คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ของขวัญวันเกิด (จบในตอน)
ของขวัญวันเกิด
คืนนี้ไม่ได้นอนห้อง ก็หอพักนักศึกษาธรรมดาๆนี่ละ รู้สถานที่แล้วใกล้ได้เวลาออกไปเต็มที แต่เหมือนเดิม...ไม่อยากไป ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ต้องก้มสำรวจสภาพตัวเองสะอาดดีหรือยังอะไรทำนองนั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้วอยากได้เงินมากๆก็ต้องพร้อมทุกอย่าง
ผมนั่งอยู่บนแท็กซี่ ลุงคนขับเปิดเพลงอะไรก็ไม่รู้เหมือนเคยฟังผ่านหู เพราะดีเพราะมากจนอยากจะร้องไห้ ให้ตายเถอะต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ชินอยู่ดี แล้วโดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันสิ้นปี ก็เงียบมาทุกปีมีแค่ข้อความสุขสันต์วันปีใหม่ตามเรื่องตามราวในโซเชียลไม่กี่ข้อความเหมือนปกติที่ทุกคนพากันลืมวันเกิด เพียงแต่จู่ๆก็อยากกลับห้องแล้วนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนหนา ไม่ได้อยากไปนอน...ให้ใครกอดก็ไม่รู้
โทรศัพท์ที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ซีดๆตัวเก่งสั่นครืดคราด ไม่ได้หวังว่าจะเป็นใครเป็นพิเศษก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด พ่อแม่แยกทางขาดทั้งความอบอุ่นขาดทั้งเงิน
เหี้ยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว…
"สวัสดีครับคุณพล"
"ครับ ใกล้ถึงแล้วครับ"
"ครับ ขอบคุณครับ"
ผมเก็บโทรศัพท์เข้าที่พลางเอนหัวพิงกระจกหน้าต่างรถ มองไฟประดับหลากสีที่ตกแต่งไว้สวยงามตลอดสองข้างทาง วันสิ้นปีเขาอยู่กับครอบครัวกันทั้งนั้นทำไมผมยังต้องไปนอนกับไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะค่าตอบแทนที่ค่อนข้างมากกว่าปกติหลายเท่า
ที่เพิ่งคุยเสร็จได้ความว่าเดี๋ยวเขารอรับตรงล็อบบี้คอนโด คิดแล้วก็ถอนหายใจแรง หรูน้อยเสียเมื่อไหร่กับที่ที่ว่า ความกลัวประทุในใจ พวกคนรวยบางคนพฤติกรรมทางเพศแปลก...แล้วที่แปลกกว่าคงจะเป็นผมผู้ผ่านประสบการณ์อย่างนั้นมาได้และไม่เข็ดที่จะยังคงเดินหน้าต่อไป บางครั้งลืมตาตื่นด้วยความเจ็บระบมชนิดที่ว่าแทบคลานออกมาไม่ไหว ถือเสียว่าแลกกับเงินที่ได้มา
แต่ถ้าตายไปก่อน...จะยังคุ้มไหมนะ
"ยิ้มอะไรหนุ่ม แต่ทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้" ลุงคนขับเอี้ยวหน้ามามองเมื่อรถจอด ผมยิ้มกลบเกลื่อน จ่ายเงินเสร็จก็เดินลง ได้ยินแว่วๆว่านี่เที่ยวสุดท้ายลุงจะรีบกลับไปฉลองกับลูกเมีย
....น่าอิจฉาจัง
เพิ่งรู้ตัวว่าทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ อ่อนแอไปก็ไม่มีใครสนใจเป็นเองก็ต้องหายเองบอกตัวเองแบบนี้ทุกครั้ง คนอย่างผมไร้ค่ามานานแล้ว ไม่มีใครรักและไม่กล้าแม้คิดจะรักใครสักคน...
"ตรงเวลาเป๊ะ มาๆเพื่อนผมรอบนห้องแล้ว"
ความหรูหราของคอนโดทำให้เกร็งอัตโนมัติพื้นมันเงาจนใช้แทนกระจกได้ โคมไฟประดับตามมุมเสาต้นใหญ่นั่นก็สวยและดูมีราคามาก คนที่ยืนรออยู่ก่อนมาในชุดแนวเดียวกับหนที่แล้วคือเชิ้ตสีน้ำตาลแก่กับกางเกงสแสคสีดำคาดเข็มขัดหนังสีเดียวกันตึงเปรี๊ยะ คุณพลรีบพาเข้าลิฟต์เขารู้จักกับรุ่นพี่ที่พาผมเดินทางสายนี้เลยติดต่อไปทางนั้น ทางนั้นเลยให้ผมคุยเองซึ่งสองคนรับรองเป็นมั่นเหมาะว่าปลอดภัยงานง่ายแน่นอน ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี รสนิยมของเรื่องบนเตียงน่ะใครจะเอาไปบอกคนอื่นง่ายๆกัน
"เพื่อนผมเพิ่งอกหักเกือบได้แต่งแล้วเชียว ปลอบใจมันดีๆหน่อยล่ะ"
เขาพูดเมื่อเราหยุดยืนหน้าประตูบานหนึ่งของชั้นยี่สิบห้า ก่อนหน้านั้นคุณพลก็บอกว่าตัวเองอยู่ชั้นนี้เหมือนกัน ถัดไปหนึ่งห้องไม่ต้องกลัวเสียงเล็ดลอดเพราะเขาไม่ได้อยู่ฟังจะไปต่อที่อื่นอีก เต็มที่เอาให้เตียงสั่นไปเลย ผู้ชายร่างท้วมตัวสูงใหญ่ผิวคล้ำไว้หนวดหลอมแหลมพูดไปหัวเราะไป เขาคงตลกน่าดู แต่ไม่ใช่กับผม...
ระหว่างรอคนข้างในมาเปิดประตูกินเวลาหลายนาที สมองที่เริ่มว้าวุ่นหนักทำให้อดจินตนาการภาพคนที่ต้องอยู่ด้วยทั้งคืนไม่ได้ อาจจะเหมือนเพื่อนเขาที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ข้างๆถ้าตัวเท่ากันร่างกายผมคงสู้แรงไม่ไหวแน่
แต่ผิดจากที่คาดไว้มากเมื่อเจ้าของห้องโผล่หน้าออกมาให้เห็นด้วยสภาพเหมือนคนเมา
"หาคนปลอบใจให้แล้ว มีความสุขนะเพื่อนไม่เคยก็ต้องลองนะจ๊ะ"
"เฮ้ย" ผู้ชายตรงหน้าร้องเสียงตกใจเมื่อผมถูกผลักด้วยแรงที่ไม่เบานักเข้ามาในห้อง พร้อมกายหายตัวไปของคนที่น่าจะจัดการทุกอย่างโดยไม่บอกเพื่อนล่วงหน้า ผมเดาจากสีหน้ามึนงงของคนฟังและสิ่งที่ได้ยิน ไม่เคยกับผู้ชาย....
เขาคงรับผมไว้ด้วยปฏิกิริยารีเฟล็กซ์แต่ก็เซไปเซมาเต็มที ล้มทั้งคู่มีหวังแขนขาหักกันบ้างผมเลยเปลี่ยนเป็นพยายามพยุงคนเดินไมค่อยตรงนักเข้าไปข้างในแทน ลมหายใจที่เป่ารดข้างแก้มเจือไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ อุ่นจนเหมือนร้อน โหนกแก้มที่ปกติน่าจะขาวจนซีดขึ้นสีเรื่อจาง เชิ้ตขาวที่สวมอยู่เหมือนใช้เหล้าซักแทนน้ำ "ตกขวด" ได้ยินตั้งแต่สมัยเด็กแถวบ้านเรียกกันแบบนี้ พูดให้ถูกคือแม่ชอบใช้คำนี้ตะโกนใส่หน้าพ่อต่างหาก
ความกลัวและความหวาดระแวงลดลงไปมากพูดให้ถูกคือหายใจทั่วท้องขึ้นเยอะ ในเมื่อเมาก็แสดงว่าไม่มีแรงทำอะไรได้มากแน่นอน
"หรือที่บอกว่าจะมีเซอร์ไพรส์ปลอบใจคือหาเด็กผู้ชายมาให้ พวกเหี้ย" เสียงทุ้มคล้ายบ่นกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับใครสักคน ก่อนตาเรียวยาวสีดำสนิทคู่นั้นจะปลายมองผมคล้ายเห็นเป็นภาระ สังเกตุดีๆก็ไม่เมามากอย่างที่คิดดูยังมีสติคุยรู้เรื่องถ้าผมไม่ประเมินเขาสูงเกินไป เป็นครั้งแรกที่ถูกแขกมองด้วยสายตาสื่อความทำนองนี้ เพราะปกติมีแต่ความหื่นกระหายที่สาดเทใส่ พร้อมปลดปล่อยตัณหามาให้ไม่ยั้งคิดแค่ว่ากูจ่ายเงินซื้อแล้วจะทำอะไรมันก็ได้
เจ้าของห้องยังนั่งกุมขมับบนโซฟาสีครีมอ่อน เขาเป็นผู้ชายตัวสูงน่าจะเกือบร้อยเก้าสิบผิวขาวซีดเหมือนแวมไพร์แต่มีกล้ามเนื้อชัดเจนแสดงถึงความใส่ใจดูแลตัวเอง แม้จะดูโทรมๆไปบ้างอาจมาจากที่ว่าอกหักอะไรนั่น นี่ผมสังเกตุมากไปหรือเปล่า อ้อ…ลืมบอกว่าทรงผมสีดำสนิทตัดสั้นทำให้หน้าดูเด็กมากเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันก็คนที่พาผมมาส่งที่ อายุน่าจะเกือบสามสิบ
ไม่รู้ถูกใครทิ้งมา....แล้วจะอยากรู้ไปทำไม
"จะให้ผม...เอ่อทำอะไรดีครับ" กลั้นใจถามออกไปนึกคำพูดไมค่อยออกเท่าไหร่ เคยแต่ทำตามคำสั่ง ส่วนใหญ่ก็ไม่อะไรมากถูกจับถอดเสื้อผ้าแล้วก็ขึ้นเตียงเลย นอนให้เขาทำอะไรๆได้ตามใจก็เท่านั้น มีบ้างที่ต้องเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาทำหมายถึงออนท็อปถือเอาตามความชอบของแขกเป็นหลัก
"ช่วยไปหยิบน้ำให้ที 2 ขวดเลยนะ ตู้เย็นอยู่ตรงโน้น" เขาทำให้ผมประหลาดใจ…
มองตามนิ้วยาวๆนั่นก็เจอจริงๆเหมือนผมกำลังยิ้มอยู่นิดนึง พอเปิดตู้เย็นก็เจอสิ่งที่เขาสั่งแต่ที่น่าแปลกใจคือมีของสดแช่อยู่เต็ม นึกว่าจะมีแต่น้ำเปล่าหรือไม่ก็อาหารแช่แข็งกับพวกเบียร์เหล้าอย่างที่เคยเห็นบ่อยๆ ผมวางขวดน้ำลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าเขา ผู้ชายคนนี้ใจดีคือสิ่งที่คิดตอนลงมือแกะพลาสติกตรงฝาขวดออกแล้วยกดื่มไปหลายอึก
เขาหันหน้ากลับมาจากวิวกลางคืนที่ฉายผ่านหน้าต่างที่กินพื้นที่ผนังห้องค่อนข้างมาก แสงไฟจากยอดตึกสวยดี ชอบมองเหมือนกัน สายตาที่อ่านไม่ออกมองมาแวบนึงก็ไปสนใจขวดน้ำครู่เดียวก็ยกดื่มรวดเดียวหมดไปครึ่งขวด
"อายุเท่าไหร่แล้ว เลิกตอนนี้ยังทันนะ" เสียงทุ้มพูดกับผม ถือเป็นความแปลกใจครั้งที่สอง ตาคู่นั้นมองคู่สนทนาด้วยความเมตตาไม่เคยมีใครมาพูดด้วยและมองแบบนี้มาก่อน เขาคิดว่าเป็นญาติผู้ใหญ่หรือ ถ้ามีแบบนีจริงคงดีไม่น้อย
"ยี่สิบครับ" ผู้ชายตรงหน้ายกมือสางผมลวกๆเหมือนกำลังเครียดกับสิ่งที่ได้ยิน เขาถอนหายใจยาวมองมานิ่งแล้วก็พูดอีก
"เลิกเถอะนะอนาคตยังอีกไกล งานอื่นมีให้ทำอีกเยอะถ้าหาไม่ได้ฉันช่วยหาให้ก็ยังได้"
ไม่ทันได้ตอบอะไรแสงจากพลุหลากสีหลายลูกก็สว่างวาบกลางท้องฟ้า ประกายไฟสีสันงดงามจับตาตัดกับสีทึมของท้องฟ้าอย่างลงตัว เที่ยงคืนแล้วพอเที่ยงคืนหนึ่งนาทีก็ขึ้นปีใหม่และเข้าวันเกิดผม
"สุขสันต์วันปีใหม่ นายเองก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว" เ ขาพูดเสียงนุ่มทั้งที่ตายังจับภาพนอกหน้าต่างนิ่ง ไม่ได้หันมามองผม คนที่เพิ่งรู้ว่าการมีใครสักคนห่วงเป็นเรื่องน่ายินดีแค่ไหน
ผมพูดอะไรไม่ออก ความตื้นตันอัดแน่นในอกได้แต่นั่งน้ำตาคลอมองพลุหลากสีอยู่อย่างนั้นสลับกับลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่มั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแน่นอน แต่กลับมอบความหวังดีให้ทั้งที่ไม่จำเป็น
ยังทันใช่ไหม...ถ้าคิดจะเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ...
สวัสดีค่ะ ^^
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะมีอะไรติชมได้ ถ้าอ่านแล้วถูกใจช่วยแนะนำนิยายเราด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
glutamate
ความคิดเห็น