ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *:: KRISHAN WINTER PROJECT ::*

    ลำดับตอนที่ #8 : fearless (by _06thursd -@toeytm1307-)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 58


     

     

     

    Winter project

    -fearless- krisxluhan

    By _thursd06

     

     

    ไม่ชอบหน้าหนาว ไม่ชอบเทศกาล ไม่ชอบพบเจอกับความวุ่นวาย

    ต้องให้ย้ำอีกทีกันนะว่าลู่หานไม่ชอบ... แล้วก็ไม่อยากพบเจอเอาซะเลย!

     

    “ไป...”

    “ไม่ไป..”

    ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ที่ลู่หานได้แต่นั่งเถียงกับตัวเองอยู่แบบนี้...

    “โอ๊ย ไม่เอา ไม่ไป คนเยอะ เกลียดมาก!

     

    ลู่หานไม่ชอบหน้าหนาว แล้วก็ไม่อยากพบเจอเทศกาลที่เต็มไปด้วยคนมีความสุขเลยสักนิดเดียว

    ไม่เอา!

     

     

    .

    .

     

                    KrisxLuhan

                    F e a r l e s s

                    ใคร ๆ ก็บอกว่าฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติคแล้วก็สุดแสนพิเศษ ใคร ๆ ก็ชอบพูดว่าตั้งตารอคอยเทศกาลที่จะเกิดขึ้นในทุก ๆ ฤดูหนาว ฤดูกาลแห่งความสุขและความเหน็บหนาวที่แสนอบอุ่นของทุกคน...

                   

                    ไม่ มันไม่ใช่เลยสักนิด! สำหรับลู่หานมันไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียวเหอะ

     

                    ปั้ก

                    “ปลุกทำไมแต่เช้า~~” สิ่งมีชีวิตที่ขดตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาบ่น ใช้มือปัดนาฬิกาปลุกที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงจนกลิ้งหลุน ๆ ไปอยู่กับพื้นอย่างน่าสงสาร ลู่หานไม่ได้ลืมตามองหน้าปัดนาฬิกาของเขา รู้เพียงแค่ในความรู้สึกมันไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะต้องตื่น แถมอากาศหนาวจัดตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยที่จะลุกขึ้นไปต่อสู้เลยสักนิด

                    13.40 น. หากมนุษย์ในผ้าห่มผืนโตจะลืมหน้าขึ้นมาสักนิด ก็จะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาเช้า หากแต่เป็นเวลาบ่ายโมงสี่สิบนาที และตารางนัดหมายในวันนี้ หากลู่หานไม่สามารถลุกขึ้นมาภายในห้านาทีได้ นักศึกษาดีเด่นของคณะจะต้องพลาดการไปคุยโปรเจ็คสำคัญส่งท้ายปี ก่อนที่การปิดเทอมภาคฤดูหนาวจะมาถึงอีกไม่กี่วัน

     

                ครืด... ครืด...

                    ขมวดคิ้วด้วยความขัดใจอีกครั้งเมื่อถูกเสียงสั่นครืดรบกวนเวลานอน อุตส่าห์ปิดเสียงเอาไว้ แต่ดันลืมปิดสั่นเสียได้ แล้วเช้า ๆ แบบนี้ใครช่างโทรมารบกวนเขาแบบนี้ ถ้ารับสายเมื่อไหร่จะเหวี่ยงให้หูดับไปเลย

                    มือน้อยค่อย ๆ เลื่อนจากผ้าห่มหยิบมือถือข้างหมอน กดรับโดยที่ไม่ได้ลืมตามองว่าคนที่โทรเข้ามาหาเขาคือใคร น้ำเสียงหงุดหงิดที่ถูกขัดเวลานอนถูกส่งไปตามสาย เตรียมจะตำหนิเพื่อนร่วมคลาสที่โทรมาในเวลานี้ แต่พอได้ยินคิมมินซอกเตือนเรื่องการส่งโปรเจ็ค มนุษย์ผ้าห่มก็รีบเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนทันใด

     

                    “นี่กี่โมงแล้ว?!!

                อีกสิบห้านาทีก็บ่ายสองแล้ว นี่ถ้าฉันไม่โทรมา แกไม่คิดจะตื่นเลยใช่มะ? มินซอกถาม พอจะจินตนาการได้ว่าตอนนี้เพื่อนเขาคงกำลังตื่นตูมไม่น้อย ขุดตัวเองออกมาจากที่นอนได้แล้ว หน้าหนาวที่ไรแกเอื่อยเฉื่อยทุกที

                “เออ ขอบคุณที่โทรปลุก แค่นี้นะ!

    ให้ตายสิ ลู่หานไม่ได้ลืมเรื่องนัดเกี่ยวกับโปรเจ็ควันนี้ แต่เมื่อคืนเขาล้มตัวลงนอนหลังจากเคลียร์งานเสร็จ จำได้ดีว่าดึกมากแล้วอากาศก็หนาวจนเขาสบถเป็นร้อยรอบ เกลียดที่สุดกับการต้องใช้สมองทั้งที่อากาศไม่เป็นใจ เขาไม่ได้พาลนะ แล้วถึงในห้องจะมีฮีทเตอร์หรืออะไรก็ตาม มันไม่ช่วยให้ลู่หานรู้สึกดีขึ้นได้หรอก ไหนจะเสียงดังรบกวนที่มาจากทางด้านล่างหอนั่นอีก กว่าจะหลับตาทำสมาธินอนได้มันก็เกือบจะเช้าอยู่แล้วมั้ง

     

    ใครบอกหน้าหนาวดีนักหนา ขอเถียงขาดใจ!

     

                    โชคดีที่เขาเลือกอยู่หอพักในมหาลัย ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็มาถึงคณะได้แล้ว คนตัวเล็กห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ด้วยเสื้อหลายชั้น มินซอกเคยล้อตั้งแต่เราเรียนด้วยกันตอนปีหนึ่ง ว่าแฟชั่นหน้าหนาวของลู่หาน คือการเอาเสื้อผ้าทั้งตู้มาโปะเอาไว้รอบตัว

                    ก็คนมันหนาว ไม่อยากให้ส่วนใดในร่างกายปะทะกับอากาศนี่ ผิดตรงไหนล่ะ

     

                    “มาแล้วเหรอไอ้ลู่ เร็วกว่าที่คิด แล้วนั่น... หนาวมาจากไหนวะ” มินซอกทัก เพื่อนของเขาอยู่ในเสื้อโค้ทตัวหนา หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ ถุงมือสีหวานแหวว รองเท้าบู้ทครบสูตร ทั้ง ๆ ที่นี่มันเพิ่งจะเข้าฤดูหนาวเท่านั้นเองนะ ไม่รู้มันจะขี้หนาวไปไหน

                    “จากเกาหลีเนี่ยแหละ” ลู่หานตอบ “พวกแกไม่หนาวกันเหรอวะ” มินซอกและเพื่อนอีกสองสามคนส่ายหน้า มันก็แค่อากาศเย็นมาก ๆ เท่านั้นสำหรับพวกเขา แต่คนที่ไม่เคยทนทานกับสภาพอากาศได้อย่างลู่หาน เรียกเหมารวมว่าเป็นฤดูหนาวได้อย่างไม่ต้องสงสัย

                    “พวกแกมันหนังหนาเกินกว่าปกติ”

                    “บอกว่าตัวเองบอบบางน่าจะง่ายกว่านะ คุณหนูลู่” มินซอกหยอก แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อคุณหนูขี้หนาวตรงเข้ามาผลักหัวเขาทันที “พูดเล่นแค่นี้ทำเป็นขึ้น เตรียมพรีเซนท์มายัง”

                    “เรียบร้อย เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็โคตรดึก ไม่งั้นไม่ตื่นสายแบบนี้หรอก” ลู่หานบ่น นึกอยากจะเขกหัวตัวเองที่นอนเพลินไม่สนแม้แต่นาฬิกาปลุก (แถมยังปัดทิ้งอีกต่างหาก) วันสำคัญแท้ ๆ เกือบทำเสียเรื่องซะได้ “แล้วอาจารย์มาหรือยัง...”

                    “อยากเจออาจารย์มากกว่าอยากพรีเซนท์ละมั้ง~” คิมจงแดพูดขึ้นลอย ๆ แต่กลับได้รับเสียงเชียร์อย่างเห็นด้วยแบบล้นหลาม มินซอกถึงกับหันไปแท๊กมือด้วยความถูกใจ ส่วนคนถูกแซวที่ยืนตัวกลมอยู่ในโค้ทได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ด้วยเพราะหาข้ออ้างมาเถียงไม่ทัน

     

                    ไม่ใช่สักหน่อย ลู่หานก็แค่ไม่อยากยืนรอนาน ๆ เฉย ๆ เท่านั้นแหละ มันหนาวนี่!

     

                    “นักศึกษาปีสี่ที่มาปรึกษางานโปรเจ็ควันนี้ มารวมกันทางนี้ก่อนนะคะ” เสียงของผู้ช่วยอาจารย์ดังขึ้นขัดสถานการณ์เป็นรองของลู่หาน นักศึกษาสิบชีวิตเดินเข้าไปยังจุดนัดพบ พอจะรู้อยู่แล้วว่าคงต้องทำการจับฉลากเรียงลำดับตามหลักของอาจารย์ที่ทำประจำ “คิดว่าต้องใช้ดวงล่ะสิ ฮะ ๆ แต่วันนี้อาจารย์เรียงลำดับเรื่องไว้ให้แล้วล่ะ ตามรายชื่อเลยนะ จัดลำดับให้เรียบร้อย อีกห้านาทีพี่จะเริ่มเรียกคนแรกนะคะ”

                    ผู้ช่วยอาจารย์ทิ้งท้าย ปล่อยให้เหล่านักศึกษาไล่หารายชื่อของตัวเอง ลู่หานจิปากเบา ๆ ด้วยนึกขัดใจ เขาคิดว่าจะได้ลำดับต้น ๆ หรือกลาง ๆ เพราะอยากจะรีบพรีเซนท์แล้วรีบกลับไปซุกตัวในผ้าห่มที่ห้องสักที แต่นี่ชื่อของเขากลับอยู่ลำดับสุดท้ายซะอย่างนั้น

     

                    “ใช้อะไรเป็นหลักในการจัดลำดับนะ” ลู่หานบ่น แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว นอกจากเดินไปนั่งรอนิ่ง ๆ เผื่อให้ถึงลำดับของเขาเอง กว่าจะได้พรีเซนท์จริง สมองของลู่หานคงถูกแช่แข็งไปแล้วล่ะ “มินซอก แกไปคนที่เท่าไหร่?”

                    “สาม กำลังพอดี ๆ” มินซอกยักคิ้ว “เออ คืนนี้ไปฉลองกันปะ ปิดเทอมแล้ว ส่วนเรื่องโปรเจ็คเท่าที่ได้ยินมาอาจารย์เหมือนจะโอเคกับของทุกคนนะ วันนี้แค่มาดูพรีเซนท์เฉย ๆ”

                    “ไม่! แกก็รู้ว่าฉันจะไม่ออกไปไหน คนเยอะ รำคาญ”

     

                    ใช่ คนเยอะเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับลู่หาน ไหนจะแสงไฟสว่าง ๆ แล้วก็อากาศเย็นที่ทำร้ายเขาอีกต่างหาก ยิ่งใกล้วันสิ้นปีแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโลกภายนอกวุ่นวายมากแค่ไหน ขอนอนดูซีรี่ส์อยู่ในห้องสบาย ๆ ดีกว่า

     

                    “โหย จนจะเรียนจบอยู่แล้วนะ ไม่คิดจะออกไปฉลองเทศกาลคริสมาสต์ปีใหม่อะไรบ้างเหรอ ล่วงหน้าไง คนไม่เยอะหรอก ไม่วุ่นวายด้วย”

                    “อย่ามาโกหกซะให้ยากเลยมินซอก” ลู่หานตัดบท ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นจริง ๆ เขาไม่ค่อยจะก้าวเท้าออกจากห้องหรอกในช่วงเทศกาลวันหยุด

                    “อยากจะรู้นัก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นอาจารย์อู๋มาชวนแกไป จะนั่งปฏิเสธเอาเป็นเอาตายแบบนี้ไหม” มินซอกพูดลอย ๆ แต่ใช้น้ำเสียงล้อเลียน (และหมั่นไส้อยู่ในที)

                    “อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้หน่อยเลยได้ป่ะ เงียบซะ ท่องบทพรีเซนท์ไปด้วยไป!” คนตัวเล็กที่เวลานี้ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยสีเลือดพูดปัด ตั้งแต่เพื่อนร่วมคลาสรู้ว่าเขาปลื้มอาจารย์อู๋อี้ฝาน พูดได้เลยว่ามันเหมือนเป็นความผิดพลาดของชีวิต

                    เพราะทุกครั้งที่เข้าเรียนหรือมีกิจกรรมอะไร คนพวกนี้ล้อเลียนเขาจนแทบจะไม่กล้าสบตาอาจารย์อยู่แล้ว!

     

    มันก็แค่ความปลื้มแล้วก็ความประทับใจ... ลู่หานไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นจริง ๆ นะ

     

    เกือบชั่วโมงที่ลู่หานนั่งเป่าปากรอการพรีเซนท์ของเพื่อน ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกอย่างผ่านไปเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เพราะถ้าหากเก้าคนก่อนหน้าเขาใช้เวลาคนละไม่นานมาก แต่คงเป็นอย่างที่มินซอกว่า วันนี้อาจารย์คงแค่เรียกมาให้พรีเซนท์คร่าว ๆ และคุยนิดหน่อยเท่านั้น

     

    อยากจะบ่นอยู่หรอกว่ามันไม่คุ้มที่ต้องตื่นมาเจออากาศแย่ ๆ แบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นวิชาของอาจารย์อี้ฝาน...

     

    “ลู่หาน นายเข้าไปพรีเซนท์ได้เลย” จงแดผู้ได้ลำดับที่เก้าเดินออกมาตามเขา แล้วก็ยังไม่วายถามทิ้งท้ายว่าจะไม่ไปกินเลี้ยงคืนนี้ด้วยกันจริง ๆ อย่างนั้นหรือ

    แน่นอนว่าคำตอบยังคงเป็นเหมือนเดิม

    “ไม่ล่ะ พวกนายดื่มกันให้สนุกนะ ไว้เจอกันเทอมหน้า” บอกลาไว้เรียบร้อย เป็นอันสรุปได้ว่าปิดเทอมนี้คงจะไม่มีใครได้เห็นหน้าของลู่หาน เขาก็ไม่ได้ไปไหนหรอก ไม่ได้กลับบ้านด้วย ถ้าอยากจะเจอก็คงต้องมาหาเขาที่หอ...

     

    เคยโดนบ่นเหมือนกันว่าเขาน่ะเป็นคนเรื่องมาก แถมยังโอเวอร์เกินไปกับเรื่องไม่ชอบฤดูหนาว แค่ทน ๆ อยู่ไปมันจะยากตรงไหน ก็ใช่ ลู่หานทนอยู่ได้ แต่แค่เซฟตัวเองให้มากขึ้นด้วยการไม่ออกไปเผชิญกับมัน ในเมื่อไม่ชอบแล้วจะออกไปเจอทำไมเล่า ทั้งอากาศแล้วก็ผู้คนนั่นแหละ

     

    ฤดูหนาวมันไม่ได้เป็นช่วงแห่งความทรงจำแสนสวยงามสักหน่อย... ใช่ที่ไหนกัน

     

    “สวัสดีครับ”

    ลู่หานเดินเข้ามาในห้องของอาจารย์ด้วยท่าทีเงอะงะ อุตส่าห์เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีว่าจะนิ่ง ๆ และไม่แสดงอาการอะไร แต่ที่ไหนได้ พอเห็นอาจารย์อู๋นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะ เขาดันเกิดอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูกขึ้นมาเสียเฉย ๆ

                    “ครับ สวัสดีครับ ว่าแต่... คุณดูหนาวนะ ทั้งปากแล้วก็หน้าของคุณซีดมากเลย” อู๋อี้ฝานทักลูกศิษย์ของเขา เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนคนป่วยอย่างไรอย่างนั้น “ผมนัดคุณมาทรมานหรือเปล่าครับเนี่ย” อี้ฝานเอ่ยขำ ๆ

     

                    ไม่ครับ... ถึงแม้ผมจะไม่ชอบอากาศแบบนี้ แต่อาจารย์อาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้ มันคือสิ่งที่ลู่หานคิด แต่เขาไม่สามารถพูดหรือแสดงออกแบบนั้นไปได้หรอก นี่อาจารย์นะ!

     

                    “นิดหน่อยครับ ผม... จริง ๆ แล้วไม่ค่อยชอบอากาศหนาวเท่าไหร่น่ะครับ” คนตัวเล็กสารภาพพร้อม ๆ กับทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามอาจารย์ “นี่เป็รโปรเจ็คของผมครับ ไม่แน่ใจว่ายังมีข้อบกพร่องตรงไหนไหม อาจารย์แนะนำได้เลยนะครับ ผมจะรีบกลับไปแก้ไข”

                    อู๋อี้ฝานยิ้ม เขาเปิดเอกสารดูรายละเอียดโปรเจ็คของลู่หาน ก่อนที่จะยื่นส่งให้นักศึกษาของเขาที่เอาแต่นั่งทำหน้ามึนงง

                    “คือไม่ต้องแก้... หรือว่าให้ไปทำใหม่ทั้งเล่มเหรอครับ” ถามไปซื่อ ๆ เพราะไม่เข้าใจอาจารย์สักเท่าไหร่ ก็เล่นหยิบไปเปิดดูเฉย ๆ แล้วแป๊บเดียวก็ส่งกลับคืนมาให้แบบนี้ จะไม่น่าสงสัยได้ไง หรือก่อนหน้านี้ที่ออกไปกันเร็ว ๆ เป็นเพราะมาเพื่อแค่นี้กันนะ?

                    ถ้าเป็นอาจารย์คนอื่น ลู่หานจะบ่นให้หูชา

                    “งานของคุณผมชอบตั้งแต่ส่งฉบับร่างมาแล้ว คนอื่น ๆ ยังต้องมีปรับแก้นิดหน่อย แต่ผมค่อนข้างโอเคกับเนื้อหาที่คุณเลือกทำ ส่วนเรื่องพรีเซนท์ขึ้นอยู่กับคุณ ถ้าเตรียมพร้อมแล้วก็ลองพรีเซนท์ได้เลยครับ”

                    ลู่หานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเป่าปากเพื่อลดความกดดัน ถึงอาจารย์อู๋จะเป็นคนสบาย ๆ และไม่ได้น่ากลัวนัก แต่เขาก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี อากาศที่หนาวจนมือของลู่หานเย็นเยียบ ในเวลานี้กลับกลายเป็นว่ามีเหงื่อซึมออกมาเสียอย่างนั้น

     

                    ใจเย็น ๆ ไว้นะลู่หาน...

     

                    ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้ลู่หานจะเผลอหลบสายตาอาจารย์ไปหลายครั้ง แค่เพียงเวลาไม่กี่นาทีกลับทำให้เขารู้สึกประหม่าแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

                    อยากกลับบ้านแล้ว ไม่ไหว ไม่งั้นได้หัวใจวายแน่ ๆ

     

                    “คืนนี้คุณไปฉลองกับเพื่อนหรือเปล่า?” อู๋อี้ฝานถามลูกศิษย์ของเขา ชายหนุ่มถอดแว่นสายตาออก กดนวดขมับเบา ๆ ทิ้งตัวพิงเก้าอี้แบบสบาย ๆ เพื่อรอฟังคำตอบจากลู่หาน “ไม่ต้องแปลกใจ พวกมินซอกบอกผมน่ะ”

                    ลู่หานร้องอ๋อ ไม่เข้าใจไอ้หน้ากลมเพื่อนเขาเหมือนกันวันจะบอกอาจารย์ไปทำไมกัน คนขี้หนาวส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ ก่อนจะให้เหตุผลต่อไปว่าเขาไม่ชอบออกไปข้างนอกในช่วงนี้เท่าไหร่นัก

                    อาจารย์ยังไม่ได้ถาม... แต่เขาขออธิบายไว้ก่อน

     

                    “อืม... งั้นเหรอ ว่าแล้วว่าคุณต้องขี้หนาวมากแน่ ๆ ขนาดวันนี้ยังใส่ชุดมาซะหนาแบบนี้” อาจารย์หนุ่มแกล้งพูดหยอก “น่าเสียดายนะครับ เพราะผมเองก็ไปด้วยเหมือนกัน มื้อเย็นวันนี้น่ะครับ”

                   

                    อาจารย์กำลังพูดเหมือนอยากให้ผมไปด้วยนะครับรู้ตัวไหม... อย่าทำให้ลู่หานคิดไปเองเลยครับได้โปรด ถ้าหากผมคิดไกลจะแย่เอาได้นะ

                    แต่ถึงจะคิดไปแล้วก็เถอะ... นี่มันหน้าหนาวนะ ไม่! ต่อให้ชอบอาจารย์มาก ลู่หานก็ยังเกลียดอากาศหนาว ๆ ที่ทำให้เขาสั่นทุกอย่างก้าวอยู่ดี

     

                    “ถ้างั้น... ขอให้สนุกกับงานฉลองวันนี้นะครับ” ลู่หานยิ้ม ลุกขึ้นยืนแล้วค้อมศีรษะเพื่อเป็นการลาอาจารย์ที่ปรึกษา “ขอให้เป็นวันหยุดยาวที่สนุกนะครับอาจารย์”

                    “คุณก็เช่นกันครับ” อี้ฝานคลี่ยิ้ม “มีแผนจะไปเที่ยวไหนช่วงคริสมาสต์หรือปีใหม่รึเปล่าครับ”

                    ลู่หานชะงัก เขาเกือบจะหันหลังเดินไปจากห้องนี้แล้ว ดีใจอยู่หรอกที่อาจารย์ชวนคุยเรื่องไร้สาระต่อ แต่พอถามถึงเรื่องพวกนี้ เขาก็เลยได้แต่ยิ้มแหย ๆ ออกมา

     

                    ถ้าบอกไปตรง ๆ ว่าไม่มีและไม่ต้องการจะไปไหนทั้งนั้น อาจารย์จะคิดว่าเขาเป็นพวกโลกแคบ เก็บตัวหมกหมุ่นหรืออะไรแบบนั้นไหมนะ แต่เขาไม่มีแผน และไม่ต้องการจะมีนี่นา

                    เกลียดการที่ต้องเห็นคนมีความสุขในเทศกาลบ้า ๆ พวกนี้ มันไม่ใช่วันของเขา! ทนออกไปมองเห็นคนทั้งโลกมีความสุขไม่ได้ คนพวกนั้นยิ้มและหัวเราะเริงร่า ทั้ง ๆ ที่ลู่หานถูกบอกเลิกในวันคริสมาสต์สามปีติดกันแท้ ๆ! ก็ถึงบอกไงเล่าว่าเกลียด อากาศหนาวก็แย่พออยู่แล้ว นี่ยังทับถมกันด้วยความทรงจำแสนเศร้าและเจ็บปวดสามปีซ้อน ยังทนหน้าชื่นตาบานเฉลิมฉลองเทศกาลได้ก็ไม่ใช่แล้วล่ะ!

                   

                    “ผมคงไม่ได้ไปไหนหรอกครับ” พยายามปั้นยิ้มสบาย ๆ ให้กับคนอายุมากกว่า นี่ลู่หานหลีกเลี่ยงที่จะแสดงออกว่าไม่ชอบเทศกาลแห่งความสุขบ้าบอแล้วนะ

                    “แปลกจัง ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบเที่ยวเล่นซะอีก”

                    “คำชมหรือเปล่าครับ ฮะ ๆ ไม่หรอกครับ... ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเท่าไหร่” ปฏิเสธอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะบอกลาอาจารย์อย่างจริงจังแล้วรีบเดินออกไปจากห้องนี้เสียที

                    คิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าคุยมากกว่าปกติเกินไป... ใช่ ลู่หานคิดว่าเขากำลังเพ้อไปเองมากกว่า เพราะเขาเป็นนักศึกษาที่เข้ามาคนสุดท้าย ไม่แปลกหรอกที่อาจารย์จะหาเรื่องคุยต่อด้วยได้

                    แต่ว่านะ...

                    “คุณกำลังจะกลับไปหอใช่ไหม? ไปด้วยกันสิ เดี๋ยวผมขับรถแวะไปส่ง”

     

                    ฝันไปหรือเปล่า... แล้วทำไมอากาศที่ว่าหนาว ๆ มันถึงได้ร้อนขึ้นมานะ ให้ตายสิ หน้าของเขากำลังจะไหม้ใช่ไหม ถ้าหากไม่รีบหันไปอีกทางตอนนี้ อาจารย์คงได้รู้แน่ ๆ ว่าเขากำลังเขินขึ้นมาซะแล้ว

                    อ...อาจารย์ที่ไหนก็ชวนลูกศิษย์กลับด้วยกันแหละเนอะ หอเขาอยู่ใกล้นิดเดียวไง ทางเดียวกันกลับด้วยกัน ประหยัดแรง ประหยัดน้ำมันไปตั้งเยอะ...

     

                    “ข... ขอบคุณครับ แต่ว่าจะไม่รบกวนอาจารย์เหรอครับ”

                    “หืม? ไม่หรอก คุณอยู่หอในใช่ไหมล่ะ ยังไงผมก็ต้องขับรถผ่าน อีกอย่างถ้าคุณจะเดินกลับ หรือรอรถของมหาลัย เด็กขี้หนาวอย่างคุณอาจจะป่วยขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ ผมเป็นห่วง

     

                    อาจารย์ที่ไหนก็เป็นห่วงสุขภาพของลูกศิษย์กันทั้งนั้นแหละลู่หาน! ฮึ้บไว้ หยุดคิดมากคิดไปไกล แล้วก็เลิกคิดไปเองเดี๋ยวนี้เลยนะ!

                    ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดแบบนี้...

     

                    “ฝันไปป่ะวะ” ลู่หานขึ้นมานั่งเป่าปากอยู่บนห้องได้สักพักแล้ว เขายังคงตื่นเต้นไม่หาย จะอธิบายยังไงดีล่ะ เคยอยู่กับคนที่ชอบแบบไม่คิดไม่ฝันไหมครับ? ผมก็เป็นแบบนั้นอ่ะ ทั้งเทอมที่ผ่านมาก็แค่ได้เรียนกับอาจารย์เท่านั้น นาน ๆ ทีจะได้คุยกันตัวต่อตัวบ้าง แต่นี่อาจารย์เพิ่งจะมาส่งถึงหอพักของเขา

     

                    บ้าไปแล้ว ลู่หานเนี่ยแหละกำลังจะบ้าไปแล้วจริง ๆ

     

                    “โอ๊ย! หยุดคิด! ช่วงนี้ของทุกปีเป็นช่วงชีวิตเฮงซวย เพราะงั้นไม่ต้องหวังว่าจะมีความสุขเลยนะลู่หาน ถ้าแกหวังตอนนี้ รับรองเลยว่ามีแต่แห้วกับแห้ว!” ตัดบททุกอย่างด้วยการเตือนสติตัวเองดัง ๆ ยังไม่วายนั่งเถียงกับตัวเองในใจว่าถ้าหวังในช่วงหน้าร้อน แล้วจะทำให้สมหวังขึ้นมาได้หรือยังไงกัน?

                   

                    เออ ที่จริงต้องบอกว่าเขาไม่มีหวังเรื่องอาจารย์อู๋ในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิตเลยดีกว่า เป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ก็ดูไม่เหมาะสมจะแย่ละ แล้วเด็กกะโปโลแบบเขา จะเหมาะสมกับอาจารย์ดีกรีนักเรียนนอกได้ยังไงกัน เรื่องเพ้อฝันในนิยายน้ำเน่าทั้งนั้น

                    ความโรแมนติคแล้วก็เรื่องสุขใจมันไม่มีอยู่จริงหรอก...

     

                    “ซวยละ” ลู่หานสบถเบา ๆ เมื่อเขาเปิดตู้เย็นร้าง ๆ ในห้องรก ๆ ของเขาแล้วพบว่ามันไม่มีอะไรที่สามารถประทังชีวิตเขาได้ อยากจะดีดหน้าผากตัวเองสักทีที่ลืมคิดไปสนิทใจ เขายังไม่ได้เตรียมเสบียงไว้สำหรับปิดเทอมฤดูหนาว ปกติแล้วในทุก ๆ ปี ลู่หานจะบอกให้ม๊าส่งมาให้จากเมืองจีน แต่ปีนี้ด้วยความวุ่นวายและเรื่องเรียนที่ทำเอาหัวหมุน เลยลืมเรื่องนี้ไปสนิทใจ

     

                    ถ้าบอกตอนนี้ กว่าเสบียงของลู่หานจะมาถึง เขาก็คงได้แห้งเฉาอยู่ในห้องนี้ ที่บ้านของเขาคงพากันไปเที่ยวแล้วล่ะ จะมีใครมาสนใจลูกชายที่อยู่ห่างไกลบ้านอย่างเขากัน นี่ไม่ได้น้อยใจนะ แค่บ่นเฉย ๆ หรอกครับ

     

                    ลู่หานนั่งเปิดเว็บไซต์ดูอยู่พักใหญ่ เหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอคอมพ์ที่บ่งตัวเลข 19.30 น. แล้วถอนหายใจ พยายามจะทำตัวไม่หิวแล้วนะ คิดว่าน่าจะอยู่รอดไปได้ถึงพรุ่งนี้เช้า แต่สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี

                    ไม่อยากออกไปข้างนอกอ่ะ จะหาว่าเขาไร้สาระก็ได้

     

                    “มินซอกอาจจะยังอยู่ที่หอมันก็ได้เนาะ” เข้าข้างตัวเองด้วยการคิดว่าเพื่อนของเขาจะยังคงไม่ออกไปปาร์ตี้ตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งที่ความหวังก็มีอยู่น้อยนิด เขาคิดว่าพวกเพื่อนเขาต้องไปหาอะไรกินก่อนอยู่แล้ว...

                    นั่นสิ... อาจารย์บอกว่าจะไปทานข้าวนี่นา...

                   

                แกอยู่ไหนวะ ออกไปข้างนอกยัง ถ้ายังแวะซื้อข้าวกับพวกรามยอนมาให้หน่อย เอาเยอะ ๆ นะ รออยู่ที่หอ ขอบใจมาก!’  

                    ลู่หานรวบรัดตัดตอนส่งข้อความหาเพื่อนของเขา กำลังจะโยนโทรศัพท์ไว้บนเตียง แต่แสงบนหน้าจอก็เตือนให้รู้ว่ามีข้อความเข้ามาซะก่อน

                    นั่นไง...

                    ไม่!! ไม่ได้อยู่ที่ห้อง ออกมาแล้ว ไม่มีอะไรกินก็มาที่ร้านด้วยกัน xxx แถวหลังมหาลัย ขวัญใจแกก็มาด้วยนะ ตัดสินใจดี ๆ อิอิ นั่งยาว ไม่ต้องรีบ หิวก็มานะจ๊ะ เดี๋ยวพาไปตุนของกินพรุ่งนี้

                          

                           กวนตีนละมินซอก...

                    

                     คิดหนัก...

                           เอาไงดีวะ ความจริงแค่ลงไปมาร์ทด้านล่างก็คงจะซื้อของประทังชีวิตได้แล้ว แต่เป็นเพราะเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ลู่หานสับสนมาตั้งแต่ตอนบ่าย เป็นเพราะอาจารย์ที่เขาแอบปลื้มอยู่ในใจ(?)ไปร่วมมื้อเย็นวันนี้ด้วย...

                           ไม่ปฏิเสธหรอกว่าอยากไป แต่เขาก็ไม่อยากไปเหมือนกันนี่... งี่เง่าเนอะ

     

                     “ไป...” ลู่หานยังคงไม่เลิกสับสน จริง ๆ มันไม่ได้ตัดสินใจยากหรอก แล้วตอนนี้เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไว้แล้วด้วยนะ แต่ก็ยังคิดมากอยู่ดี... “ไม่ไป...”

                           ครึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว มันกำลังจะเข้าสู่ช่วงสองทุ่ม เรื่องความหิวของเขาน่ะมันเท่าไหร่ แต่มันเป็นเรื่องการต้องออกไปเจออาจารย์อู๋ต่างหาก

                           ก็บอกไปแล้วนี่นาว่าจะไม่ไป...

                           แล้วไหนจะสภาพคนเยอะ ๆ นั่นอีกล่ะ เขากำลังหัวเราะในขณะที่นายเศร้ามาทุกปีนะลู่หาน! ยอมได้เหรอ!

                           “ไม่ไป! ไม่เอาคนเยอะ ๆ แบบนั้น เกลียดมาก!

     

                           ยังคงยืนยันคำเดิมว่าเขาไม่ชอบหน้าหนาว ไม่อยากจะเอาตัวเข้าไปร่วมกับเทศกาลแห่งความสุข แล้วก็จะไม่ลุกไปเผชิญความเย็นเยือกที่ไหนทั้งนั้น!

     

                           ถึงแม้เขาจะอยากเจอหน้าอาจารย์อู๋อี้ฝานมากเลยก็เถอะนะ...

     

    .

    .

     

                           “อ๊าวววววววว คิดว่าจะไม่มา! นี่ลมหนาวอะไรพัดน้องหานของพี่มินซอกมาถึงนี่เหรอครับ”

                           ปากแบบนี้มันน่าตบให้แก้มยุบนัก ลู่หานแยกเขี้ยวให้กับเพื่อนของเขา ทักทายคนบนโต๊ะนับสิบที่มองมาทางเขาเป็นตาเดียว

                           แน่นอนว่ารวมถึงอาจารย์ที่เป็นต้นเหตุของการมายืนอยู่ตรงนี้... ของลู่หานผู้ที่เกลียดฤดูหนาวมากที่สุดในโลก ใช่ เมื่อไม่ชั่วโมงก่อนเขานั่งเถียงกับตัวเองแบบแทบเป็นแทบตาย ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ก้าวท้าวไปจากตึกหอพัก แต่แล้วความตั้งใจก็ทลายลงได้อย่างง่ายดาย เพียงเพราะข้อความสั้น ๆ จากมินซอกที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าไม่

                           อาจารย์อู๋พูดถึงนาย... บ่อยด้วย

                     หลังจากนั้นพอรู้ตัวอีกที ลู่หานก็มายืนให้คนพวกนี้ล้อเลียนแล้วล่ะ... ต่อหน้าอาจารย์อู๋ด้วยนะ น่าอายจริง ๆ ตอนนี้เขาคงไม่สามารถพูดได้เต็มปากแล้วล่ะว่าเกลียดและกลัวหน้าหนาว

     

                           เพราะว่าเขาอาจจะชอบอาจารย์อู๋อี้ฝานมากกว่าจะสนใจอากาศก็ได้...

     

                           “ก็บอกว่าหิว” ลู่หานแก้ตัว ก่อนที่จะทักทายอาจารย์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะด้วยการค้อมตัวลงน้อย ๆ อู๋อี้ฝานระบายรอยยิ้ม ซึ่งมนุษย์กว่าสิบชีวิตที่นั่งอยู่บนโต๊ะสามารถดูออกได้ไม่ยาก ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่โคตรจะบ่งบอกถึงความเอ็นดู “อาจารย์มานานแล้ว... เหรอครับ”

                           มินซอกแอบหัวเราะเบา ๆ เพราะท่าทางเงอะงะของลู่หาน ทำไมเพื่อนเขามันจะไม่รู้ว่ามานานหรือไม่นาน ในเมื่อมินซอกก็บอกกับลู่หานเอาไว้แล้ว ว่าขวัญใจของเจ้านี่มาด้วย

                           “พักใหญ่แล้วล่ะ ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะอีก แต่หน้าไม่ซีดแล้วนะครับ” อี้ฝานว่า จริง ๆ เขาแอบลุ้นอยู่นิด ๆ ว่าจะได้เห็นลู่หาน รู้ตัวด้วยว่าเผลอถามถึงและพูดถึงไปหลายครั้ง เขาเชื่อว่าเด็กพวกนี้คงรู้ทันเขาอย่างแน่นอน ว่าเขาสนใจเด็กขี้หนาวมากเป็นพิเศษ...

     

                           ไม่ปฏิเสธ... อู๋อี้ฝานสนใจลู่หานจริง ๆ อย่างที่บอก แต่เขาเป็นอาจารย์นี่ จะให้ออกตัวแรงมากกว่านี้มันก็คงจะดูไม่เหมาะสม

     

                           “ผมไม่ได้ป่วยสักหน่อย” ลู่หานพูดแล้วยู่หน้า ได้ยินเสียงหัวเราะขำ ๆ จากเพื่อนและอาจารย์อู๋ยิ่งทำให้รู้สึกเขินเข้าไปใหญ่ เขาขี้อายก็จริงนะ แต่ก็เขาไม่ได้เขินง่ายดายขนาดนี้นะ “ม... มีอะไรกินบ้าง”

                           “มีทุกอย่างนั่นแหละ ฮ่า ๆ อยากได้อะไรก็สั่งเพิ่มนะ เอ... ว่าแต่ทำไมหน้าแดง ๆ ละ ปกติเวลานายหนาวจมูกจะแดงนี่ แต่นี่หน้าแดง หูแดงอีกต่างหาก!

                           หุบปากเอาไว้ก็ไม่มีใครว่าเลยนะคิมมินซอก!

                          

                           น่าแปลกที่วันนี้บรรยากาศคึกครื้นและผู้คนขวักไขว่ในร้านอาหารไม่ได้ทำให้ลู่หานปวดหัว เขาไม่รู้สึกอยากจะเดินออกไปจากร้าน ทั้ง ๆ ที่มีคู่รักอยู่รอบข้างเต็มไปหมด ถ้าเป็นปกติ อย่าหวังเลยว่าเขาจะทน

                           “ทำไมคุณถึงไม่ชอบเทศกาลล่ะครับ” จู่ ๆ เสียงทุ้มของอาจารย์อู๋ก็ถามขึ้น ลู่หานไม่แน่ใจว่าเขานั่งข้าง ๆ อาจารย์ตั้งแต่ตอนไหน แต่จังหวะชุลมุนที่เปลี่ยนที่ไม่มาหลายครั้ง มินซอกก็ทั้งลุกเข้าลุกออกไปเดินเล่น ไปร้องเพลงบ้าง เพื่อนคนอื่นก็พากันเปลี่ยนที่จนเวียนหัว สุดท้ายกลายเป็นว่าเขานั่งอยู่ข้าง ๆ กับอาจารย์อู๋ซะอย่างนั้น

                           “ผมไม่ได้ไม่ชอบนะครับ... ถ้ามันไม่ใช่เทศกาลในช่วงท้ายปี” ใช่ เขาไม่ได้เกลียดนะถ้าหากมันเป็นช่วงเวลาอื่น ๆ เขาสามารถไปที่มีคนเยอะ ๆ ได้ถ้าหากว่าไม่ใช่ช่วงปลายปี “ผมแค่ไม่ชอบบรรยากาศหน้าหนาว... ก็ขี้หนาวล่ะมั้งครับ เลยพาลไม่ชอบทุกอย่างไปด้วย”

                           “ผมคิดว่ามีเหตุผลอื่นด้วยซะอีก” อี้ฝานหยั่งเชิง เขาพอจะดูออกอยู่นิดหน่อยว่าลูกศิษย์ตัวเล็กมีเรื่องฝังใจ เขาไม่เชื่อว่าการเป็นคนขี้หนาวจะพาลทำให้เกลียดหรือกลัวเทศกาลไปได้ “แต่ผมชอบนะ สนุกดีที่ได้เห็นคนเยอะ ๆ ออกมาฉลองด้วยกัน”

     

                           อู๋อี้ฝานแอบหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นว่าลู่หานเบ้หน้า เชื่อเลยว่ายังไงก็ไม่มีทางเห็นด้วยกับเขา

     

                           “ถ้าหากผมชวนคุณไปเดินเล่นด้วยกันต่อ คุณจะไปไหม อากาศคืนนี้ไม่หนาวมาก แล้วถึงจะมีคนเยอะแยะไปหน่อย แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบมากกว่าการนอนเฉย ๆ ในห้องนะ”

                           ใครก็ได้บอกที... นี่เขากำลังฝันไปหรือเปล่านะ

                           ไม่... ห้ามคิดไปเองนะลู่หาน! ฮึ้บเอาไว้ อาจารย์ก็แค่เห็นว่าเราไม่ชอบเจอคนเยอะ ไม่ชอบอยู่ในเทศกาล ก็เลยอยากจะหาทางช่วยให้เราเลิกกลัวเท่านั้นเอง!

                           ฮึ้บไว้ลู่หาน...

     

                           ครั้งที่สองกับการได้นั่งบนรถของอาจารย์อู๋อี้ฝาน ลู่หานคิดว่าผู้หญิงในมหาลัยคงจะต้องอิจฉาเขาอยากบอกไม่ถูก เขารู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ปลื้มอาจารย์คนนี้ อาจจะมีสักสามสิบ ห้าสิบ หรืออาจจะเป็นร้อยคนจากทั้งมหาลัยเลยล่ะมั้ง ทั้งดูดีทั้งเก่ง แถมยังเป็นคนใจดีขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนชอบ...

                           แล้วจะเอาความหวังมาจากไหน อาทิตย์ก่อนอาจารย์อู๋อาจจะชวนลูกศิษย์คนอื่น ๆ ไปเหมือนกันก็ได้ ขนาดมื้อเย็นที่พวกมินซอกเป็นคนจัด ยังรับปากมาทานด้วยได้เลย...

                           “ถึงแล้วล่ะ” เสียงของอาจารย์หนุ่มทำให้คนในภวังค์รู้สึกตัว “ผมไม่รู้ว่าคุณมาบ่อยหรือเปล่า แต่ปกติแล้วผมชอบมานั่งเล่นที่นี่ ในโซลจะมีที่ไหนดีกว่าริมแม่น้ำฮัน ฮะ ๆ”

                           อู๋อี้ฝานพูดขำ ๆ แต่มันคือเรื่องจริงที่เขาชอบมานั่งเล่นที่นี่ ถึงผู้คนจะไม่ได้น้อยจนเงียบสงบ ทว่าในความวุ่นวายก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญ

     

                           แล้ววันนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะดีกว่าเดิม... เพราะมีลู่หานมาด้วยกัน

     

                           “จริง ๆ แล้วมีอยู่ช่วงนึงผมมาที่นี่บ่อยนะครับ” ลู่หานพูด ถ้านับ ๆ ดูแล้วการนั่งเล่นริมแม่น้ำฮันก็เป็นที่ที่เขามาบ่อยเกือบที่สุด “แต่หลัง ๆ ทั้งเรียนหนัก แล้วก็ไม่ชอบออกไปไหนเท่าไหร่ เลยไม่ได้มา”

                           “เชื่อไหมตอนที่ผมเจอคุณกับเพื่อน ๆ ดูยังไงก็ไม่น่าเป็นคนชอบอยู่เฉย ๆ” อี้ฝานว่า รอยยิ้มที่ติดจะล้อเลียนของชายหนุ่มทำเอาลู่หานไปต่อไม่ถูก เขาหน้าตาดูเป็นคนชอบเที่ยวขนาดนั้นเลยเหรอ “ผมแค่คิดว่าคุณดูเป็นคนสดใส”

                           “มันเกี่ยวกับการต้องชอบไปเที่ยวตรงไหนล่ะครับ”

                           “ฮ่า ๆ อืม... มันก็ไม่เกี่ยวหรอก” อี้ฝานพูดแล้วเงียบไปพักใหญ่ รอบตัวของพวกเขาไม่ได้สงบเงียบ มีคู่รักหลายคู่ที่กำลังเดท มีหลายครอบครัวที่มานั่งเล่นพักผ่อน มีหลายคนมาปลดปล่อยอารมณ์เพียงคนเดียว และมีกิจกรรมหลายอย่างกำลังเกิดขึ้น...

     

                           จริง ๆ แล้วลู่หานควรจะรู้สึกรำคาญ... แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิดเดียว

     

                           “คุณบอกเหตุผลจริง ๆ ที่เกลียดหน้าหนาวกับผมได้ไหม” อี้ฝานถามขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ลู่หานเกิดอคติ “ผมไม่อยากให้คุณวิ่งหนีสิ่งที่ต้องเจอไปตลอดชีวิตนะครับ”

     

                           ใช่... เพราะไม่ว่ายังไง... ฤดูกาลก็ต้องผลัดเปลี่ยนเวียนกลับมา

     

                           “ถ้าผมเล่าให้อาจารย์ฟัง จะไม่สมน้ำหน้าผมใช่ไหม” คนตัวเล็กถาม กลัวจริง ๆ ว่าจะถูกหัวเราะในความซวยซ้ำซ้อน คนบ้าอะไรถูกบอกเลิกในวันเดียวกันสามปีซ้อน ทำสถิติโลกแล้วล่ะ “มันเกิดขึ้นมาตอนหลายปีก่อน แต่เกิดติด ๆ กันในวันเดียวกัน สมองของผมจำฝังลึกเลยล่ะครับ”

                           “คุณมีความทรงจำเลวร้าย?”

                           “ที่สุดสำหรับจิตใจผมเลย มันไม่ใช่ความเสียใจหรอกนะครับ แต่มันเป็นความเจ็บใจแล้วก็แค้นใจมากกว่า” ใช่ เขาไม่ได้เสียดายหรือเสียใจกับความรักพวกนั้น (แม้ตอนแรกจะรู้สึกอยู่บ้าง ใครกันที่ถูกบอกเลิกแล้วจะไม่เสียสติ) แต่เวลาวันเวลาพวกนี้ผ่านเข้ามา ภาพวันเก่า ๆ และความเจ็บใจพวกนั้นจะเกิดขึ้นชัดแจ้งทุกที

     

                           เขาถึงได้ไม่อยากเห็นคนมีความสุข... เพราะนี่มันไม่ใช่เทศกาลแห่งความสุขของลู่หาน

     

                           “ทำไมล่ะ”

                           “ผมถูกบอกเลิกในวันคริสมาสต์ ถ้ามันเป็นปีเดียวผมคงจะไม่ฝังใจเท่าไหร่ แต่มันดันเกิดขึ้นในระยะเวลาสามปีติดต่อกัน แค่เลิกกับแฟนสามคนว่าแย่แล้ว แต่ถูกบอกเลิกวันเดียวกันเหมือนนัดไว้ เป็นอาจารย์จะแค้นใจไหมล่ะครับ?” ลู่หานพ่นประโยคยาว ๆ ด้วยความอึดอัดใจ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะร้องไห้โฮออกมาแล้ว แต่นี่เรื่องมันผ่านมานานมาก จะเหลือก็แค่น้ำเสียงเจ็บใจก็เท่านั้นแหละ

     

                           ใครจะมองยังไงไม่รู้ แต่สำหรับลู่หาน... มันก็แค่ช่วงเวลาที่สภาพอากาศและสภาพจิตใจของเขาจะเลวร้ายที่สุดในรอบปี!

     

                           “คุณก็เลยเลือกที่จะปฏิเสธทุก ๆ หน้าหนาว รวมถึงเทศกาลที่ทุกคนออกมาเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานแบบนั้นหรือ?”

                           “ครับ มันฟังดูงี่เง่าไปหน่อย แต่ถ้าใครไม่เจอก็คงไม่เข้าใจนะครับอาจารย์ ผมมีเหตุผลที่เกลียดวันพวกนี้นะ แค่ร่างกายผมไม่ถูกกับหน้าหนาวก็แย่พอแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก”

                           “ฮ่า ๆ ครับ... ผมเข้าใจแล้ว” ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นั่ง ลู่หานเงยหน้ามองตาม ไม่เข้าใจนิดหน่อยที่อยู่ ๆ อาจารย์ของเขาก็ลุกขึ้นกะทันหัน “แต่คุณโยนโอกาสทิ้งเพราะเรื่องพวกนั้นมันก็ไม่ดีเลยนะ”

                           “โอกาสเหรอครับ?”

                           อี้ฝานพยักหน้า

                           “หลังจากเกิดเรื่องพวกนั้น ผมคิดเสมอครับว่าชีวิตของผมจะดิ่งลงเหวเมื่อถึงเวลานี้” ลู่หานแก้ต่าง

                           “งั้นคุณอยากลองเปลี่ยนความคิดดูไหมล่ะครับ ถ้าหากคุณไม่อยากฝังตัวเองเอาไว้กับอดีต” อาจารย์หนุ่มย่อตัวลงนั่งตรงหน้าลู่หาน คลี่ยิ้มเอ็นดูเหมือนคนตัวเล็กหน้าเหวอ

                           “อ...อาจารย์นั่งทำไมครับ ลุกเร็ว”

                           “ตอนนี้นอกเวลาเรียนนะ ลู่หาน” สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้คนถูกเรียกถึงกับทำหน้าไม่ถูก ลู่หานรู้ตัวว่าตอนนี้เขาคงกำลังทำหน้าตาประหลาดมาก ๆ อาจารย์ของเขาถึงได้เอาแต่ยิ้มแบบนี้ “ถ้าผม ไม่สิ ถ้าพี่ให้ลู่หานเรียกว่าพี่อี้ฝานล่ะ”

                           “แต่ว่า...”

                           “ตอนนี้เราไม่ใช่อาจารย์กับลูกศิษย์นะ พี่กับลู่หานแค่เป็นคนสองคนที่ออกมาเที่ยวด้วยกัน...”

                          

                           ลู่หานอาจจะกำลังละเมออยู่ก็ได้... ปลุกลู่หานที ...

     

                           “ว่าไง อยากลองเริ่มต้นมีฤดูหนาวที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดูหรือเปล่า...”

                           “ผม... อ... อาจารย์”

                           “แถวนี้ไม่มีมหาลัยเปิดนี่นา ลู่หานกำลังเรียกอาจารย์ที่ไหนเหรอ พี่ไม่เห็นนะ” อี้ฝานยิ้มกวน ๆ ให้ นึกชอบใจใบหน้าแสนหวานที่กำลังขึ้นสีอย่างน่ารัก “ถ้าพี่ไม่ได้คิดไปเองว่าลู่หานชอบพี่ สิ่งที่ลู่หานกำลังคิดตอนนี้ก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน”

     

                           พูดอย่างกับรู้ว่าเขากำลังสับสน...

     

                           “พี่อี้ฝาน...”

                           “เริ่มต้นตั้งแต่คริสมาสต์ปีนี้ มันจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่าเจ็บใจหรือไม่น่าคิดถึงอีกต่อไป...” อี้ฝานไม่รู้ว่ามันจะเป็นการรวบรัดเกินไปหรือไม่ เขารู้เพียงแค่ว่าเขาจะไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ อีก และจะไม่ยอมให้ลู่หานวิ่งหนีเพราะความกลัวที่ฝังอยู่ในใจอีกแล้ว “ไปฉลองด้วยกันนะ”

                           “แต่ว่า...”

                           “คริสมาสต์ปีนี้จะเป็นปีที่ดีของลู่หาน หมอดูอู๋อี้ฝานรับประกันเลยครับ”

     

                           พร้อมจะเริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุขและฤดูกาลแห่งความโรแมนติคไปด้วยกันหรือยัง?

                           ทิ้งความกลัวและความไม่มั่นใจเอาไว้ข้างหลัง แล้วสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกันดีกว่า...

     

     

                           เหมือนที่ลู่หานเลือกจะจับมือของอู๋อี้ฝานเอาไว้... เป็นสัญญาณบอกว่าเขาพร้อมจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่พ่ายแพ้กับเทสกาลแห่งความสุขอีกต่อไป

     

                           เพราะเขาจะเป็นหนึ่งในคนที่มีความสุขที่สุดในโลก จริง ๆ นะ

     

                                                                   

    -end-

     

                    สวัสดีค่ะ ~ ในที่สุดก็เขียนได้ก่อนกำหนดเดดไลน์ TT ชิล ๆ สบาย ๆ โน๊ะเรื่องนี้ 555555 ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันไหม แต่หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะ ฮื้อ ชอบไม่ชอบติดแท๊ก #fearlesskh #007fic กันน้า รออ่านอยู่น้า~ 5555555 อาจจะยังมีคำผิดอยู่บ้าง เดี๋ยวเราจะกลับมาแก้ไขน้า ชุ้บ ๆ

                    หวังว่าทุกคนจะสนับสนุนแล้วก็ชอบผลงานทุก ๆ เรื่องของโปรเจ็คนี้กันเลยนะคะ >< 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×