คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3 ยักษ์(เอ็นคิ)
ตอนที่3 ยักษ์ (เอ็นคิ)
ร่างกายของเด็กหนุ่มตอนนี้แทบดูไม่จืด สะบักสะบอม คาดว่ากระดูกแขนขวากับขาซ้ายน่าจะหัก ยักษ์ตวัดร่างของงินเข้าสู่กำแพง ด้วยความเร็วสูง
“อั่ก!
”งินร้องด้วความเจ็บปวดนี่เขาพลาดท่าให้มันอีกแล้วหรอ ‘ให้ตายดิ
’ เด็กหนุ่มสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะพยายามตั้งท่าสู้ใหม่ “อย่ามาดูถูกกันนะเฟ้ย คมด้ายสังหาญ” เส้นด้ายของเด็กหนุ่มทำมาจากไหมแท้ ความยาวไร้ขีดจำกัด บัดนี้ได้ตัดแขนของยักษ์ไปแล้วข้างนึง ‘ก๊าก!’ ยักษ์ร้องด้วยความหวยโหยเนื่องจากเสียแขนไปข้างนึง ยิ่งทำให้มันอาละวาดมากขึ้น ยักษ์จึงยกแขนที่เหลือที่ถือดาบเตรียมจะฟาดตัวเด็กหนุ่ม“เคร้ง”
เสียงดาบประทะเข้ากัน ทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองผู้มาช่วยตน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยถ้าไม่ใช่ ริวงะ นัยน์ตาเทพ หรือไนเจล เพื่อนร่วมห้องที่นิสัยพิลึกเหนือชาวบ้านนั่นเอง
“ไง เจ้าเซ่อไม่เป็นไรใช่มั๊ย”
คำเอ่ยทักของเด็กสาวตรงหน้าถึงกับทำให้เด็กหนุ่มสะอึก นี่เปลี่ยนชื่อให้เขาจากนกแก้วเป็นเจ้าเซ่อแล้วหรอเนี่ย นี่มันรู้สึกจะหนักกว่าเดิมอีกนะยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้เอ่ยอะไร เด็กสาวอีกคนที่มีหน้าตาเหมือนไนก็เดินเข้ามา
“เดี๋ยวนินทำแผลให้ค่ะพี่งิน” เด็กสาวพูดพลางหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่พกมาเตรียมทำแผลให้
“แกไม่ต้องห่วงยัยนั่นหรอกน่า คอยดูเถอะน่าฝีมือระดับมืออาชีพน่ะ บอกไว้ก่อนฝีมือของไนน่ะเก่งกว่าข้าสมัยอยู่เดทแลนด์เชียวนะเฟ้ย” งินถึงกลืนน้ำลายลงคอ จะว่าไปเขาเองก็ไม่เคยเห็นฝีมือยัยนั่นซะด้วย แต่บอกว่าเก่งกว่าไดคิจิที่เก่งติดอันดับ7ของเดทแลนด์นี่ มันไม่เกินมนุษย์ไปหน่อยหรอ
ไนตวัดหางตาไปมองยักษ์ที่แขนขาดไปด้วยความสมเพศ “กลับไปซะถ้ายังไม่อยากตาย” เด็กสาวพูดพลางจ้องตายักษ์อย่างเขม็ง แต่ไม่สามารถทำให้มันยอมสงบได้ “แกไม่กลับใช่มั๊ยได้ งั้นแกตาย” ไนพูดพลางเก็บดาบเข้าฝักแล้วโยนมันไปให้ยมทูตหนุ่ม ซึ่งตั้งท่าทำหน้าที่เบ๊รอรับ
“แกมองหาใครน่ะ ไอ้ยักษ์ทึ่ม”เสียงของไนดังมาจากด้านหลังของยักษ์ ยักษ์กับผู้ชมการต่อสู้ครั้งนี้ถึงกับตกตะลึงในความเร็ว ของเด็กสาวคนนี้
“
เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะเด็กน้อย แค่ความเร็วเอาชนะข้าไม่ได้หรอก”“
ก็ไม่ได้คิดว่าจะเอาชนะด้วยความเร็วนิ เอ้าสงสัยหรอ งั้นนี่อะไรเอ่ย” เด็กสาวพูดพลางแกว่งของที่ถืออยู่ไปมาอย่างสนุกไม่ทุกร้อน ยั่วโมโหคนตรงหน้า เพราะยังไงตนเองก็ชนะแล้ว ส่วนยักษ์ก็รู้สึกตกใจที่เห็นสิ่งที่กุมชะตาชีวิตของตนไปอยู่ในมือศัตรู“หะ หัวใจข้า”
“เอ้า เริ่มฉลาดแล้วนี่ งั้นจะทำไงกับเจ้านี่ดี”
“ได้โปรด วะ ไว้ชีวิตขะ ” เสียงของยักษ์ขาดหายไป บ่งบอกได้ว่าบัดนี้มันได้ตายแล้ว ไนมองร่างยักษ์ที่กำลังสลายไปตรงหน้ากับคราบเลือดในมือตน “โทษทีว่ะ เกม over แย่จริงมือเลอะเลย” ก่อนจะเดินไปที่ก๊อกน้ำเพื่อล้างมือ
“กรี๊ดดด นี่มันเกิดอะไรขึ้น นะ ไนควักหัวใจเจ้านั่นมะ มันอะ อะไรกัน ไม่จริงใช่มั๊ย”นินกรีดร้องพลางหันไปมองน้องสาวตนที่เดินเข้ามาโดยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เธอยังไม่ควรรับรู้อะไรทั้งสิ้น หลับไปซะ เวลาจะเป็นสิ่งที่บอกเธอเอง เมื่อถึงเวลาที่เธอควรจะรู้” นินหลับลงไปคาอ้อมกอดของน้องสาวฝาแฝดด้วยความเหนื่อยล้า ไนส่ายหัวเบาๆพลางมองพี่สาวฝาแฝดของตนอย่างเอ็นดูความไม่รู้เรื่องกับโชชะตาที่จะเกิดขึ้น เธอไม่ต้องการให้มือของพี่สาวต้องมาแปดเปื้อนกับเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเรื่องปราบปิศาจของตระกูลพ่อของพวกเธอมักจะให้ไนเป็นคนทำมากกว่า เพราะนินมีจิตใจที่อ่อนโยนเกินไป
เด็กหนุ่มมองเด็กสาวอย่างตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนที่มีวิธีฆ่าโหดเท่านี้ แต่ถ้าเป็นยมทูตก็พอทน เพราะจะว่าไปเอ็นคิหรือยักษ์ก็เกิดจากจิตวิญญาณที่มีความแค้นอาฆาตสูงของมนุษย์ ทำให้เขารับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณทันทีว่าเด็กสาวตรงหน้านี้มีความน่ากลัวใช่เล่น ถ้าเกิดเป็นมิตรไม่ได้ก็ไม่ควรเป็นศัตรูเลย
“เธอแน่ใจนะว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาน่ะไน” เด็กหนุ่มถามเด็กสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง แน่ล่ะสิเจออย่างนี้ใครก็ต้องกลัวกันทั้งนั้น
“เฮ้ไอ้เบ๊ หมอนี่เป็นยมทูตไม่ใช่หรอ ไหงอ่อนแอเป็นบ้า” ไนพูดพลางกวาดสายตามองรอบด้านเพื่อหาผู้เคราะห์ร้าย
“ไม่เอาน่าไน งินเค้าก็มีฝีมือ เพียงแต่เค้าไม่ถูกกับพวกเอ็นคิเท่านั้นเอง” ไดคิจิแก้ตัวให้เพื่อนเก่า เพราะรู้ว่าคุณเธอจะต้องกำลังนึกเยาะเย้ยเพื่อนซี้เขาแน่ แต่ดูท่ายมทูตหนุ่มจะคิดผิด เพราะถ้าเด็กสาวตรงหน้ารู้จุดอ่อนใครเข้าล่ะก็ บรื้ออ ตัวเขาเองก็ไม่อยากคิด
“ยมทูตที่ไม่ถูกกับเอ็นคิ เพราะเคยถูกทำร้ายที่กลางหลังน่ะหรอ จะว่าไปก็เคยได้ยินมานะไม่คิดว่าจะเป็นแกเลยว่ะงิน ไปสอดเรื่องมันมากหรอ มันถึงได้เครียดแค้นแกขนาดนั้นน่ะ ไอ้ขี้ขลาด กะอีแค่ปิศาจชั้นต่ำไร้น้ำยายังถูกทำร้ายมาได้ ชาตินี้จะไปทำอะไรกินวะ” ไนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงความเย้ยหยั่นไว้ข้างใน
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีน่า ยัยบ้า คนอย่างเธอจะไปรู้อะไรล่ะ แต่เอ๊ะ เธอรู้ได้ไงว่าฉันเป็นยมทูต ฉันยังไม่เคยได้บอกเธอเลยนะ นายบอกยัยนี่เหรอได” เด็กหนุ่มหันไปถามอดีตเพื่อนซี๊ ซึ่งคำตอบที่ได้จากเพื่อนซี้ก็คือ เปล่าเลยไดคิจิไม่เคยบอกยัยเด็กนี่ แล้วเธอรู้ได้อย่างไรกัน
“แกคิดว่าฉันเป็นใครว่า ไอ้ขี้ขลาด อัจฉริยะเชียวนะเฟ้ย ถ้าเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้จะไปทำไรกิน กลับไปเรียนที่โรงเรียนยมทูตอาคาเดมี่เลยไป ไอ้เซ่อ ไปดูพื้นฐานการแยกมนุษย์กับยมทูตเลย นี่มันพื้นฐานของปี1เลยนะโว๊ย”
ผึ่ง
เส้นความอดทนของเด็กหนุ่มเริ่มขาด เพราะคำพูดแต่ละคำที่ออกมาจากปากของคุณเธอ มันแฝงความเย้ยหยั่นเขาทั้งนั้นตั้งแต่ที่รู้จักกันครั้งแรกเลย
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มวัยสิบหกปี วิ่งมาพลางเปิดประตูห้อง ครืดด ซึ่งขณะนี้ได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งห้องไปแล้ว“ขอโทษที่มาสายครับ”
“เธอคือ โฮริงุจิ งิน สินะมาวันแรกก็สายเลย” ครูสาวพูดอย่างจดจ้องสนใจกับเด็กหนุ่มที่มาสาย แน่ล่ะตัวเขาเองก็น่าตาดีใช่ย่อย เรื่องที่จะดึงดูดใจล่ะก็ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่เป็นต้องหลง
“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ” เด็กสาวที่เพิ่งมาใหม่พูด ราวกับไม่สนสายตาคนทั้งห้อง เธอแทบไม่เหลียวแลเขาแม้แต่น้อย ซึ่งต่างไปจากผู้หญิงทั่วไป ที่เห็นเขาแล้วเป็นต้องกรี๊ดทุกราย เด็กสาวเดินไปยังที่ว่างริมหน้าต่างหลังห้องอย่างไม่สะทกสะท้าน งินจึง รีบเดินไปนั่งที่ที่ว่างข้างเด็กสาว
“ดี ฉันโฮริงุจิ งิน ยินดีที่ได้รู้จัก” เด็กหนุ่มทัก แต่เด็กสาวตัวเล็กข้างๆทำเพียงแค่หันหน้ามามองแล้วก็หันกลับไปมองเมฆต่อ
“เธอไม่คิดจะบอกชื่อหน่อยหรอ”
“ไนเจล ริวงะ นัยน์ตาเทพ”
นี่เป็นปะโยคแรกที่ไนเอ่ยกับตัวเขาฟังดูเหมือนกับคุณเธอไม่ค่อยอยากเป็นมิตรกับเขาเลย ภายใต้ความนิ่งเฉยของไน ทำให้เขาได้รู้ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่ธรรมดาเลยจริง
...
“
นี่ริวงะ ที่บ้านเธอทำอาชีพอะไร”“
แกจะถามทำซากอะไรวะ ไอ้จอมยุ่ง แกนี่ช่างสอดเรื่องฉันไปซะทุกเรื่องตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลย ฉันถามหน่อยเหอะ มีใครจ้างแกมาสืบเปล่าวะ ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนฉัน ฉันคงคิดว่าแกโรคจิตแน่ แกคิดเหมือนฉันป่ะ วามิ”“ใช่ๆ งินจัง นี่ถามจริงเถอะสนริวจังหรอ ถึงถามแต่ริวจังคนเดียว” คิโยมิพูดแววสงสัย
“บะบ้าน่า ไม่ขำนะคิโยมิใครจะไปชอบยัยเปี๊ยกนี่”
“โทษทีนะที่ฉันเปี๊ยกน่ะ” ไนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเดิมทีตัวเธอไม่ชอบให้ใครมาหาว่าเตี้ย หรือเปี๊ยกอยู่แล้ว จึงต้องเป็นหน้าที่ของคิโยมิเช่นเคยที่ต้องทำให้ไนสงบอารมณ์ เพราะเธอรู้ดีใครมีเรื่องกับไนเป็นได้ปางตายทุกราย
“บ้านฉัน เป็นโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ มีเบื้องรับเป็นนักปราบผีหรือหมอผีนั่นแหละ” ไนพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วหันไปมองนอกหน้าต่างอีกเช่นเคย ไม่รู้มีอะไรน่ามองนักหนา
หลังเลิกเรียน
“เฮ้ ไน คนที่ตามหลังเธอนั่นยมทูตไม่ใช่หรอ” งินพูดขึ้นพลางชี้ไปที่ยมทูตหนุ่ม ซึ่งไนได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ว่าไอ้คนตรงหน้ามันรู้ได้ไง
“แกมองเห็นด้วยหรอวะ” เด็กสาวตัวเล็กหันไปถามเพื่อนหนุ่ม ซึ่งเด็กหนุ่มเองก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ”อ๊ะ ริวจังฉันก็มองเห็นนะคนที่ใส่ชุดดำใช่มั๊ยล่ะ” คิโยมิพูดแทรกขึ้นมา ซึ่งทำให้ไนลอบถอนหายใจก่อนจะกวักมือเรียกเบ๊ประจำตัวมาพร้อมแนะนำ
“ไน ทำไมเธอต้องให้ฉันแนะนำตัวด้วย” ยมทูตหนุ่มหันไปถามซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ ’มันอยากรู้จักแก
’ทำให้ยมทูตหนุ่มต้องตัดสินใจแนะนำตัว ”เอ่อข้า ฮึสึกายะ ไดคิจิ” ยมทูตแนะนำตัว
นี่เป็นการพบเจอเพื่อนเก่าเป็นครั้งแรก ไดมักเล่าให้ฟังถึงนิสัยของไน ที่ใช้งานตัวเขาเป็นเบ๊ จนถึงวันนี้เองที่เขาได้ถูกคุณเธอรู้จุดอ่อนไป และถูกเย้ยหยั่น เขาเพิ่งเข้าใจว่ายัยนี่มันโหดไม่ใช่เล่น ถ้าไม่เห็นด้วยตา แถมนับวันไอ้นิสัยเหล่านี้มันยิ่งหนักขึ้น มันน่าจับปากคุณเธอมาสั่งสอนนัก
“เป็นไรวะ อยู่ๆแกก็เงียบไปไอ้ขี้ขลาด”
“อย่างมาเรียกฉันด้วยน้ำเสียงดูถูกแบบนี้”
“ทำไมฉันจะเรียกแกไม่ดะ ” ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดจบก็ถูกยมทูตหรือ เบ๊ประจำตัวเอามือตะครุบปากไปซะแล้ว ทำให้ทุกคนมองมาอย่างขำๆ ก่อนจะกระซิบที่หูของเด็กสาวว่า
’เงียบๆเถอะน่าถ้าไม่อยากให้ใครรู้ตัวจริงของเธอ’ ก่อนจะปล่อยมือออกจากปากของจอมโวย“แกจำไว้เลยแค้นนี้มีชะแน่” ก่อนจะเดินออกไปพลางบ่นพึมพำตลอดทาง
“เดี๋ยวสิ”
“แกจะเอาไรอีก เพื่อนแกชื่อไรวะไอ้เบ๊ ฉันจำไม่ได้ว่ะ”
“เขาชื่อโฮริงุจิ งิน หัดจำซะบ้างดิ” ยมทูตหนุ่มบอกเด็กสาว ซึ่งขณะนี้กำลังพยักหน้ารับเชิงว่าตอนนี้เข้าใจเรียบร้อยแล้ว ส่วนงินไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ล้มลงไปซะแล้ว ซึ่งยมทูตหนุ่มก็ต้องทำหน้าที่แบกไปอีกเช่นเคย ไนถึงกับอารมณ์เสีย ทำไมมีแต่คนขยันเพิ่มภาระให้เธอจริง น่ารำคาญเป็นบ้า
ความคิดเห็น