[ F I C S H I N e e ] ฟิคสั้นโนเนม 50 % - [ F I C S H I N e e ] ฟิคสั้นโนเนม 50 % นิยาย [ F I C S H I N e e ] ฟิคสั้นโนเนม 50 % : Dek-D.com - Writer

    [ F I C S H I N e e ] ฟิคสั้นโนเนม 50 %

    ระหว่างคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กกับคนที่มาทีหลังสุดท้ายแล้วใครจะดูแลเราได้ดีกว่ากัน ?

    ผู้เข้าชมรวม

    295

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    295

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ส.ค. 56 / 20:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     สวัสดีจ้า .ก้มกราบแทบเท้า
    ยังมิลืมกันชิมิ้  เอาฟิคสั้นมาลงแต่ยาวไม่จบซักที .____.
    ไม่โกรธเค้านะตัว  เค้าขอโตดดดดดดดดดดดดด 




    เอาล่ะเลิกเพ้อแล้วเข้าเรื่อง อิ้อิ้





    ลีจินกิ (อนยู)

    หนุ่มหน้าหวานยิ้มน่ารัก
    ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นด้วยนะ





     


    ชเวมินโฮ

    หนุ่มหล่อมาดเข้ม
    ผมไม่ยอมเสีย " รัก " ของผมไปหรอก





    อีชางซอน (ลีจุน)

    หนุ่มหล่ออบอุ่นใจดี
    ผมเจอเขาก่อนดูแลเขามาก่อนทำไมผมต้องยอม




     

     
    M u s i c ' B u r n
    cinnamon
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
            ไม่รู้ว่าเรารู้จักกันมานานแค่ไหน .. นานจนผมไม่อาจเชื่อว่าผมจะหลงรักเขา เขาที่เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เด็ก ผมไม่คิดเลยว่าความที่เราใกล้ชิดกันและสนิทกันมากรู้ทุก ๆ เรื่องของกันและกันและการทำอะไรหลายอย่างให้กันมันทำให้ผมชินและอยากจะทำตลอดไปแล้วที่สำคัญผมไม่ต้องการให้คนอื่นมาทำ .. ผมหลงรักเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

             บ้านของเราอยู่ข้างกันพ่อแม่เราสนิทกันเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเรียนด้วยกันสนิทกันมากแต่ก็คงจะเป็นช่วงหลัง ๆ มานี้ที่เราห่างกันตั้งแต่ขึ้นมหาลัยและเขาก็ได้เป็นเดือนของคณะเพราะความที่เขาเป็นคนน่ารักอารมณ์ดีเข้ากับทุกคนได้ง่ายทำให้เขาได้ตำแหน่งนั้นมาง่าย ๆ หรือเพราะเราเรียนกันคนล่ะคณะผมก็ไม่แน่ใจ .. แต่หลัง ๆ มานี้ผมเริ่มแน่ใจอะไรมากขึ้น ผมเห็นเขาไปกับเดือนคณะวิศวะบ่อย ๆ ใช่แล้วครับคุณอ่านไม่ผิดหรอก ผมหลงรักผู้ชาย และผมก็ได้รู้ความจริงที่เราห่างกันก็คือเขาคบกับเดือนคณะวิศวะและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ถึงแม้จะอยู่บ้านแต่เขาก็ไม่เคยออกมาเจอผมเลย จะมีก็แค่บางครั้งแค่นั้นที่เราบังเอิญเจอกัน แต่มันก็แค่แปปเดียวและผมรู้สึกว่าอะไร ๆ มันเปลี่ยนไป เหมือนเขาพยายามจะหลบหน้าผม หรือแฟนเขาบอกมากันแน่นะ

       

             สวัสดีครับทุกคนคงรู้จักผมแล้ว  ผมลีจินกิหรืออนยูน้อยผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษ์ที่ยิ้มให้ใครก็ต้องเป็นละลาย ผมไม่ได้ขี้โม้นะเรื่องจริงเชียวแหละ ไม่งั้นผมจะได้ตำแหน่งเดือนคณะมาได้ยังไง ผมเรียนคณะนิเทศครับ และด้วยความที่ผมหน้าตาดี ? นิสัยดี ? ทำให้ผมมีแฟนไง เขาเป็นเดือนคณะวิศวะครับ ใช่แล้วเขาเป็นผู้ชาย ผมไม่คิดว่าผมจะรักเขาหรอกนะ แต่เขาหล่อนี่นาแล้วก็ดูแลเทคแคร์ผมดีด้วย ใจคนมันก็เหมือนหินแหละครับถึงจะแข็งแค่ไหนถ้าโดนน้ำกัดทุกวันเขามันก็ต้องกร่อน คุณว่าไหมล่ะ แต่เขาไม่ชอบให้ผมยุ่งกับเพื่อนที่ผมสนิทด้วยเนี่ยสิ เขาบอกว่าผู้ชายด้วยกันมองผู้ชายออก เอ๊ะนี่ผมไม่ใช่ผู้ชายหรอ แต่เขาไม่ยอมบอกผมหรอกนะว่าทำไมเขาถึงอยากให้ผมอยู่หาง ๆ   อีจุน น่ะ แต่ผมก็ทำให้เขานะ เพราะผมรักเขาไง แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่รักเพื่อนนะ ก็ผมกับอีจุนเราโตมาด้วยกันนิ แต่ทำไงได้ล่ะ เห้อออ

       

            ผมไม่คิดเลยว่าผมจะเจอเขา ผู้ชายอะไรมีรอยยิ้มเป็นเอกลักษ์ชะมัด เขายิ้มสวยมากเลยแหละ เวลายิ้มทีนะผมทำอะไรไม่ถูกเลย มันทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมาตลอดที่มองเขา นี่มันเรียกว่า รัก หรือป่าวนะ แล้วทำไมผมต้องอยู่เฉย ๆ ด้วยล่ะ เขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ที่ฟ้าส่งมาก็ได้ถึงจะเป็น ผู้ชาย ผมก็ไม่สนหรอกนะ และด้วยตำแหน่งเดือนคณะของผมและด้วยความที่ผมพูดเก่งและเทคแคร์เก่งและด้วยความจริงใจของผมด้วยมั้ง มันเลยทำให้เขาใจอ่อนได้ไม่นาน ตอนนี้เราคบกันแล้ว และผมก็ของไม่สิสั่งเลยแหละให้เขาเลิกยุ่งกับเพื่อนข้างบ้านคนนั้น  ทำไมผมจะดูไม่ออกว่ามันหลงรักแฟนผม คงไม่มีใครชอบหรอกใช่ไหมที่ให้ คนอื่น มายุ่งกับแฟนตัวเองทั้งที่มันเป็นหน้าที่ของผมและผมสามารถทำมันได้ และอนยูก็ทำตามที่ผมขอซะด้วยสิ ก็น่ารักแบบนี้จะไม่ให้ผมรักได้ไงล่ะ
       

      เห้อทำไมขี้เกียจไปมหาลัยอย่างงี้นะ  ผมคิดในใจก่อนจะยันตัวขึ้นจากผ้าห่มกองหนานุ่มและลากสังขารตัวเองตรงไปที่ห้องน้ำก่อนจะทำการชำระร่างกายของตัวเองแล้วรีบออกมาแต่งตัว ผมไม่อยากให้มินโฮรอนานนี่นา แต่ผมก็อยากดูดีไปให้มินโฮดู โอ้ยคุณงงกับผมไหม แต่ชั่งเถอะ ผมรีบลงไปดีกว่าผมเห็นว่ารถมินโฮมาจอดสักพักแล้ว ผมรีบวิ่งลงบันไดจนคนที่นั่งอยู่กับแม่ของผมหันมามองก่อนจะส่งยิ้มมาให้ โอ้ยอย่ายิ้มให้ได้ไหมเนี่ย ถึงผมจะได้รับยิ้มทุกวันแต่ใจผมยังเต้นแรงอยู่ดีนะควบคุมตัวเองไม่อยู่และนั่นไง ..

      ตุ้บ โอ้ย ครับผมสะดุดผ้าเช็ดเท้าที่อยู่ปลายบันได แม่นะแม่ทำไมต้องวางตรงนี้ด้วยประตูทางเข้าบ้านก็มีแล้วยังเอามาวางไว้ตรงบันไดอีก

      อ้าวอนยูลูกเป็นไรมากไหม แม่รีบวิ่งมาดูผมแต่ก้ช้ากว่ามินโฮที่ตอนนี้ประคองผมขึ้นมาแล้ว

      แม่นั่นแหละเอาผ้าเช็ดเท้ามาวางตรงนี้ทำไมผมสะดุดเลย ผมบอกแม่ก่อนจะหยิบของที่ตกจากมือมินโฮ

      อ้าวโทษแม่อีก แม่ผมชี้มือไปที่ตัวเองก่อนจะส่ายหัวไปมาเบา ๆ

      ก็เพราะแม่นั่นแหละ ผมยังไม่เลิกเถียงจนเสียงมินโฮดังขึ้น

      พอเถอะครับ ไม่เป็นอะไรมากนี่ มินโฮพูด เขาพูดไม่เพราะกับผมเลยนะทั้งที่เป็นรุ่นน้องผม !

      มินโฮยังไงแม่ก็ฝากดูแลอนยูด้วยนะลูก แม่ผมบอกกับมินโฮ

      ได้ครับคุณแม่ มินโฮยิ้มให้แม่ก่อนที่แม่จะเดินหนีไป

      แม่อ่ะผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ ! “ ผมตะโกนไล่หลังแม่ไปแต่แม่ก็ไม่สนใจ เชอะ

      ไปกันเถอะครับ มินโฮพูดก่อนจะคว้าของในมือผมไปถือและเอือมมือมาจับมือผมก่อนจะลากออกจากบ้านไปขึ้นรถเพื่อไปมหาลัย

       ไม่ต้องตกใจกันไปนะ พ่อแม่ผมรู้ว่าเราคบกัน  เพราะมินโฮน่ะสิเขาไม่อยากคบแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เราคบกันมาสองเดือนแล้วครับ แต่พ่อแม่เรารับรู้ทั้งคู่ ตอนแรกพ่อผมรับไม่ได้หรอกนะ แต่มินโฮก็พยายามทำจนพ่อเชื่อใจและให้เราคบกันเพราะแบบนี้ไงผมถึงรักเขาน่ะ  อ้ะนั่นอีจุนนี่นา ผมหันมองตามเมื่อมินโฮขับรถผ่านอีจุนที่กำลังเดินไปป้ายรถเมย์

      ยังสนใจมันอยู่หรอ มินโฮพูดขึ้นทำให้ผมกลับมาสนใจเขา

      ทำไมพูดไม่เพราะ ผมมองหน้ามินโฮแต่เขาไม่ได้หันมามองผมหรอก

      ผมถามว่ายังสนใจมันอยู่หรอ และมินโฮก็หันมามองผมแค่แวบเดียวเท่านั้นผมเห็นนะว่าแววตาเขามันแปลกไปเขาเป็นอะไรนะ

      พี่ป่าว พี่ก็แค่มอง ผมตอบก่อนจะเอือมมือไปจับมือมินโฮ

      ผมเป็นแฟน ไม่ใช่น้อง มินโฮพูดเสียงแข็ง

      เห้อทำไมเราต้องทำเหมือนจะทะเลาะกันด้วยปัญหาเล็กน้อยแค่นี้นะ เขารักผมมากเลยหรอ แต่ทำไมเขาไม่แยกแยะเลยล่ะ

      ขอโทษ แต่อีจุนเป็นเพื่อนมันก็ต้องมีบางที่เผลอหรือลืมตัวมอง ขอโทษถ้าทำให้ไม่พอใจ ผมบอกอย่างตัดปัญหาผมไม่อยากมีเรื่องกับเขา

      ชั่งเถอะ ”  มินโฮตอบก่อนจะดึงมืออกจากที่ผมกุมไว้ ผมจึงหันไปมองนอกหน้าต่าง ผมรู้ว่าเขาอารมณ์ร้อนแค่ไหน แต่ผมผิดด้วยหรอ .. ผมกระพริบตาไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลก่อนจะหลับตาลงเพื่อตัดปัญหา ผมเสียใจนะ

       

       

          ผมไม่เข้าใจตัวเองทำไมผมต้องรู้สึกไม่ชอบมาก ๆ แค่อนยูมองเพื่อนเขา ผมควบคุมอารมณ์และคำพูดของผมไม่ได้ผมทำให้พี่เขาเสียใจอีกแล้ว ผมจะทำยังไงดี ผมไม่อยากทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ ทำไมผมไม่กุมมืออนยูไว้นะ ผมดึงออกมาทำไม ผมหันกลับไปมองหน้าคนที่ผมรักอีกครั้ง อนยูแกล้งหลับ แก้มที่แดงระรื่นและริมฝีปากที่เม้มติดกัน อนยูร้องไห้เพราะผมอีกแล้วสินะ ทำไมผมถึงนิสัยแย่ขนาดนี้ เพราะอนยูทำให้ผมเหมือนเป็นกองไฟที่พร้อมจะลุกโชตช่วงถ้าหากมีไฟเพียงเล็กน้อยมาโดน  พร้อมจะเผาไหม้ตลอดเวลาโดยไม่สามารถที่จะดับได้ ผมไม่ชอบเลยพี่เขาเป็นเหมือนฉนวนไฟที่รอบรอบตัวผม

       

            นั่นมันรถมินโฮนิ ผมจำได้ไอ้รถที่ติมฟิลม์ดำที่มาจอดบ้านข้าง ๆ ผม ทุกเช้าทุกเย็นและช่วงวันหยุด  ผมคิดถึงเมื่อก่อนจริง ๆ ร่างขาว ๆ อวบ ๆ ที่มาพูดแจ้ว ๆ อยู่ข้างหูทุกวันตอนเดินมาขึ้นรถเมย์ คนที่ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้ทุกเช้าคนที่ชวนผมกินนู่นนี่ขณะเดินกลับบ้านตอนเลิกเรียน คนที่ซุ่มซ่ามจนผมต้องจับตาดูตลอดเวลาคน ๆ นั้นไม่มีอีกแล้วสินะ
       

      อนยูครับถึงแล้ว แรงสะกิดเบา ๆ ที่แขนทำให้ผมลืมตาขึ้นมองก่อนจะเห็นมินโฮส่งยิ้มอบอุ่นที่ทำให้ใจผมเต้นแรงทุกครั้งที่เห็น เขาหายโกรธผมแล้วใช่ไหม ดีใจจัง

      หายโกรธแล้วหรอ ผมถามแล้วส่งยิ้มให้เขาบ้าง

      ไม่ได้โกรธนิครับ ขอโทษนะ มินโฮเอื้อมมือมาจับหัวผมก่อนจะโยกไปมาเบา ๆ

      อืม ไปเรียนได้แล้ว ตั้งใจเรียนนะ ผมบอกก่อนจะจุ้บเบา ๆ ที่แก้มมินโฮเหมือนที่ทำทุกวันก่อนจะหันมาเปิดประตูรถแต่มือหนาก็คว้าเอวผมแล้วจับหน้าให้หันมาก่อนที่ใบหน้าหล่อจะโน้มมาใกล้และจุมพิตเบา ๆ ที่ปากบางของผม

      อือ มินโฮ ผมส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ เพื่อให้เขาผละออก แม้จะแค่ปากแตะปาก แต่นี่มันก็คือมหาลัยคือสถานที่ศึกษา หรือใน ๆ นึงคือ ผม เขิน เขา ถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ผมก็ไม่เคยเลิกเขินสักที มินโฮถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะจับทรงผมของผมให้เข้าที่และจุ้บที่แก้มผมเบา ๆ ทีหนึ่ง

      ตั้งใจเรียนนะครับเด็กน้อยของผม มินโฮบอกก่อนจะยิ้มในแบบที่ผมชอบมาให้

      อ่ะ อืม ผมตอบเสียงตะกุตะกะก่อนจะรีบคว้าสัมพาระตัวเองแล้วรีบลงจากรถมา แล้วรีบวิ่งไปที่ตึกเรียนตัวเอง อยากจะบ้าตาย ใจผมเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ผมจะตายไหมเนี่ย

       

           นั่นมันอนยูนี่นา ถ้าผมจำไม่ผิดวันนี้ผมมีเรียนคลาสเดียวกับเขานิ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงรีบตรงไปหาร่างอวบที่ยืนกุมอกตัวเองแล้วหอบหายใจจนแก้มขึ้นสีแดงสดพร้อมเหงื่อที่ไหลลงมาตามโครงหน้าสวย

      อนยู ผมเรียกเบา ๆ เมื่อไปยื่นอยู่ข้างเขา

      อ้ะ ว่าไงอีจุน อนยูสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนที่ตาตี่ ๆ จะพองโตขึ้น เอ่อเขาตกใจที่เห้นผมหรอ

      วันนี้เรามีเรียนตอนเช้าคลาสเดียวกัน ไปพร้อมกันไหม ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปถือของให้เขา เหมือนที่เคยทำ

      ไม่เป็นไร เราว่าเราจะไปกินข้าวก่อนน่ะ อีจุนไปก่อนเลยเดี๋ยวเราตามไป อนยูรีบพูดก่อนจะวิ่งหนีผมไป  นั่นมันไม่ใช่ทางไปโรงอาหารนี่ ถ้าผมจำไม่ผิด หรือ .. อ่อคงเป็นแฟนเขาที่ไม่ให้เขามายุ่งกับผม ทำไมผมไม่ชินซักทีนะ ….

       

       

         เกือบไปแล้ว ..  เราทำเกินไปหรือป่าวนะ อีจุนจะรู้สึกยังไงนะ แต่ก็เพราะมินโฮนั่นแหละ ผมไม่อยากทะเลาะกับมินโฮแต่ก็ใช่ว่าผมเลือกแฟนนะ ก็มินโฮน่ะสิยังไม่ไปเลย เขาเรียนวิศวะแล้วจะมาจอดรถทำหอยทากอะไรหน้าตึกคณะผม เขาคงจำได้ว่าผมเรียนคลาสเดียวกับอีจุนก็เลยรอดู เห้อ ผมคงทำได้ดีแล้วใช่ไหม ชั่งเถอะ แต่เอ๊ะนี่มันป้ายห้องน้ำ อ้าวผมบอกอีจุนว่าจะไปกินข้าว โอ้ยเขาคงรู้หมดหรอก ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างเหนื่อยใจและเดินขึ้นตึกแทนที่จะไปกินข้าว จะบอกว่าไงดีล่ะ แต่อีจุนคงไม่สงสัยหรอกมั้ง ผมจะนั่งห่าง ๆ เขาแล้วกัน เห้อออ อนยูนะอนยู ผมเดินขึ้นตึกพลางกดข้อความส่งหามินโฮ ไปเรียนได้แล้ว ก่อนที่ผมจะเก็บมันเข้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าห้อง อีจุนยังไม่มานี่นา ไปไหนกัน ผมเดินไปหาที่นั่งที่ว่างอยู่และเลือกมุมที่คนน้อย ๆ เพื่อที่จะได้หลับได้ไงล่ะ อิ้อิ้ นั่นไงเจอแล้วไม่ไกลหน้าจอมาก แล้วคนก็ไม่เยอะด้วย ถึงผมอยากนอนมากแต่ผมก็ห่วงเรื่องเรียนอยู่หรอกน่า ว่าแล้วผมก็เดินตรงไปและนั่งลงสักพักเสียงประตูก็เปิดขึ้น อาจารย์ยังไม่มาเลยครับ เข้าช้าเป็นบ้า อ่ะนั่นอีจุนมาแล้ว ผมรีบฟุบหน้าลงบนโต๊ะเพื่อแกล้งหลับ ก่อนจะรู้สึกเย็น ๆ ที่ข้างแก้ม

      อ่ะซื้อน้ำกับขนมปังมาฝาก ไหนหิวข้าวไง ทำไมเดินไปห้องน้ำ อีจุนนั่นเอง ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มแหย ๆ ไปให้แล้วรับของที่อีจุนซื้อมาให้

      ขอบใจนะ พอดีเราเบลอ ๆ น่ะ ผมตอบก่อนจะแกะขนมในมือกินเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถาม

      นั่งด้วยนะ อีจุนพูดแต่ผมยังไม่ได้ตอบหรอกนะ เขาก็นั่งลงแล้ว แล้วจะขอทำไมเนี่ย

       

      ผมขับรถออกจากตึกของอนยูหลังจากที่ได้ข้อความจากคนอวบขาวหน้าตาน่ารัก  ผมดีใจนะที่เขาทำตามที่ผมขอ ผมเห็นแก่ตัวใช่ไหมล่ะ แต่ผมไม่สนหรอกนะ หืมข้อความใครเนี่ย ผมกดเปิดเมื่อมีเสียงเตือนข้อความเข้าใหม่ เบอร์แปลกซะด้วยสิ

      พี่มินโฮ พี่มาหาผมได้ไหม  

                                       แทมิน

      แทมินหรอ รุ่นน้องในคณะผมนี่นา มีอะไรหรือป่าวนะ เมื่อถึงคณะผมจึงรีบขับรถไปจอดแล้วรีบลงจากรถ

      แทมินเป็นรุ่นน้องในคณะผมเองแหละ และผมก็สนิทอยู่นะก็เขาเป้นแฟนกับจงฮยอนเพื่อนผมไงแต่ทำไมต้องอยากเจอผมด้วยล่ะ หรือทะเลาะกับไอ้จงมัน ผมคิดไปเดินไปในที่ ๆ คิดว่าน้องเขาต้องอยู่ สวนหลังคณะไง นั่นไงแทมิน

      ว่าไงมีไรหรอแทมิน ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแทมินที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงบริเวณโต๊ะม้าหินอ่อน

      อึกพี่มินโฮ แทมินคว้าเอวผมไปกอดก่อนจะสะอื้นเสียงดัง

      เห้ยแทมินเป็นอะไร ผมตกใจนะจึงได้แค่ลูบผมน้องเขาเบา ๆ ไอ้จงมันไปทำอะไรว้ะเนี่ย

      พี่ ฮึก พี่จงเขา เขา ฮึก .. “ แทมินสะอื้นอย่างหนักผมจึงทำได้แค่ลูบหัวปลอบเพื่อให้เขาอารมณ์เย็นขึ้น

      จงมันทำอะไร ผมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ น้องเขาก่อนจะดึงเข้ามากอดเบา ๆ

      พี่จงเขาทิ้งผมไปฮะ ฮึก ฮือ เขาไปกับพี่คีย์ แทมินพูดแค่นั้นแล้วสะอื้นหนักกว่าเดิม

      หือ คีย์หรอ แฟนเก่าไอ้จง ทำไมมันทำแบบนี้

      ให้พี่โทรคุยกับจงไหม ผมดึงแทมินออกมาเพื่อมองหน้า

      ไม่ครับ เขาไม่ฟังใครแล้วขนาดผมเขายังไม่ฟัง ผมขออยู่แบบนี้สักพักนะ แทมินส่ายหัวไปมาก่อนจะกอดผมแน่นอีกครั้ง แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากกอดตอบแล้วลูบหลังน้องเขาไป

       

      ตุ้บ ! “ หืม ผมเงยหน้ามองไปบริเวณที่เกิดเสียง

      มินโฮ เห้ยยย นั่นมันอนยู ทำไมมาโผล่ตรงนี้เนี่ย แล้วนั่นมากับอีจุนด้วย แต่เห้ยผมกอดแทมินอยู่นี่

      อนยูเดี๋ยวอย่าเพิ่งไป ผมกำลังจะลุกตามอนยูที่วิ่งหนีไปหลังจากตะโกนชื่อผม

      พี่มินโฮผมขอกอดพี่แบบนี้นะ อย่าไปไหนนะ แทมินและกอดผมไว้แน่น อีจุนวิ่งตามอนยูไปแล้ว ทำไมนะมันต้องเป้นผมสิที่อยู่กับอนยูเวลาร้องไห้น่ะ ..


           “ ฮึก ฮือ ฮึก ผมวิ่งออกมาได้สักพักก็มาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ มหาลัย ทำไมมินโฮต้องทำแบบนี้กับผมด้วย  แล้วทำไมผมต้องมาเห็นภาพนี้ด้วยนะ ทำไมเขาห้ามให้ผมยุ่งกับอีจุน แต่เขากลับมากอดกันให้ผมดูงั้นหรอ ผมเสียใจนะไม่รู้หรือไง ถ้าผมจำไม่ผิดเด็กคนนั้นมันแฟนจงฮยอนเพื่อนมินโฮไม่ใช่หรอ แล้วทำไม …. 

      อนยู ไม่เป็นไรนะ เสียงนี้อีจุนนี่นา แต่ผมไม่อยากสู้หน้าใครเลยจริง ๆ ผมจึงได้แค่ก้มหน้าแล้วปล่อยให้น้ำตามากมายไหลมา ทำไมถึงมีแค่อีจุนที่ตามผมมา แล้วมินโฮไม่คิดจะตามผมมาบ้างหรอ ไม่ห่วงความรู้สึกกันเลยหรือไง สงสัยไหมทำไมผมถึงไปยืนไปเห็นภาพนั้น เพราะอาจารย์ใช้ผมเอางานไปส่งไงล่ะ แล้วผมจำได้ว่ามินโฮต้องไปอยู่แถวนั้นจึงเดินไปแต่ไม่คิดว่าจะเห็นภาพแบบนั้น คิดได้ไม่นานผมก็รู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่ทาบทับลงมา อีจุนกำลังกอดผม อบอุ่นจัง ผมคิดถึงอ้อมกอดของเขาจัง รู้สึกเหมือนเมื่อก่อนเลย เวลาผมทุกข์หรือเศร้าใจจะมีแต่อีจุนนี่แหละที่ปลอบผม ทำไมผมถึงได้ทิ้งเขาไปนะ ทำไมผมต้องเชื่อฟังมินโฮด้วยนะ

      อีจุน เราขอโทษ ผมพูดขอโทษออกไปก่อนจะเอือมมือไปกอดอีจุนแน่นแล้วน้ำตามากมายก็ไหลออกมา

      ไม่เป็นไรนะอนยู เราไม่เคยโกรธอนยู

       

             ไม่เป็นไรนะอนยู เราไม่เคยโกรธอนยู “  ผมกอดอนยูไว้แน่นที่สุดผมไม่สนใจว่าคนรอบข้างหรือคนที่เดินไปมาจะมองยังไง ผมรู้แค่ว่าเขาเสียใจมากและผมจะไม่ทิ้งเขาและจะอยู่ข้าง ๆ เขา แม้เขาไม่ต้องการผมผมก็จะอยู่ ผมไม่เคยโกรธเขาลงซักครั้ง ทั้งที่เขาทำเหมือนหนีผม แต่ถ้าผมไม่ตามเขาไปแล้วใครจะมาปลอบเขาแบบนี้ ผมลูบผมแบบที่อนยูชอบเวลาเขาเสียใจ แต่ดูเหมือนว่าอนยูจะไม่สงบลงง่าย ๆ เขาคงรักมินโฮมาก นี่เป็นเรื่องดีของผมหรือป่าวนะ ที่มินโฮไม่ตามมาแล้วผมจะได้แย่งอนยูมาไง เลวสินะ แต่ผมยอมจะเสี่ยงเพื่อดูแลสิ่งที่เป็นของผมมาตั้งแต่แรก ..

       
            หลังจากที่ผมคุยกับแทมินจนรู้เรื่องก็ถึงเวลาที่ผมต้องออกมาตามหาแฟนผมแล้วล่ะ ป่านนี้ไม่รู้ไปถึงไหนแล้ว ผมขับรถออกมาจากมหาลัยได้ไม่ไกล ผมก็เห็นภาพคนสองคนกอดกันอยู่ที่สวนสาธารณะ กอดตอบด้วยงั้นหรอ ? ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บจี้ดแบบไม่เคยเป็นมาก่อนนะ ใช่ว่าผมไม่เคยมีแฟน แต่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ นี่คือครั้งแรก ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย ผมจะทำยังไงดีตอนนี้ผมรู้สึกตื้อไปหมด ผมรู้ว่าผมผิด ผมควรไปขอโทษ แต่ภาพที่เห็นมันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก คงเหมือนอนยูที่เห็นผมกอดกับแทมิน หึ คิดได้ดังนั้นผมก็ขับรถออกมาเพื่อที่จะไม่ต้องเห็น ใช่ว่าผมยอมแพ้หรอกนะ แต่ผมขอไปอัดไอ้จงให้หายแค้นก่อนเถอะ แล้วที่สำคัญผมควรจะให้เวลาทั้งอนยูและตัวผมเองให้ดี 

       

         แล้วผมก็ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงคอนโดไอ้จง ผมรีบตรงดิ่งไปที่ห้องมันแล้วใช้คีย์การ์ดที่มันทิ้งไว้ให้เปิดเข้าไป แล้วผมก็เจอมันนอนอยู่ที่โซฟา สภาพไม่ค่อยดีซะด้วยสิ ผมเดินเข้าไปใกล้มันก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ โอ้โห กลิ่นละมุดหึ่งเลย

      ไอ้จง ผมเรียกมันเสียงดังก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นมามอง

      มาหากูมีไรว้ะ ดูมันพูดครับ แม้ม

      กูมีแน่ มีเยอะด้วย มึงเป็นอะไรกับน้องแทมว้ะ แล้วมึงรู้ไหมกูต้องทะเลาะกับจินกิเพราะน้องแทมของมึง ผมพูดยาวก่อนจะทำหน้าไม่พอใจใส่มัน

      แทมิน .. “ เออ เอากับมันครับ ผมพูดไปตั้งเยอะ กลับตอบมาแค่นี้

      มึงไปคุยกับน้องเขาดี ๆ ว่ามึงจะเอายังไง เอาน้ำเย็นเข้าลูบไปก่อน

      กูไม่ได้ตั้งใจ คีย์กลับมาหากูแล้วบอกว่ารักกูอยู่ กูไม่รู้ว่าคีย์จะหลอกกู กูเลยไปกับคีย์ อ้จงมันเริ่มเพ้อออกมา

      แล้วมึงรักใคร ผมถามออกไป

      ตอนแรกกูคิดว่ากูยังรักคีย์อยู่ แต่พอมึงพูดชื่อแทมิน มันทำให้กูเจ็บ ภาพน้องร้องไห้มันลอยขึ้นมา แบบนี้กูรักใครว้ะ ไอ้จงพูดก่อนจะมองหน้าผมแล้วกำมือผมแน่น

      มึงยังจะถามเนาะ มึงก็รักน้องแทมอ่ะดิ แล้วมึงรีบไปคืนดีกับเขาซะ ผมพูดแค่นั้นไอ้จงก็รีบวิ่งออกจากห้องไป

          เห้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ สร้างปัญหาแล้วก็หนีไป ใครซวยครับ ผมไง ผมคิดไปมาแล้วเดินไปที่เคาเตอร์ของห้องไอ้จงก่อนจะจัดการชงเหล้ามากินย้อมใจให้หายเศร้าไป

       

          ผมกลับมาถึงบ้านแล้ว แบบปลอดภัยดีเพราะมีอีจุนอยู่ข้าง ๆ ผมรู้สึกสบายใจและสุขใจนะที่เขาอยู่ข้าง ๆ ผม แต่เมื่อต้องอยู่คนเดียวมันทำให้ผมคิดถึงมินโฮ การที่ไม่ตามออกมา หรือไม่มีสายเข้าซักสายเพื่อแก้ตัวนั้นมันแสดงว่าไม่คิดจะแก้ตัวแล้วเรื่องทั้งหมดจริงงั้นหรอ ? ทำไมเขาทำกับผมแบบนี้ล่ะ  สนุกมากหรอ มีความสุขสินะ น้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ผมรีบเช็ดมันออก มินโฮใจร้าย ทำไมผมต้องไปร้องไห้ให้คนแบบนั้นด้วย

      Rrrrrrrr ~~

      อ้ะมินโฮหรือป่าวนะ ผมรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนที่นอนขึ้นมา

      อีจุน

      ชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอทำให้ผมผิดหวังเล็กน้อย แต่มันก็คงดีกว่าผมอยู่คนเดียว ผมกดรับสายแล้วปรับเสียงให้เป็นปกติ

      อือ ว่าไงอีจุน

      “ … “

      เข้าห้องมาแล้ว เดี๋ยวก็นอนแล้ว

      “…..”

      ไม่เป็นไร สบายมาก ขอบคุณนะที่เป็นห่วง

      “ …. “

      ฝันดีเหมือนกัน

      วางสายไปแล้ว ดูเหมือนเขาเป็นห่วงผมมากเลยนะ หรือผมจะลองหันมาสนใจคนรอบตัวดูบ้าง เผื่ออะไรจะดีขึ้น เผื่อผมจะไม่ต้องเจ็บ เพราะเขารักผม สักวันเขาก็ต้องทำให้ผมรักเขาได้ จริงไหม ? เห้อออ เอาไงดี ผมใช้เวลาคิดก่อนที่จะกดโทรศัพท์เพื่อส่งข้อความไปหาอีจุนแล้วคว้ากระดาษมาเขียนสิ่งที่ต้องการบอกไปแล้วออกไปที่ระเบียงห้อง ก่อนจะเห็นอีจุนยืนรออยู่ก่อนแล้ว

       

       

       

       

          ผมเพิ่งวางสายจากอนยูเมื่อกี้ ผมเป็นห่วงเขาจริง ๆ นะ ทำไมผมจะไม่รุ้ว่าเขาร้องไห้ ต่อให้เขาปรับเสียงแค่ไหนผมก็รู้อยู่ดีนั้นแหละ และขณะที่ผมกำลังจะทิ้งตัวลงนอนก็มีเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ผมหยิบมาเปิดดู

      ออกมาที่ระเบียงหน่อย จากอนยูหรอ ผมรีบวางโทรศัพท์แล้วรีบออกไปที่ระเบียงห้องตัวเองทันที อันที่จริงระเบียงห้องเราตรงกัน ห่างกันไม่มากซะด้วยครับ สักพักผมก็เห็นร่างขาวที่ต้องแสงไฟจากถนนเปิดประตูออกมาก่อนที่อนยูจะขย้ำ ๆ กระดาษแล้วโยนส่งมาให้ผม  ผมก้มลงเก็บมันแล้วแกะมันออกดู ประโยคที่เห็นทำเอาหัวใจผมเต้นแรง และเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

      จะไม่เปลี่ยนใจทีหลังนะ ผมถามกลับไปและอนยูก็พยักหน้า แต่ผมเห็นแววตาที่ดูสับสนของเขาแต่มันก็แค่แปปเดียวก่อนจะกลายเป็นแววตาสดใสเหมือนเดิม

      ขอบคุณนะ ผมพูดแล้วยิ้มไปให้ แล้วอนยูก็บอกลาแล้วกลับเข้าห้องไป ผมปิดประตูเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมาดูใหม่แล้วยิ้มกับมันเหมือนคนบ้า

      ลองคบกันดูไหม ? “

       

       

      ………………

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×