คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : คนน่ารัก
ทางเดินที่เปลี่ยวและเงียบสงบปรากฏร่างของชายหนุ่มหน้าตาดีค่อยๆเดินไปตามทางที่ยิ่งลึกเท่าไรแสงไฟก็ดูจะลดน้อยลงเท่านั้น ดวงตาคมสอดส่องไปทั่วบริเวณ
“ที่นี่มันที่ไหนวะเนี่ย” ร่างสูงสบถเบาๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และมาที่นี่ได้อย่างไรขายาวก้าวต่อไปเรื่อยๆแม้จะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ทางเลือกที่มีก็ดูไม่มากนัก จนมาหยุดอยู่ที่ปลายทางเผยให้เห็นประตูไม้ที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย
“อื้ม. อา ตรงนั้น. อ๊ะ” เสียงดังขึ้นมาจากประตูของอีกฝั่ง เสียงนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน ริมฝีปากหนาขบเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง มือหนาค่อยๆผลักประตูให้เปิดออกช้าๆพอเท่าที่สามารถมองผ่านเข้าไปด้านในได้
“อา. แรงอีกหน่อยคงไม่ว่ากันใช่ไหมครับ” เสียงของอีกคนในห้องพูดขึ้น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ร่างสูงขบกรามแน่น ดวงตาฉายแววโกรธปนผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมา ไม่นานดวงตาขี้เล่นของคนที่กำลังประกอบกิจกรรมบนเตียงอย่างมีความสุขก็หันมาสบกับคนตัวสูงที่แอบดูการกระทำทั้งหมดอยู่ ริมฝีปากแดงคลี่ยิ้มช้าๆ
“มาร์คฮยองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ถ้าฮยองไม่ตื่นผมจะทับละนะ” ไม่ว่าเปล่าร่างใหญ่ของยูคยอมก็ทิ้งตัวลงทับคนขี้เซาบนเตียงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อสะดุ้งเพราะเสียงเรียกก่อนจะทำหน้าเหยเกด้วยความหนัก
‘ฝันไป?’ รู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ทั้งหมดที่เขาเห็นจะเป็นเพียงแค่ฝัน เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่อยากจะคิดเลย..
“ตื่นยังคร้าบบบ” ใบหน้าหมีๆหันมามองพี่ชายตัวเองที่ลืมตาตื่นพร้อมกระพริบตาปริบๆ
“ยัง ละเมออยู่” มาร์คยักคิ้วกลับคืนไปเรียกเสียงหัวเราะจากคนน้องได้เป็นอย่างดี ยูคยอมขย่มตัวเบาๆเพื่อให้คนพี่ต้องหนักเล่น(?)
“โอ้ยยย ลงไปโว้ย หนักจะตายอยู่แล้ว” มาร์คโวยเบาๆ พักหลังมานี้เขารู้สึกว่าตัวเองโวยวายเก่งขึ้นไม่รู้ไปติดมาจากใคร
“ฮ่าๆ โอเคครับผมๆ ยอมแล้ว แต่ฮยองต้องรีบอาบน้ำนะครับ วันนี้มีงานแต่เช้าต้องรีบเอางานไปให้เพื่อนลอก” ยูคยอมยิ้มตาปิดก่อนจะยอมลุกขึ้นจากเตียงเพื่อให้คนพี่ลุกไปอาบน้ำได้
“เออๆ เก่งเหลือเกิน” มาร์คพูดใส่คนน้องอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปทำความสะอาดร่างกายทันที ‘ฝันไม่ดีแบบนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ ยังไงซะกูก็ไม่ยอมปล่อยมึงไปให้ใครได้ง่ายๆหรอกแจ็คสัน’ มาร์คคิดในใจภาพในความฝันยังคงวนเวียนเข้ามาในหัวเรื่อยๆจนต้องสะบัดหัวแรงๆไล่ภาพพวกนั้นออก
ไม่นานนักรถคันหรูก็พวยพุ่งเข้ามาจอดในที่จอดรถของโรงเรียนมาร์คและยูคยอมบอกลากันเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน ยูคยอมเดินไปตามทางก่อนที่สายตาจะไปสะดุดที่แผ่นหลังเล็กที่กำลังฟุบหลับที่โต๊ะไม้หินอ่อนข้างตึกเรียน เพียงแค่แผ่นหลังยูคยอมก็สามารถจำได้ทันที แผ่นหลังที่คุ้นเคย
“สวัสดีครับแบมแบม” ยูคยอมเดินเข้าไปทักทายคนตัวเล็กเบาๆกลัวว่าอีกคนจะตื่น(แล้วจะมาปลุกเขาทำไมเนี่ย = =)
“อืม.. งั่มๆ” เปลือกตาบางยังคงปิดสนิทร่างเล็กเพียงแค่ขยับร่างกายเล็กน้อยก่อนจะหลับไปอีกรอบ รอยยิ้มอบอุ่นของยูคยอมส่งผ่านไปให้อีกคนอย่างเปิดเผย มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“คยอม เอาการบ้านมาลอกหน่อยดิ” จงอินเพื่อนในห้องเดินเข้ามาขัดบรรยากาศที่แสนจะสดใสในยามเช้า ยูคยอมถอนหายใจยาวก่อนจะหยิบสมุดการบ้านให้เพื่อนอย่างรู้งาน จงอินเหล่มองเพื่อนเชิงล้อเลียนสลับมองเด็กใหม่อย่างแบมแบมและยูคยอมสลับไปมา
“ไปไกลๆ ดูทำหน้าเข้าไม่อยากลอกการบ้านใช่ไหม” ร่างสูงแกล้งโมโหใส่เพื่อนเมื่อจงอินทำหน้ารู้ทัน
“ครับผมๆ แต่อยากบอกไว้อย่าง ชอบให้รีบบอก ระวังกระรอกจะคาบไปกินนะครับ” จงอินพูดก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วเดินจากไป ยูคยอมขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด
“เฮ้ๆ ยูคยอมเป็นไรรึเปล่า” ร่างสูงที่จกอยู่ในห้วงความคิดอยู่นานสะดุ้งเล็กๆเมื่อมีมือเล็กๆปัดป่ายไปมาตรงหน้ายูคยอมมองหน้าคนที่เข้ามารบกวนขณะเขากำลังใช้ความคิดแต่กลับเห็นใบหน้าหวานกำลังนั่งจ้องเขา คนตัวเล็กเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย ตากลมโตมองเขาราวกับแมวน้อยอยากได้ของเล่น ยูคยอมเพ่งพินิจใบหน้าสวยช้าๆริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มหลังตกอยู่ในภวังค์ที่ตัวเองสร้างขึ้น
“น่ารักจัง”
“ห้ะ? อะไรนะ” ยูคยอมสะดุ้งอีกครั้งเมื่ออีกคนเอียงหูเข้ามาใกล้ แต่. มันใกล้เกินไปไหมเนี่ย ใบหูเล็กขาวเนียนสายตาคมไล้มองไปทั่ว
“ปะ. เปล่า เข้าเรียนกันเถอะ” เมื่อหลุดออกจากภวังค์ได้จึงรีบเปลี่ยนประเด็นเพื่อไม่ให้อีกคนจับได้
“ยูคยอมนี่ขวัญอ่อนจังเลยนะ” แบมแบมพูดพลางยิ้มสดใสไปทั่ว ยูคยอมมองตามใบหน้าเล็กนั้น ย่าห์!!นายจะให้ฉันหลงนายไปถึงไหน
“ขวัญอ่อน?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ตรงไหนหว่า?
“ก็ตอนแบมเรียกยูคยอมสะดุ้งไปครั้งนึง พอพูดอะไรแล้วแบมไม่ได้ยินก็สะดุ้งอีกรอบ แบบนี้ไม่เรียกขวัญอ่อนหรอ?ฮ่าๆ” แบมแบมพูดอย่างอารมณ์ดี
“อ่อ. คงงั้นมั้งแต่ปกติฉันไม่ค่อยเป็นนะ” ยูคยอมเออออไปตามน้ำ ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะนายนั่นแหละแบมแบม
“ปกติไม่ค่อยเป็นงั้นหรอ หรือว่า..” แบมแบมหันมามองอีกคนอย่างจับผิด ดวงตาโตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มจนอีกคนต้องหลบสายตาอย่างยอมแพ้ ท่าทางรู้ทันของแบมแบมทำให้ยูคยอมร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย
“นาย. กลัวผีใช้ม๊า โถ่ อย่ากลัวไปเลยม๊าแบมเคยบอกว่าผีไม่มีจริงหรอก” แบมแบมโพล่งออกมาก่อนจะหัวเราะ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนตัวใหญ่อย่างยูคยอมจะกลัวผีกับเขาด้วย ยูคยอมผ่านลมหายใจหนักอย่างโล่งใจ
“ฮ่าๆ ฉันไม่ได้กลัวหรอก เออฉันว่าจะถามตั้งนานละคนที่เดินตามแบมทั้งวันเนี่ยใครหรอ ฉันเห็นตั้งแต่วันแรกที่แบมมาละนะ แต่ไม่เห็นแบมจะคุยกับเขา” ยูคยอมพูดพร้อมหันกลับไปมองด้านหลัง แบมแบมหน้าซีดลงก่อนจะหันมองตามร่างสูงไปแต่กลับพบว่าไม่มีใครเดินตามมา
“ฉะ. ฉันเปล่านะ มะ. ไม่มีใครมา กะ. กะ. กับฉัน” ริมฝีปากบาง(?)สั่นระริก แววตาฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าอำกันเลยน่า ก็เนี่ยตอนนี้เขายืนอยู่ข้างแบมแล้ว” ยูคยอมพูดพลางมองไปข้างๆคนตัวเล็ก
“อ้ากกกกกกกก ฮึก ฮือ ไม่มีจริงๆนะ ฮึก แบมกลัว” แบมแบมสวมกอดคนตัวใหญ่อย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็กซุกลงกับอกแกร่งจนยูคยอมรู้สึกอุ่นๆ แขนแกร่งกอดตอบอีกคนแน่นมือหนาลูบหัวอีกคนเบาๆ หน้าหมีๆฉีกยิ้มเมื่อแกล้งอีกคนสำเร็จแม้จะรู้สึกผิดอยู่บ้างที่คิดแกล้งคนตัวเล็กได้สำเร็จ แรงกระเพื่อมที่อกผิดจังหวะจนทำให้แบมแบมสงสัย ดวงตาหวานแหงนมองหน้าอีกคนที่พยายามกลั้นหัวเราะอยู่
“ยูคยอม นี่แกล้งแบมหรอ” แบมแบมอมลมจนแก้มป่อง ริมฝีปากล่างยื่นออกมาเล็กน้อย ท่าทางน่ารักๆเรียกเสียงหัวเราะของอีกคนได้เป็นอย่างดี
“เราเปล่าแกล้งนะ ฮ่าๆ โอเคๆขอโทษนะครับๆ” ยูคยอมพยายามกลั้นยิ้มเมื่อเห็นอีกคนหน้าบึ้ง
“งอนแล้ว ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” มือเล็กทุบแผงอกคนขี้แกล้งแรงๆแต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกคนรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้แบมแบมมากขึ้น
“ก็แบมน่ารักนี่นา ขอกอดอีกหน่อยไม่ได้หรอ” ยูคยอมยิ้มขี้เล่นพลางก้มหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจรดแก้มใสที่ขึ้นสีระเรื่อเมื่อได้ยินคำกล่าวชมตรงๆ
“มะ.ไม่ต้องเลยนะ ปล่อยเลย จะก้มหน้าลงมาใกล้ทำไมเนี่ย” เสียงหวานพูดตะกุกตะกัก มือเล็กผลักคนตัวใหญ่เบาๆ
“ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” เมื่ออดใจกับท่าทางน่ารักๆนั่นไม่ไหวยูคยอมก็ยอมปล่อยคนน่ารักให้เป็นอิสระ ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆเพื่อไปยังห้องเรียนที่แบมแบมรู้สึกว่าวันนี้ห้องเรียนอยู่ไกลมากกว่าทุกวัน อาจเพราะคนหน้าหมีที่ยิ้มกรุ้มกริ่มตลอดทางนี้ก็เป็นได้
‘หยอดวันละนิดจิตแจ่มใส’ ยูคยอมคิดในใจ
วันนี้แบมแบมและยูคยอมแทบไม่เป็นอันเรียนไม่ใช่ว่าเอาเวลาไปหวานแหววอย่างที่หลายๆคนกำลังคิดหรอกนะ แต่วันนี้แบมแบมได้เกมส์มาใหม่แถมยังชวนยูคยอมเล่นด้วยกัน สุดท้ายเด็กเรียนก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่เกมส์ในโทรศัพท์ที่เขาเองก็ไม่เคยได้สัมผัส สนุกอย่างนี้นี่เองแบมแบมถึงได้เล่นทั้งวัน จนกระทั่งสัญญาณออดหมดเวลาดังขึ้น
“ย่าห์ ย่าห์ ย่าห์ พอเลยๆ ยูคยอมอ่ะทำอะไรก็เก่งไปหมดเลย เรียนก็เก่ง เกมส์ก็เก่งนี่ขนาดแบมเล่นจนโปรแล้วนะเนี่ย มาเลยมา รอบนี้แบมเอาจริงแล้วนะ” แบมแบมบ่นออกมาแต่ตากลมโตก็ไม่ได้ละจากโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย มือเล็กๆกดโทรศัพท์อย่างใจเย็น ยูคยอมมองการกระทำนั้นแล้วก็เผลอยิ้มจนตาหยี
‘คราวนี้ต้องแกล้งแพ้ให้ก็แล้วกัน’ แล้วผลก็ออกมาตามคาด
“เย้ โถ่แบมก็นึกว่ายูคยอมจะเจ๋งสุดท้ายก็แพ้แบมจนได้ ตลอดมาแบมอ่อนให้หรอกนะ” เมื่อชนะแบมแบมก็อวดใหญ่แถมยังกอดอกมองดูยูคยอมอย่างผู้ชนะ
“ครับๆ แบมแบมเก่งที่สุดแล้วครับๆ” อีกครั้งที่ยูคยอมต้องยอมแพ้ให้กับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูน่าฟัดน่าหยิกน่าหยอกน่า...ของแบมแบม
“ฮ่าๆๆๆ แน่นอน อืม.. เรากลับกันเถอะตอนนี้เหลือเราแค่สองคนแล้วนะเนี่ย” แบมแบมที่พึ่งสังเกตรอบๆตัวว่าในห้องเหลือเพียงเขากับหมียักษ์แค่สองคนเท่านั้น เมื่อเห็นอย่างนั้นยูคยอมยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“เฮ้ ที่แก้มแบมมีอะไรติดหน่ะ” ยูคยอมดึงแขนแบมแบมที่ยืนอยู่ให้โค้งตัวลงมาใกล้ ปลายนิ้วเกลี่ยที่แก้มใสเบาๆ
“เห?? มีอะไรติดอยู่หรอ” แบมแบมผู้ใสซื่อ(?)ทำหน้างงเมื่อเห็นอีกคนมีท่าทางแปลกไป
‘ฟอดดดดด’ ยูคยอมกดจมูกโด่งฝังลงที่พวงแก้มนุ่มของแบมแบมจนอีกคนทำหน้าเหรอหราด้วยความตกใจ แบมแบมเบิกตากว้างพร้อมดึงตัวกลับเล็กน้อย ไม่กล้าหันไปมองหน้าที่ทำลอยหน้าลอยตาของยูคยอม
“อ้อ ที่แท้ก็ความหอมนี่เองที่ติดหน้าแบมอยู่” ยูคยอมอมยิ้มก่อนจะลุกแล้วหยิบกระเป๋าแบมแบมมาถือไว้
“คนบ้า” แบมแบมก้มหน้างุด มือเล็กผลักไหล่แกร่งเบาๆแล้วเดินผ่านออกไปรอหน้าห้องทันที ยูคยอมมองตามก่อนจะระบายยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ตั้งแต่ที่คนๆนั้นหายไปยูคยอมก็ไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ คนตัวใหญ่เดินตามคนตัวเล็กออกไป มองท่าทางแสนงอนของแบมแบมที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่ห่างไกลจากคำว่าน่ารักเลยซักนิด ยิ่งทำให้ร่างสูงคิดถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา คนในความทรงจำ คนที่แม้จะไม่เคยมองมาที่เขาแต่เขายังคงยืนยันในความรู้สึกที่เขามอบให้
“ยูคยอม ยูคยอม ไอ้ หมี ย้ากกกกกกกกก” เมื่อเห็นอีกคนเงียบไปพอหันกลับไปมองก็ทำตาลอยใจลอยไปถึงดาวอังคาร พอเรียกเท่าไรก็ไม่ยอมกลับมา มือเล็กจึงบิดเข้าที่สีข้างของคนตัวใหญ่แรงๆเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา แบมแบมอมลมจนแก้งป่อง งอนจริงๆแล้วนะง้อก็ไม่ง้อยังมาใจลอยใส่อีก
“โอ้ยย!!” ยูคยอมเมื่อสติกลับมาแผนเจ้าเล่ห์ก็เริ่มกลับมา แกล้งทำเป็นบิดตัวอย่างกับที่คนบิดนั้นรุนแรงซะเหลือเกิน ได้ผล แบมแบมตาโตด้วยความตกใจ เอื้อมมือมาลูบป้อยๆตรงตำแหน่งที่ตัวเองหยิก
“ยูคยอมเจ็บไหม แบมขอโทษ ก็เคยบอกแล้วว่าแบมมือหนัก” คิ้วสวยขมวดเข้าเล็กน้อย รู้สึกผิดที่แกล้งหยิกเพื่อนตัวใหญ่แรงไปหน่อย
‘นี่คิดว่าตัวเองแรงเยอะขนาดนั้นจริงดิ?’ ยูคยอมเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็อมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนเป็นห่วงเขาแค่ไหน
“ถ้าให้จุ๊บเป็นการรักษาก็น่าจะหาย โอ้ย!” ยูคยอมแกล้งแหย่ แบมแบมเมื่อเริ่มรู้ตัวก็วาดฝ่ามือฟาดเข้าที่แผงอกแกร่งของ
ยูคยอมเต็มแรง ใบหน้าหวานสะบัดแล้วเดินก้าวฉับๆออกไป ยูคยอมเมื่อรู้ว่ารอบนี้แบมแบมคงงอนจริงจึงรีบเดินตามไป มีหรือที่ขาสั้นๆนั้นจะหนีพ้นช่วงขายาวของอีกคนได้ ยูคยอมโอบกอดแบมแบมจากด้านหลัง
“ยูคยอมขอโทษ หายงอนนะครับ My BamBam” เสียงต่ำกระซิบข้างๆใบหูเล็กเบาๆ แบมแบมดิ้นขลุกขลักในแผงอกแกร่งเบาๆ นี่ยูคยอมกำลังจีบเขาหรอเนี่ย ก็ถึงแบมแบมจะไสยไสย(?)ก็จริง แต่เขาก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่ยูคยอมกำลังทำเนี่ย เขาเรียกว่า ’จีบ’ ชัดๆ จีบกันโต้งๆเลยด้วย ช่วยอ้อมค้อมซักนิดก็ไม่ได้ แต่จู่ๆความทรงจำเก่าๆของแบมแบมก็ย้อนขึ้นมา
แบมแบมสลัดหัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความรู้สึกสับสนวุ่นวายที่ตีกันเมื่อในหัวของตัวเอง
“โอเคๆ หายงอนก็ได้ แต่ยูคยอมต้องเลี้ยงไอติมแบมเป็นการไถ่โทษ” แบมแบมขึนตัวออกจากอ้อมกอดของยูคยอม พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะคว้ามือใหญ่ให้วิ่งตามตัวเองไปที่ร้านไอติมร้านโปรด ยูคยอมหน้าเสียเล็กน้อยอยากจะตบปากตัวเองสักสิบล้านรอบ ยูคเอ้ย ใครสั่งใครสอนให้เผลอพูดความจริงออกไปวะ แค่คิดก็เลี่ยนจนอยากจะอ้วก
“เอาสตรอเบอรี่กับเรนโบว์ครับ อ้อ เพิ่มวิปครีมกับกล้วยหอมด้วยนะครับ” แบมแบมแจกยิ้มหวานให้กับพนักงานรับรายการจนผู้หญิงหน้าตาน่ารักบิดไปมาอย่างขวยเขิน
“ผมขอแมคคาเดเมียกับชาเขียวเพิ่มวิปครับ” ผมหันไปสั่งด้วยท่าทีสบายๆ ยิ้มของผมมีค่านะครับไม่ได้มีไว้แจกไปทั่วเหมือนคนน่ารักตรงหน้า บริหารเสน่ห์เก่งเหลือเกิน หวงโว้ยยยยย! คนถูกนินทา(ในใจ)ไม่รู้ตัวมองไปมองมารอบๆร้านยิ่งทำให้ยูคยอมหงุดหงิดขึ้นไปอีก คนหล่อๆนั่งอยู่ตรงหน้าไม่ยักจะสนใจเอาแต่มองไปมองมาอยู่นั่น
“ได้แล้วค่ะ” พนักงานสาวเดินมาเสิร์ฟไอติม2ถ้วย แบมแบมทำตาเป็นประกายเมื่อไอติมถูกส่งลงตรงหน้า มือเล็กจับช้อนตักวิปครีมยัดเข้าปากแทบจะทันที ยูคยอมหยิบเชอร์รี่สีสดยื่นไปให้คนตรงหน้า แบมแบมทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็เผยอริมฝีปากอิ่มงับเชอร์รี่เคี้ยวตุ้ยๆ แหม่จริงๆก็เกรงใจนะครับแต่กลัวยูคยอมจะเสียน้ำใจเอา
ใช้เวลาไม่นานไอติมสองถ้วยก็หมดไป แบมแบมดูอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยูคยอมชอบที่จะมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของแบมแบม เป็นรอยยิ้มที่ทั้งสดใสและสดชื่นราวกับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ในยามเช้า ยูคยอมมีหน้าที่เดินไปส่งแบมแบมที่บ้านของยองแจทุกเย็น จริงๆก็มีรถเมล์ผ่านนะแต่ทั้งสองกลับคิดว่าเดินกลับด้วยกันแบบนี้ก็สนุกดี
“แจ็คสันฮยองงงง” เมื่อถึงบ้านยองแจที่มีแจ็คสันมาส่ง แบมแบมก็แทบจะกระโจน(?)เข้าใส่แจ็คสัน ยูคยอมไม่เข้าใจเท่าไร สองคนนี้ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร โถ่ ขนาดผมเป็นเพื่อนสนิทแบมแบมยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย อิจครับอิจ ผมตีหน้านิ่งมองไปยังทั้งสามคน อย่างกะส่วนเกินเลยแฮะ
“อ้าว ยูคยอม” แจ็คสันหันมามองยูคยอม ที่กำลังปั้นยิ้มพยายามข่มความอิจฉาไว้ในใจ เอาวะ ยังไงแจ็คสันฮยองก็เป็นของมาร์คฮยอง อย่าพึ่งคิดไปไกลไอ้ยูค
“อันยองครับผม” ยูคยอมยิ้มสดใสเหมือนที่ทำกับแจ็คสันคราวที่เขามาค้างบ้านผม สงสัยกลับไปต้องไปกระตุ้นมาร์ค
ฮยองให้รีบจัดการแจ็คสันฮยองให้ได้ซะที ทางผมจะได้สะดวกๆ
“กินไรก่อนป่ะ” แจ็คสันที่นอกจะติดแนวฮิพฮอพเหมือนมาร์คแล้ว แววตาและสีหน้าก็กวนบาทาได้ไม่แพ้กันไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
“ไม่ครับ เดี๋ยวจะกลับบ้านแล้ว งั้นไปละครับ บาย” คนตัวใหญ่ที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่าโค้งให้แจ็คสันเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มให้กับยองแจและแบมแบมที่ตอนนี้แทบจะรวมร่างกับแจ็คสันอยู่แล้ว
‘ผมนี่เตรียมใส่เกียร์หมาไปบอกมาร์คฮยองเลยครับ’ ยูคยอมคิด
“มาร์คมันหวงขนาดนั้นเลย?” แจ็คสันเลิกคิ้วมอง ก่อนที่คิ้วหนาจะผูกเข้าหากัน ‘ไปสนใจอะไรบ้านมันวะ’
“ก็ไม่เชิงครับ แต่มาร์คฮยองเขาหวงทุกอย่างที่เป็นของเขาไม่ว่าจะสิ่งของหรือ ‘คน’ ก็ตาม” ยูคยอมพยายามกดเสียงให้ต่ำลงเล็กน้อย เอาวะทำไรไม่ได้ก็ขู่ไว้ก่อนละกัน แง่งๆ แบมแบมของผมนะจะบอกห้ายยย คนตัวใหญ่คิดในใจ
“อืมๆ งั้นกลับไปเถอะ เดี๋ยวมันจะมาหาว่าฮยองกักขังหน่วงเหนี่ยวนายไว้” แจ็คสันทำเป็นไม่สนใจก่อนจะพาลหงุดหงิดทุกอย่าง แม้กระทั่งความสูงของคนตัวใหญ่
‘สูงก็ไอ้มาร์คอีกนะเนี่ย พ่อให้กินเสาไฟฟ้าแทนข้าวหรอครับ อ้าวเห้ย จะไปคิดถึงไอ้มาร์คอีกทำไมวะเนี่ย’ แบมแบม
ยูคยอมและยองแจ รวมใจกันมองหน้าของแจ็คสันที่ตอนนี้เหมือนกำลังทะเลาะอะไรซักอย่างกับตัวเอง ถ้าจะให้พูดแจ็คสันเป็นคนที่เกิดมามีดีพร้อมแทบจะทุกอย่างไม่ว่าจะรูปร่างที่ถึงจะเตี้ยไปหน่อยแต่ก็สมส่วนดี หน้าตาหล่อๆแต่สิ่งเดียวที่ขาดหายไปก็คงจะหนีไม่พ้น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘สติ’ กระมัง
RIP. สติของหวัง แจ็คสัน
"ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ใครคิดถึงกูวะเนี่ย" ร่างสูงที่กำลังนอนเหยียดบนโซฟาสีแดงเข้มในห้องนั่งเล่น ดวงตาคมจ้องมองไปยังจอทีวีเขม็งทั้งที่ดูไปแต่เนื้อหาไม่ได้เข้าหัวเลย คิ้วเข้มขมวดแน่นความฝันเมื่อคืนยังคงฉายวนเวียนไปมาในหัว
"แจ็คสัน มึงจะมีอิทธิพลกับกูมากเกินไปละ มึงน่ารักเกินไป" มาร์คจับตุ๊กตามามองหน้าพร้อมกับเขย่าตุ๊กตาเพื่อระบายความรู้สึกหงุดหงิด
"ทำไมกูต้องคิดถึงแต่มึงวะเนี่ยยยย ตอบดิ เงียบทำไม โถ่เว้ย" มาร์คเขย่าตุ๊กตาแรงขึ้นเรื่อยๆก่อนจะโยนมันไปมาบนโซฟา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
RIP. สติของมาร์ค ต้วน (ตามหลังแจ็คสันไปติดๆ)
มาอีกตอนแล้วววววว ขอโทษนะหายไปนานมาก กว่าจะว่างแล้วก็กว่าจะมีอารมณ์แต่ง55 ยังไงก็ช่วยเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยก็ดีนะ ตอนนี้ดูเวิ่นเว้อนิดนึง ไรท์เป็นคนไม่โรแมนติกเลยแต่งออกมาได้เท่านี้แหละ
ปล. ขอบคุณที่คอยติดตามแล้วก็คอยอ่านฟิคของไรท์นะ
ปล2. ผิดพลาดประการใด เมนท์ติชมกันได้ตามสบายเลยยยย
ปล3. ตอนนี้สั้นไปหน่อยป่ะ พยายามเว้นบรรทัดให้มากกว่าเดิม กลัวมันพรืดๆจะไม่น่าอ่าน55
ความคิดเห็น