ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short fictions : WonKyu

    ลำดับตอนที่ #1 : พี่ซีวอนและน้องรหัส ตอน มีคนอกหัก

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 58




    พี่ซีวอนและน้องรหัส  ตอน  มีคนอกหัก

    นาฬิกาบนผนังสีขาวสะอาดตาบอกเวลาห้าทุ่มเศษ   เจ้าของร่างสูงโปร่งชะงักเท้าที่จะเดินไปทิศทางที่เตียงนอนตั้งอยู่   มือหนายกเกาท้ายทอยแก้เก้อราวกับว่ากำลังเขินอายอะไรบางอย่าง   หุ่นวีเชพที่ใครๆพากันอิจฉาไปหยุดยืนข้างโต๊ะทำงานริมหน้าต่าง   ที่มีชีทเรียนจัดไว้เรียบร้อยวางทับด้วยโทรศัพท์เครื่องบางสีดำสนิท   นัยน์ตาคู่คมฉายแววไม่มั่นใจ   นึกกลัวว่าจะไปรบกวนคนที่อยากคุยด้วยหรือเปล่า   ถ้าอยู่กับแฟนจะทำยังไง....คงเหมือนขยี้หัวใจด้วยมือตัวเอง   แต่ชเวซีวอนไม่ยักหลาบจำ

    เพลงรอสายภาษาญี่ปุ่นของการ์ตูนสักเรื่องที่คนฟังไม่รู้จักดังนานพอสมควรกว่าเจ้าของจะกดรับ    เสียงที่กรอกมาตามสายแหบแห้งขึ้นจมูกนิดๆถ้าเดาไม่ผิดก็แปลว่าร้องไห้....

    ไอ้เวรที่ไหนรังแกโจคยูฮยอนของเขา

    "เป็นอะไร  อยู่ที่ไหนพี่ไปหาได้มั้ย"  ถ้าเป็นกับคนอื่นเขาอาจเปลี่ยนประโยคเป็นให้ไปหามั้ย...ทุกอย่างขึ้นกับความสำคัญที่คนแต่ละคนได้รับไม่เท่ากัน  หลังจากความร้อนใจที่ปิดไม่มิดส่งไปพร้อมน้ำเสียงทุ้มอบอุ่น   หัวใจก็เต้นช้าลงเมื่ออีกคนเงียบไปนาน   ชเวซีวอนพยายามตั้งสติอะไรบางอย่างบอกให้ควรรอ   นอกจากเสียงสูดน้ำมูกแรงๆก็มีเสียงรถ  เสียงคนคุยกัน   เสียงอึกทึกแบบนี้เหมือนน้องรหัสอยู่ริมถนนทั้งที่ห้าทุ่มแล้วน่ะนะ 

    บ้าเอ้ย

    "ฮือ..ไม่ต้อง   เดี๋ยวไปหาที่หอไม่ต้องออกมานะ"   ใจชื้นขึ้นมาหน่อย   แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าให้ไปรับ   เป็นห่วงจะตายห่าแล้วนะคยูฮยอน

    "อยู่ไหนบอกมา   เดี๋ยวพี่ไปรับเอง"   เขาพูดเสียงนุ่มเหมือนตำรวจกล่อมผู้ร้ายให้ยอมปล่อยตัวประกันเทือกๆนั้น   แต่ไม่สำเร็จเพราะน้องรหัสบอกว่าจะมาเองดึกแล้วจะออกมาทำไม   โจคยูฮยอนพูดด้วยเสียงสั่นน้อยๆก่อนจะขอวางสายไป   ทิ้งผู้ชายตัวใหญ่ยืนเคว้งอยู่ที่เดิม   กระสับกระส่ายมากจนต้องออกจากห้องไปนั่งรอชั้นล่างที่เป็นห้องกระจกทั้งที่สวมแค่เสื้อกล้ามเก่าๆกางเกงบอลกับรองเท้าแตะหูหนีบ   มือหนาหมุนกุญแจห้องที่ร้อยไว้กับคีย์การ์ดเล่น   หมุนไปหมุนมาสลับกับการมองโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัว 

    30  นาทีกว่าผ่านไปพร้อมๆกับความร้อนรนที่สะสมมากขึ้น  จากนั่งก็เป็นเดินวนไปวนมาและเงยหน้ามองทุกครั้งเมื่อมีแสงไฟหน้ารถส่องถนนหน้าหอพัก เกือบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแต่แสงไฟหน้ารถที่ส่องมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้หยุดไว้ทัน       ขายาวรีบก้าวออกจากประตูเลื่อนที่เปิดไว้ตั้งแต่แรกเมื่อแน่ใจว่าใช่คนที่รอ           

    ภาพโจคยูฮยอนสะพายกระเป๋าใบใหญ่เหมือนจะย้ายบ้านปรากฏตรงหน้า    มุมปากมีรอยแตกเล็กๆแต่เลือดไม่ไหลแล้ว   ไปโดนอะไรมา....ใต้ตาช้ำ   หน้าที่เคยขาวดูโทรมลงไปถนัดตาจนคนมองใจหาย   แต่ชเวซีวอนก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้เงียบๆ   เขายิ้มอ่อนจางขณะเดินไปแตะแขนที่เล็กกว่าให้เดินตามเข้ามา 

    เมื่อแตะคีย์การ์ดกับเครื่องแสกนเสียงติ๊ดๆก็ดังสองครั้ง    คนคุ้นที่ทางเป็นฝ่ายเดินนำก่อนจะเหลียวมองคนเดินตาม      นิ้วยาวๆแกว่งกุญแจตรงหน้าคนที่มัวแต่ก้มมองรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง    พอเจ้าของตากลมเหมือนแมวที่ตอนนี้ไร้ประกายสุกใสเหมือนก่อนเงยมองเขาก็ยื่นพวงกุญแจให้ถือ   อีกฝ่ายแบมือรับโดยดี

    "ที่นี่ไม่มีลิฟต์  พี่อยู่ชั้นสี่คนไม่ชินอาจจะเหนื่อยเพราะงั้นถอดกระเป๋ามา"   เสียงทุ้มฟังใจดี   แววตาที่มองคู่สนทนาก็ไม่ต่างกัน

    "ไม่เป็นไร   ไม่ได้หนักมาก"   คนดื้อยังไงก็คือคนดื้อ  ซีวอนคิดในใจ

    "เถอะน่า"  เขาย้ำชัดพร้อมกับใส่ความจริงจังลงไปในน้ำเสียงเพิ่มขึ้น

    "ขอบคุณครับ" 

    กระเป๋าใบใหญ่อยู่บนหลังคนตัวสูง    ซีวอนไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรไว้บ้างแต่เดาว่าน่าจะเป็นเสื้อผ้า     เกิดอะไรขึ้นกันนะ   แต่ตามความเป็นจริงก็พอจะเดาได้เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าทะเลาะหรือเลิกจริงก็เท่านั้น

    "กินอะไรมายัง"   เจ้าของห้องถามคนที่นั่งบนโซฟาทำตาลอย   คยูฮยอนไม่ได้ยินเขาเลยใช้จังหวะนี้พิจารณาคนตรงหน้า   เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มกับยีนส์สีซีดขาดๆ  สภาพโดยรวมถือว่ายังพอไหวนอกจากตาช้ำปากแตกที่ค่อนข้างไม่โอเคเลยแม้แต่น้อย

    "หิวมั้ย"   เสียงนุ่มถามอีกรอบดังกว่าเดิม   เป้าหมายเลยเงยหน้ามอง

    "กินมาม่ามาแล้ว   ตอนที่โทรไปอ่ะนั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อกอดกระเป๋าเหมือนลูกหมาหลงทาง    ยังคิดอยู่เลยว่าจะไปนอนไหนดี"   คำพูดยาวเหยียดที่ตอนเล่ามีรอยยิ้มบางประดับทำให้ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน   หัวใจเจ็บร้าวเมื่อคิดว่าถ้าเป็นร้องไห้แทนยิ้มฝืนๆนั่นคงไม่น่าสงสารขนาดนี้

    "ทำไมไม่โทรหาล่ะ   เห็นพี่รหัสเป็นเปลือกถั่วที่พึ่งพาไม่ได้เหรอ"   กลิ่นผมหอมกรุ่นลอยเตะจมูก   ซีวอนลอบสูดเข้าไปเต็มปอดทำทั้งที่รู้สึกผิดอยู่เต็มอก   ถ้าน้องรู้มันคงกลัวหรืออาจจะเกลียดไม่อยากเดาสักทาง

    "ก็มันดึกไง   นี่เลิกกับจีซกแล้วนะไปหาเรื่องชู้มัน   เหี้ยนั่นเลยต่อยคืนแทน เจ็บชะมัด"     ชเวซีวอนกระพริบตาไล่ความรู้สึกปวดหน่วงในอก    ยังไม่ทันถามไม่รู้จะเล่าทำไมเล่าแล้วเจ็บมากกว่าเดิมหรือเปล่า    น้ำตาถึงได้ไหลอาบแก้มเป็นสาย

    "ไม่ต้องเล่าแล้วลืมชื่อมันไปเลยยิ่งดี   น้องรหัสพี่น่ารักขนาดนี้อย่าไปสนใจคนพรรค์นั้นให้รกสมอง"   โจคยูฮยอนยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาเมื่อหยดน้ำเหล่านั้นทำภาพพี่รหัสพร่าเบลอ   ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆมองหน้าคมของคนที่มองอยู่ก่อน   เขาเห็นยิ้มจริงใจทั้งปากทั้งตาราวกับจะส่งพลังความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีมาให้ผ่านทางมือใหญ่ที่ตบเบาๆลงบนบ่า

    "มองแบบนี้ทำไม   ยิ่งเห็นยิ่งอยากอ่อนแอนะ"   คนฟังยิ้มมากกว่าเดิม   เพราะทันทีที่พูดจบตัวสูงๆผอมๆของคนข้างกันก็โถมกอดแน่นให้สองแขนแข็งแรงของชเวซีวอนรับทุกอย่างไว้ด้วยความเต็มใจ   วินาทีนี้เองที่ใครบางคนเพิ่งรู้ว่าน้องรหัสของเขาตัวเล็กนิดเดียว   เพราะฉะนั้นความแข็งแรงที่มีจะขอใช้เพื่อปกป้องโจคยูฮยอนให้ดีที่สุด

     

    แสงยามเช้าส่องทะลุผ้าม่านผืนสีเข้ม   คนที่ลืมตาก่อนคือเจ้าของห้องที่เลือกหันมองคนข้างกันเป็นอย่างแรก   แขนขาววางพาดบนพุงที่ขาวกว่าแขนมาก   ไม่รู้นอนยังไงให้เสื้อเปิดแทบถึงอก   มองนานเข้าก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อกเลยแก้เก้อโดยการขยับผ้าห่มไปคลุมทับภาพล่อตาล่อใจ   แพขนตาหนาปิดสนิท   จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่มสีอมชมพูที่ดูยังไงก็น่าจูบเป็นบ้า

     

    เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้องดังปลุกคนบนเตียง   คำว่าผิดที่ผิดทางแล้วจะนอนไม่หลับไม่เคยเกิดกับคยูฮยอนมาแต่ไหนแต่ไร   แม้แต่เพิ่งอกหักมาหมาดๆก็ยังกินได้นอนหลับทำทุกอย่างได้เกือบเหมือนปกติ   เพราะเขาคิดไว้แล้วว่าจะร้องไห้อ่อนแอแค่เมื่อวานเท่านั้นจะทิ้งอดีตไว้ที่เมื่อวาน   ผู้ชายเหี้ยๆแบบนั้นจะเก็บไว้ทำอะไร    มือขาวกวาดผ้าห่มกลิ่นหอมสะอาดมากอดแนบอก   พลิกตัวนอนตะแคงฝังหน้าลงหมอนแล้วหลับตาลงไปใหม่   ปลอดภัยแน่นอนคือความรู้สึกที่แจ่มชัดในใจ   นึกขอบคุณพี่รหัสคนเดียวเงียบๆอยู่พักใหญ่   ก่อนความง่วงงุนจะพรากคนขี้เซาเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง

    กลิ่นแชมพูผสมครีมอาบน้ำลอยกรุ่นเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก   เจ้าของร่างสูงโปร่งที่พันช่วงล่างไว้หลวมๆด้วยผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวเดินมาชะโงกหน้ามองคนบนเตียง   แขนขายาวสมส่วนกอดรัดผ้าห่มแน่นเหมือนเด็กๆ   นัยน์ตาคมละไปมองนาฬิกาบนผนังเจ็ดโมงครึ่งพอดี   จำได้ว่าตารางเรียนของปีสองที่แอบจิ๊กมาจากไหนสักที่เริ่มเรียนคาบแรกตอนสิบโมง   ส่วนปีสามน่ะหรือเช้าวันศุกร์แบบนี้ดันเรียนมีเรียนเก้าโมงเช้าถึงบ่ายสามโมงตรง  ถึงจะมีพักระหว่างวันแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีอะไรนัก   เจ้าของผิวขาวแบบผู้ชายเล่นกีฬากลางแจ้งคิดหนัก   ควรปลุกน้องไปเรียนตอนกี่โมงดีอยากให้พักผ่อนมากๆจะได้ตื่นมาสดชื่น

    "อื้อ"   น้ำจากปอยผมหยดแหมะบนแก้มใส   เปลือกตาคนหลับเริ่มขยับตามด้วยท่ายกมือปิดปากหาว  ก่อนตากลมจะปรือมองชเวซีวอนที่ถอยออกไปหนึ่งก้าวยาวๆเหมือนเพิ่งทำอะไรผิดใหญ่โต

    "อรุณสวัสดิ์"   โจคยูฮยอนนอนกระพริบตาปริบๆมองคนพูด   ตาที่กลมกว่าของพี่รหัสมากเผลอมองท่อนบนเปลือยเปล่าสมชายชาตรีโดยไม่ตั้งใจ   แผ่นอกแน่นๆที่ยังมีหยดน้ำเกาะพราว ไหนจะหน้าท้องโคตรซิคแพคนั่นอีก จู่ๆหน้าก็ร้อนส่วนกลางตัวก็เริ่มมีปฏิกิริยา   ชิบหายมาก

    "มายืนทำไม  แต่งตัวไปเรียนได้แล้วเดี๋ยวก็สาย"   เสียงทุ้มห้าวว่าดังๆหวังกลบอะไรๆที่มันน่าอาย

     

    "ครับๆ  วันนี้เรียนกี่โมงเราน่ะ"   ถึงรู้ก็ต้องถามเดี๋ยวไม่เนียน    จะได้ต่อเรื่องได้ว่าไปไหมเพราะยังมีเรื่องกุญแจกับคีย์การ์ดที่ต้องจัดการ   แลัวกันเอาหน้าซุกหมอนอีก โจคยูฮยอนเป็นแมวหรือไงนะเมื่อคืนนอนปุ๊บก็หลับทันที   นี่จะนอนอีกก็ไม่ไหวนะตื่นมาออกแรงบ้างเดี๋ยวก็ล้ามเนื้อลีบพอดี

    "เรียนกี่โมง"   ซีวอนถามซ้ำ   มื่อก็สวมกางเกงยีนส์ไปด้วย

    "สะ..สิบโมง"   ทำเสียงแปลกๆคนฟังคิดในใจ   ถ้าหันไปดูหน่อยก็จะรู้ว่าใบหูที่เคยขาวๆตอนนี้กลายเป็นสีชมพูเรียบร้อยแล้ว 

    "งั้นเอากุญแจกับคีย์การ์ดไป  เพราะพี่ต้องออกไปก่อน"   แต่งตัวเสร็จพอดีก็เดินไปหยิบกุญแจวางบนโต๊ะข้างเตียง   ไม่อยากทิ้งให้อยู่คนเดียวเลยอดไม่ได้ที่จะทรุดนั่งข้างๆ   ฟูกนุ่มๆยวบตามน้ำหนักที่กดทับลงมา   คนบนเตียงจึงค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากผืนผ้าห่ม   สิ่งแรกที่นัยน์ตาคู่คมเพ่งมองคือรอยแผลที่มุมปาก  เมื่อคืนนั่งทายาให้เลยอยากรู้ว่าดีขึ้นแค่ไหนแล้ว

    "ยังเจ็บอยู่มั้ย"   คยูฮยอนแตะปลายนิ้วลงบนแผลทั้งยังนอนอยู่แบบนั้น   ยิ้มที่สดใสกว่าเมื่อคืนส่งให้คนเป็นห่วงด้วยความจริงใจ   พอเลิกกันแล้วสิ่งที่คิดได้คือเมื่อก่อนทำไมรักมันนัก  ไม่มีสักเศษเสี้ยวที่จะอ่อนโยนได้เท่าผู้ชายตรงหน้า 

    "เดี๋ยวก็หาย  ไปเรียนได้แล้ว"   ไล่เพราะทนสายตาที่มองมาไม่ไหว  อย่าใจดีมากนักได้มั้ย

    "ขอโทษด้วยไม่มีมื้อเช้าให้ของในตู้เย็นหมดพอดี    กินคอร์นเฟลกกับนมไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้จะซื้อเข้ามาตุนเยอะๆ"   เขาเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย   สายตาจับจ้องคนบนที่นอนนิ่งไม่รู้ว่ารู้ตัวเผลอหรือห้ามใจไม่ได้กันแน่

    "ไม่เป็นไร  ปกติก็ไม่ได้กินอยู่แล้ว  เอ้อ..กุญแจเดี๋ยวเอาไปให้ตอนเที่ยงๆนะ   นั่งแถวบรรยาย 3 ใช่ป่ะ"      คยูฮยอนชวนคุยบ้าง   ไม่อยากอึดอัดกับสายตาอ่อนโยนที่มองมาเห็นแล้วพาลอ่อนแอดื้อๆ   อยากกอดแน่นๆซุกหน้าแล้วปล่อยน้ำตาไหลลงมาแบบไม่ต้องกลัวอาย   น่าสมเพชที่ภาพในใจกลับยังเป็นแฟนเก่าที่ทรยศกันอย่างเลือดเย็น   เพิ่งบอกมันเลวไปตะกี้นี่เองแต่ตอนนี้ดันคิดถึงกอดของมัน   คิดถึงทุกสัมผัสจากมือแข็งกระด้าง   คิดถึงคำบอกรักที่กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูหรือถ้าพูดตามตรงก็พูดหวานๆหว่านล้อมเพื่อให้ยอมตามใจทุกอย่างก็เท่านั้น 

    "เลิกกี่โมง"   อันนี้ก็รู้แล้ว

    "บ่ายสอง"   ซีวอนทำท่าคิด 

    "งั้นไม่ต้องคืนกุญแจพี่เลิกบ่ายสาม   เรียนเสร็จเราจะได้กลับมาพักได้เลยไม่ต้องรอพี่"   หัวคิ้วได้รูปขมวดมุ่น   ไม่อยากยึดกุญแจเจ้าของห้องไว้กับตัว

    "เอางี้เดี๋ยวเรานั่งรอแถวนั้น  กลับพร้อมกันประหยัดตังค์ค่ารถดีด้วย"   คนฟังคิดตาม   ก็ดีจะได้พาไปซื้อของที่ขาดเหลือกับของสดมาเข้าตู้เย็น

    "โอเคตกลงตามนี้  อย่าไปเรียนสายนะ"    เจ้าของห้องกำลังจะลุกออกไปถ้าไม่ติดที่มือนุ่มนิ่มเกาะข้อมือไว้เสียก่อน   ตาคู่คมไล่มองตั้งแต่ส่วนที่ร้อนวาบจากการถูกแตะเบาๆเรื่อยไปถึงแขนขาวกระทั่งเป็นหน้าตาอึกอักเหมือนคนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้าของโจคยูฮยอน

    "ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ"   แล้วชเวซีวอนก็แทบจะหุบยิ้มไม่ได้เป็นระยะทางจากหอพักถึงมหาวิทยาลัย   ก็แค่คำขอบคุณไม่รู้จะดีใจอะไรนักหนา   ชายหนุ่มพยายามเตือนตัวเองเพราะเสี้ยวนึงของใจก็กลัวความผิดหวังเหมือนกัน   ตอนที่น้องมีแฟนใหม่ๆไม่อยากพูดว่าโลกทั้งใบแทบพังลงตรงหน้า

     

    "อารมณ์ดีอะไรมา"   ซูจีที่นั่งอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนทักเพื่อนสนิท   เธอเห็นตั้งแต่หน้าคมๆนั่นโผล่มาคณะตอนแปดโมงกว่าแล้วแต่เพิ่งจะถามตอนอยู่ด้วยกันสองคน  ก็รอจังหวะให้อีทงเฮพาฮยอกแจไปซื้อน้ำปั่นทั้งที่เมื่อเที่ยงเพิ่งกินข้าวไปสองจาน     กับรอให้คิมฮีซอลไปนอนงีบที่ห้องสโมฯชั้นบน     นานอยู่เหมือนกันกว่าจะมีโอกาสถามและได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง   เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อก็แบบนี้หลบๆซ่อนๆอ้อมไปอ้อมมา...

    "ปกตินะ  ทำไมเหรอ"   เสียงทุ้มตอบสบายๆไม่มีท่าทีติดขัดให้นึกระแวง   เธอค่อยโล่งใจหน่อย  ริมฝีปากเคลือบสีส้มอ่อนหยักยิ้ม นึกว่าจะมีใครเป็นม้ามืดมาจีบคนที่หมายตาตอนลับหลังเสียอีก 

    "ก็เห็นหน้าตาเปล่งออร่าความสุขซะขนาดนี้"   คนฟังเลิกคิ้วแปลกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำเมื่อนึกสาเหตุออก

    ท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นสะกิดต่อมความสงสัยของหญิงสาวเข้าอย่างจัง   มือเรียวบางวางหนังสือเล่มหนาลงบนโต๊ะเป็นสัญญาณวอกว่าขั้นตอนจับผิดชเวซีวอนกำลังจะเริ่มต้น   อุตส่าห์คิดว่าไม่มีอะไรแล้วเชียว....ยิ้มแบบนั้นเหมือนคนเก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้ชัดๆ

    "เดี๋ยวมา" 

    ไม่ทันจะได้เริ่มร่างสูงโปร่งไม่ต่างจากนายแบบบนแคทวอล์คก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่   ช่วงขายาวนั่นวิ่งไปหาน้องรหัสหน้าจืดๆที่เธอไม่ชอบเท่าไหร่   เพราะรู้ข่าวว่ามีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน   ผิดธรรมชาติสิ้นดี   หญิงสาวเลยเลือกหยิบหนังสือมากางอ่านเหมือนเดิม   ไม่อยากมองเด็กนั่นให้รกสายตา   เลยพลาดฉากสำคัญที่คนที่ไม่ชอบขี้หน้ากำลังควักกุญแจหอพักออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์เข้ารูปที่มีรอยขาดแทบทั้งขายื่นให้ชเวซีวอน   ก่อนจะวิ่งไปรวมกับกลุ่มเพื่อนปีสองด้วยกัน   จึงได้ฤกษ์ให้ใครอีกคนเดินอารมณ์ดีกลับมาเนื่องด้วยข่าวดีที่ว่า   คยูฮยอนไปขนชีทกับหนังสือเรียนมาไว้ที่ห้องเรียบร้อยแล้วและขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน

    "สนุกมั้ย"  ก็แค่ชวนเพื่อนคุยเพราะอารมณ์ดีมากถึงมากที่สุด

    "สนุกมาก  ยืมมั้ยเล่มหนึ่งอยู่หอพรุ่งนี้เอามาให้"   เสียงกระตือรือร้นรีบตอบ 

    "ไม่เอาล่ะ  ไม่ใช่แนว"   มือหนาโบกกลางอากาศปฏิเสธ

    คาบสุดท้ายของวันจบลงและคนที่ได้คะแนนท็อปแทบทุกวิชาก็เก็บข้าวของเสร็จแล้วเช่นกัน  พูดให้ถูกคือเก็บเสร็จตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว   โบกมือลาเพื่อนพอเป็นพิธีก็ก้าวเร็วๆไปที่รถที่จอดหลบร่มข้างตึก   โจคยูฮยอนไลน์มาว่ารออยู่แถวนั้น   ไม่ต้องถามก็หาเจอว่าจอดไว้ไหนเพราะรถเต่ารุ่นโบราณสีขาวหม่นๆน่ะทั้งคณะมีแค่คันเดียวและคนส่วนใหญ่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ

    "รอนานมั้ย"   โจคยูฮยอนที่กำลังนั่งเหม่อมองหมาคณะสะดุ้ง

    "ไม่นานๆ"   ยิ้มไม่ค่อยสดใสอีกแล้ว   คนช่างสังเกตุคิดแต่ไม่กล้าถาม   นัยน์ตาคู่คมมองทุกอิริยาบถของน้อง   คยูฮยอนรีบคว้ากระเป๋าเตรียมขึ้นรถเมื่อเขาไขกุญแจ   ไม่ต้องให้บอกก็สอดตัวเข้าไปนั่งเรียบร้อย 

    "ขออยู่ด้วยไปอีกสักพักได้ป่าว   เพื่อนในกลุ่มมันมีเมทกันหมดบางคนก็อยู่กับแฟน   คือถ้าไม่ได้...ก็ไม่เป็นไรครับ"    เสียงหงอยๆอึกอัก   ตากลมกว่าผู้ชายทั่วไปนิดหน่อยเหลือบมองเมื่อคู่สนทนาไม่พูดอะไร   หรือจะรบกวนมากไปกันนะ...

    "พี่พูดหรือยังว่าไม่ได้อย่าคิดเยอะสิ"   เหมือนรู้ว่าถูกมอง   คนที่น้อยใจตอนได้ยินคำว่า "ถ้าไม่ได้" เลยยอมตอบ   ผู้ชายตัวโตๆอย่างชเวซีวอนก็แค่ไม่ชอบการถูกโจคยูฮยอนมองเป็นคนอื่นก็เท่านั้น

    "จะอึดอัดมั้ย  คนเคยอยู่คนเดียว"   ไม่วายถามซ้ำ   ตายังมองที่พี่รหัสนิ่งด้วยความเกรงใจ

    "อยู่ถาวรยังได้เลย"   คนที่นั่งเบาะคนขับพูดเสียงจริงจัง   บางครั้งการยับยั้งชั่งใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด   ชเวซีวอนถึงต้องเก๊กขรึมขับรถด้วยใบหน้านิ่งสนิททั้งที่หางตาเหลือบเห็นว่าคนข้างกันมองมานิ่ง   ถือว่าโชคดีที่โจคยูฮยอนเลือกจะไม่พูดอะไร...

    ซุปเปอร์ที่เป็นทางผ่านถูกเลือกเป็นสถานที่ซื้อของ   ใช้เวลาไม่นานก็ได้ของสดมาเต็มรถเข็น  ส่วนของใช้จำเป็นของคนเพิ่งย้ายเข้าก็ไม่ต้องซื้อมากเพราะกระเป๋าใบใหญ่ที่ฝ่ายนั้นสะพายมาเมื่อวานมีของเกือบครบ 

    "เราช่วยจ่าย"   เสียงห้าวหวานบอกตอนใกล้ถึงคิวจ่ายเงิน   คนเป็นพี่รหัสยิ้มแต่ส่ายหน้า

    "ไม่เป็นไร   ไว้คราวหน้าละกัน"   พูดไปอย่างนั้นเอง   เพราะคราวหน้าก็จะไม่ให้จ่าย   เก็บไว้ใช้แรงงานดีกว่าเยอะ   อยากเห็นตอนเด็กตัวขาวปัดกวาดเช็ดถู   คงให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวที่อบอุ่น   แต่ยังไงถึงตอนนั้นก็จะช่วยใครจะปล่อยให้เหนื่อยคนเดียว

    "อย่าดื้อ"   คนน้องยังไม่ทันจะขยับปาก   คนที่วางแผนทุกอย่างไว้ในใจก็ตัดหน้าพูดก่อนที่คิดจะแย้งเลยเป็นอันตกไป 

    ชเวซีวอนเป็นคนเข็นรถ   สีหน้าของชายหนุ่มฉายประกายความมีชีวิตชีวากว่าปกติแต่หากมองให้ดีลึกๆแล้วกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล   ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจคยูฮยอน  น้องทำหน้าเศร้าตั้งแต่ที่คณะ...แค่คิดว่าอาจเป็นเพราะสาเหตุที่ทำให้แบกกระเป๋ามาหาก็ปวดใจชิบหายแล้ว   และสิ่งที่ชายหนุ่มคาดคะเนก็ถูกต้องจริงๆ   เมื่อคนที่เดินข้างๆหยุดอยู่กับที่ทันทีเพียงเพราะเห็นแฟนเก่า...เรียกแบบนี้ได้ใช่หรือเปล่าชเวซีวอนชักเริ่มไม่แน่ใจ  

    ไอ้เหี้ยนั่นเดินกอดคอผู้ชายตัวเท่าๆน้องรหัสเขาแต่หน้าตาหวานกว่ามาก    ผู้ชายคนนั้นยักคิ้วเยาะเย้ยอดีตแฟนด้วยสีหน้าราวเหนือกว่าเต็มประดา           แต่คนที่ทนดูไม่ได้กลับเป็นชเวซีวอนที่กำหมัดแน่น   ขายาวๆกำลังจะวิ่งตรงไปทางนั้นเพื่อเอาคืนโทษฐานที่ทำให้เจ้าของหัวใจของชเวซีซีวอนคนนี้ต้องพังยับเยิน   เกือบจะถึงตัวอยู่แล้วถ้ามือเย็บเฉียบไม่มารั้งแขนไว้ด้วยแรงทั้งหมดทีมี    นัยน์ตาที่เจ็บมากไม่แพ้กันเหลียวมองน้อง   ไม่เข้าใจว่าจะห้ามไปทำไม...หรือยังอยากปกป้องเพราะกลัวมันจะเจ็บตัว

    "อย่าไปสนใจคนแบบนั้นเลย   ก..กลับเถอะเราหิวข้าวแล้ว"   แค่ประโยคที่พูดด้วยเสียงสั่นๆกับนัยน์ตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำก็ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามคำขอ   มืออุ่นๆของพี่รหัสที่แสนดีค่อยๆคลายจากการกำหมัดแน่นเปลี่ยนเป็นจับจูงมือที่เล็กกว่าไว้แทน   กระชับแน่นหวังส่งผ่านกำลังใจเพื่อให้รู้ว่ายังมีคนที่รักและหวังดี   สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าจะไม่ทอดทิ้งแน่นอน

    "อยากกินอะไร   เดี๋ยวพี่โชว์ฝีมือสุดยอดพ่อครัวให้ชิม"   เขาพูดเพื่อทำลายบรรยากาศหดหู่   และเริ่มรู้สึกว่าไมรถจอดไกลนัก

    "โม้ป่าว"   โจคยูฮยอนยิ้ม....ทั้งที่ไม่คิดว่าจะยิ้มได้ในเวลาแบบนี้

    "เย็นนี้ลองชิมละกันแล้วจะรู้ว่าโม้มั้ย"   คนฟังไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหันไปยิ้มให้พี่รหัส    ถึงจะเป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มทีแต่เขาก็รู้ว่าสำหรับคนที่ความรักเพิ่งพังได้แค่นี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว...

     

     

     

     

    …………………………………………………………………………………………..

    ไม่รู้สนุกป่าวเขียนไว้คลายเครียด   ฝากติดตามด้วยนะคะ  J

    ขอบคุณค่ะ 

    Glutamate

     

     

     

     

    \

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×