คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : || 50% || 25th of December (by Leeplay42)
25th of December
.
ผมสาบานได้ว่าวันนี้คือวันที่ 20 เดือนเมษายน ซึ่งเป็นหน้าร้อน...
และผมก็สาบานได้เลยว่าสิ่งที่กำลังร่วงปรอย ๆ ลงมาจากท้องฟ้าต่อหน้าต่อตา ณ ตอนนี้มันคือ...
'หิมะ'
________________________________________
December 24th, 2014
สีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในชนบทดูสวยงามแต่กลับให้ความรู้สึกว่างเปล่าไปในเวลาเดียวกัน ดอกไม้ใบหญ้าตามพื้นดินถูกกลบด้วยหิมะที่สูงและหนาจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งส่วนยอดของใบ ดวงอาทิตย์นั้นยังไม่ตื่นจากนิทราอันแสนยาวนานทำให้ที่ทางโดยรอบนั้นยังไม่สว่างดีนักหากปราศจากแสงไฟของเสาไฟฟ้า ความเงียบสงัดของช่วงเวลาใกล้รุ่งเป็นเหตุให้เสียงสายลมของหน้าหนาวที่พัดผ่านไปเด่นชัดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
ฝ่ามือหนาเลื่อนประตูกระจกออกราวกับไม่เกรงกลัวต่อสายลมแห่งความหนาวที่ปะทะเข้ากับร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาคมจับจ้องไปที่กองหิมะสูงพะเนินอย่างผิดปกติด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่กระนั้นสีหน้าของเขาที่แสดงออกมาก็ยังคงเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย
อู๋อี้ฝาน 'เห็น' หิมะเริ่มตกเมื่อวันที่ 20 เมษายนของปีเดียวกัน แน่นอนว่าเดือนเมษายนนั้นเป็นหน้าร้อน ซึ่งวันนั้นอากาศเองก็ค่อนข้างร้อนมากตามปกติของฤดูกาล แต่อี้ฝานก็สาบานต่อพระเจ้าทุกองค์ในโลกได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือหิมะจริง ๆ
หิมะที่อี้ฝานเห็นตกลงบริเวณเล็ก ๆ ในสวนหลังบ้านของเขา ขนาดความกว้างประมาณคนตัวเล็ก ๆ สามารถลงไปนอนขดได้ ครั้งแรกที่อี้ฝานเห็นหิมะกำลังตกต่อหน้าต่อตานั้นเขารู้สึกตกใจจนแทบจะไปแจ้งตำรวจด้วยซ้ำ แต่เมื่อคิดดูอีกทีว่าตำรวจหรือใครก็ตามไม่สามารถช่วยเขาได้ความคิดนั้นก็เป็นอันตกไป และที่เขารู้สึกกลัวก็เป็นเพียงแค่สามวันแรกเท่านั้น
อี้ฝานไม่ได้เข้าใกล้มัน ไม่เข้าไปสัมผัส ได้แต่ปล่อยให้หิมะหน้าร้อนที่ว่าตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างเงียบเชียบต่อไป
ที่สำคัญไปกว่านั้น คนอื่น ๆ ไม่มีใครซักคนเลยที่มองเห็น มีเขาเพียงคนเดียวที่เห็นหิมะนั่น เพราะฉะนั้นอี้ฝานจึงเก็บความสงสัยของตนเอาไว้ในใจโดยที่ไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับใครเพราะกลัวจะถูกหาว่าเป็นคนบ้า
อี้ฝานยืนยันได้ว่าตัวเองไม่ได้บ้า เขาเห็นมันจริง ๆ
หลังจากวันนั้นกาลเวลาก็ค่อย ๆ ล่วงเลยไป อี้ฝานมักจะตื่นขึ้นมามองบริเวณที่หิมะตกทุกเช้า มันตกลงมาเพิ่มขึ้นทุกวันแม้จะเป็นฤดูร้อน ไล่ไปถึงฤดูใบไม้ร่วง และสิ้นสุดลงในฤดูหนาวเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม หรือก็คือวันนี้
ชายหนุ่มร่างสูงชะลูดกอดอกยืนพิงกับบานประตูนิ่ง ๆ ร่วมหลายนาที ดวงตาของเขายังคงจ้องมองไปที่กองหิมะตรงหน้าไม่ละไปไหน จนกระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์ค่อย ๆ สาดส่องไปทั่วบริเวณจนเห็นเกล็ดหิมะสีขาวเป็นประกายระยิบระยับราวกับอัญมณี
ขายาวก้าวตรงไปใส่รองเท้าบูทหนังสีดำเก่า ๆ และเดินลุยลงไปบนพื้นหิมะสูง ก่อนจะหยุดลงตรงกองหิมะที่นูนขึ้นมามากกว่าบริเวณพื้นโดยรอบ ฝ่ามือที่สวมถุงมือไหมพรมสีเลือดหมูเอาไว้นั้นปัดกวาดผิวหน้าของกองหิมะที่ว่าออกเบา ๆ
เมื่อใช้มือเกลี่ยไปเรื่อย ๆ กองหิมะตรงหน้าก็เริ่มมีรูปร่างที่คุ้นตามากขึ้น ส่วนบนที่ยาวพับงออยู่ดูเหมือนแขนคน และเหนือส่วนนั้นไปก็เป็นทรงกลมคล้ายศีรษะ อี้ฝานชะงักมือทั้งสองข้างไปครู่หนึ่งก่อนจะปัดหิมะออกให้หมดอย่างเร่งรีบ
ความกลัวและความตื่นเต้นที่ทวีคูณขึ้นส่งผลกระทบต่อหัวใจโดยตรง ฝ่ามือเรียวยาวสั่นอย่างไม่สามารถห้ามได้ หากแต่ไม่ได้เป็นเพราะความหนาวเย็นเพียงอย่างเดียว ในตอนที่เห็นว่า 'สิ่งนั้น' ที่ถูกเขากำลังปัดกวาดหิมะรอบ ๆ ออกเริ่มมีรูปร่างคล้ายกับ 'มนุษย์' ที่นอนขดตัวอยู่ อี้ฝานก็ใช้สองแขนดึง 'สิ่งนั้น'ออกมาจากกองหิมะด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
และ 'สิ่งนั้น' มันก็คือ...
"เฮ้ย!!" เสียงอุทานถูกเปล่งออกมาด้วยความตกใจ สองแขนแกร่งสะบัดร่างนั้นออกจากตัวทันทีที่ได้เห็น 'สิ่งนั้น' ชัดเจนเต็มสองตา
เป็นไปอย่างที่คาดเดาเอาไว้ สิ่งที่หลับใหลอยู่ใต้กองหิมะนั่นคือมนุษย์จริง ๆ ทั้งใบหน้าและร่างกายไม่ว่าจะมองยังไงก็คือเด็กหนุ่มตัวเล็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาชัด ๆ
ใบหน้ากลมนวลสีขาวกลืนไปกับหิมะ กลุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มสีเดียวกับเรียวคิ้วสวย ดวงตากลมปิดสนิทประกอบกับแพขนตายาวดูราวกับเด็กหญิง พ่วงด้วยจมูกเล็ก ๆ และริมฝีปากสีชมพูอ่อนน่าเอ็นดู อี้ฝานเกือบคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงถ้าหากไม่เห็นร่างกายท่อนล่างที่เปลือยเปล่าซะก่อน
อย่างที่ว่า...เด็กคนนี้ไม่มีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกายอยู่เลยซักชิ้น ความคิดแว๊บแรกของอี้ฝานคือเด็กคนนี้อาจจะเป็นศพที่ถูกใครซักคนเอามาทิ้งไว้ แต่เพราะควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากจมูกรั้นทำให้ความคิดนั้นเป็นอันตกไป
เด็กคนนี้คือตัวอะไรกันแน่ จะใช่มนุษย์อย่างที่เห็นรึเปล่า ทำไมถึงได้มีชีวิตอยู่ทั้ง ๆ ที่นอนจมอยู่ใต้หิมะแบบนี้
หรือว่าเด็กคนนี้จะเกิดมาจากหิมะ...
สองมือของอี้ฝานหยิกแก้มของตัวเองแรง ๆ หลายครั้งเพื่อปลุกให้ตนตื่นจากความฝัน แต่สิ่งที่ตามมาก็มีเพียงอาการปวดที่ข้างแก้มเท่านั้น เพราะเขาไม่ได้กำลังฝัน แต่สิ่งที่เห็นนั้นคือเรื่องจริง
ทันใดนั้นเปลือกตาสีขาวซีดก็ขยับเล็กน้อย อี้ฝานสะดุ้งเฮือกก่อนจะเข้าไปใกล้เด็กคนนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ดวงตากลมค่อย ๆ ปรือขึ้นและกะพริบถี่ ๆ จากนั้นจึงได้กรอกตากวาดมองไปทั่วบริเวณและในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ดวงตาคมของอี้ฝาน
"ส...สวัสดี..." เสียงทุ้มเอ่ยทักออกไปหลังจากที่จ้องตากับอีกฝ่ายอยู่นาน
"...ซา...ซาหวาด...ดี...?" เจ้าของดวงตาใสทวนคำพูดของอี้ฝานราวกับไม่เข้าใจภาษา เสียงเล็ก ๆ ที่แหบพร่าประกอบกับดวงหน้าไร้เดียงสาช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
น่ารัก...น่ารักมาก ๆ
อี้ฝานเงยหน้าขึ้นมองผ่านรั้วสูงของสวนหลังบ้านว่ามีใครผ่านไปผ่านมารึเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้เขาจึงถอดเสื้อโค้ทของตัวเองออกแล้วเอาไปคลุมร่างของเด็กชายตรงหน้า จากนั้นก็ช้อนร่างเล็ก ๆ แล้วอุ้มเข้าบ้านของตัวเองไป
กายเย็นเฉียบตั้งแต่เส้นผมจนกระทั่งปลายเท้า เป็นสิ่งเดียวที่สามารถสัมผัสได้จากเด็กผู้ชายในอ้อมแขน
อี้ฝานวางเด็กคนนั้นลงที่โซฟานุ่มใกล้กับฮีตเตอร์ ส่วนตัวเขาก็รีบรุดขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองเพื่อหาเสื้อผ้ามาให้เด็กชายตัวเล็กได้ใส่
เสื้อผ้าหลากหลายแบบและสีถูกหอบเข้ามาไว้เต็มห้วงแขน เพราะกลัวว่าเด็กคนนั้นจะหนาวจากการที่ต้องนอนตากหิมะเป็นเวลานานเขาจึงไม่ได้เลือกมากนัก อี้ฝานก็แค่หยิบ ๆ ออกมาจากตู้เสื้อผ้าและรีบเดินฉับ ๆ ลงจากบันไดด้วยความร้อนใจ
แต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่ได้นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม เหลือเพียงแต่แอ่งน้ำใส ๆ กระจายวงกว้างยาวไปถึงทางเดินไปที่หลังบ้าน เมื่อตามไปดูก็พบว่าเด็กผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งกอดเข่านิ่ง ๆ ในเสื้อโค้ทหนาที่เปียกชุ่มของอี้ฝาน ตรงนั้นคือประตูกระจกที่สามารถมองออกไปเห็นวิวหิมะที่สวนหลังบ้าน เป็นที่เดียวกับที่ที่อี้ฝานมายืนมองกองหิมะเมื่อตอนเช้า
ในตอนนั้นดวงตาคมดุก็เบิกกว้างกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า เขาสาบานได้ว่าไม่ได้ตาฝาดที่ได้เห็นเนื้อกายสีขาวราวกับเกล็ดหิมะกำลังละลายและกลายเป็นน้ำ
"นี่นาย! เป็นอะไรน่ะ!" อี้ฝานทิ้งกองเสื้อผ้าในแขนลงกับพื้นแล้วรุดเข้าหาเด็กคนนั้นแทบจะทันที
เรียวนิ้วเล็กทั้งห้าสัมผัสเข้ากับกระจกใสพร้อมกับดวงตาประกายน้ำที่หันมาสบตาอี้ฝานอย่างอ้อนวอน เสียงเล็กดังอื้ออึงในลำคอราวกับอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่รู้จะเรียบเรียงให้เป็นภาษายังไง
แม้อี้ฝานจะไม่เข้าใจแต่เขาก็เลื่อนประตูกระจกนั่นออก ลมหนาวที่พัดเข้ามาปะทะร่างทั้งสองมีเพียงอี้ฝานคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกเย็นเยียบซะจนเผลอห่อไหล่ของตัวเองแน่น
เด็กชายร่างเล็กทิ้งเสื้อโค้ทของอี้ฝาน คลานออกไปคลุกตัวกับหิมะและนอนขดอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน เจ้าของดวงตาคมเข้มได้แต่มองด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย
อี้ฝานพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไม่ให้โหวกเหวกโวยวายอะไรออกไปถึงแม้ว่าตัวเขาจะรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากก็ตาม เขารู้ว่าสิ่งที่กำลังเจอนั้นไม่ใช่เรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ประสบกัน เขารู้...ว่าตัวเองไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับเด็กผู้ชายที่เป็น 'มนุษย์'
ที่จริงอี้ฝานอาจจะทิ้งความตกใจทั้งหมดไปตั้งแต่ได้เห็นหิมะเริ่มตกในหน้าร้อนแล้วก็เป็นได้
เพราะเริ่มที่จะหมดซึ่งความตื่นตระหนกและหวาดกลัวใด ๆ อี้ฝานก็พยายามทำตัวตามปกติโดยที่คิดซะว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กหลงทางที่ไม่สามารถพูดภาษาจีนได้ เขาเข้าบ้านไปและหยิบเสื้อโค้ทตัวใหม่ออกมาใส่ก่อนจะออกไปที่สวนหลังบ้านอีกครั้ง
"ไม่หนาวบ้างรึไง" ร่างสูงทรุดลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเด็กคนนั้นพลางพูดออกไปด้วยความประหลาดใจ
นอนอยู่บนหิมะด้วยร่างเปลือยเปล่าแล้วไม่หนาวรึไงกันนะ? จะให้จิตนาการยังไงก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นอย่างไร
"หื้อ...? ม่าย...หนาว...บ้าง....งาย" ริมฝีปากอิ่มขยับและเปล่งเสียงตามคำพูดของอี้ฝานด้วยความใสซื่อ
ในห้วงความคิดของอี้ฝานนั้นว่างเปล่า เขาจำเป็นจะต้องสอนให้เด็กคนนี้พูดให้ได้ เวลาที่สื่อสารจะได้เข้าใจกันบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
'เริ่มจาก...คำง่าย ๆ ก่อนก็แล้วกัน'
มือหนาถอดถุงมือของตัวเองออกและคว้าสองมือเล็กของเด็กชายตรงหน้าขึ้นมากุม ฝ่ามือบางที่เย็นเฉียบทำให้อี้ฝานรู้สึกเจ็บราวกับตอนที่ถูกหิมะกัด
"อุ่น" เสียงทุ้มนุ่มพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำและหนักแน่น
"...อุ่น? อู่นนน...อุ่น..." เมื่อเด็กคนนั้นพูดตาม อี้ฝานก็ปล่อยมือของเขาออก
"ไม่อุ่น-ก็คือ-หนาว"
"...ม่ายอุ่น...เหนา...หนาว...?"
จากนั้นอี้ฝานก็จับมือของเด็กชายหน้าหวานตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นว่า 'อุ่น' และเมื่อปล่อยมือก็พูดว่า 'หนาว' ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนอีกฝ่ายเริ่มที่จะจำได้ ในที่สุดคนที่เป็นฝ่ายพูดว่า 'อุ่น' หรือ 'หนาว' ก็คือเด็กคนนั้น
คำต่อไปที่อี้ฝานอยากจะสอนก็คือชื่อของเขาและชื่อของเด็กคนนี้ ซึ่งอี้ฝานก็คงจะต้องเป็นฝ่ายตั้งให้ด้วยตัวเอง
อย่างกับลูกนกที่อาศัยอยู่ข้างในไข่ใบโต ไม่รู้ภาษาและการใช้ชีวิต...ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เหลือเพียงแค่สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเท่านั้น
"อู๋-อี้-ฝาน" เจ้าของชื่อพูดอย่างช้า ๆ พลางใช้นิ้วชี้เข้าหาตัวเอง
"อู...อู๋...อูฟาน...อูฝาน"
"อู๋-อี้-ฝาน"
"อ...อู๋...อี้...ฝานนน ฮิๆๆ อู๋...อี้ฝานนน" พูดไปพลางใช้มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างตีเบา ๆ ที่แก้มของอี้ฝาน
เย็น...อย่างกับหิมะ แต่ก็เป็นสัมผัสที่ทำให้รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด กลิ่นกลายหอมคล้ายกับกลิ่นดอกไอริสกระจายฟุ้งและได้กลิ่นชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามที่ได้เข้าใกล้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า
ฝ่ามือบางลดต่ำลงมากุมมือของอี้ฝานเอาไว้ รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ถูกระบายออกมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับคำพูดเบา ๆ ที่แสนจะธรรมดา แต่กลับทำให้อี้ฝานหัวใจเต้นรัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"อี้ฝาน...อุ่น"
น่ารักจนอยากจะคว้ามากอดแน่น หากไม่ติดที่ว่าเด็กคนนี้ยังเป็นคนแปลกหน้าเขาก็คงจะทำตามความคิดของตัวเองไปแล้ว
ดวงตาใสประกายน้ำที่สะท้อนภาพของอู๋อี้ฝานในยามนี้ทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังจดจ้องไปที่ลูกแก้วใสอย่างไม่วางตา ในตอนนี้เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นตัวอะไรกันแน่ รู้แค่ว่าเด็กคนนี้น่ารักจนเกินกว่าจะห้ามใจ น่ารักซะจนอวัยวะที่หน้าอกข้างซ้ายทำงานอย่างหนักหน่วง เป็นความรู้สึกประหลาดราวกับเคยสัมผัสมาก่อน เพียงแต่เขาจำไม่ได้และไม่รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงแค่จินตนาการ
หัวใจเต้นแรงกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก มันเป็นไปได้จริง ๆ หรือไม่อี้ฝานเองก็ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจได้เช่นกัน
บางที...มันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาก่อน
บางที...เขาอาจจะเคย...
ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านมาหยุดอยู่เกือบจะเหนือศีรษะ แต่ก็ถูกเมฆสีครึ้มบดบังแทบจะทันที ลมหนาวที่พัดผ่านอยู่ตลอดเวลาหอบเอากลิ่นกิ่งไม้แห้ง ๆ ของฤดูหนาวโชยมาอ่อน ๆ
ความหอมของดอกไอริสจากเด็กชายปริศนาเองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สายลมนั้นพัดโชยมา
เวลาที่ยังคงเดินต่อไปในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงสายของวัน อี้ฝานไม่รู้ว่าเขาจ้องมองเด็กชายตรงหน้าเล่นหิมะมานานแค่ไหนแล้ว ราวกับถูกเสน่ห์ของรอยยิ้มอันแสนสดใสสะกดเอาไว้จนไม่สามารถละไปมองสิ่งอื่นใดได้อีกนอกซะจากดวงหน้าหวานของเด็กชายหิมะคนนั้น
เสียงเพลงจิงเกิลเบลที่คลอเบา ๆ จากอีกฝั่งของหมู่บ้านประสานกับเสียงหวิว ๆ ของสายลมทำให้อี้ฝานนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ และเขาก็เผลอคิดไปว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นของขวัญที่คุณลุงซานตาครอสส่งมาให้ คุณลุงใจดีที่เห็นชายหนุ่มตัวคนเดียวต้องอดทนต่อความโดดเดี่ยวมานับหลายปีจึงส่งเพื่อนมาให้เขาได้คลายเหงา
ช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านไป นอกจากจ้องมองศีรษะกลม ๆ ของเด็กประหลาดตรงหน้า อี้ฝานก็กำลังคิดว่าจะตั้งชื่อของเด็กคนนี้ว่าอะไรดี
ตอนนี้อยู่ในช่วงหน้าหนาว วันนี้ที่เขาพบเด็กคนนี้เป็นครั้งแรกก็เป็นวันคริสต์มาสอีฟ ถ้าหากพูดถึงวันอีฟล่ะก็สิ่งแรก ๆ ที่อี้ฝานนึกถึงก็คือถุงเท้า ปล่องไฟ และของขวัญ มีแต่สิ่งที่พอนำมาตั้งชื่อให้ใครซักคนแล้วฟังดูประหลาดทั้งนั้น
เขาไม่รู้ว่าจะได้อยู่กับเด็กชายปริศนานานแค่ไหน และถึงแม้การตั้งชื่อให้ราวกับกำลังสร้างความรู้สึกผูกมัดมันจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะถ้าหากใครคนนึงต้องจากไป...ในวันนั้นอีกฝ่ายก็คงจะเสียใจมากน่าดู แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรที่จะมีชื่อเรียกต่อกันอยู่ดี
และเพราะไม่รู้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันนานแค่ไหน อาจจะสั้นหรือยาวนานก็ได้ เด็กคนนั้นถึงต้องมีชื่อเรียก
'...ลู่หาน'
จู่ ๆ ชื่อนี้ก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของอี้ฝาน เขากำลังนึกถึงวันคริสต์มาสแล้วภาพกวางเรนเดียร์ก็แว๊บเข้ามาในหัว อีกอย่างดวงตาของเด็กคนนั้นก็กลมใสดูคล้ายกับลูกกวางตัวน้อย ๆ แต่เมื่อกระทบแสงอาทิตย์ก็กลับกลายเป็นลูกแก้วสีดำขลับทอประกายราวกับสปิเนล
ลู่หาน ที่แปลว่า 'กวางแห่งรุ่งอรุณ'
ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับเด็กคนนี้ซะเหลือเกิน
ว่าแล้วอี้ฝานก็ลุกขึ้นยืนและค่อย ๆ เดินตรงไปหาเด็กคนนั้น ยามที่ขยับร่างกายแต่ละครั้งทำให้อากาศเย็น ๆ พัดผ่านทั่วทั้งร่าง อี้ฝานรู้สึกหนาวราวกับอยู่ท่ามกลางหิมะโดยไร้ซึ่งอาภรณ์ทั้ง ๆ เขาใส่สเวตเตอร์หนา ๆ ตั้งสองชั้น ไหนจะเสื้อโค้ทและผ้าพันคอนั่นอีก
ขายาวทรุดลงนั่งยองตรงหน้าเด็กคนนั้นอีกครั้งของวัน เจ้าของใบหน้าหวานหันมาหาแล้วยิ้มให้อย่างไม่ประสีประสาก่อนจะเรียกชื่อของอี้ฝานราวกับอยากจะให้เข้าไปเล่นด้วย
"ฝาน...ฝาน...อี้ฝาน" เสียงเล็ก ๆ ถูกเปร่งออกมาเบา ๆ มือบางข้างซ้ายกระตุกชายเสื้อโค้ทสีเข้มพลางชี้ก้อนหิมะกลมหลายก้อนที่เรียงรายอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นอย่างไร้เดียงสา
อี้ฝานไม่ได้ให้ความสนใจกับหิมะที่เด็กคนนี้ปั้นซักเท่าไหร่ เพียงแค่รู้สึกเอ็นดูเล็กน้อย แต่นั่นก็สามารถทำให้เขาเผลออมยิ้มขึ้นมาบาง ๆ
"ลู่-หาน" ไม่พูดพล่ามทำเพลงให้เสียเวลา อี้ฝานสอนชื่อใหม่ที่เขาตั้งให้อย่างชัดถ้อยชัดคำทันที
"...หื้อ...?" เสียงขานรับที่ดังอื้ออึงอยู่ในลำคอประกอบกับใบหน้าหวานที่เอียงคอสงสัยนั้นดูราวกับการกระทำของตัวเด็กน้อย ๆ
"ลู่-หาน" อี้ฝานพูดย้ำอีกครั้งพลางชี้ไปที่ตัวเด็กคนนั้น
"...ลู...ลู่...ลู่..." ในยามที่ริมฝีปากเล็กสีชมพูอ่อนขยับตาม อี้ฝานก็แทบอยากจะเบือนหน้าหนีเพราะกลัวว่าจะอดใจต่อเด็กชายน่ารักที่กำลังทำปากจู๋ตรงหน้าไม่ไหว
ช่างน่าลิ้มลอง แค่ได้มองเห็นด้วยตาก็รู้สึกถึงความหวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ริมฝีปากบางได้รูปสีสวยคล้ายลูกกวาดยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูทุกครั้งยามที่ขยับเจื้อยแจ้ว ถึงแม้สิ่งที่เปล่งออกมาจะมีแค่คำว่า 'อี้ฝาน' 'อุ่น' หรือ 'หนาว' ก็ตาม
"ลู่-หาน" เป็นครั้งที่สามที่อี้ฝานพูดออกไป เพราะเด็กชายหน้าหวานนั้นพูดได้แต่คำว่า 'ลู่' ซ้ำไปซ้ำมาหลายหน
"...ลู่...ลู...ลู่...ห่านนน...ลู่ห่านนน" ในที่สุดชื่อลู่หานก็ถูกเปล่งออกมาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะออกเสียงเพี้ยนไปนิดหน่อยแต่ก็ทำให้อี้ฝานยิ้มกว้างออกมา
"ลู่-หาน ลู่-หาน" คราวนี้เขาพูดย้ำถึงสองครั้งติด ๆ กัน เจ้าของดวงตาใสจ้องริมฝีปากหนาเขม็งและพูดตาม
"ลู่! หานนนนน" ลากเสียงยาวในคำว่า 'หาน' ที่ออกเสียงได้ถูกต้องพลางหยิบหิมะตรงพื้นแถวนั้นเอามาไว้ในกำมือแล้วโยนขึ้นฟ้าคล้ายกับกำลังทำหิมะตกปลอม ๆ
เกล็ดน้ำแข็งสีใสที่ทับถมกันจนกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ถูกโยนขึ้นฟ้าและร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงอีกครั้งและอีกครั้งด้วยฝีมือของเด็กน้อยจอมซนอย่างลู่หาน อี้ฝานมองการกระทำที่ราวกับเด็กนั่นแล้วก็นึกสนุกอยากเล่นด้วยขึ้นมา ทั้งสองจึงเล่นหิมะด้วยกันอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเสียงท้องของอี้ฝานร้องขึ้น
ดวงอาทิตย์คล้อยเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก ตอนนี้ก็คงจะอยู่ในช่วงบ่าย อาหารเช้าของอี้ฝานที่มีเพียงแค่กาแฟแก้วนึงกับขนมปังอีกแผ่นดูท่าทางจะย่อยไปเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ในใจอยากจะเล่นกับลู่หานต่อแต่ความต้องการนั้นก็เอาชนะความหิวไม่ได้อยู่ดี
ขายาวยันตัวเองลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เด็กชายตัวเล็กมองตามนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ดวงตาใสยังคงจับจ้องไปยังตุ๊กตาหิมะตัวเล็กมากมายที่เขาปั้นเล่นกับอี้ฝานเมื่อครู่ และฝ่ามือบางทั้งสองก็โกยหิมะรอบข้างเพื่อที่จะปั้นตุ๊กตาหิมะเพิ่ม
เมื่อเห็นดังนั้นอี้ฝานจึงกะว่าจะเข้าไปกินมื้อกลางวันควบกับมื้อเย็นและทำส่วนของลู่หานเผื่อเอาไว้ด้วย เขาไม่รู้ว่าสิ่งประหลาดอย่างลู่หานจะกินอะไร อาจจะเป็นเนื้อดิบเหมือนมนุษย์หมาป่าหรือเลือดสด ๆ เหมือนกับแวมไพร์ เพราะลู่หานเองก็คงไม่ใช่มนุษย์ คงต้องกินอะไรแปลก ๆ อยู่แล้วในความคิดของอี้ฝาน
ไม่นานนักเจ้าของท่อนขายาวก็เดินทอดน่องมาถึงห้องครัว อี้ฝานนำวัตถุดิบออกมาจากตู้เย็นเพื่อทำข้าวผัดไข่จานด่วน พอผัดเสร็จแล้วก็นั่งกินอย่างเงียบ ๆ ดังเช่นทุกวัน
หลังจากจัดการกับมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อยเขาก็เอาจานไปแช่น้ำเอาไว้ที่ในอ่างล้างจาน จากนั้นชงโกโก้ร้อนแก้วนึงก่อนจะเดินออกไปยังสวนหลังบ้านโดยไม่ลืมที่จะหยิบคูลเลอร์บ็อกซ์และเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางติดมือไปด้วย
ถึงเด็กชายประหลาดคนนั้นจะสามารถเปลือยกายท่ามกลางหิมะได้ราวกับไม่รู้จักความหนาวเย็น อี้ฝานก็อยากให้มีเครื่องนุ่งห่มซักชิ้นห่อหุ้มร่างเอาไว้บ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวลู่หานเอง
เพราะอี้ฝานก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถหักห้ามใจที่ต้องเห็นเนื้อกายนวลเนียนเปลือยเปล่าแต่ไม่สามารถทำอะไรได้นานแค่ไหน
ประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดอีกครั้งของวัน เมื่อโกโก้ร้อนถูกเข้ากับอากาศเย็น ๆ ควันสีขาวก็ยิ่งพวยพุ่งออกมาจากแก้วหูจับสีชาจนตีเข้ากับรูปหน้ายาวของอี้ฝาน เขาวางแก้วที่ว่าเอาไว้ตรงบันไดเล็ก ๆ ที่เป็นทางลงไปยังสวนก่อนจะตรงไปหาลู่หานที่ยังคงนั่งเล่นหิมะราวกับไม่รู้เบื่อ
เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกจับให้คลุมศีรษะกลมจนมิดไปถึงสะโพก ในตอนแรกที่อี้ฝานหาคอเสื้อให้สวมไม่เจอนั้น หัวโต ๆ ของลู่หานก็สะบัดซ้ายทีขวาทีอย่างตื่นตระหนก ดูน่าขันซะจนทำให้อี้ฝานหัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อใส่เสื้อให้เสร็จเรียบร้อยแล้วลู่หานก็ทำหน้าบูดใส่อี้ฝานนิดหน่อยก่อนจะหันไปสนใจตุ๊กตาหิมะที่ตนกำลังปั้นต่อ ร่างสูงอมยิ้มและเดินไปเอาแก้วโกโก้ที่ตอนนี้เย็นลงมากแต่ก็ยังรู้สึกอุ่น ๆ และเมื่อกลับไปทรุดตัวลงนั่งยองใกล้กับลู่หานแล้วเขาก็ยื่นแก้วนั่นให้
มือบางสีขาวซีดรับไปพลางเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชัง ปลายนิ้วเรียวเริ่มละลายลงเล็กน้อย ลู่หานกระดกแก้วดื่มและผละออกมาแทบจะทันที
"...อุ่น...อุ่น..." เสียงเล็กพูดขึ้นด้วยใบหน้าหยี ๆ
"ร้อน ถ้าแบบนี้เขาเรียกว่าร้อน ร้อน ร้อน" อี้ฝานเข้าใจว่าลู่หานที่รู้จักแต่คำว่าอุ่นนั้นเข้าใจผิดว่าความรู้สึกตอนที่โกโก้อุ่น ๆ สัมผัสกับลิ้นนั้นเรียกว่า 'อุ่น' เขาจึงสอนคำว่า 'ร้อน' ให้ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
"ร้อน...นี้ ร้อน" นิ้วเล็กชี้ของเหลวในแก้วสีชาก่อนจะเปลี่ยนมาชี้ที่อี้ฝาน "นี้ อุ่น อี้ฝานอุ่น"
เป็นอีกครั้งของวันที่รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าดุของอี้ฝาน เขารับแก้วโกโก้คืนมาและจูงมือลู่หานให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน
เครื่องดื่มในแก้วน้ำสีชาที่ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยนั้นได้กลายเป็นโกโก้เย็นเพราะถูกความเย็นจากมือของลู่หาน อี้ฝานที่นั่งอยู่ข้างฮีตเตอร์อุ่น ๆ ดื่มมันจนหมดภายในรวดเดียวก่อนจะนำแก้วนั้นไปแช่ในอ่างล้างจาน เขาเดินกลับไปนั่งที่เดิมโดยหันโซฟาไปยังมุมที่สามารถมองเห็นประตูหลังบ้านได้ ลู่หานที่ยังคงนั่งมองวิวหิมะภายนอกอย่างเงียบงันนั้นจึงอยู่ในสายตาของอี้ฝานตลอดเวลา
วันนั้นเป็น 'วันแรกที่พวกเขาเจอกัน' ในความคิดของอี้ฝาน
วันที่ 24 ธันวาคม ปีคริสตศักราช 2014
December 24th, 2014
ครั้งที่ 2
ดวงตาคมเปิดขึ้นในตอนรุ่งสางของเช้าอีกวัน เขามองไปยังประตูกระจกหลังบ้านแต่ก็ไม่พบลู่หานอยู่แถวนั้นตามที่คาดเอาไว้ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาเป็นคนอุ้มไปนอนบนเตียงที่ชั้นสอง ส่วนตัวเองก็ลงมานั่งอ่านหนังสือข้างล่างจนกระทั่งผล็อยหลับไป
อี้ฝานจำได้ว่าครั้งแรกที่พาลู่หานเข้ามาในบ้าน ร่างกายอันแสนเปราะบางได้ละลายและกลายเป็นน้ำ ครั้งนี้เขาจึงเปิดแอร์ในห้องนอนแทนที่จะเป็นฮีตเตอร์ และอีกอย่างครั้งนี้ลู่หานไม่มีทางละลายแน่นอน นั่นก็เพราะว่า...
ไข่ดาวสองฟองและไส้กรอกชิ้นพอดีคำสี่ชิ้นที่ถูกทอดด้วยไฟอ่อนบนกระทะไนลอนถูกฝาใสครอบทับนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ขนมปังสองแผ่นเด้งออกมาจากเครื่องปิ้งขนมปัง ชายหนุ่มร่างสูงจัดการทาเนยและนำไปวางบนจานพร้อมกับนมเย็น ๆ ที่ถูกรินใส่แก้วสองใบบนโต๊ะกินข้าว
เมื่อไข่ดาวเริ่มสุกดีอี้ฝานก็ปิดไฟและตักออกไปใส่จานทั้งสองที่ถูกวางตรงข้ามกัน และพอเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยเขาถึงได้ขึ้นไปพาลู่หานลงมา
ทันทีที่เด็กหนุ่มตัวเล็กหย่อนสะโพกลงนั่งกับเก้าอี้สีหม่น ดวงตาใสก็จับจ้องไปยังอาหารตรงหน้าก่อนจะมองดูการกระทำของอี้ฝาน และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าลู่หานต้องถือช้อนส้อมไม่เป็น เขาจึงเอื้อมไปจับมือเย็น ๆ แล้วนำช้อนกับส้อมให้ลู่หานถือเอาไว้ก่อนจะชักมือกลับมา จากนั้นจึงค่อย ๆ ละเลียดอาหารเช้าตรงหน้าอย่างใจเย็นโดยรอให้เด็กชายหิมะทำตามได้ทัน
ใช้เวลาไปนานพอสมควรกับการจัดการกับมื้ออาหารเช้า ในตอนที่อี้ฝานวางช้อนส้อมลงลู่หานเองก็วางลงเช่นกัน จากนั้นถึงได้วิ่งเหยาะ ๆ ไปยังประตูหลังบ้าน โดยปล่อยให้ร่างสูงเจ้าของบ้านเทอาหารเช้าในจานอีกใบทิ้งและล้างจานกับแก้วอยู่เพียงคนเดียว
ชีวิตประจำวันของอี้ฝานไม่มีอะไรมาก แค่นั่งอ่านหนังสือนวนิยายอย่างที่ชอบทั้งวันพลางจิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ ซักแก้ว หรือไม่ก็วาดรูปเป็นงานอดิเรกนาน ๆ ครั้ง แต่เจ้าตัวคิดว่าชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ ของเขานับจากนี้อาจจะกำลังเปลี่ยนไป
'ออกไปเล่นหิมะกับลู่หานจนกว่าจะหมดหน้าหนาว' อี้ฝานได้เพิ่มกิจวัตรประจำวันของเขาเอาไว้ในหัวเรียบร้อย
แต่ถ้าหากหมดหน้าหนาวแล้วลู่หานอาจจะละลาย เมื่อคิดถึงความจริงข้อนั้นขึ้นมาอี้ฝานเองก็รู้สึกโหวงเหวงในใจขึ้นมานิดหน่อย ปกติเขาต้องอยู่คนเดียวในบ้านกว้าง ๆ การที่ได้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาแบบนี้เป็นเรื่องที่เขาต้องการมาตลอด ไม่ว่าลู่หานจะเป็นตัวอะไรแต่อี้ฝานก็คิดว่าเขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ลู่หานได้อยู่กับเขาไปอีกเนิ่นนาน
นาน...มากกว่านี้
นาน...มากกว่าเดิม
นาน...มากกว่าที่เคยเป็น
"อี้ฝาน! อี้ฝาน! ลู่! ลู่!" เสียงแจ้วของลู่หานที่ดังมาจากหลังบ้านทำให้คนที่ถูกเรียกต้องละมือจากการล้างจานและสาวเท้ายาว ๆ ไปยังต้นเสียง
ลู่หานยังคงยืนอยู่ในบ้านโดยที่ไม่ได้เลื่อนประตูออกไปข้างนอกและชี้สิ่งที่เดินผ่านรั้วขนาดกลางที่อยู่นอกตัวบ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ
กวางฝูงเล็กที่ไม่น่าจะมีอยู่แถวนี้เดินผ่านรั้วบ้านไปราวกับเดินอยู่ป่าบ้านเกิด อี้ฝานเบิกตากว้างและมองตามเงียบ ๆ จนกระทั่งกวางตัวสุดท้ายได้เดินผ่านจนลับสายตาไป
เขาไม่ได้แปลกใจที่ลู่หานรู้ว่า 'ลู่' นั้นแปลว่ากวาง แต่เขากำลังทุ่มความฉงนใจไปในเรื่องที่ว่าทำไมถึงได้มีกวางมาเดินอยู่กลางเมืองแบบนี้ ถึงที่นี่จะเป็นชนบทยังไงก็ตาม แต่ใกล้ ๆ กันนี้ก็ไม่ได้มีภูเขาหรือป่าที่จะหาที่มาของเจ้ากวางพวกนั้นได้เลย
แปลก...
แต่สงสัยไปได้ไม่ทันไร ชายเสื้อของเขาก็ถูกกระตุกเบา ๆ ลู่หานทำหน้าออดอ้อนให้อี้ฝานเปิดประตูให้เพื่อที่จะได้ออกไปเล่นหิมะข้างนอก และไม่ปล่อยให้รอช้าเขาก็ทำตามคำขอร้องนั้นอย่างไม่อิดออด
ประตูกระจกถูกเลื่อนปิด อี้ฝานลากโซฟาตัวเล็กมาอยู่ตรงประตูบานที่ว่าและนำหนังสือที่อ่านค้างไว้กับชาร้อนมาตั้งที่โต๊ะเล็กที่ลากมาพร้อมกับโซฟา นั่งปักหลักอยู่ตรงนั้นพลางมองดูลู่หานที่เล่นหิมะอยู่ข้างนอกเป็นระยะ ๆ
เสียงเสียดสีของหน้ากระดาษที่ถูกเปลี่ยนไปบ่งบอกให้รู้ว่าภายในตัวบ้านนั้นเงียบสงัดแค่ไหน ถ้าหากไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วของลู่หานให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลาเขาก็คงคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวเหมือนกันวันที่ผ่าน ๆ มา
ก๊อก ๆ
เพราะอ่านหนังสือเพลิน อี้ฝานจึงไม่รู้สึกถึงเงาเล็ก ๆ ของลู่หานที่ตอนนี้มายืนเกาะกระจกอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มสดใสที่เสมือนเป็นดั่งเครื่องประดับที่ไม่สามารถถอดออกของเด็กหนุ่มหน้าหวานก็ยังดึงดูดสายตาของอี้ฝานได้เสมอ
"อี้ฝาน เล่นกัน" เสียงอู้อี้ที่ลอดผ่านกระจกหนาทำให้อี้ฝานรู้สึกฉงนอีกครั้ง
ลู่หานพูดชัดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพูดคำอื่นนอกจากที่เขาสอนได้ยังไง
แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะตัดความสงสัยออกไป เขาวางหนังสือในมือลงและออกไปเล่นหิมะกับลู่หานตามคำเรียกร้อง ถึงแม้จะไม่อยากออกไปเจออากาศหนาว ๆ แต่เพราะไม่สามารถปฏิเสธคำขอของลู่หานได้ ขายาวจึงเดินไปคว้าเสื้อโค้ทหนา ๆ และผ้าพันคอมาใส่เอาไว้ให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปเล่นหิมะกับเด็กน้อยไม่รู้จักโต
การละเล่นที่ไม่รู้ว่าสนุกยังไงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนอี้ฝานลืมเวลาอาหารกลางวันไปซะสนิท เป็นเพราะท่วงท่า น้ำเสียง ใบหน้า และทุก ๆ อย่างของลู่หานนั้นสะกดสายตาเอาไว้ ไม่สามารถละจากไปไหนราวกับลืมปัจจุบันไปชั่วขณะ
ดวงตะวันนั้นเคลื่อนที่ตามกาลเวลาจนใกล้จะลาลับขอบฟ้าเต็มที เพราะท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแสดและมืดลงทุก ๆ นาทีอี้ฝานจึงพาลู่หานเข้าบ้านเพื่อกินข้าวเย็นและเข้านอน
มื้อเย็นที่ผ่านพ้นไปนั้นก็เหมือนกันกับเมื่อเช้า ลู่หานที่เริ่มคุ้นชินกับบ้านหลังนี้แม้จะมาอยู่ได้แค่วันเดียวก็ไปรอที่บันไดอย่างรู้งาน พอเจ้าของบ้านล้างจานเสร็จก็เดินมาหาเด็กชายหิมะและจูงมือเย็น ๆ นั่นขึ้นบันไดไป
ห้องโล่ง ๆ ทึม ๆ ของอี้ฝานที่เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นสีกรมท่ายิ่งทำให้ดูทึบมากขึ้นไปอีก มีก็แต่หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับประตูที่จะมีแสงจากเสาไฟลอดผ่านมาอยู่ตลอดเวลา และสามารถมองลงไปเห็นวิวหิมะที่ปกคลุมไปทั่วทั้งสวนหลังบ้านอีกด้วย
ลู่หานจะไม่นอนบนเตียง แต่จะนอนตรงหน้าต่างที่มีพื้นที่ยื่นออกมาสำหรับนั่งเล่น อี้ฝานจึงพาคนตัวเล็กไปส่งตรงนั้น และก่อนที่จะเดินจากไปมือบางก็เอื้อมมากระตุกชายเสื้อของชายหนุ่มอีกครั้งของวัน
ดวงตากลมขลับสีดำสนิทจ้องลึกไปยังนัยน์ตาของอี้ฝาน สิ่งนั้นทำให้อวัยวะในอกข้างซ้ายของคนที่ถูกมองเต้นรัวขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
"อี้ฝาน พรุ่งนี้ก็มาเล่นด้วยกันอีกนะ"
'...อี้ฝาน พรุ่งนี้ไปเล่นด้วยกันนะ'
'ไม่ดีกว่า ฉันเหนื่อยแล้ว...อ่า คนเก่งครับ ไม่ดื้อนะ'
เสียงของคนสองคนที่ฟังดูคุ้นหูดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง แต่ดูเหมือนจะมีเพียงแค่เขาที่ได้ยิน ภาพตรงหน้าที่กำลังมองเห็นนั้นก็เบลอไปหมด หัวของเขาปวด...ที่แขนข้างซ้ายเองก็เช่นกัน
มันแปลก...มีบางอย่างผิดปกติ
อี้ฝานเดินโซซัดโซเซเพื่อออกจากห้องเผื่อว่าอาการจะดีขึ้น เพราะเขามีความรู้สึกว่าถ้าอยู่ในห้องนี้ต่อไปล่ะก็ต้องอาเจียนออกมาแน่ ๆ
ในระหว่างที่เดินปัดป่ายข้าวของเพื่อไปยังบานประตูตรงหน้า ฉับพลันดวงตาคมก็ไปสะดุดเข้ากับปฏิทินดิจิตอลที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงถัดจากนาฬิกา
'12.24.2014'
เดือนธันวาคม วันที่ 24 ปี 2014...นี่มัน...วันที่ของเมื่อวาน
ร่างสูงโปร่งรีบรุดเปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในห้องทันที โทรศัพท์มือถือและไอพอดทัชถูกเอาออกมาวางไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์และเปิดเข้าไปที่หน้าปฏิทิน
ในตอนแรกอี้ฝานคิดว่าปฏิทินดิจิตอลของเขาอาจจะเสีย แต่เมื่อลองเปิดดูในสมาร์ทโฟนหรือในคอมพิวเตอร์ วันที่ที่ปรากฏก็ยังเป็นวันที่ 24 ธันวาคม ปี 2014
เขาหันขวับไปยังสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องประหลาดทั้งหมด แต่ลู่หานก็ยังคงเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้เรื่องราวจนทำให้อี้ฝานคิดว่าต้นเหตุของเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นเพราะเด็กหนุ่มร่างเล็ก
ถ้าอย่างนั้นแล้วมันเป็นเพราะอะไร
คำถามมากมายเริ่มไหลเวียนเข้ามาในห้วงความคิด
ทำไม...หิมะถึงได้ตกเดือนเมษายน
ทำไม...ถึงได้มีความทรงจำแปลก ๆ ฝุดเข้ามาในหัว
ทำไม...ลู่หานถึงอยู่ท่ามกลางหิมะได้โดยไม่แข็งตาย
แล้วทำไม...วันนี้ยังเป็นวันที่ 24 ธันวาคม
- - - - - - - 50% - - - - - - -
ขอลงครึ่งแรกก่อนนะฮะว์ แต่งไม่ทันภารกิจเยอะ 555555555 ใกล้เรียนจบแล้วงานมันรุมเร้า แต่อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคฟิคที่รวบรวมไรท์เทพ(แต่เรากาก T-T)เอาไว้ 5555555
ลองเดากันได้เลยน้า ถึงคำถามที่เราฝากไว้
1. ทำไมมีแต่อี้ฝานเท่านั้นที่เห็นว่าหิมะตกเดือนเมษา
2. ทำไมลู่หานถึงแก้ผ้ากลางหิมะได้โดยไม่แข็งตาย
3. ทำไมวันที่ควรเป็นวันที่ 25 ถึงเป็นวันที่ 24
เราคิดว่าต้องมีคนเดาว่าเป็น 'สิ่งนั้น' ซึ่งเราขอบอกไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่ อาจจะเกือบถูกแต่ก็ยังไม่ใช่
'สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างสิ่งที่คิดเสมอไป'
งุ่ยยยยยยมีความลับ 5555555555
แท็กของฟิคเรื่องนี้ก็ >> #25thDecfic #007fic แท็กสองอันเลยยยยย แท็กด่าได้เน้อถ้าไม่ได้มาอัพต่อนานเกิน เราอาจจะติดงานติดเรียนไรงี้ TTTTTTTT
ปล. ตรงไหนอ่านติดๆขัดๆให้อภัยเราด้วย หรือไม่ก็เม้นบอกเลย เรารีบแต่งง่ะ 555555555
ปล.2 อ่านฟิคของพี่ไรท์ทั้ง 6 แล้วแบบ...... โอ่ย อายเลย เรื่องของเรามันไม่หนุกอ่ะ กากๆมึนๆ ดูแต่ละเรื่องจิ หนุกๆทั้งนั้น TTTTTTTTT
ปล.3 ขอขอบพระคุณพี่จ๋อมดูลิคนน่ารักที่ชักชวนให้เข้ามาเป็นหนึ่งของโปรเจคนี้นะงับ ถึงเราจะบ่นจะท้อใส่บ่อยๆแต่ก็ขอบคุณน้าาา ดีใจเมิ่กๆๆ จุ๊ฟ♡♡♡
ลงชื่อ Leeplay42 ฬีเง็งคนกากดองฟิคข้ามปี♡
ความคิดเห็น