ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lucky KilleR

    ลำดับตอนที่ #11 : ลักพาตัว ราเฟรน่า คราโทนอฟ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 50


      

     

     

                ประกายแสงของเวทมนต์ธาตุแสงถูกปล่อยออกมาเป็นทางยาว ชายหนุ่มผมสีทองสว่างกระโดดหลบ พร้อมกับที่กระแสไฟฟ้าหลากสีพุ่งมาอีกทาง เซเรสเอี้ยวหลบอย่างเฉียดฉิว ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากฟ้า หอกสีขาวสว่างพุ่งทะลวงลูกไฟจนไฟแตกออก มีดพกราวสิบเล่มถูกโยนจากรอบทิศของชายหนุ่ม เซเรสพึมพำเบาๆพร้อมกับประกบมือเข้าหากัน สายลมพัดมีดที่อยู่รอบๆให้กระจายออกไป ชายหนุ่มปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยล้าพลางคิดอย่างเจ็บใจ(ทำไมชั้นต้องเป็นตัวแทนด้วยฟะ!)

     

    ราวๆสามชั่วโมงก่อน

     

                "นี่เซเรส นายตอกตะปูไม่เป็นหรือไง!"

                "นายลืมอะไรไปไหม ชั้นมันเจ้าชายนะ"

                "เป็นเจ้าชายแล้วตอกตะปูไม่เป็นเนี่ยนะ"รีเน่บ่นอย่างหัวเสีย พร้อมกับตอกตะปูที่พื้นอย่างชำราญ ผมที่ยาวเคลียไหล่ถูกเก็บไว้ในหมวกเก่าๆ ร่างกายถูกร่ายมนต์พลางตาไว้ไม่ให้ใครเห็นถึงสภาพจริง แต่ใบหน้าก็ยังสวยเฉกเช่นเดิม เสื้อแขนกุดสั้นกางเกงยีนส์ที่ใส่มาพร้อมลุยกับงานก่อสร้าง(ทำฟรอเต้นรำ)

                และคนข้างๆ ชายหนุ่มผมทองตาสีเขียวมรกตหน้าตาดี เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงสีเทาขายาวเหมือนกัน กำลังตอกตะปูเบาๆ ผิดกับคนข้างๆที่ตอกโช๊ะเดียวสนิท ฟาร์และอัมบราเดินคู่กันอย่างกับคู่รักแรกหวาน ถ้าไม่ฟังบทสนทนานะ

                "นี่รู้มั้ย เธอน่ะเต้นได้ห่วย!ชะมัด ตีนชั้นระบมไปหมดแล้ว"ชายหนุ่มกล่าวแล้วก็ยิ้มอย่างไมตรีแถมเน้นคำว่าห่วยซะไม่มี เด็กสาวยิ้มตอบแล้วย้อนกลับไป

                "ก็ยังดีกว่านายแหละ จังหวะผิดบานเลย . . ."กล่าวเสร็จก็ยิ้มให้กัน โดยมีเด็กหนุ่มชาวตะวันออกคนหนึ่งที่เดินตามมาอย่างหวาดเสียว 

                "นายว่างั้นไหม โทบิ"ทั้งคู่หันมาถามเด็กหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม(เอ๊ะ! ตรงหน้าผากมีรอยเส้นเลือดด้วย) เด็กหนุ่มทำหน้ากระอักกระอวน แล้วก็ทุบมือของตนอย่างนึกได้

                "ผมต้องไปหารุ่นพี่ซิลเวอร์น่ะ ลืมไปเลย ไปนะครับ  . ."กล่าวจบ เด็กหนุ่มก็หันไปด้านหลัง แต่มือเรียวและมือหนาคว้าเข้าที่บ่าของเด็กหนุ่มทำให้ร่างเล็กๆล้มลงกับพื้นดังลั่น ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีดำสนิทหัวเราะร่า พร้อมกับตอกตะปูตามพื้นต่อไป ชายหนุ่มผมทองก็หัวเราะเล็กน้อยแล้วก็ล้มตัวลงนอนในทันที รีเน่หันมามองอย่างอดไม่ได้แล้วก็ใช้เท้าถีบเข้าที่ลำตัวอย่างจัง ชายหนุ่มกุมท้องที่โดนถีบอย่างเจ็บปวด แต่ก็ค่อยๆนอนหลับต่อ

     

                "เฮ้ เอรูทีส ลุกขึ้น!"เสียงทุ้มๆต่ำๆดังขึ้น ชาวหนุมผมทองเบิกตากว้าง ชายหนุ่มผมสีเงินยาวปิดหน้าปิดตากำลังถือกระดาษแผ่นนึงพร้อมกับปากกาหมึกซึมหนึ่งด้าม

                "ชั้นเปลี่ยนรายการที่เราจะทำแล้วนะ ไม่มีเต้นรำแล้ว . . ." สิ้นเสียง เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ก็กระโดดโหยงๆอย่างดีใจ แต่ชายหนุ่มอีกคนกลับขมวดคิ้วอย่างสงสัย

                "เราจะเปลี่ยนเป็นการประลองแทน โดยจะใช้ไอ้ฟรอเต้นรำนี้เป็นที่ประลองแทน"รีเน่กระโดดเป็นกระต่ายอย่างดีใจ ชายหนุ่มผมเงินหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองกระดาษในมือของตน

                "นักเรียนปีหนึ่งตัวแทนจากหอเราสี่คนคือ อัมบรา ซันฟายน์  เซเรส เอรูทีส โทบิ ฟูคาดะ ทาทะลัส เพอซิอูส . . ."เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลไหม้ชะงัก เมื่อไม่ได้ยินชื่อของตนออกจากปากของรองประธานหอ

                "ทำไมไม่มีชื่อผมล่ะรุ่นพี่!"

                "ชั้นไม่อยากให้เธออยู่ในสภาวะที่เสี่ยงเกินไป ชั้นจึงให้เธอทำอย่างอื่นแทน"ชายหนุ่มตอบอย่างเรียบเฉย

                "แต่ถ้าชนะชั้นได้ มันก็อีกกรณี"ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะส่งกระดาษกับปากกาหมึกซึมไปให้ชายหนุ่มผมทองแล้วหันมาทางเด็กสาวผมสีน้ำตาลในคราบเด็กหนุ่มหน้าสวยตัวเล็กๆ รีเน่เรียกคทาสีดำคู่ใจของตนออกมา พร้อมกับชูมือขวาที่มีกำไลสีดำสวยขึ้นฟ้า

                "จงขานรับเสียงเรียกจากข้า ผนึกมาร!" ดาบใสที่มีด้ามจับสีดำปรากฏขึ้นบนมือของเด็กหนุ่ม

                "เฮ้ย! ดาบนั่นมันชื่อดูดกลืนเวทไม่ใช่หรอ . . .!"

     

                ~[มันมีอีกชื่อว่า ผนึกมาร]~

                ชายหนุ่มตะโกนอย่างตกใจ พร้อมกับตามมาด้วยเสียงแหบต่ำจากกำไลสีดำ รีเน่กำคทาสีดำไว้แน่น พร้อมกับสะบัดดาบใสอย่างรวดเร็ว วงคลื่นดาบพุ่งเป็นแนวยาว เจ้าของเรือนผมสีเงินกระโดดหลบอย่างง่ายดาย ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังของซิลเวอร์ก็เอี้ยวตัวหลบอย่างเฉียดฉิว ก่อนจะถีบตัวออกมาใกล้กับเพื่อนอีกสามคน

                "นี่ ไอ้พวกบ้า พวกนายไม่เห็นสองคนนั้นเค้าสู้กันหรอไง รีบหนีเร็ว!"ชายหนุ่มผมทองพูดอย่างลวกๆแล้วก็ตบหัวของทั้งสามอย่างรวดเร็ว

                "เซเรส แกมาต . . . .!!"

                ซูม! ตูม!!!

     

                เคลื่นดาบวิ่งผ่านหน้าของชายหนุ่มผมแดงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงระเบิดที่มาพร้อมกับไอความร้อน อัมบราและโทบิหันพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย แล้วก็รีบกระโดดขึ้นไปยังชั้นสองโดยจับชายหนุ่มผมแดงขึ้นมาด้วย เด็กหนุ่มร่ายเวทอย่างคล่องปรื๋อ พร้อมกับสายฟ้าขนาดใหญ่พุ่งทะยานลงมาจากฟ้า ชายหนุ่มผมเงินวางมือลงกับพื้น พร้อมกับที่ก้อนหินขนาดใหญ่พุ่งทะลุพท้นไม้ออกมากันสายฟ้าไว้ได้อย่างทันท่วงที ซิลเวอร์วางมือลงกับพื้นอีกครั้ง

                "ข้าแต่เทพแห่งขุนเขา ข้าจักขอยืมพลังของท่าน . . . กรงหินกักอสูร!"แท่งหินจำนวนมากพุ่งทะลุพื้นไม้ แล้วก็ปักล้อมรอบเด็กหนุ่มนามรีเน่ไว้อย่างรวดเร็ว ซิลเวอร์กระโดดออกจากหลังแท่นหินมาอยู่หน้ากรงหินที่ภายในมีเด็กหนุ่มที่กำลังร่ายเวทอยู่

                " . . .ผสานพลังแห่งมนตราอสูร ผู้ส่งสารจงขานรับเสียงเรียกของข้า จงออกมา . . ." ชายหนุ่มรีบวางมือลงที่กรงหิน

    "ผนึกมนตรา กรงหินพันธนาการเวท!"

                "เดียโบส . . . .!"

                " . . . . . ."

                "เดียโบส . . ."เด็กหนุ่มเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่ก่อขึ้นภายในกรงหิน เสียงที่เธอร่ายเวทพลางให้เป็นเสียงทุ้มๆกลับกลายเป็นเสียงนุ่มหวานแทน เธอมองลงที่แผ่นอกของตนที่ควรจะราบเรียบ แต่มันกลับนูนออกมาเล็กน้อยกางเกงขายาวที่ตอนแรกก็หลวมอยู่แล้วก็ยิ่งหลวมเข้าไปใหญ่

     

               

                เค้ากับกลายเป็นผู้หญิงอีกแล้ว!

                เด็กสาวหันไปยังเจ้าของเรือนผมสีเงินที่อยู่นอกกรงหินนี้ เค้าเสยผมสีเงินที่ปิดหน้าไว้ออก หน้าคมคาย ตาสีเดียวกับผม จมูกโด่งได้รูป ปากที่กำลังยิ้มอย่างไมตรีจิต แล้วก็ค่อยๆขยับ

                "เธอควรไปฝึกกับหมิงหรือเคธซัก2อาทิตย์นะรีเน่"

     

                ~[หมิง? เคธ?]~

                "เป็นรุ่นพี่ที่เข้าภารกิจด้วยกันน่ะ"

                เสียงของเดียโบสดังขึ้นหลังจากเงียบไปนาน แล้วพอได้รับคำตอบ ก็เงียบลงอีกครั้ง

                "เอาล่ะ ตามที่ตกลงกันไว้ นายต้องทำอย่างอื่นแทน ถ้านายตกลงชั้นจะปลดผนึกพันธนาการให้. . ."ชายหนุ่มกล่าวแล้วก็ปล่อยผมให้ลงมาปิดหน้าอีกครั้ง จู่ๆชายหนุ่มผมสีทองเกิดขนลุกอย่างไม่รู้สาเหตุ แล้วก็หันมายังรุ่นพี่ผมสีเงิน

                "ชั้นจะให้เรดิลและนายรุมยำเอรูทีส . . ."

     

    กลับมาปัจจุบันอีกครั้ง

     

                "หนึ่งในกระบวนท่าไร้ขีดจำกัด! หมัดเจ้าปักษาถล่มขุนเขา!" เด็กหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มก้มตัววาดเท้าขัดขาชายหนุ่มผมทอง แล้วก็ฟาดขาซ้ายเข้าที่ข้อพับ ขาขวากวาดร่างชายหนุ่มให้ลอยสูงขึ้นจากพื้น รีเน่ตั้งหลัก พร้อมกับกระโดดขึ้นไปซ้ำ เซเรสเรียกหอกคู่กายออกมาเตรียมป้องกัน รีเนาวาดฝ่ามือเข้าที่กลางหน้าอก แล้วก็สลับซ้ายขวาไปมาอย่างรวดเร็วจนหอกขาวไม่อาจกันได้หมด เซเรสหมุนหอกประกายแสงหิมะอย่างเร็วจนเกิดพายุหิมะขนาดใหญ่ รีเน่ไม่สนพร้อมกับถีบบ่าของชายหนุ่มขึ้นสูง ตีลังกากลางอากาศสามรอบ แล้วพุ่งตัวเข้าใส่ชายหนุ่มอีกครั้ง กำปั้นเล็กๆกระทุ้งเข้าที่ท้องแล้วก็ต่อยซ้ำไปมาเรื่อยๆจากอากาศจนเกือบถึงพื้น รีเน่ถีบตัวออกห่างชายหนุ่ม พร้อมกับง้างกำปั้นไปทางชายหนุ่มแม้ตัวจะห่างกันหลายเมตร กระแสไฟฟ้าและอณูความเย็นก่อตัวขึ้นรอบๆกำปั้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็พุ่งออกไปพร้อมกับที่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลพุ่งกำปั้นไปด้านหน้า

     

                ตูม!!!!!!!

     

                สิ้นเสียงระเบิด ควันสีขาวก็ฟุ้งไปทั่วลานกว้าง รีเน่ก็ลอยตัวลงมายืนที่พื้นอย่างนุ่มนวล หอกสีฟ้าพุ่งเฉียดคอออกมา และก็พุ่งถี่ขึ้นอย่างรวดเร็ว รีเน่เอี้ยวตัวหลบด้วยความเร็วสูง เซเรสถีบตัวออกห่าง พร้อมกับชูปลายหอกขึ้นฟ้าด้วยมือข้างซ้าย

     

                เปิดวิถีที่5

                ป้อมปราการน้ำแข็งคุ้มภัย

     

                สิ้นเสียง อณูความเย็นก็ก่อขึ้นรอบๆชายหนุ่มผมทอง เกล็ดน้ำแข็งลอยฟุ้งไปรอบตัว

                ไพ่รูปนักรบสีแดงลอยขึ้นไปบนฟ้า ไอเวทพุ่งเข้าไปในไพ่ พร้อมกับไพ่เปลี่ยนเป็นนักรบชุดเกราะสีแดงดังภาพในไพ่ ดาบสีแดงเพลงที่ห่อหุ้มไปด้วยไฟ

                "เฟลมไนท์! ปลดปล่อยมังกรเพลิง!" ชายหนุ่มผมแดงตะโกนลั่น พร้อมกับที่อัศวินชุดแดงขยับไปมา ไฟที่ห่อหุ้มแค่ดาบ ก็เข้าไปครอกร่างของอัศวินแล้วค่อยๆก่อตัวเป็นรูปมังกรขนาดใหญ่พร้อมกับโถมเข้าใส่ชายหนุ่มผู้ใช้หอก อณูน้ำแข็งพุ่งเข้ามาก่อตัวเป็นกำแพงอิฐกันเปลวเพลิงรูปมังกรไว้ได้อย่างทันท่วงที เปลวเพลิงค่อยๆดับลงพร้อมกับน้ำแข็งที่ค่อยๆระเหยเป็นไอจนหมดสิ้น

                ชายหนุ่มพุ่งหอกทะลวงร่างของอัศวินเกราะแดง อัศวินกระอักเลือดก่อนที่จะกลับกลายเป็นไพ่ตามเดิม

                "เฮ้ย! ชักมันแล้วว่ะ ขอเล่นเวทมั่ง!" เสียงเกือบหวานของรีเน่ดังขึ้นอย่างกระตือรือร้น คทาโทริฟาเรียปรากฏขึ้นบนมือ อักษรรูน12ตัวเรียงเป็นวงกลมบนอากาศ เด็กหนุ่มวาดนิ้วไปมาจนเป็นอักษรรูนเหมือนกับทั้งสิบสองตัวแต่เรียงกลับด้านหมดแล้วซ้อนทับกับอักษรรูนวงแรก

                ลมค่อยๆหมุนเข้าสู่ใจกลางของวงกลมอักษรรูน เปลวไฟไหลเข้าสู่ใจกลางของวง น้ำแข็งไหลเข้าสู่ใจกลางของวง ไฟฟ้าไหลเข้าสู่ใจกลางของวง หิน ไม้ น้ำ ไหลเข้าสู่ใจกลางของวงจนกลายเป็นก้อนพลังงานที่คล้ายกับลูกบอลสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ อักษรรูนทั้งสองวงเริ่มหมุนขึ้นอย่างรวดเร็ว เซเรสมองสิ่งที่อยู่บนมือของเด็กหนุ่มอย่างพินิจ ก่อนจะร้องเหวออย่างตกใจแล้วตะโกนอย่างสุดเสียง

    "จงมา มิติจ้าวน้ำแข็ง!"อณูความเย็นลอยไปมาเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วจนคล้ายกับพายุขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม รีเน่ขว้างลูกบอลสีดำไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ประสานมือเข้าด้วยกัน

     

    Afra . . .Skrolus . . Gravijar!       

    ทันใดนั้น ลูกบอลสีดำก็หยุดค้างติ่งค่อยๆสั่นอย่างรุนแรง ลูกบอลค่อยๆเปล่งแสงสีดำออกมา ชายหนุ่มผมทองกระโดดขึ้นสูงพร้อมกับผลักอณูน้ำแข็งให้ล้อมรอบลูกบอลสีดำไว้

     

                บรึ้ม! .ฝุ่บ!

                แสงสีดำพุ่งขึ้นฟ้าเหมือนกับเสาแสงสีดำ แล้วอณูความเย็นก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นจนกักพลังของเสาแสงไว้ได้ ชายหนุ่มผมทองโยนหอกสีขาวฟ้าขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน ปลายหอกค่อยๆเรืองแสงอ่อนๆจนสว่างจ้า

                "เคลื่อนย้ายมนตรา! สะท้อนผืนน้ำ! สู่ฟ้าเบื้องสูง!" ฉับพลัน เสาแสงก็หมุนเป็นวงกลมคล้ายกรงจักรสีดำ เซเรสชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว  กรงจักรหายไปในฉับพลัน แสงสว่างดับลงหอกหล่นลงสู่พื้นดังเคล้ง!

     

                ตูม!!!!!!!

                เสียงระเบิดดังลั่น พร้อมกับแสงสว่างสีดำที่สว่างไสวอยู่บนฟ้าก้อนเมฆบนฟ้าถูกสูบเข้าไปในแสงจนหมดจนไม่เหลือก้อนเมฆซักนิดเดียว กระจกบนตึกเรียนสั่นอย่างรุนแรง แล้วแตกออกทุกบาน ท้องฟ้าค่อยๆมีรอยร้าว แล้วก็แตกออกในบันดล ข่ายเวทที่กางไว้มิให้มิติจริงไม่มีความเสียหาย แต่กระจกรอบๆลานกว้างในมิติจริงนั้นล้วนแตกหมด เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรีบวิ่งมาหาชายหนุ่มผมทองเพื่อนของตนที่ทรุดลงกับพื้น โทบิผู้กางข่ายเวทเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ชายหนุ่มผมแดงก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเช่นกัน

     

                1.เซเรสทำอะไรซักอย่างทำให้ใช้พลังเวทไปจนหมดจึงสลบไป

     

                2.อะไรซักอย่างนั้นทำลายข่ายเวทมนตร์ชั้นสูงของโทบิได้อย่างง่ายดาย

     

                และ . . .

     

                เด็กหนุ่มเขย่าร่างสูงของเพื่อนตนอย่างไม่ลดละ แล้วจู่ๆสติก็ดับวูบ ลงไปกองกับพื้นเหมือนกับคนที่ถูกเขย่าอยู่เมื่อครู่ . . .

     

                "เจ้าสองคนนี้มันสู้กันแบบไหนกันเนี่ย ท้องของเซเรสแค่ห้อเลือด ดีที่พลังเวทของมันสูง จึงไม่บาดเจ็บมาก แต่คนที่ไม่น่าจะบาดเจ็บอย่าง . . ." อัมบรากล่าวขึ้นพร้อมกับมองไปยังเด็กหนุ่มเจ้าของกำไลสีดำสนิท ที่บัดนี้กลายเป็นหญิงสาวเนื่องจากเวทพลางตาหายไป แขนเรียวขาวเสียบน้ำเกลือ ใบหน้าซีดขาว แถมยังมีเครื่องช่วยหายใจอีกด้วย และข้างๆคือชายหนุ่มผมสีทอง มีผ้าพันแผลที่ท้องและเสียบน้ำเกลือ

                "พลังเวทของรีเน่แต่เดิมก็มากโขอยู่แล้ว แถมยังได้พลังเกื้อหนุนจากเดียโบสด้วย มันน่าจะฟื้นฟูได้เร็ว แถมมันเป็นคนยำไม่น่าจะบาดเจ็บหนักขนาดนี้"ซิลเวอร์กล่าวอย่างเรียบเฉย พร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วก็โทษตัวเองอยู่ในใจ'ตนไม่น่าเสนอให้รีเน่เลยทั้งที่รู้ว่ายังเสี่ยงอยู่พอสมควร ผลพวงจากการใช้พลังเวทโดยไม่มีผู้คอยควบคุมแบบนี้'

                "ชั้นจะอธิบายให้ฟังมั้ย ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงไม่ได้สติแบบนี้ . . ."ชายหนุ่มผมแดงพูดขึ้น พร้อมกับสายตาทั้ง3คู่มองด้วยสีหน้า ' กูรอมึงพูดอยู่!'

     

                "คือ . . .ชั้นจะอธิบายอย่างรวบรัดเลยนะ เซเรสถูกรีเน่ใช้หมัดเจ้าปักษาถล่มขุนเขาสะกรัมที่ท้อง มันรอดมาได้ แต่ก็เจ็บพอสมควร ชั้นเรียก'เฟลมไนท์'ออกมาพร้อมกับใช้ท่ามังกรเพลิงใส่มันซ้ำ เซเรสใช้พลังของหอกประกายแสงหิมะสร้างป้อมน้ำแข็งมาป้องกันไว้ แล้วก็จ้วงเฟลมไนท์ทีเดียวตายเลย รีเน่เห็นว่าชั้นใช้เวทมันก็เลยคิดสนุก มันก็ดันใช้มหามนตรา  อเฟร สกอรัส กราวิจา ' แล้วโยนเข้าใส่เซเรส . . ."

                "หาาาาา!!!!!"

                "เงียบๆหน่อย!"

                ทั้งห้องเผลอร้องอย่างตกใจ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงของ เนอซี หมอประจำสถาบันK.K.K. เคยมีข่าวว่าเนอซีเคยเป็นหมอประจำวังหลวงของมาคาร์ไลท์ เพราะเขาขี้โมโหอย่างรุนแรง ผมสีน้ำเงินเหมือนพวกปิศาจชั้นสูง แต่สุดท้ายก็แค่ข่าวลือ . . . .

                "มหาเวทแห่งปิศาจ คุณเดียโบสเป็นคนสอนหรอ"โทบิถามกำไลสีดำอย่างสงสัย

     

                ~[มหาเวทชั้นสูงขนาดนี้ ข้าคงสอนไม่ได้หรอก ข้าทำได้แต่ กราวิจาธรรมดา]~

                "อืม . . .แล้วเซเรสมันรอดมาได้ยังไงล่ะเนี่ย"อัมบราบ่นขึ้นพร้อมกับหันไปยังชายหนุ่มผมแดง ฟาร์ยิ้มเก้อๆก่อนจะอธิบายต่อ

                "เซเรสมันก็ตกใจ เลยสร้างพายุเวทขึ้นมาครอบเจ้าบอลสีดำนั่นไว้ตอนที่เริ่มมีเสาแสงแล้ว และมันก็เลยย้ายพลังไปไว้บนฟ้าแทน และมันก็ระเบิด ก้อนเมฆถูกสูบเข้าไปหมด กระจกของตึกเรียนรอบๆลานกว้างบางส่วนก็ถูกสูบไปด้วย แล้วข่ายเวทมนต์ก็แตก มนต์นั่นก็หายไป เซเรสสลบไป รีเน่วิ่งเข้ามาเขย่าตัวเซเรส แล้วก็สลบตามเพราะเห็นมันสลบ จบ . . ."

               

                ~[ตายล่ะ!]~ เดียโบสอุทานอย่างนึกได้

                "อะไรเดียโบส คิดอะไรได้"ซิลเวอร์ถามกำไลอย่างสงสัย กำไลค่อยๆเรืองแสงอ่อนๆแล้วก็กระเด้งออกมาอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ทันใดนั้น! กำไลกลายสภาพเป็นเด็กสาวผมสีขาวยาว ดวงตาสีแดง ชุดกระโปรงสีดำลายลูกไม้ยาวเลยเข่า เด็กสาวผมขาวหันไปมองเด็กสาวผมสีน้ำตาลยาวที่นอนอยู่บนเตียงอย่างพินิจ ก่อนจะโผล่งขึ้นมาอย่างตกใจ

     

              ~[นี่ไม่ใช่รีเน่! นี่คือมนต์จำแลงภาพ!]~

                สิ้นคำ ร่างบางบนเตียงก็ระเบิดเป็นกลุ่มควันโขมงไปทั่วห้องพยาบาล เด็กสาวผมขาวกลับคืนเป็นกำไลสีดำอีกครั้ง

                "โทบิ! ฟาร์! พาเซเรสไปเจอกันที่ห้องผอ.!"สิ้นเสียง ชายหนุ่มผมเงินก็หายตัวไป โทบิคว้ากำไลวงงามใส่กระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็วพร้อมกับพยุงตัวชายหนุ่มผมทองขึ้นจากเตียง ฟาร์รีบเข้ามาช่วยพยุงแล้วแบกขึ้นหลังของตนท่ามกลางกลุ่มควัน

                "จะเอาผู้ป่วยไปไหน!"เสียงของเนอซีดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มควันค่อยๆจางลง

                "ไปห้องผอ.ฮาร์ฟ!"

                "เอองั้นก็ไปเถอะ . . ."โทบิกระแทกเสียงพร้อมกับเตรียมหยิบเส้นเอ็นออกจากกระเป๋ากางเกง แต่คำตอบของบุรุษพยาบาลผมสีน้ำเงินกลับหักมุมซะงั้น แถมเนอซียังหลีกทางพร้อมกับผายมือไปทางประตูห้องพยาบาล

     

     

    *************

     

                เสียงเกือกม้าดังขึ้นเป็นจังหวะๆ เกวียนไม้โอ๊กเก่าๆสั่นโคลงไปมา นัยน์ตาสีดำสวยค่อยๆเหล่ไปทางเด็กสาวผมทองข้างๆตน วิโอล่า ทรัมโปน เคยนึกอยู่ว่าไม่ธรรมดา แต่ไม่นึกว่าจะมาลักพาตัวเธอโดยที่เจ้ากำไลสีดำยังไม่รู้ รีเน่มองไปยังผู้ชายสองคนที่นั่งตรงข้ามกับตน

                "นี่ พวกนายสองคนไม่ร้อนหรือไง ใส่ซะมิดชิดขนาดนั้นน่ะ"รีเน่พูดอย่างขบขัน ถึงแม้ว่า สถานการนี้เธออันตรายมากๆ! ชายหนุ่มคนแรกค่อยๆทอดผ้าคลุมออก ผมสีฟ้าสว่างยุ่งกระเซิง ดวงตาสีแดงเพลิงน่ากลัว แต่ใบหน้ากลับฉายความเป็นมิตรอย่างรุนแรง ชายหนุ่มอีกคนถอดฮู้ดออก ผมสีดำสนิท ดวงตาสีฟ้าเกือบขาวตัวเล็กท่าทางไม่มีพิษมีภัย แต่หน้ากลับบึ้งตึงราวกลับโกรธใครอยู่

                "มันกำลังโกรธเธออยู่น่ะ ที่ไปฆ่าเจ้าจัสกอร์จัสของมัน" รีเน่พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วก็ดีดนิ้วอย่างคิดอะไรได้

                "ในเกวียนนี้เธอใช้เวทมนต์ไม่ได้หรอกนะ"

                "ไม่ใช่ ชั้นนึกได้ว่าพกเจ้าไพ่นั้นติดตัวตลอดน่ะ"ชายหนุ่มผมดำพูดขึ้น แต่เด็กสาวกล่าวอย่างกระตือรือร้นแล้วก็เอื้อมไปที่กระเป๋ากางเกง รีเน่ค่อยๆนำสิ่งในกระเป๋าออกมาช้าๆ ไพ่สีดำ ใจกลางไพ่เป็นรูปอสูรร้ายสี่แขน ยูเรมรีบคว้ามันมาไว้ในมือตัวเองอย่างฉับไว รีเน่ยิ้มให้อย่างไม่คิดอะไรแล้วก็มองออกไปนอกเกวียนซึ่งเป็นภาพของซากปรักหักพังของโบราณสถานแห่งหนึ่งที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด

     

                "เธอจำได้ไหม เมื่อก่อนพวกเราเคยเล่นกันที่นี่ไง . . ."หนุ่มผมฟ้าเปรยขึ้นพร้อมกับทอดมองไปยังนอกหน้าต่าง เด็กสาวเลิกคิ้วอย่างสงสัยแล้วหันไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆตน

                "อ้าว หลับไปแล้ว" รีเน่พูดอย่างเซ็งชีวิต เด็กสาวผมทองนั้นนั่งสัพงกเบาๆอย่างน่าขบขัน แล้วก็หันไปยังชายหนุ่มผมสีดำสนิทที่ตอนนี้เริ่มยิ้มแย้มอย่างกับเด็กแล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่าง

     

                เสียงเกวียนเขย่าไปมา เกือกม้าเร่งจังหวะเร็วขึ้น ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มแดง จากที่เมื่อไม่นานนี้ยังเป็นสีฟ้าครามที่ไร้ก้อนเมฆอยู่ คนที่อยู่ในเกวียนเงียบกันไม่มีใครพูดกันซักคน

                "แล้วนี่พวกนายเป็นใครกันเนี่ย แล้วจะพาชั้นไปที่ไหน . . ."รีเน่โพล่งขึ้นทำลายความเงียบ ชายหนุ่มผมดำหันมาอย่างสงสัย พร้อมกับที่เด็กสาวข้างๆรีเน่ตื่นขึ้น 

                "เธอจำพวกเราไม่ได้?"ชายหนุ่มผมดำเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย เด็กสาวส่ายหน้าไปมาแล้วก็ตอบกลับ

                "ชั้นไม่รู้จักเลยมากกว่า"รี่เน่ว่าแล้วก็รวบผมสีน้ำตาลที่ยาวเคลียไหล่ไปไว้ด้านหลัง พร้อมกับมองบุคคลทั้งสามภายในเกวียน

                "สรุป . . .พวกนายเป็นใคร"รีเน่พูดอย่างเรียบเฉย ใบหน้าของชายหนุ่มผมดำหดหู่ลงถนัดตา

                "พวกเราคือกองกำลังตามหารัชทายาทหน่วยที่7 แต่พูดง่ายๆคือเหลือพวกเราอยู่แค่กลุ่มเดียว เพราะกลุ่มอื่นม่องไปหมดแล้ว . . ."ชายหนุ่มผมฟ้าพูดขึ้น และก็ได้รับนิ้วงามประทับที่หน้าผักอย่างรุนแรง

                "ชั้นถามว่าพวกนายเป็นใคร ตอบให้ถูกคำถามด้วย"รีเน่เข้นเสียงพูดอย่างหน่ายแล้วก็เอนตัวลงกับเบาะด้านหลัง

     

                "ชั้น เอวารา ดอเนอซีน่า ส่วนเจ้านี่คือ ยูเรม อันเอนรี่ เป็นปิศาจ"ชายหนุ่มผมฟ้ากล่าวเสร็จแล้วก็กอดคอชายหนุ่มข้างๆ แล้วก็ชี้ไปยังเด็กสาวผมทองอีกคน

                "ส่วนนั่น วิโอล่า ทรัมโปน เห็นอย่างนั้น อายุปาเข้าไป150แล้วนะ"ชายหนุ่มพูดจบก็หัวเราะร่า พลันเด็กสาวผมทองก็ค้อนใส่ชายหนุ่มผมฟ้าทันที รีเน่อ้าปากหวออย่างตกใจ แล้วก็ค่อยๆหัวเราะออกมาเช่นกัน

                "เออ ตะกี๊นายบอกว่าพวกนายอยู่เผ่าปิศาจ แต่หน้าพวกนายไม่เห็นเหมือนเลย . . ."รีเน่หยุดหัวเราะแล้วถามอย่างสงสัย เมื่อคนตรงหน้าดูเหมือนกับคนปกติแทบทุกประการ

                "อ๋อ ชั้นจะอธิบายให้ฟัง เผ่าปิศาจจะมีกันหลายสายเผ่าพันธุ์ด้วยกัน แต่พวกนั้นส่วนมากจะเป็นสายพันธุ์ย่อย พวกสายพันธุ์หลักก็อย่างเช่น ผีดูดเลือก มนุษย์หมาป่า แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือสายเลือด เลือดของปิศาจจะแบ่งออกเป็น4ชนิด คือ ซิส เคีย ดีอา มู และจะแบ่งเป็นสองระดับ ซิสและเคียคือเลือดบริสุทธิ์จะมีพลังเวทสูงส่ง ซิสส่วนมากจะเป็นเชื้อกษัตริย์ เคียคือพวกขุนนาง รูปแบบเฉพาะตัวของซิสและเคียก็คือมีปีกหรือไม่ก็เขาถือว่าเป็นสายเลือดชั้นสูงมีอายุนับแสนปี ดีอาคือระดับที่ลดลงมาอีก คือระดับประชาชน ลักษณะเฉพาะคือเขาบนหัว หรือไม่ก็หางพลังเวทน้อยหรือไม่ก็ไม่มีเลย แต่จะมีความสามารถพิเศษมาทดแทนอายุเฉลี่ยสูงสุดแปดร้อยปี มูคือชนชั้นระดับไพร่ ไม่มีพลังเวท ไม่มีลักษณะเฉพาะแต่ความสามารถพิเศษจะสูงมาก แต่จะมีแค่1ใน1000เท่านั้นที่มีมูปกติอายุขัยจะเท่ามนุษย์ แต่มูพิเศษจะมีอายุขัยราว500ปี

                ส่วนชั้นกับยูเรมเป็นเคียผสม วีโอล่าเป็นมูที่เป็น1ใน1000 . . . "เอวาราเอ่ยแล้วมองมายังเด็กสาวผมสีน้ำตาลยาวเคลียไหล่ที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ

     

                "ส่วนเธอ รีเน่ ฮาเวอรี่ ไม่สิ  . . .ราเฟรน่า . . .คราโทนอฟ"

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×