คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่4 เดทแลนด์
ตอนที่4 เดทแลนด์
แสงอาทิตย์สอดส่องเข้ามาในห้องๆหนึ่ง ซึ่งปกติจะเป็นห้องว่าง แต่บัดนี้ได้มีร่างเด็กหนุ่มคนนึงนอนสลบ ไม่ได้สติอยู่ เปลือกตาของเด็กหนุ่มเริ่มเปิดขึ้นรับแสงอรุณ งินหันไปมองรอบห้องพลางสำรวจว่าที่นี่ที่ไหน
ครืดดด
เสียงประตูเปิดออก เผยให้เห็นเด็กสาวที่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะทั้งสองคนเข้ามาในห้อง ถ้าไม่นับเทพกับยมทูต ถ้าสังเกตสีหน้าของทั้งสองคนดีๆแล้วจะสังเกตเห็นได้ว่ามีอยู่คนนึงที่หน้ากำลังบูดไม่สบอารมณ์สุดๆ ซึ่งเดาได้ง่ายๆเลยว่าใคร ถ้าไม่ใช่ไนเพื่อนร่วมห้องของเขา ”ที่นี่ที่ไหน” งินเอ่ยถาม
“ที่บ้านพวกเราเองค่ะพี่งิน เมื่อวานนินก็ไม่ค่อยรู้อะไรบ้างหรอกเพราะนินก็เป็นลมไปเหมือนกัน เห็นไนบอกว่า อยู่ดีๆพี่งินก็ล้มลงไปเลย” นินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ดีนะที่แค่สลบ ไม่ฉี่ราดออกมา กะอีแค่เอ็นคิตะ
” ยังไม่ทันที่ไนจะได้พูดอะไรต่อ ก็ถูกยมทูตหนุ่มเอามือตะครุบปากไปเสียแล้ว
“ไอ้อ้าอ่อยอั๊นอะเอ๊ย อ่อยอั๊นเอ่ อ่อยโอ๊ย” แม้จะถูกปิดปากไม่ให้พูดแต่ไนยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะพูดต่อ จึงกัดมือยมทูตหนุ่มเข้าไปเต็มจนถึงกับร้องโอ๊ยอวดครวญ งินเห็นแล้วก็อดสงสารเพื่อนเก่าเป็นไม่ได้
“เดี๋ยวนินไปเอากระเป๋ายามาให้นะคะคุณได”
“ไม่ต้องนิน แกจะไปฉันไม่ว่า แต่กระเป๋ายาไม่ต้อง” ฝาแฝดผู้น้องรีบพูด หลังจากทำให้มือยมทูตประจำตัวออกจากปากได้
“เอ่อ
ก็ได้จ๊ะ งั้นนินขอตัวก่อนนะคะพี่งินเชิญคุยตามสบาย ขอโทษด้วยนะคะคุณได” นินกล่าวขอโทษก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับมิคาเอล
“ไม่เป็นไรครับ” ไดคิจิกล่าวเรียบๆ
หลังจากที่นินจาและมิคาเอลออกจากห้องไป ภายในห้องก็กลับคืนสู่ความเงียบงันอีกครั้ง เด็กสาวกวาดสายตาไปทั่วห้อง เพื่อสำรวจว่าไม่มีใครแอบฟังเรื่องที่ตนกำลังจะพูดต่อไปนี้ ไนถอนหายใจเชิงโล่งใจ ก่อนจะเริ่มเอ่ยพูดกับคนในห้อง
“เฮ้ย ไอ้เบ๊ แกยังเก็บแบบเรียนของปีหนึ่งไว้อยู่รึเปล่าวะ ให้เพื่อนแกอ่านพื้นฐานการแยกยมทูตหน่อยดิ เพื่อมันจะฉลาดขึ้น” ไนหันไปพูดกับไดคิจิ
“เฮ้ ไนฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ เวลาพูดควรให้เกียรติกันบ้างดิ แล้วเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา จะไปรู้เรื่องยมทูตดีกว่าฉันกับได ได้ไง” งินถามเด็กสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย ถึงเขาจะรู้ว่าคุณเธอเก่งเหนือเด็กสาวทั่วไป แต่ถ้ามารู้เรื่องยมทูตดีอย่างงี้มันก็น่าสงสัย เพราะคนอย่างไดคิจิ เพื่อนหนุ่มของเขาก็ไม่ใช่คนที่จะเอาความลับของยมทูตมาขายกัน
“ก็ฉันเป็นอัจฉริยะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติก็เถอะ ไม่เชื่อถามไอ้เบ๊มันเด้” ไนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความมั่นใจไว้สูง พลางหันไปทางเบ๊ประจำตัว เด็กหนุ่มหันไปทำหน้าสงสัยกับเกลอเก่าซึ่งไดคิจิไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าเชิงบอกว่าใช่ให้เด็กหนุ่มพอเข้าใจ
“ดูเหมือนเธอจะมั่นใจจังนะ”
“เออ เด้ว่าแต่ว่าตอนนี้แกสนใจจะไปเดทแลนท์ป่ะ ไอ้เซ่อ” ไนถามเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ก็แหงสิ ตอนเกิดจราจลเมื่อห้าร้อยปีก่อนนั้น ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ต้องสืบให้รู้ถึงต้นเหตุให้ได้ เธอรู้มั๊ยเหตุการณ์ตอนนั้นเขาลือกันว่าเป็นฝีมือของพวกโลกเบื้องหลัง ที่เราเรียกกันว่าชาร์โดว์แลนท์ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่นั่นเป็นไง แต่ก็พอได้ยินมาบ้าง ยังไงฉันก็ต้องไปที่นั่นให้ได้ เพราะงั้นถ้าเธอจะไปฉันจะขอไปด้วยคนนะ” หลังพูดเสร็จเด็กหนุ่มถึงกับลงทุนกราบขอร้องเด็กสาวตรงหน้าเพราะหลังจากที่เขาได้เห็นฝีมือเธอแล้ว เด็กหนุ่มจึงมั่นใจว่าถ้าเป็นไน คงจะต้องพาเขาไปถึงที่นั่นได้แน่ เพราะยังไงเขาก็ยังอยากผูกมิตรกับคุณเธอ และร่วมมือกับคนที่มีฝีมือ
“งั้นหรอ” ไนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ทำให้คนฟังรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่แฝงเข้ามา ก่อนจะเอ่ยพูดต่อไปว่า ”เป้าหมายขอแก ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก อยากทำอะไรก็เชิญ แต่เป้าหมายของฉันก็คือ
ทำลายโลกเบื้องหลัง
อย่ามาขัดขวาทางฉันก็แล้วกัน ตอนนี้แกพักไปก่อน ถ้าถึงเวลาแล้วฉันจะบอกแกเอง ส่วนแกทำหน้าที่เบ๊ ไปสืบข่าวคราวของเดทแลนท์ ทางที่ดีถ้าได้ของชาร์โดว์ แลนท์มาด้วยจะดีมาเลย แกไปได้แล้ว” สิ้นคำของนายสาวตัวน้อยยมทูตหนุ่มก็หายวับไปกับตาคนตรงหน้า
“ไน เธอเป็นใครกันแน่ มนุษย์อย่างเธอไม่น่าจะมีจุดประสงค์ที่จะอยากไปเดทแลนด์” งินถามเด็กสาวตรงหน้า เพราะรู้สึกว่าคุณเธอไม่น่าจะเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา ดูจากท่าทางการพูดแล้วดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย แถมตัวหล่อนเองไม่เพียงแค่รู้เรื่องเดทแลนด์ แต่ยังรู้ลึกไปถึงเรื่องของชาร์โดว์แลนด์
“ก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่เกิดในตระกูลหมอผี ก็เท่านั้นเองแหละน่า” ไนพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับทิ้งเด็กหนุ่มให้ยังคงคิดมาต่อไปคนเดียว
สามวันต่อมา
ภายในห้องที่เงียบสงัด มีเด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นต่อรางรถไฟอยู่บนพื้นห้องที่บัดนี้รกเกลื่อนกลาดไปด้วยของเล่นต่างๆเต็มทั่วพื้นห้องที่มืดมิด แสงเทียนมุมห้องทั้งสี่มุมเริ่มสว่างขึ้น ซึ่งบ่งบอกเป็นสัญญาณได้ชัดเจนว่ามีใครกำลังจะมาเยือนตัวหล่อน
“กลับมาแล้วหรอวะ แกได้ข่าวคราวคืบหน้าอะไรบ้าง” ประโยคแรกที่เด็กสาวตัดสินใจกล่าวกับผู้มาเยือน ซึ่งไม่ใช่ใครนอกจาก ฮิสึกายะ โทชิโร่
“ก็นะ รู้ไอ้เจ้าคุโรอิจิ ชินท่าโร่ หัวหน้าหน่วยสิบน่ะ ท่านยังจำได้มั๊ย มันวางแผนก่อจราจล ซ้ำรอยเธอว่ะ ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ ส่วนเจ้ามิยาบิ โคสุเกะ ไม่รู้วางแผนอะไรอยู่ แต่รู้สึกจะทำการทดลองเกี่ยวกับยมทูตสายพันธุ์ใหม่ที่มันไปเจอบันทึกของใครก็ไม่รู้เมื่อห้าร้อยปีก่อน ท่าจะเกิดเรื่องวุ่นๆเลยล่ะ แล้วที่ชาร์โดว์แลนด์ข้าก็ไม่ค่อยรู้อะไรหรอกนะ แต่ได้ข่าวว่าเกิดเมื่อห้าร้อยปีก่อน พวกยมทูตที่ก่อจรราจลสร้างขึ้น ได้ข่าวมาอีหว่ามียมทูตที่ข้ามขีดจำกัดกับพวกปีศาจอยู่ร่วมกันล่ะ”
“หรอวะ ท่าจะสนุกแหะ”
“ท่านไนเจล ท่านคิดจะทำอะไรต่อกันแน่ ให้ตายดิ ท่านนี่ชอบทำอะไรให้เข้าใจยากไม่เปลี่ยนเอาแต่เก็บงำไว้คนเดียว หยั่งงี้ใครจะไปรู้ล่ะ ถึงข้าจะเป็นยมทูตก็อ่านใจคนไม่เป็นหรอกนะ” ไดคิจิ พูดพลางส่ายหัวเอือมระอากับนิสัยของคนตรงหน้าที่แก้ไม่หาย
ไนยังคงนิ่งเงียบไม่สนใจที่คนตรงหน้าทักว่าเตือนเธอ ก่อนจะเริ่มอาปากพูดไปว่า “ฮิสึกายะ โทชิโร่ แกจะสาบานกับฉันได้มั๊ยว่าจะติดตามฉันตลอดไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พูดตรงๆนะ ฉันไม่เคยคิดว่าใครในหน่วยเป็นรองหัวหน้าหรือเป็นลูกน้องฉันเหมือนแก”
“เฮ้ ไหงพูดเรื่องซีเรียสงี้ฟะ ไม่เอาน่าก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่ ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามแผนของท่านไม่ใช่หรอ คุณหัวหน้าไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือ เมื่อห้าร้อยปีก่อนก็ตาม”ไดคิจิพูดพลางเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อนนอกจากไนออกมา
ไนยื่นมีดมาให้ยมทูตหนุ่มก่อนจะเอ่ยพูดต่อไปว่า “กรีดเลือดสาบานสิวะ” ไดคิจิรับมีดมาจากมือของเด็กสาวแล้วลงไปบนข้อมือของตนเอง ก่อนจะดื่มมันเข้าไป เพื่อเป็นการสาบานต่อตนเอง โดยมีเด็กสาวตรงหน้าเป็นพยานคนสำคัญ
“งั้นก็ดี เตรียมตัวให้พร้อม อีกสองสัปดาห์ฉันจะต้องฝึกเบี้ยให้เป็นเรือให้ได้เลย และทุกอย่างจะต้องเดินตามกระดานเกมของฉัน หึ หึ” ไนกล่าวกับลูกน้องพลางหัวเราะอยู่ในลำคอ เพราะจอมวางแผนอย่างเธอไม่เคยวางเกมพลาด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปห้าร้อยปีแล้วก็ตาม
ครืดดด
เสียงประตูเปิดออก ไนและไดคิจิเดินเข้าไปไนห้องซึ่งบัดนี้ทุกคนนั่งรอกันอย่างเพียกพร้อม ไม่ว่าจะเป็นริวงะ เร็นจิ ผู้เป็นพ่อ หรือนินจาพี่สาวฝาแฝดของเธอ โฮริงุจิ งินรวมทั้ง มิโซระ กับมิคาเอล แถมยังมีวาตานุกิ คิโยมิ เพื่อนสาวร่วมห้องที่เธอเพิ่งเรียกมาอีกด้วย
“โอ้ พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยแหะ”ไนเอ่ยทักประโยคแรกกับผู้ที่รออยู่ในห้อง ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่น่าเอ่ยเลย จนทุกคนที่รออยู่แทบอยากจะพูดพร้อมกันจนใจจะขาดว่า ’แล้วไอ้คนที่เรียกพวกเราให้มารวมกันพร้อมหน้าพร้อมตาขนาดนี้ มันไม่ใช่เธอหรอไง’
ไนหันไปทางไดคิจิพลางพยักหน้าให้เป็นสัญญาณ เชิงบอกว่าให้พูดเรื่องที่กำลังลังจะบอกกับทุกคนวันนี้ ยมทูตหนุ่มกะแอ่มเบาก่อนจะเริ่มเอ่ย
“เอ่อ
ข้าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ข้าควรจะบอกเรื่องของเจ้านะงิน ถึงเวลาที่ทุกคนควรจะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า” งิน สบตาตากับได้สักพัก ก่อนจะพยักหน้าเชิงอนุญาตว่า ‘อยากจะเล่าอะไรก็เล่าไปเถอะ’ ยมทูตหนุ่มจึงเริ่มพูดต่อ ”เอ่อ ข้าก็ไม่รู้ว่าทุกคนรู้กันหรือยังว่า โฮริงุจิ งินเป็นยมทูต และเป็นสหายเก่ากับข้า เมื่อสามวันก่อนไนได้ให้ข้าไปสืบเรื่องที่เดทแลนด์ และชาร์โดว์แลนท์ ตอนนี้ข้าได้ข้อมูลแน่ชัดมาแล้ว ที่นั่นกำลังจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น ข้า ไน และงิน จะออกเดินทางอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉะนั้นข้าจึงอยากจะถามว่ามีใครต้องการจะไปกับพวกข้าอีกหรือไม่”
“หนูจะไปค่ะท่านพ่อ ไนเป็นน้องหนู หนูไม่อยากให้ไนต้องไปเผชิญกับเรื่องอันตรายคนเดียว ถ้าไนไปหนูก็จะไป ใช่มั๊ยคะท่านมิคาเอล” นินพูดพลางหันไปมองที่เทพประจำตัว คำพูดเผด็จการอย่างนี้ไงๆเขาก็ต้องไปอยู่แล้วนี่ ทำยังกับว่าเขาจะได้มีโอกาสปฏิเสธหยั่งงั้นแหละ เทพหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้าเชิงตกลงไป
“เอ้า ไงๆทุคนก็ไปนี่เราก็ลงเรือลำเดียวกันตั้งแต่เป็นเพื่อนกับเธอแล้วนี่ บ้านฉันอยู่คนเดียวก็คงน่าเบื่อแย่ ไงๆก็ขอไปด้วยละกันนะริวจัง คนที่อ่านความคิดของเธอออกน่ะไม่ได้มีแค่ไดคุงหรอกนะ รู้หรอกน่าว่าคิดจะทำอะไรอยู่คุณผู้เดินหมาก หน่วยข่าวกรองของฉันน่ะไม่เคยพลาดอยู่แล้วนี่” คิโยมิเอ่ยกล่าว ใช่ความจริงตัวเธอเองก็เคยเป็นยมทูตมาก่อน แต่ถูกเนรเทศออกมาเพราะการทดลองที่ไนเคยขอให้เธอทำเมื่อห้าร้อยปีก่อน ตอนนั้นไนได้บอกกับเธอว่าหลังทำการทดลองเสร็จตัวเธอจะต้องถูกเนรเทศ ไนจึงให้เธอมารออยู่ที่โลกมนุษย์แก้เซงก่อนสามปีที่ไนจะมาเกิด
ความคิดเห็น