สุสานหิ่งห้อย
การ์ตูนสอนใจที่ห้ามพลาด
ผู้เข้าชมรวม
2,546
ผู้เข้าชมเดือนนี้
16
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เมื่อมีคนเอ่ยถึงสงคราม ทำให้ดิฉันนึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่ง..
"สุสานหิ่งห้อย"
หลายคนคงยังจดจำการ์ตูนเรื่องนี้ได้ดี การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวของสงครามและความเจ็บปวดที่ได้รับจากสงคราม
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อ่านทีไรก็สลดใจทุกที
ถึงแม้หลายคนจะเคยชม เคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้กันมาแล้ว แต่ขอระลึกถึงการ์ตูนเรื่องนี้ ในบล็อคอีกสักครั้ง
มีเรื่องราวเกี่ยวกับแมลงมีแสงหรือหิ่งห้อยที่ผูกพันอยู่กับตำนานความเชื่อของผู้คนอยู่มากมาย อย่างเช่น ชาวจีนในอดีตเชื่อว่าหิ่งห้อยเกิดขึ้นจากหญ้าที่กำลังไหม้ไฟ ในขณะที่ตำนานทางยุโรปเล่าสืบต่อกันมาว่าเมื่อใดหิ่งห้อยบินเข้ามาที่หน้าต่าง นั่นเป็นสัญญานเตือนว่ากำลังจะมีคนตาย และมีบางความเชื่อบอกเราว่าจริงๆแล้วแสงระยิบระยับจากหิ่งห้อยเหล่านี้ส่องสว่างเพื่อปลุกเราให้ตื่นขึ้นจากความไม่รู้และความมืดมิดในโลกใบนี้เท่านั้นเอง
"วันที่ 21กันยายน2488,ผมตายในคืนนั้น" วิญญานของเด็กชายเซอิตะกล่าวบอกเรา หลังจากตะวันลับขอบฟ้า แสงวิบวับตามพงหญ้าล่องลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า ห้อมล้อมเด็กหญิงวัย4ขวบเซทสุโกะและเซอิตะพี่ชายวัย14ขวบ ที่ปรากฏกายขึ้นยืนในพงหญ้าข้างนอกสถานีรถไฟเมืองโกเบ ทั้งสองขึ้นรถไฟและมองออกไปนอกหน้าต่างภายใต้ท้องฟ้าสีแดงฉานโดยระเบิดปรมาณู ทิวทัศน์กำลังเคลื่อนขบวนย้อนเวลากลับไปสู่อดีตเริ่มต้น
เด็กชายกำลังกลบฝังเสบียงกรังลงหลุมในลานบ้าน แม่ให้เซอิตะพาเอาน้องสาวผูกหลังไปที่หลบภัยด้วยกัน แต่ในระหว่างทางเครื่องบินอเมริกันทิ้งลูกระเบิดบี-29ลงมา ทำให้ทั้งสองพลัดหลงกับแม่ เส้นทางที่ไปหลุมหลบภัยก็ถูกระเบิดเพลิงลง เขาจึงพาน้องไปหลบอยู่ที่กำแพงหินริมทะเล แล้วจึงย้อนกลับมาหาทางไปบ้าน ซึ่งทุกแห่งในบริเวณนั้นถูกทำลายย่อยยับ ทั้งสองพยายามเดินตามหาแม่ที่โรงเรียน เซอิตะพบแม่ถูกไฟลวกสาหัส สิ่งที่ทำให้จำแม่ได้ก็คือแหวนที่แม่สวม
หลังจากอาหารเริ่มร่อยหรอ ป้าบังคับให้เอาชุดกิโมโนของแม่ไปแลกข้าวสาร ถามหาญาติพี่น้องทางฝ่ายแม่ เซอิตะพยายามเขียนจดหมายหาพ่อแต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ เซทสุโกะอยากกินลูกอมรสผลไม้แต่เหลืออยู่2-3ลูกในกล่อง เซทสุโกะเลียกินเศษๆแล้วเอา3ลูกนั้นใส่กลับคืน เซอิตะจึงเอากล่องลูกอมใส่น้ำแล้วเขย่าเทน้ำออกมาให้น้องสาวดื่ม เขาคอยดูแลเซทสุโกะพาไปเที่ยวทะเลแช่น้ำเค็ม หวังว่าจะช่วยทุเลาอาการคันที่ผิวหนังของน้องสาวบ้าง ป้าดุด่าว่ากล่าวทั้งสองบ่อยครั้ง เพราะเซอิตะไม่สนใจไปหางานทำ ป้าพูดว่าอาหารมีไว้สำหรับคนมีค่า เด็กอย่างเธอไม่มีประโยชน์เอาแต่กิน เด็กสองคนจึงทำครัวกินเอง และในที่สุดทั้งสองก็ทนไม่ไหวหนีออกมาจากบ้านป้า และเลือกเอาที่หลบภัยซึ่งเป็นเหมืองเก่าไม่ใช้แล้วเป็นที่อยู่ เซทสุโกะกลัวความมืด พี่ชายจึงจับเอาหิ่งห้อยมาปล่อยในมุ้งเต็มไปหมด มันสว่างไสวเหมือนเรือรบของพ่อในยามค่ำคืนที่เขาเคยเห็น แต่เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาเห็นเซทสุโกะกำลังฝังหิ่งห้อยลงในหลุมและพูดกับพี่ชายว่า "ป้าบอกว่าแม่ตายแล้วและอยู่ในหลุม" เซอิตะจึงไม่อาจสะกดกลั้นความเศร้าโศกเอาไว้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ชีวิตในวันต่อๆมายิ่งยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีอาหารให้แลกอีกต่อไป ความอดอยากและความป่วยไข้มาเยือนเซทสุโกะ จนกระทั่งเซอิตะจำต้องไปขโมยอาหารในตอนกลางคืนและในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่หวาดกลัวระเบิดหลบซ่อนในที่หลบภัย แต่เขาไม่กลัวระเบิดเพลิง สิ่งที่เขาทำก็คือวิ่งเข้าไปตามบ้านคนอื่นๆท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงเพื่ออาศัยเวลาช่วงขณะนั้นหาอาหารหรือสิ่งของที่มีค่าที่พอจะช่วยประทังชีวิตสองพี่น้องต่อไปได้
เซทสุโกะป่วยเป็นโรคขาดอาหารและท้องเสียเรื้อรัง เขาพาน้องสาวไปหาหมอแต่หมอไม่มียาให้ไม่มีการช่วยเหลือใดใด เซอิตะจึงเข้าไปในเมืองเพื่อถอนเงินที่เหลือของแม่ ทำให้ทราบข่าวญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ สงครามโลกครั้งที่สองจึงได้ยุติลง เรือรบทุกลำถูกจมลงทะเล ความหวังว่าพ่อจะยังคงมีชีวิตอยู่จบสิ้นแล้ว
ในตอนจบเรื่อง วิญญานของเด็กทั้งสองเทลูกอมแบ่งกันกินจากในกล่อง ในขณะเดียวกันวิญญานเซอิตะบอกวิญญานเซทสุโกะว่าถึงเวลานอนแล้ว
ความน่ากลัวในสงครามอาจไม่ใช่แค่ลูกระเบิดเพลิงและปรมาณูเท่านั้น ลูกระเบิดเหล่านั้นมันไม่มีชีวิตจิตใจจึงประหัตประหารทุกชีวิตได้ตามกลไกที่มีติดมา แต่มันกลับช่วยถอดสลักระเบิดที่มีลมหายใจทิ้งเอาไว้ให้ฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่เหลืออยู่อย่างจำกัดต่อไป ซึ่งเราทุกชีวิตต่างก็เป็นเหยื่อในหายนะตัวนี้ ทุกชีวิตต่างก็ได้รับความสูญเสียไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สงครามจึงไม่ใช่แค่พรากบุคคลอันเป็นที่รักให้ตายจากกันไปเท่านั้น แต่มันยังพรากสายสัมพันธ์ของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ขาดหายไปหรือให้กลายเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอีกด้วย
ผลงานอื่นๆ ของ Nimoko ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Nimoko
ความคิดเห็น