้มลงกับพื้นน้ำ ชายหนุ่มรวบสองข้อมือบางไว้แน่นพร้อมโน้มหน้าเข้ามาใกล้

             "ถ้ายังจำไม่ได้ เธอเสร็จชั้นแน่ ราเฟรน่า..."

    ห้องประชุมใหญ่ประจำสถาบันK.K.K.ในเวลาไล่เลี่ยกัน

    "เวนี่จ๋า อย่าเคืองกันเลยน๊า มันเป็นเหตุฉุวิฉั๋ยจริงจิ๊ง"ชายหนุ่มผมเขียวรีบยื่นแก้วน้ำชาให้กับชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่ใบหน้าบัดนี้บึ้งตึงราวกับปิศาจอย่างออดอ้อน เด็กปีหนึ่งและปิศาจภายในห้องหันมามองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดเซียว

    "ได้ยินมาว่าสเวนอ่ะ หวงรีเน่มากเลยนะรู้ป่ะ ใครแตะทีนี่ก็ เลือดตกยางออกกันเป็นแถว"อัมบรากระซิบเบาๆแต่ให้พอที่จะให้ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลชำเลืองตามา

    "ใช่ๆ ถ้าพี่เค้ารู้ว่ามีใครบางคนไปทำอะไรกับน้องเค้านะ บรึ๋ย..ไม่อยากจะคิด"ฟาร์เอ่ยเบาๆ แต่มิได้กระซิบ เสียงของฟาร์ดังพอที่จะให้ทั้งห้องได้ยินเลยทีเดียว! สเวนรีบหันมายังเจ้าของเสียงแทบจะทันทีจนทำให้เจ้าของเสียงเมื่อครู่สะดุ้งโหยง

    "ใครทำอะไรน้องชั้น!"ชายหนุ่มตะโกนลั่นพร้อมมือหนาเรียกเปลวเพลิงสีฟ้าสุกสกาวออกมา ฟาร์หันไปมองที่อัมบราแล้วพยักหน้า หันไปยังเดียโบสแล้วพยักหน้า แล้วก็ข้ามโต๊ะมาอยู่อีกฝั่งอย่างรวดเร็ว!

    "เซเรสเอรูทีสทำคนเดียวขอรับ!/เจ้าค่ะ!"ทั้งสามชี้แล้วตะโกนลั่น เซเรสสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำจดจ้องมายังดวงตาสีเขียวมรกตอย่างแค้นเคือง

    "นาย! ทำ! อะ! ไร! น้อง! ของ! ชั้น!"ชายหนุ่มตะโกนลั่นพร้อมพุ่งฝ่ามือที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงเข้าใส่เซเรส!

    มีเรื่องแล้วไง!

                    ทุกคนในห้องคิดอย่างเอือมระอา

    "ดับสิ้นสุญญากาศ!"เซเรสตะโกนลั่น พร้อมกับเปลวเพลิงสีฟ้าดับลงอย่างฉับพลัน จึงมีแต่แรงของฝ่ามือเฉี่ยวแขนของชายหนุ่มไป สเวนง้างหมัดเพื่อจะต่อยอีกครั้ง มือซ้ายห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าสุกอีกครั้ง!

              "กระจกเงาสะท้อน! ดับสิ้นสุญญากาศ! พิฆาตใยแมงมุม!"เด็กสาวผมดำเจ้าของหอวีนัสตะโกนลั่นอย่างรวดเร็ว กระจกรีขนาดส่องทั้งตัวปรากฎขึ้นพร้อมกับที่เปลวเพลิงหายไปอีกครั้ง ฟินาเร่สะบัดเส้นเอ็นอย่างชำนาญจนเป็นรูปใยแมงมุมขึงจากเพดานจรดพื้นโดยมีสเวนอยู่ที่ใจกลาง

    แต่ใยแมงมุมไม่ทนมากนัก สเวนสบัดตัวอย่างรุนแรงจนเส้นเอ็นเริ่มหลวมขึ้น ชายหนุ่มชูปลายหอกสีขาวนวลไปที่สเวนพร้อมร่ายเวทเบาๆ น้ำแข็งเกาะไปตามเส้นเอ็นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นใยน้ำแข็งที่รั้งตัวสเวนไว้มิให้ขยับได้

             "เจ้าบ้า! แน่จริงตัวๆสิวะ!"ชายหนุ่มผมน้ำตาลอ่อนตะโกนลั่น เซเรสคุกเข่าลงกับพื้น สเวนเลิกคิ้วอย่างงุนงง

    "ท่านสเวน โปรดฟังข้าก่อน..."ชายหนุ่มเอ่ยเรียบๆ แต่ทำให้ทั้งห้องต้องหยุดเงียบ

    "ที่ข้าทำไปนั้น เพียงเพราะข้า . . ."

    "เจ้าทำไม!"สเวนตะโกนลั่น หลังจากที่เซเรสหยุดพูด เซเรสเงยหน้าขึ้นมองอย่างมั่นใจ

                                         

    "ข้าชอบสตรีที่ชื่อ รีเน่ ฮาเวอรี่. . .ชอบมาตั้งแต่ห้ากว่าปีก่อนแล้วด้วย ข้าชอบเธอ . . ."


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×