ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A Song Of Darkness บทเพลงแห่งรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #2 : โลกใบใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 50


     
                           "เฮ้อ. . . .ทำไมจู่ๆฝนก็ตกได้ละเนี่ย ตะกี้ยังเห็นพระอาทิตย์อยู่เลย แต่ นี่สิฟ้า . . . ."

                           เปรี้ยง!

                           เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วโรงเรียน เสียงกรี๊ดดังไปทั่ว ชายหนุ่มผู้มีสีตาประหลาดไปจากคนปรกติมองออกไปยังนอกหน้าต่าง เพื่อมองห่าฝนและฟ้าผ่าที่ตกมาอย่างไม่ขาดสายจนวันนี้ถึงกับยกเลิกการเรียนการสอนไป นักเรียนส่วนมากจึงไปรวมตัวกันที่โรงอาหารเพื่อติดตามข่าวสารเกี่ยวกัวความเสียหาย แต่ก็ไม่มีเลย ผู้ประกาศข่าวจะบอกเพียงแค่ว่า 'เมื่อครู่ เกิดอากาศเเปรปรวนอย่างกระทันหันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ในตอนนี้ฝนตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง'

                         ขณะเดียวกันที่บ้านสีเบจเก่าๆหลังหนึ่ง ที่มีเสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นตั้งแต่ฝนเริ่มตก

                        "ฝีมือตกลงไปเยอะเลยนะฟอลอน!! มาอยู่ที่โลกมนุษย์ตั้งนาน ปล่อยรังศีอัมหิตได้หนักหน่วงแค่นี้เองหรอ!!" สิ้นเสียง ชายหนุ่มผู้มีผมสีม่วงก็เอี้ยวตัวหลบดาบสีเงินอย่างเฉียดฉิว ชายหนุ่มผมเทาพุ่งดาบไปยังอริร้าย พร้อมกับที่กระแสไฟฟ้าหลากสีพุ่งตามไปติดๆ ชายหนุ่มผมม่วงตวัดดาบสีดำยาวของตนกลับ แล้วชักมือออกไปยังด้านหน้า คลื่นพลังสีดำก่อตัวขึ้นที่ฝ่ามือของฟอเซค เป็นเคราะห์กรรมหรือชะตาบางอย่าง ดาบสีเงินสว่างกลับหลุดมือของฟอลอนแล้วหายไปในหลุมอะไรบางอย่างอย่างไม่หน้าเชื่อ ชายหนุ่มจึงรับคลื่นพลังเข้าไปเต็มๆ ฟอลอนกระเด็นทะลุกำแพงปูนออกไปนอกตัวบ้านไปยังถนนหน้าบ้านในทันที น้ำสีแดงข้นเริ่มไหลซึมออกจากหน้าท้อง ชายหนุ่มกุมแผลที่หน้าท้องที่ราวกับถูกของมีคมกรีดเอาอย่างเจ็บปวด

                     เราคงใกล้ตายแล้วสินะ

                     "โอ้ววววววววววว!!แกก็อึดขึ้นเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดโดนพลังธาตุของชั้น แกกลับไม่ตายเนี่ย!!" เสียงของฟอเซคดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างที่ผอมบางที่ก้าวออกมาจากรูที่กำแพง ชายหนุ่มผมเทายันตัวขึ้นจากพื้น

                    "น. . . นี่. . . .คือ . .คำ .. . . . .ขาด . . .ของข้า! เจ้าจะไม่ได้ตัวฌานไป และจะไม่ได้แตะตัวเค้าแม้แต่ปลายนิ้วก้อย!!!!" สิ้นเสียงของฟอลอน มือที่เปื้อนเลือดจากการกุมแผลที่ท้อง เลือดถูกใช้เป็นหมึกสำหรับเขียนมนตรา อากาศถูกใช้แทนกระดาษที่จะใช้หมึกเขียนมันลงไป อัขระสีแดงที่ถูกวาดขึ้นบนอากาศหายไป ฝนที่ตกอยู่ก็ยิ่งตกหนักขึ้นจนไม่เห็นภาพใกล้ๆ เสียงฟ้าผ่าที่ไกลออกไปกลับใกล้เพียงแค่ข้างๆ และต่อเนื่อง!! เกรียวสายฟ้าสีดำที่ทรงอนุภาคพุ่งทำลายชายผมสีม่วงอย่างไม่หยุดยั้ง

                     มนตราประจำตัวของอดีตทายาทแห่งความมืด!! เกรียวทมิฬคร่าชีวิต!!

                           เปรี้ยงงงงงๆๆๆๆ!!!!!!

                          เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและเสียงร้องของเด็กสาวดังระงมไปทั่ว เหลือเพียงแต่ชายหนุ่มที่ทอดมองสายฝนตั้งแต่มันเริ่มตก ห้องคณะกรรมการนักเรียนที่ปรกติที่จะมีคณะกรรมการกันอยู่เพียงคนสองคน แต่ตอนนี้กลับอยู่กันครบทุกคน! พร้อมกับมุงดูข่าวอย่างไม่สนสิ่งใด

                           'ขณะนี้ ฝนได้เริ่มตกมากขึ้นจนไม่สามารถมองเห็นได้ การจราจรติดขัด ขอให้ผู้ที่จะออกไปข้างนอกอย่าออกมานอกตัวบ้าน เพื่อความปลอดภัยจากฟ้าผ่า . . .'

                           "เฮ้ย ชั้นว่ามันทะแม่งๆแล้วนะ ฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ แล้วยังสายฟ้าสีดำที่ผ่าอยู่แถวๆลาดพร้าวที่ยังไม่หยุดนั่นอีก สอง แกคิดว่าไง" ชายหนุ่มร่างใหญ่หันไปถามเพื่อนของตนหลังจากฟังข่าวจากในทีวีแล้ว ชายหนุ่มอีกคนหันมาพร้อมกัยขยับแว่นกรอบดำ
                            "ชั้นว่ามันอาจมีสาเหตุบางอย่างของจุดหักเหของมิติ หรือไม่ก็มีใครเป็นคนเรียกมาแบบในการ์ตูน"

                          "แกจะบ้าหรอ ใครจะไปมีพลังพิเศษสั่งฟ้าฝนได้ล่ะ"

                          "แล้วในโลกนี้แกเคยเห็นสายฟ้าสีดำที่ผ่าลงมานานเป็นนาทีๆแบบนี้มั้ยล่ะ- -"สองพูดกับชายหนุ่มร่างใหญ่อย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับหันไปดูข่าวต่อ

                          " เฮ้ย!ฌาน เค้าบอกว่าจุดที่สายฟ้าสีดำตกนั้นอยู่แถวๆบ้านแกว่ะ" ชายหนุ่มร่างใหญ่ตะโกนบอกชายหนุ่มที่ยืนมองสายฝนอยู่นานเท่านาน ฌานรีบหันมามองในทันทีพร้อมกับหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะ
                           "จริงหรอ!!" เสียงของชายหนุ่มและเด็กสาวดังขึ้นพร้อมกัน แต่ไม่หันมามองหน้ากันอย่างปรกติ เนื่องจากข่าวสารเมื่อครู่มันสำคัญเกินกว่าจะมาหาเรื่องกันเล่นๆได้ ชายหนุ่มร่างใหญ่และชายหนุ่มที่สวมแว่นพยักหน้าเบาๆ สิ้นการกระทำของเด้กหนุ่มทั้งสอง ฌานก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที

                           ฝีเท้าที่จ้ำอ้าวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เสื้อผ้าที่เปียกปอนจากการวิ่งฝ่าฝนมาอย่างไม่ต้องอาบน้ำซ้ำ รู้เพียงแค่จุดหมายคือบ้านของตน!! ห่าฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาไม่เป็นผลสำหรับเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งเข้าสู่เกรียวสายฟ้าสีดำที่ค่อยๆมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ!!

    ***********************************************************************************

                           " นี่หรือ ท่าประจำตัวของอดีตทายาทแห่งความมืด ฟอลอน เพอเซีย มีน้ำยาแค่นี้เอง!!" ชายหนุ่มผมม่วงพูดอย่างอวดดี ทั้งๆที่ตนกำลังกางโล่พลังกันพลังของสายฟ้าสีดำเอาไว้ ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่ใช้เลือดวาดอัคระเวทอย่างต่อเนื่อง เลือดที่ถูกชะล้างไปกับสายฝนจึงเริ่มจางลง ความเข้มข้นของมนตราจึงเบาลง แต่ก็ยังรุนแรง แต่ทว่า เรี่ยวแรงของฟอลอนที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะใช้พูดก็ลดน้อยลง จนเกรียวสายฟ้าหยุดลง แต่ฝนก็ยังตกอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม

                            "เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าได้ใช้ท่าประจำตัวไปแล้ว งั้นข้าขอใช้บ้างล่ะ  . . ."

                            "เดี๋ยว! วันนี้วันที่เท่าไหร่ ปีไหนแล้วเนี่ย" เสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้น พร้อมกับร่างกายที่สูงโปร่ง ผมสีเงินยาวจรดเอว ชุดคลุมสีเงิน และดวงตาสีเงิน ทำให้ชายผมม่วงต้องหยุดการกระทำลง

                             "ซ. . .ซิล . . .เวอร์" เสียงของฟอลอนเล็ดลอดออกจากลำคอเบาๆ ทำให้ชายร่างสูงหันไปยังต้นเสียง ซิลเวอร์มองร่างของฟอลอนอย่างตกใจพร้อมกับปรี่เข้าหาทันที

                              " ฟอลอน! เจ้าเป็นอะไรไป! ใครเป็นคนทำเจ้า!"ซิลเวอร์พยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาพร้อมกับหันไปยังผู้ร้ายที่ทำเพื่อนของเค้าจนสะบักสะบอม

                          "เจ้าสินะ . . ."

                           "ใช่ข้าเอง"

                           "งั้นเจ้า . . ."เสียงของซิลเวอร์หายไปพร้อมกับที่ร่างสูงโปร่งหายไป

                            ผั่ว!

                          เสียงกระแทกของสันมือที่ฟาดเข้ากับไท้ทอยของชายผู้มีผมสีม่วง พร้อมกับที่ความเร็วของชายร่างสูงเพิ่มขึ้นจนดูเหมือนกับแยกร่าง ร่างหนึ่งใช้ฝ่ามือกระแทกเข้าที่กลางหลังจนเลือดพุ่งออกจากปาก ร่างที่สองตีศอกเข้าชายโครง เสียงกร่อบแกร่บของกระดูกดังลั่น ร่างที่สามเกร็งข้อนิ้วแล้วกระแทกเข้าที่ขั้วปอด ทำให้กระดูกช่วงบนแตกระเอียด ร่างสุดท้ายกระโดดขึ้นสูงพร้อมกับพุ่งลงมาบิดคอจนกลับหัวกลับหาง ร่างของชายเมื่อครู่ล้มลงอย่างดูส่วนที่ดีไม่ได้

                             ชายหนุ่มผมสีเงินยาวหันหน้ากลับมายังเพื่อนของตนอย่างร้อนรน ราวกับซากศพที่อยู่ด้านหลังเค้าเป็นเพียงก้อนหินก้อนหนึ่ง ซิลเวอร์แตะร่างของฟอลลอนที่เย็นเฉียบ ร่างกายที่ไร้ซึ่งลมหายใจ ร่างกายที่ไร้ดวงวิญญาณ ร่างกายของคนที่ตายแล้วอีกคน!!

                               "ฟอลอนๆ! อย่าตายนะเว้ย! ถึงชั้นจะเป็นเทพแต่ก็ชุบชีวิตใครไม่ได้นะเว้ย!" ซิลเวอร์ตะโกนร้องพลางทุบพื้นข้างๆร่างของเพื่อนตนจนเลือดเริ่มซึมผ่านถุงมือสีเงินที่ประดับด้วยอัญมณีสีขาวใส ซิลเวอร์มองไปยังร่างที่ไร้วิญญาณอีกครั้ง แล้วทุบเข้าที่หน้าอกอย่างจัง ทันใดนั้น กระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกเขียนด้วยเลือดก็ร่วงหล่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อที่แหว่งไป ซิลเวอร์ค่อยๆอ่านทีละตัวอักษรอย่างช้าๆ

                              "ช่วย . . . นำ . . . ฌาน . . . ไป . . .ยัง . . .ยู . .โท . .เปีย.........................ฌานงั้นเราะ!!" ชายหนุ่มผมสีเงินกุมขมับของตนอย่างปวดหัว แม้แต่เงาของฌาน เค้ายังไม่เคยเห็น แล้วนี่ยังต้องพาเค้าไปยังยูโทเปียอีก เวรกำ! เอาเหอะ ต้องจัดงานศพให้สมกับอดีตทายาทแห่งเพอเซียซะก่อน

                              ชายหนุ่มคิดแต่ก็ยังปวดหัวไม่เลิก เค้าดึงเส้นผมสีเงินของเค้าออกมากระจุกนึงแล้วโปรยลงบนศพของฟอลอนแล้วพึมพำเบาๆอย่างรวดเร็ว สายฝนที่ตกกระหน่ำค่อยๆหยุดลง ชุดของชายหนุ่มผมเทาจากชุดชาวบ้านธรรมดา บัดนี้กลายเป็นชุดคลุมสีขาวเสื้อแขนยาวสีขาวและกางเกงสีขาว ชายหนุ่มผมยาวพึมพำอีกครั้ง ร่างของชายหนุ่มผมเทาค่อยๆปลิวหายไปทีละน้อยๆจนไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น!!

                              "เอาล่ะ เสร็จไปหนึ่งงาน งานต่อไป . . .เจอแล้วมั้ง- -?" ซิลเวอร์มองไปยังถนนด้านตรงข้ามกับเค้า ที่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มตัวเปียกปอนยืนอยู่ ตาสีเขียวที่เหมือนกับผู้เป็นพ่อมองหาตัวของพ่ออย่างไม่ลดละ ชั่วพริบตานั้น ร่างของฌานเหมือนตกเข้าไปอยู่ในห้องหลุมดำของเจ้าแห่งมนตรา ซิลเวอร์

                             ตุบ! โอ๊ย! ก้นที่ไม่ค่อยมีเนื้อหนังกระทบเข้ากับก้อนหินเข้าอย่างจัง เด็กหนุ่มลูบก้นตัวเองเบาๆพลางมองไปรอบๆตัว ก็พบว่า เค้าอยู่ภายใน ถ้ำ!

                             "เฮ้ย! นี่ชั้นอยู่ที่ไหนเนี่ย" ฌานพูดกับตัวเองอย่างตกใจ ซิลเวอร์มองอาการของฌานอย่างขบขัน ก่อนตีมาดขรึม

     [เจ้าอยู่ในยูโทเปีย ฌาน]

                             "เจ้าเป็นใคร แล้วข้ามาอยู่ในที่นี้ได้อย่างไร" ฌานตอบกลับพลางมองหาต้นเสียงที่ดังกึกก้องเช่นนี้

                             [ข้าคือ ซิลเวอร์ เจ้าแห่งมนตรา หรือเรียกง่ายๆว่าซิล ที่ข้าได้นำพาตัวเจ้ามาที่แห่งนี้ก็เพราะตอนนี้คานัลกำลังต้องการตัวเจ้าเพื่อไปเพิ่มพลัง]

                             "โอเค ซิล คานัลคือใครแล้วชั้นควรทำอะไรต่อ"

                              [อีกไม่นานเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง ตอนนี้ให้เจ้าหาทางเข้าเมืองซะ ถึงแล้วก็บอกด้วยล่ะ]

                                "เฮ้ย! แล้วชั้นจะไปที่ไหนก่อนล่ะซิล เฮ้ยตอบด้วย"

                                [ . . . . ~ไม่มีสัญญาณจากหมายเลขที่ท่านเรียกค่ะ~ . . . .]

                                "ซิล ไม่ต้องมาทำเสียงเป็นผู้หญิง มันไม่เนียน ตกลงว่าชั้นควรทำอะไรต่อ"

                                 [อ้าว~ รู้ด้วยหรอ อุส่าห์ดัดซะแหลมเชียว หูดีจริงๆ]

                                  "อย่านอกเรื่อง ตอบชั้นมาก่อน"

                                   [อืม . . . อย่างแรก แกควรหาทางเข้าเมือง ซื้ออาวุมาไว้ป้องกันตัว เข้าใจ๋ แล้วถ้าถึงเมืองข้าจะติดต่อมาใหม่ บายฌานโชคดีว่ะ อย่าตายซะก่อนนะเว้ย เสียชื่อที่เป็นลูกของฟอลอนหมด-0-] สิ้นเสียง พี่แกก็ไม่ตอบกลับมาอีกเลย

                                    "เฮ้ย! ซิล โหลๆเทส 1 2 3 โหลๆ!"

       เงียบ . . .

                                   "ห้วย! อะไรกันวะเนี่ย แล้วจะเข้าเมืองถูกหรอวะ!~" เด็กหนุ่มบ่นพึมพำกับตนอย่างหัวเสีย
                                 "เฮ้! เจ้าหนุ่มตรงนั้นน่ะ! ทำอะไรอยู่ เห็นยืนพูดคนเดียวมานานแล้วนะ!" เสียงของชายวัยชราผู้หนึ่งดังขึ้น ทำเอาเด็กหนุ่มที่ยืนบ่นกับตัวเองสะดุ้งถอยหลังไปสามก้าว ชายหนุ่มมองไปยังต้นเสียงแล้วสำรวจรูปร่างของชายแปลกหน้าคนนั้น เรือนผมสีดำสนิทยาวเลยบ่า อายุประมาณ30ต้นๆนัยน์ตาสีเขียว ร่างสูงโปร่งคล้ายๆกับเค้า ผ้าคลุมสีดำแถบทองยาวเลยเข่า และแหวนสีดำสนิทที่ขัดกับผิวขาวซีด
                                   "อ่อ ข้าชื่อคานัล แล้วเจ้าล่ะ?"

                             คานัล!! . . . เคยได้ยินจากไหนมาวะ ลืม- -"

                               "ผมชื่อฌาน" ชายหนุ่มแนะนำตัวกับคนแปลกหน้าเสร็จ ความทรงจำในสมองก็แล่นออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

                             'คานัลกำลังต้องการตัวเจ้า'

                                  คำพูดของซิลดังก้องอยู่ในหัว ชายหนุ่มก้มหน้าคิดอย่างสงสัย ยังไงก็คงไม่น่าจะใช่คนนี้หรอกน่า

                              "นี่เจ้าหนุ่ม" ชายร่างสูงเรียกเด็กหนุ่ม แต่เด็กหนุ่มก็ยังก้มหน้าคิดอยู่

                               "ฌาน!!" คราวนี้ชายร่างสูงตะโกนอย่างสุดเสียง ทำให้ภายในถ้ำสั่นเบาๆ

                                "ครับๆ มีอะไรครับ!!"ชายหนุ่มตอบกลับอย่างรวดเร็ว

                                "เจ้าเป็นคนที่ไหน ทำไมมาอยู่ในถ้ำเช่นนี้"ชายร่างสูงเอ่ยขึ้น หน้าของเด็กหนุ่มที่จู่ๆก็ถูกพามายังโลกใบใหม่เริ่มเหงื่อตก ทันใดนั้น ความคิดของเด็กหนุ่มก็แล่นปรู๊ดจากสมองออกสู่ปาก!!
                                 "ผมความจำเสื่อมครับ . . . ผมจำได้เพียงชื่อของผม ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไงผมก็ไม่ทราบ" ฌานพูดพร้อมกับตีหน้าเศร้า  

                                 "ความจำเสื่อมงั้นรึ เหอะๆ"ชายร่างสูงพูดออกมาเบาๆแล้วตบไหล่ของเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนที่จะพูดขึ้นว่า"มาอยู่กับข้ามั้ย เดี๋ยวข้าจะดูแลเจ้าเอง ฌาน" ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันไปตอบนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

                              แก๊ช! แก๊ช!  

                                 เด็กหนุ่มและชายร่างสูงหันไปยังต้นเสียงเมื่อได้ยิน แต่ไม่ทันจะได้เห็น ร่างของสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง หมายจัปริตชีพของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า ฌาน!! นัยน์ตาของสัตว์ประหลาดสีแดงก่ำ เล็บที่ยาวประมาณครึ่งฟุตที่ดูเหมือนเพิ่งถูกย้อมด้วยเลือดมาหมาดๆยังไงยังงั้น!
      
       เวรแล้ว!!              เด็กหนุ่มอุทานในใจก่อนจะกระโดดหนีหลับไปทางอื่น เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน รองเท้าเจ้ากรรมดันไปติดกับอะไรซักอย่างจนไม่สามารถกระโดดได้ตามใจสั่งได้!!

     ฉั่ว! . . . .กี๊ช! . . . .

                                 เสียงของสัตว์ประหลาดกระหายเลือดดังขึ้น พร้อมกับล้มลงช้าๆที่เท้าของเด็กหนุ่ม
                                 "เฮ้อ . . . เกือบเสียของล้ำค่าซะแล้วสิ" ชายร่างสูงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ฌานเพ่งมองที่มือขวาของชายร่างสูงที่เปื้อนเลือดของสัตว์ดังกล่าว

                               "มือของข้ามันมีอะไรหรือ" เสียงของชายร่างสูงถามฌานอย่างสงสัย

                                 "ผมแค่สงสัย"เด็กหนุ่มพูดขึ้น

                                  "เจ้าสงสัยเรื่องอะไร"ชายร่างสูงพูดต่อ

                                  "ผมสงสัยว่า . . . ท่านฆ่าสัตว์ตัวนั้นอย่างไร ทำไมถึงตายในทันที"ฌานพูดด้วยสีหน้ากระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น

                                   "ข้าก็แค่ใช้มือเสียบเข้าไปที่หัวใจแล้วก็บีบให้เละจากภายในก็เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอกสัตว์ประเภทนี้จะมีจุดอ่อนอยู่ที่หัวใจ จำไว้แค่ว่าทำลายหัวใจก็พอ"

                                    "ที่อื่นไม่ได้หรอครับ"เด็กหนุ่มถามอย่างสงสัย ชายร่างสูงยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ

                                     "มันก็แล้วแต่สายพันธุ์ข้าไม่ได้หมายถึงต้องทำลายทุกตัวซักหน่อย^0^" ชายร่างสูงกล่าวขึ้นก่อนที่จะทวนคำถามเดิม

                                   "เจ้าจะไปกับข้าไหม?" เด็กหนุ่มลังเล หัวสมองคิดอะไรได้บางอย่างจึงตอบกลับอย่างมั่นใจ

                                  "ไม่ไปครับ"

    **********************************************************************************

                                  "ไงพี่เค็น . . . ทำอะไรอยู่ล่ะน่ะ" เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง อายุราวๆ14ปีผมสีทองและตาสีน้ำเงิน เดินออกมาจากตัวบ้านแล้วถามผู้เป็นพี่ที่นอนอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้

                                   "ก็รอแกไง คีน"ชายหนุ่มร่างเล็กตอบกลับ พร้อมกับเสยผมสีน้ำตาลแกมแดงที่ยาวประบ่า ชายหนุ่มลดหนังสือลงเพื่อจะใช้นัยน์ตาสีน้ำเงินมองไปยังน้องฝาแฝดที่แตกต่างของตนที่สูงกว่าลิบลิ้ว

                                   "อ้าว รอผมงั้นหรอ มีเรื่องอะไรล่ะ"แฝดน้องพูดขึ้นแล้วก็เอามือไปปิดปากที่กำลังหาวอยู่
                                    "เจอหน้าข้าทำหาวเลยนะเอ็ง- -* มีอะไรสนุกๆให้ทำเว้ย!" แฝดพี่พูดขึ้นพร้อมกับชูมีดสั้นสีดำสนิทของตนให้น้องดู แฝดน้องมองมีดอย่างสงสัยแล้วถามกลับไปว่า
                                     "เอามีดไปทำอะไรล่ะพี่เค็น"

                                   "ล่าสัตว์"แฝดผู้พี่พูดสั้นๆได้ใจความพร้อมกับจ้องมายังแฝดผู้น้องด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

                                  "ก็ได้ๆ . . .กำลังเซ็งๆอยู่พอดี เดี๋ยวผมเข้าไปหยิบกระบี่ของผมก่อน รอแป๊บนึง"

                                 "เร็วๆนะเว้ย" พูดเสร็จ คีนก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน ผู้รอเลยเปิดหนังสืออ่านต่อ แต่ไม่ทันจะได้เปิด แฝดผู้น้องก็เดินออกมาทันที

                               "มาแล้วๆ" ผู้เป็นน้องพูดขึ้นพร้อมกับยื่นกระบี่ให้ผู้เป็นพี่ดู กระบี่? ที่มีคมดาบเป็นสีเงินสว่าง? ด้ามจับสีดำ? และอัญมณีสีเหลืองที่ประดับอยู่ที่ด้ามจับสามเม็ด?
                                "เจ๋งนี่หว่า กระบี่สุดยอดเลย ได้มาจากไหนเนี่ย"

                                "ผมเจอที่ป่าหลังบ้านอ่ะ เห็นไม่มีใครซักคนเลยหยิบมาซะเลย555+"
                              "555+ ดีมาก แกทำได้ดีมากเลยน้องพี่" เค็นพูดแล้วก็ฉีกยิ้มให้น้อง

                              "ขอบใจที่ชมผม555+"คีนพูดพร้อมยืดอกด้วยความภูมิใจ

                              "ประชดเฟ้ย!" ว่าแล้วผู้เป็นพี่ก็ประทานกำปั้นเข้าที่กลางหัวของผู้เป็นน้อง
     
                               "เจ็บนะ"คีนครางออกมาเบาๆพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ เค็นลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเดินนำหน้าไป แล้วส่งสายตามายังผู้เป็นน้องให้รีบตามมา
                               เดินเข้าป่าไปได้ซักพัก สายตาที่อยู่ไม่สุกของคีนเหลือบมองนกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ตัวใหญ่ซะด้วย*-*

                              "พี่เค็น ทำนกย่างกินกินเหอะ"คีนพูดขึ้นพร้อมกับชักกระบี่?สีเงินสว่างออกมา

                             "แล้วแต่ . . .ข้าไม่ชอบนกย่าง อยากได้ปลาเก๋าสามรสมากกว่า*-*"ผู้เป็นพี่พูดติดตลกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับนั่งลงอ่านหนังสือใต้เงาต้นไม้ในยามเย็น
                             "งั้น รอแปปนึงนะพี่เค็น" ว่าแล้วเจ้าตัวก็กระโดดไปตามต้นไม้แล้วปากระบี่สีเงินสว่างเข้าใส่ตัวนกทันที!

                             เคร้ง! วิ๊ว . . . .ฉึก! กระบี่ที่พุ่งหมายคร่าชีวิตรนกยักษ์นั้นกลับพลาดไป กระบี่จึงร่วงหล่นลงปักพื้น เจ้าของกระบี่?จึงลงไปเก็บกระบี่ขึ้นมาใหม่แล้วคิดอย่างสงสัย
                            "เอ๊ะ! . . . เราว่ามันก็ถูกตัวนกนี่หว่า แล้วทำไมมันไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?"

                             "แกไม่ได้ยินหรอ . . .มันเหมือนเสียงโลหะกระทบกัน" เค็นเอ่ยขึ้นพร้อมกับปิดหนังสือ

                              "เอ . . . ตะกี้ชั้นตาฝาดไปนิดหน่อยอ่ะ . . . เห็นมีแสงสีดำๆกางอยู่รอบตัวนกนั่นอ่ะ" คีนว่าพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ เมื่อตอนนี้นกตัวดังกล่าวกางเกราะสีดำออกมารอบตัวจริงๆ
                               "แกตาไม่ฝาดหรอก นกนั่นคือนกโฮรุส ส่วนมากพวกในราชวงศ์จะเลี้ยงไว้โดยเฉพาะราชวงศ์ทางตะวันออก" เค็นบอกกับผู้เป็นน้องแล้วลุกขึ้น พร้อมดึงมีดที่เหน็บไว้ที่ต้นขาออกมา
                               "อย่างงี้ต้องลองของ" สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม อาวุธคู่ใจนับสิบก็พุ่งออกไปใส่นกโฮรุส แต่นกยักษ์ตัวนั้นหลบทันพร้อมกับพุ่งเข้าหาพี่น้องทั้งสอง

                               "อีแบบนี้ ข้าว่าเหยื่อตอนนี้อาจจะเป็นพวกเราแทนแล้วว่ะ" เค็นว่าพร้อมกับหันไปหาผู้เป็นน้อง

                              "แล้วจะทำยังต่อดีล่ะพี่!!" ผู้เป็นน้องถามอย่างร้อนรน

                               "ใช้ท่าประจำตระกูล ราบอเรียส!  ท่าสุดท้ายอ่ะ!"

                              "อ๋อๆ! นับ3แล้วใช้พร้อมกันนะ" คีนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นนกยักษ์โฮรุสพุ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ!!

                               " . . .3! ! !"

    ******************************************************************
     
                          "เจ้าว่าอะไรนะ!!?" ชายร่างสูงถามอย่างตกใจ ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวพยักหน้าแล้วตอบกลับอย่างมั่นใจ

                           "ครับ ผมก็ไม่ไปกับคุณครับ คานัล!" ชายหนุ่มจ้องหน้าชายร่างสูงอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ภายในนั้นกลับสับสนไปหมด ชายร่างสูงมองมายังเด็กหนุ่มอย่างหัวเสีย สายตาที่หนักแน่น ท่าทางที่มั่นคง ทำให้เค้าต้องถอนหายใจ
                          "เจ้านี่เหมือนกับซิลไม่มีผิดเลยจริงๆ ถอดแบบพิมเดียวออกมาเลย รูปร่างของเจ้าก็คล้ายๆลูกของข้า แต่เจ้ายังเยาว์วัยนัก"

     เอ๊ะ! ซิลหรอ ใช่ซิลเวอร์หรือเปล่าหว่า

                         "เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกฌาน ไหนๆเราก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว กฏของการอยู่ที่นี่มีอยู่สามอย่างนะ(ไวท์บอร์ดโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วคานัลก็เขียนให้ฌานดู)
                        1.อยู่รอดด้วยการต่อสู้
                        2.พลัง
                        3.การเชื่อใจ
     แล้ตอนนี้ชั้นต้องการให้เจ้าทำลายถ้ำนี้ซะ! ออกจากถ้ำ เพื่อความอยู่รอดของเจ้า" คานัลพูดพร้อมกับยืนกอดอก น้ำเสียงของคานัลออกแววโมโหฌานอยู่อย่างเห็นได้ชัด
                                "แต่ผมไม่มีอาวุธอะไรซักอย่างที่จะทำลายถ้ำนี้ได้นะคานัล" ฌานพูดกำคานัลอย่างล้อเลียน คานัลขยับมือเบาๆ อาวุธจำนวนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา
                               "เจ้าจะใช้อะไร"สายตาเย็นเฉียบของชายร่างสูงขู่ให้เด็กหนุ่มต้องเลือกอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มทำท่าคิดอยู่นานแล้วตอบกลับมาว่า
                              " ดาบ ผมขอดาบ"

                              "เอ้า เอาไป"ชายร่างสูงส่งดาบเล่มโตมาให้ฌานพร้อมส่งยิ้มเล็กน้อย ฌานรับมาแล้วต้องปักมันลงกับพื้น มันจะหนักเกินไปแล้ว!

                             "เอาล่ะ เจ้าจงทำลายถ้ำออกไปให้ได้ล่ะ แล้วเราจะพบกันอีกแน่ ฌาน เพอเซีย" สิ้นเสียง ร่างสูงโปร่งของชายร่างสูงก็หายไปในทันที ฌานหันไปยังตำแหน่งที่ชายร่างสูงเมื่อครู่ยืนอยู่อย่างตกใจเมื่อพบกับความว่างเปล่า
     แล้วเราจะทำไงต่อดีวะเนี่ย

    ******************************************************************

                          "พี่เค็น! มันยังตามมาอยู่เลย! ทำยังไงดีล่ะ!" เด็กหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงินครามถามผู้เป็นพี่ที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้า

                             "ฆ่ามันซะ!" เค็นตะโกนลั่น ทันใดนั้น ดวงตาจากเดิมที่สีน้ำเงิน แปรเปลี่ยนเป็นสีทองสุกสกาว จากเรือนผมสีน้ำตาลแดง ก็กลายเป็นสีเขียวสว่าง มือหนาดึงมีดพกสีดำขึ้นมาพร้อมกับที่วงแหวนเวทนับสิบโผล่ขึ้นรอบตัว

                            "ข้าขออัญเชิญหมู่มวลพฤกษา โปรดประทานรากใบเถา
                              เพื่อกำหราบอริร้ายข้า   . . . . . . .  .

                                   พันธณาการหนามรากไม้!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×