ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short stories (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : ของขวัญวันเกิด (จบในตอน)

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 58




    ของขวัญวันเกิด

                    คืนนี้ไม่ได้นอนห้อง  ก็หอพักนักศึกษาธรรมดาๆนี่ละ  รู้สถานที่แล้วใกล้ได้เวลาออกไปเต็มที   แต่เหมือนเดิม...ไม่อยากไป       ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ต้องก้มสำรวจสภาพตัวเองสะอาดดีหรือยังอะไรทำนองนั้น   ไหนๆก็ไหนๆแล้วอยากได้เงินมากๆก็ต้องพร้อมทุกอย่าง 

                    ผมนั่งอยู่บนแท็กซี่   ลุงคนขับเปิดเพลงอะไรก็ไม่รู้เหมือนเคยฟังผ่านหู   เพราะดีเพราะมากจนอยากจะร้องไห้   ให้ตายเถอะต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ชินอยู่ดี   แล้วโดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันสิ้นปี   ก็เงียบมาทุกปีมีแค่ข้อความสุขสันต์วันปีใหม่ตามเรื่องตามราวในโซเชียลไม่กี่ข้อความเหมือนปกติที่ทุกคนพากันลืมวันเกิด   เพียงแต่จู่ๆก็อยากกลับห้องแล้วนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนหนา   ไม่ได้อยากไปนอน...ให้ใครกอดก็ไม่รู้ 

                    โทรศัพท์ที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ซีดๆตัวเก่งสั่นครืดคราด    ไม่ได้หวังว่าจะเป็นใครเป็นพิเศษก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด  พ่อแม่แยกทางขาดทั้งความอบอุ่นขาดทั้งเงิน  

                    เหี้ยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

                    "สวัสดีครับคุณพล"

                    "ครับ   ใกล้ถึงแล้วครับ"

                    "ครับ  ขอบคุณครับ" 

                    ผมเก็บโทรศัพท์เข้าที่พลางเอนหัวพิงกระจกหน้าต่างรถ   มองไฟประดับหลากสีที่ตกแต่งไว้สวยงามตลอดสองข้างทาง   วันสิ้นปีเขาอยู่กับครอบครัวกันทั้งนั้นทำไมผมยังต้องไปนอนกับไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย   ถ้าไม่ใช่เพราะค่าตอบแทนที่ค่อนข้างมากกว่าปกติหลายเท่า  

                    ที่เพิ่งคุยเสร็จได้ความว่าเดี๋ยวเขารอรับตรงล็อบบี้คอนโด   คิดแล้วก็ถอนหายใจแรง   หรูน้อยเสียเมื่อไหร่กับที่ที่ว่า   ความกลัวประทุในใจ    พวกคนรวยบางคนพฤติกรรมทางเพศแปลก...แล้วที่แปลกกว่าคงจะเป็นผมผู้ผ่านประสบการณ์อย่างนั้นมาได้และไม่เข็ดที่จะยังคงเดินหน้าต่อไป   บางครั้งลืมตาตื่นด้วยความเจ็บระบมชนิดที่ว่าแทบคลานออกมาไม่ไหว    ถือเสียว่าแลกกับเงินที่ได้มา

                    แต่ถ้าตายไปก่อน...จะยังคุ้มไหมนะ 

                    "ยิ้มอะไรหนุ่ม   แต่ทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้"   ลุงคนขับเอี้ยวหน้ามามองเมื่อรถจอด   ผมยิ้มกลบเกลื่อน   จ่ายเงินเสร็จก็เดินลง   ได้ยินแว่วๆว่านี่เที่ยวสุดท้ายลุงจะรีบกลับไปฉลองกับลูกเมีย

    ....น่าอิจฉาจัง

     

                    เพิ่งรู้ตัวว่าทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้   อ่อนแอไปก็ไม่มีใครสนใจเป็นเองก็ต้องหายเองบอกตัวเองแบบนี้ทุกครั้ง     คนอย่างผมไร้ค่ามานานแล้ว   ไม่มีใครรักและไม่กล้าแม้คิดจะรักใครสักคน...

                    "ตรงเวลาเป๊ะ   มาๆเพื่อนผมรอบนห้องแล้ว" 

                    ความหรูหราของคอนโดทำให้เกร็งอัตโนมัติพื้นมันเงาจนใช้แทนกระจกได้   โคมไฟประดับตามมุมเสาต้นใหญ่นั่นก็สวยและดูมีราคามาก   คนที่ยืนรออยู่ก่อนมาในชุดแนวเดียวกับหนที่แล้วคือเชิ้ตสีน้ำตาลแก่กับกางเกงสแสคสีดำคาดเข็มขัดหนังสีเดียวกันตึงเปรี๊ยะ    คุณพลรีบพาเข้าลิฟต์เขารู้จักกับรุ่นพี่ที่พาผมเดินทางสายนี้เลยติดต่อไปทางนั้น    ทางนั้นเลยให้ผมคุยเองซึ่งสองคนรับรองเป็นมั่นเหมาะว่าปลอดภัยงานง่ายแน่นอน    ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี   รสนิยมของเรื่องบนเตียงน่ะใครจะเอาไปบอกคนอื่นง่ายๆกัน    

                    "เพื่อนผมเพิ่งอกหักเกือบได้แต่งแล้วเชียว   ปลอบใจมันดีๆหน่อยล่ะ"  

                    เขาพูดเมื่อเราหยุดยืนหน้าประตูบานหนึ่งของชั้นยี่สิบห้า   ก่อนหน้านั้นคุณพลก็บอกว่าตัวเองอยู่ชั้นนี้เหมือนกัน   ถัดไปหนึ่งห้องไม่ต้องกลัวเสียงเล็ดลอดเพราะเขาไม่ได้อยู่ฟังจะไปต่อที่อื่นอีก   เต็มที่เอาให้เตียงสั่นไปเลย     ผู้ชายร่างท้วมตัวสูงใหญ่ผิวคล้ำไว้หนวดหลอมแหลมพูดไปหัวเราะไป   เขาคงตลกน่าดู   แต่ไม่ใช่กับผม...

                    ระหว่างรอคนข้างในมาเปิดประตูกินเวลาหลายนาที    สมองที่เริ่มว้าวุ่นหนักทำให้อดจินตนาการภาพคนที่ต้องอยู่ด้วยทั้งคืนไม่ได้   อาจจะเหมือนเพื่อนเขาที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ข้างๆถ้าตัวเท่ากันร่างกายผมคงสู้แรงไม่ไหวแน่

     

                    แต่ผิดจากที่คาดไว้มากเมื่อเจ้าของห้องโผล่หน้าออกมาให้เห็นด้วยสภาพเหมือนคนเมา

     

                    "หาคนปลอบใจให้แล้ว  มีความสุขนะเพื่อนไม่เคยก็ต้องลองนะจ๊ะ"

                    "เฮ้ย"   ผู้ชายตรงหน้าร้องเสียงตกใจเมื่อผมถูกผลักด้วยแรงที่ไม่เบานักเข้ามาในห้อง    พร้อมกายหายตัวไปของคนที่น่าจะจัดการทุกอย่างโดยไม่บอกเพื่อนล่วงหน้า   ผมเดาจากสีหน้ามึนงงของคนฟังและสิ่งที่ได้ยิน   ไม่เคยกับผู้ชาย....

                    เขาคงรับผมไว้ด้วยปฏิกิริยารีเฟล็กซ์แต่ก็เซไปเซมาเต็มที   ล้มทั้งคู่มีหวังแขนขาหักกันบ้างผมเลยเปลี่ยนเป็นพยายามพยุงคนเดินไมค่อยตรงนักเข้าไปข้างในแทน    ลมหายใจที่เป่ารดข้างแก้มเจือไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์   อุ่นจนเหมือนร้อน  โหนกแก้มที่ปกติน่าจะขาวจนซีดขึ้นสีเรื่อจาง   เชิ้ตขาวที่สวมอยู่เหมือนใช้เหล้าซักแทนน้ำ   "ตกขวด"   ได้ยินตั้งแต่สมัยเด็กแถวบ้านเรียกกันแบบนี้  พูดให้ถูกคือแม่ชอบใช้คำนี้ตะโกนใส่หน้าพ่อต่างหาก

                    ความกลัวและความหวาดระแวงลดลงไปมากพูดให้ถูกคือหายใจทั่วท้องขึ้นเยอะ   ในเมื่อเมาก็แสดงว่าไม่มีแรงทำอะไรได้มากแน่นอน 

                    "หรือที่บอกว่าจะมีเซอร์ไพรส์ปลอบใจคือหาเด็กผู้ชายมาให้   พวกเหี้ย"    เสียงทุ้มคล้ายบ่นกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับใครสักคน   ก่อนตาเรียวยาวสีดำสนิทคู่นั้นจะปลายมองผมคล้ายเห็นเป็นภาระ   สังเกตุดีๆก็ไม่เมามากอย่างที่คิดดูยังมีสติคุยรู้เรื่องถ้าผมไม่ประเมินเขาสูงเกินไป   เป็นครั้งแรกที่ถูกแขกมองด้วยสายตาสื่อความทำนองนี้   เพราะปกติมีแต่ความหื่นกระหายที่สาดเทใส่   พร้อมปลดปล่อยตัณหามาให้ไม่ยั้งคิดแค่ว่ากูจ่ายเงินซื้อแล้วจะทำอะไรมันก็ได้

                    เจ้าของห้องยังนั่งกุมขมับบนโซฟาสีครีมอ่อน   เขาเป็นผู้ชายตัวสูงน่าจะเกือบร้อยเก้าสิบผิวขาวซีดเหมือนแวมไพร์แต่มีกล้ามเนื้อชัดเจนแสดงถึงความใส่ใจดูแลตัวเอง   แม้จะดูโทรมๆไปบ้างอาจมาจากที่ว่าอกหักอะไรนั่น    นี่ผมสังเกตุมากไปหรือเปล่า    อ้อลืมบอกว่าทรงผมสีดำสนิทตัดสั้นทำให้หน้าดูเด็กมากเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันก็คนที่พาผมมาส่งที่ อายุน่าจะเกือบสามสิบ

     

                    ไม่รู้ถูกใครทิ้งมา....แล้วจะอยากรู้ไปทำไม

     

                    "จะให้ผม...เอ่อทำอะไรดีครับ"    กลั้นใจถามออกไปนึกคำพูดไมค่อยออกเท่าไหร่   เคยแต่ทำตามคำสั่ง ส่วนใหญ่ก็ไม่อะไรมากถูกจับถอดเสื้อผ้าแล้วก็ขึ้นเตียงเลย   นอนให้เขาทำอะไรๆได้ตามใจก็เท่านั้น    มีบ้างที่ต้องเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาทำหมายถึงออนท็อปถือเอาตามความชอบของแขกเป็นหลัก

                    "ช่วยไปหยิบน้ำให้ที  2  ขวดเลยนะ   ตู้เย็นอยู่ตรงโน้น"    เขาทำให้ผมประหลาดใจ

                    มองตามนิ้วยาวๆนั่นก็เจอจริงๆเหมือนผมกำลังยิ้มอยู่นิดนึง   พอเปิดตู้เย็นก็เจอสิ่งที่เขาสั่งแต่ที่น่าแปลกใจคือมีของสดแช่อยู่เต็ม  นึกว่าจะมีแต่น้ำเปล่าหรือไม่ก็อาหารแช่แข็งกับพวกเบียร์เหล้าอย่างที่เคยเห็นบ่อยๆ    ผมวางขวดน้ำลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าเขา   ผู้ชายคนนี้ใจดีคือสิ่งที่คิดตอนลงมือแกะพลาสติกตรงฝาขวดออกแล้วยกดื่มไปหลายอึก 

                    เขาหันหน้ากลับมาจากวิวกลางคืนที่ฉายผ่านหน้าต่างที่กินพื้นที่ผนังห้องค่อนข้างมาก   แสงไฟจากยอดตึกสวยดี   ชอบมองเหมือนกัน   สายตาที่อ่านไม่ออกมองมาแวบนึงก็ไปสนใจขวดน้ำครู่เดียวก็ยกดื่มรวดเดียวหมดไปครึ่งขวด

                    "อายุเท่าไหร่แล้ว   เลิกตอนนี้ยังทันนะ"    เสียงทุ้มพูดกับผม    ถือเป็นความแปลกใจครั้งที่สอง   ตาคู่นั้นมองคู่สนทนาด้วยความเมตตาไม่เคยมีใครมาพูดด้วยและมองแบบนี้มาก่อน   เขาคิดว่าเป็นญาติผู้ใหญ่หรือ    ถ้ามีแบบนีจริงคงดีไม่น้อย

                    "ยี่สิบครับ"   ผู้ชายตรงหน้ายกมือสางผมลวกๆเหมือนกำลังเครียดกับสิ่งที่ได้ยิน    เขาถอนหายใจยาวมองมานิ่งแล้วก็พูดอีก

                    "เลิกเถอะนะอนาคตยังอีกไกล   งานอื่นมีให้ทำอีกเยอะถ้าหาไม่ได้ฉันช่วยหาให้ก็ยังได้"   

                    ไม่ทันได้ตอบอะไรแสงจากพลุหลากสีหลายลูกก็สว่างวาบกลางท้องฟ้า   ประกายไฟสีสันงดงามจับตาตัดกับสีทึมของท้องฟ้าอย่างลงตัว   เที่ยงคืนแล้วพอเที่ยงคืนหนึ่งนาทีก็ขึ้นปีใหม่และเข้าวันเกิดผม 

                    "สุขสันต์วันปีใหม่   นายเองก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว"   เ ขาพูดเสียงนุ่มทั้งที่ตายังจับภาพนอกหน้าต่างนิ่ง   ไม่ได้หันมามองผม   คนที่เพิ่งรู้ว่าการมีใครสักคนห่วงเป็นเรื่องน่ายินดีแค่ไหน

                    ผมพูดอะไรไม่ออก   ความตื้นตันอัดแน่นในอกได้แต่นั่งน้ำตาคลอมองพลุหลากสีอยู่อย่างนั้นสลับกับลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่มั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแน่นอน    แต่กลับมอบความหวังดีให้ทั้งที่ไม่จำเป็น

     

                    ยังทันใช่ไหม...ถ้าคิดจะเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    สวัสดีค่ะ  ^^ 

    ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะมีอะไรติชมได้   ถ้าอ่านแล้วถูกใจช่วยแนะนำนิยายเราด้วยนะคะ  

    ขอบคุณค่ะ

    glutamate

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×