ตอนที่ 16 : คนโง่ในกระจก
รามกร
ตอนที่ 14 คนโง่ในกระจก
ปัจจุบัน
ยศกรขับรถกลับบ้านหลังจากหาเรื่องตีกันกับพิมรักษณ์จนพอใจแล้ว ถึงภายนอกเขาจะยังดูเป็นมะยมตัวแสบ แต่ตอนนี้ภายในใจของเขาว้าวุ้นจนแทบจะจัดลำดับความคิดไม่ได้
เบื้องหน้า ในสายตาเป็นภาพท้ายรถเก๋งสีดำ แต่ในใจกลับเป็นภาพใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนที่ไม่เจอกันมาหลายเดือนแล้ว
รามกำลังจะมาทำงานกับพิมรักษณ์ เพื่อนสนิทของเขา หลังจากที่อีกฝ่ายหายเงียบไปเกือบปี อยู่ ๆ โลกก็เหวี่ยงให้วงจรชีวิตของทั้งสองคนเข้ามาใกล้กันอีกครั้ง
แต่มันก็แค่ใกล้ ไม่ได้หมายความว่าจะมาเป็นเส้นทางชีวิตเดียวกัน หรือบางทีตอนนี้...อาจจะกลายเป็นเส้นขนานไปแล้ว
ยศกรไม่รู้จะกล่าวโทษอะไรดีนอกจากตัวของเขาเอง การกระทำไร้เหตุผลที่ไม่รู้จักไตร่ตรองให้ดี ยามที่ต้องรับผลที่ทำเอาไว้จึงไม่สามารถฟูมหายหรือดิ้นรนอะไร นอกจากกอดความสิ้นหวังนั้นไว้กับตัวเอง ให้สาสมกับที่ทำร้ายใจคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมยังเป็นคนที่ให้ใจกับเขาด้วยความจริงใจอีกด้วย
หลังจากเรื่องคืนนั้น ยศกรตั้งใจจะติดต่อรามกลับไป และใช่เขาพยายามติดต่อ อย่างน้อยก็เช้าต่อมานั่นแหละที่พยายามโทรหา แต่อีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง แต่เมื่อตั้งใจว่าจะไปหาที่ห้อง ทั้งยังทำใจว่าหากไม่เจออาจจะต้องไปถึงที่ทำงาน กลายเป็นว่าเกิดเรื่องสำคัญขึ้นกับทางบ้านของเขาเสียก่อน
ธีร์ หรือพี่ธีร์ หนึ่งในประเด็นที่ทำให้เกิดการทะเลาะใหญ่โตติดต่อหายศกร อีกฝ่ายบอกเรื่องสำคัญที่ทำให้เขาไม่สามารถเมินเฉยได้ และจำเป็นต้องละทิ้งทุกอย่างเอาไว้ก่อน รีบเดินทางกลับสุโขทัยในวันนั้น
พ่อของยศกร... อาการทรุดหนัก
นายสุริยะ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
ธีร์คือญาติทางฝ่ายพ่อ มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับยศกร ตอนนี้รับหน้าที่ดูแลพ่อของเขา เพราะมะนาวหรือนีรชา ลูกสาวคนโตนั้นต้องมาช่วยผู้เป็นแม่อย่างประกายดูแลกิจการร้านผ้า
วาระสุดท้ายของสุริยะ อยากมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นต่าง ๆ ในชีวิตอย่างที่จังหวัดสุโขทัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความรัก ครอบครัว แม้ว่าจะเกิดเรื่องราวมากมาย แต่บั้นปลายได้หลับตาอย่างสงบ ณ ที่แห่งนี้ คือสิ่งที่เจ้าตัวต้องการ
ยศกรรีบเดินทางกลับสุโขทัย ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิดไว้มาก ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน แต่สุริยะก็จากไปในสัปดาห์ต่อมา ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทุกข์ทรมานอีกต่อไป คงเหลือไว้แค่ความทรงจำ
กว่าที่เรื่องของบิดาจะจัดการเรียบร้อย และธุระสำคัญอีกหลายอย่างที่ผู้เป็นลูกทั้งสองต้องจัดการจะเสร็จสิ้น ยศกรก็อยู่ที่สุโขทัยนานนับเดือน แม้จะพยายามมากแค่ไหน แต่ยศกรก็ยอมรับว่า ผู้เป็นแม่ทำให้เขาอึดอัดจนแทบอยากจะกลั้นหายใจตาย
ประกาย ไม่เคยให้อภัยใคร และที่ร้ายกว่านั้นคือไม่เคยคิดว่าหลากหลายเรื่องตนเองเป็นผู้ผิด ซ้ำยังคิดว่าทุกอย่างที่ตนเองคิดและทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ผู้เป็นแม่ย่อมรู้ดีแก่ใจว่ายศกรเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะหลอกตัวเองกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ไม่มีทางเป็นอย่างที่ใจของประกายต้องการ ยามนี้ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชายก็อยู่ในการควบคุมของเธอ
อย่างน้อยก็ต่อหน้าล่ะนะ
ยศกรและนีรชาวุ่นวายมากเกินจะหาเรื่องให้ประกายมาคอยตามคอยจับผิด โดยเฉพาะยศกร การกลับสุโขทัยครั้งก่อนหน้านี้ เขาหาข้ออ้างมากมายตอบผู้เป็นแม่ยามที่รามพยายามติดต่อเขา ไหนจะหาทางปลีกตัวไปเยี่ยมพ่อโดยไม่ให้ผู้เป็นแม่รู้
ในตอนนี้ยศกรไม่จำเป็นต้องคิดหาเหตุผลร้อยแปด... เพราะเขาไม่เหลือใครอีกแล้ว
นานนับเดือนกว่ายศกรจะตั้งหลักจากการสูญเสียครั้งนั้น เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพ สิ่งที่แรกที่เขาทำก็คือพยายามติดต่อหาราม ทั้งส่งข้อความ โทรหา แต่กลับไร้ซึ่งการตอบรับ เขาจึงตัดสินใจไปหาอีกฝ่ายที่ทำงาน เพราะน่าจะเป็นสถานที่ที่รามไม่สามารถหลบหน้าเขาได้ง่าย ๆ
เขาไม่เจอรามที่ทำงาน แต่ได้พบกับปัทมา... เพื่อนสาวคนสนิทของรามเพิ่มกลับมาทำงานได้ไม่นาน แถมยังเป็นการกลับมาก่อนกำหนดลาพักด้วย
เหตุผลน่ะหรือ...
เพราะหัวหน้าทีมอย่างราม ลาออกกะทันหันอย่างไรล่ะ
“รามไม่เคยบอกใครว่าคบกับใคร หรือบอกอะไรพวกพี่มากกว่ารู้สึกดีกับใครคนหนึ่ง ไอ้เพื่อนเวรนั่นเอาแต่พูดว่า ถ้าน้องของมันพร้อมจะพามารู้จัก มันโตแล้ว บทเรียนแย่ ๆ มันก็เคยเจอแล้ว พี่ก็คิดว่าครั้งนี้มันคงระวังมากกว่าเดิม แต่ไม่คิดจริง ๆ ว่ามันจะจมได้ขนาดนั้น”
“พี่รามลาออก? ง่าย ๆ แบบนั้นเลยเหรอครับ”
“อืม... บอสบอกว่ารามสภาพจิตใจแย่มาก ทำงานผิดพลาด ถึงจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่คนเป็นถึงหัวหน้าทีมก็ต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ ทุกอย่างมันปุ๊บปั๊บ ไม่ถึงเดือนรามก็ขอลาออก ตำแหน่งของรามน่ะรู้เรื่องในบริษัทเยอะ ตามระเบียบการลาออกก็ต้องมีผลในทันที [1] ทุกอย่างมันเลยเร็วไปหมด”
“...”
“น้องมะยมรู้จักคน ๆ นั้นของรามไหม”
“...”
“พี่เข้าใจนะ ถ้าน้องมะยมจะไม่บอก แต่ถ้าน้องรู้จัก พี่ฝากไปถามคน ๆ นั้นที เพื่อนพี่มันไม่ดีตรงไหน หรือมันมีอะไรที่แย่จนรับไม่ได้ ถึงได้ทำกับมันแบบนี้ ไม่รักมันสักนิดเลยหรือไง”
ยศกรไม่สามารถมีคำตอบกับคำถามของปัทมา... เขาตอบไม่ได้เลย
คำถามของปัทมาในวันนั้น ทำให้ยศกรเจ็บมาจนถึงวันนี้.. อันที่จริงก็ต้องบอกว่าทุกครั้งที่นึกถึง หัวใจของเขาก็ช้ำแล้วช้ำอีก เกินจุดที่จะเรียกว่ากลัดหนอง
เขาไม่ได้ทำร้ายแค่หัวใจของราม แต่เป็นสาเหตุที่ทำลายอนาคตของอีกฝ่ายด้วย
“โง่กว่าหนู ก็โง่ชุบแป้งทอด... พี่รามว่าไหม”
ยศกรพูดคนเดียว ก่อนจะยิ้มเหยียดตัวเอง หักเลี้ยวเจ้ารถโฟล์กเต่าเข้าซอยบ้านของตนเอง
พี่หวยจอดแต่ยังไม่ถูกดับเครื่อง ยศกรค้นเอากุญแจบ้านออกมา จากนั้นลงจากรถไปเปิดประตูรั้ว จากนั้นก็วกมาขับพี่หวยเข้าบ้าน
ยศกรเปิดไฟด้วยความเคยชิน จากนั้นก็เดินดูบ้านชั้นล่างว่าระหว่างที่ตนไม่อยู่เรียบร้อยดีหรือไม่ ไม่นานก็เดินขึ้นไปชั้นสอง เปิดไฟและเปิดเครื่องเสียงด้วยความเคยชิน เพลงไทยช่วงปี 90 ดังขึ้น แต่มันดังเกินไป ทำเอาเจ้าของบ้านสะดุ้งรีบลดเสียงลง
เพลงที่เปิดค้างไว้ ทำให้ยศกรต้องยืนฟังอยู่อึดใจ ก่อนจะกระตุกยิ้มและพยายามไม่อินไปกับเสียงเพลงนั้น เขาทอดถอนลมหายใจ วางของไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ โดนไม่ลืมหันมากดรีโมทย์บังคับให้เครื่องเสียงเล่นเพลงเดิมซ้ำ ๆ วนไป
บอกว่าจะไม่อิน แต่เพลงนี้มันเหมาะกับเขาดี...
ทุกครั้งฉันเห็นตัวเอง เงาในกระจกสะท้อนมา
ฉันก็เห็นเพียงคนโง่คนหนึ่ง ที่ควรต้องเจ็บอย่างนี้
ในแววตาคนในกระจก คอยซ้ำเติมใจทุกที
เจ็บสักทีก็ดี ก็สมที่ไม่เหลือใคร
ฉันทิ้งทุกทุกโอกาส ที่จะได้อยู่ข้างเธอ
ฉันทิ้งวันคืนที่ดี จะไปหาได้จากไหน
เพิ่งรู้ว่าผิด เพิ่งรู้ก็เจ็บ ยิ่งกว่าเสียใจ
คิดเสียดาย มันก็ยังสายไป [2]
ยศกรใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเหมือนทุกวัน ไม่ใช่เพราะขี้เกียจหรืออะไร แต่เพราะเขามีนัด เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินลงมาชั้นล่างโดยสวมเสื้อคลุมทับชุดนอน ถือโทรศัพท์มือถือ และถุงกระดาษบรรจุของด้วยมือเดียว
นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาครู่ใหญ่ หูก็ได้ยินเสียงรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้านและดับเครื่องยนต์ลง ยศกรเปิดม่านเพื่อดู เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่เขานัดไว้ก็ขยับตัวลุกขึ้น และเดินออกจากบ้านเพื่อไปเปิดประตู
“มาซะดึกเลยนะ”
“แต่ก็ยังรอพี่อยู่ใช่ไหมล่ะครับ”
“ก็แน่ล่ะ” ยศกรตอบโต้ร่างสูงของแขกผู้มาเยือนยามวิกาล เปิดประตูรับอีกฝ่ายเข้ามา และเดินนำเข้าไปในบ้าน
“พี่ธีร์จะค้างที่นี่ไหม? จะบินตอนกี่โมง”
“รบกวนกรไหม? พี่ขึ้นเครื่องตอนสาย ๆ” ชายหนุ่มนามว่าธีร์ทรุดตัวลงนั่งโซฟาที่ยศกรนั่งก่อนหน้า ในขณะที่เจ้าของบ้านก็นั่งลงเช่นกัน ทั้งยังส่ายหน้าตอบ
“ไม่กวน ๆ นอนได้ แต่น้ำเย็น ๆ มันจะอยู่ในตู้เย็น ซึ่งตู้เย็นอยู่ในห้องครัว ถ้าพี่ธีร์อยากดื่ม... เชิญบริการตัวเองนะ”
“โธ่.. ดีนะพี่เรียบร้อยมาแล้ว” ธีร์ยิ้มอย่างจนใจกับความขี้เกียจของยศกร แต่เขาก็ไม่ได้ถือสา เพราะก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว
“อันนี้ของที่พี่ธีร์สั่งไว้ครับ แต่รอบหน้าบอกเลยนะว่าไม่ได้ราคานี้แล้ว ภาษีสนามบินบานเลย” ยศกรทำปากยื่นไปที่ถุงกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะทำหน้าหน่ายเหนื่อย ยามที่นึกถึงวันที่ไปจ่ายภาษีนำเข้าสินค้าที่กรมศุลกากร
“ขอบคุณมากครับ รถพี่จอดไว้หน้าบ้านไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ได้แหละ” ยศกรตอบอย่างไม่กระตือรือร้น ทำให้ธีร์สังเกตท่าทีเซื่องซึมนั้น
“กรเป็นอะไรหรือเปล่า? ดูซึม ๆ นะ”
“อากาศร้อน” ตอบไปอย่างนั้น แต่จริง ๆ ก็มีส่วนอยู่มาก
ยศกรไม่ชอบอากาศร้อน ในเมืองหลวงช่วงนี้ก็ขยันร้อน ทั้งร้อนทั้งอบอ้าว เขารู้สึกโชคดีมาก ที่โลกนี้มีอุปกรณ์ที่เรียกว่าเครื่องปรับอากาศ เพราะไม่อย่างนั้นยศกรต้องตกมันแน่ ๆ
“ดีนะไฟไม่ดับ ไม่งั้น...” ธีร์ยังพูดไม่จบดีด้วยซ้ำ ไฟฟ้าในบ้านของยศกรก็ดับ ทำเอาทั้งสองสะดุ้งรีบเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือ “ปากพาซวยแล้วพี่”
“ไฟฟ้าดับเหรอ?” ยศกรรู้ว่าไฟในบ้านตนเองดับ แต่ที่ถามออกไปเพื่อต้องการหาคำตอบว่าในซอยของเขาไฟมันดับจริง ๆ ใช่ไหม
ไม่รอให้ธีร์ตอบ เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาเปิดประตูบ้าน มองออกไปที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านก็เห็นว่าไฟยังปรกติดี ชะโงกหน้ามองเพื่อนบ้านก็เห็นว่ามีแสงไฟเปิดอยู่
“พี่ธีร์... ไฟดับแค่บ้านหนูอะ”
“ลัดวงจรตรงไหนหรือเปล่า?” ยศกรส่ายหน้าทันที
“ไม่รู้ พี่ธีร์ดูไฟเป็นไหมอะ”
“ไม่เป็นอะครับ” คำตอบของธีร์ดับความหวังของยศกรให้มืดมนเหมือนกับแสงไฟในบ้าน เจ้าตัวเดินหน้าคว่ำกลับเข้ามาในบ้าน
ตอนนี้ยังไม่ร้อนมาก เพราะไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศยังหลงเหลืออยู่ แต่ถ้าไฟยังดับอยู่แบบนี้ ไม่ต้องรอให้ถึงสิบนาทีหรอก ยศกรได้ระเบิดบ้านทิ้งแน่
“หนูร้อน”
เสียงจ่อย ๆ ของญาติผู้น้องทำเอาธีร์ไม่รู้จะพูดอย่างไร เขารู้ว่าเจ้าตัวแสบขี้ร้อน ดังนั้นถ้าไฟยังดับอยู่ มีหวังไม่ได้นอนแน่ ๆ
“นั่งรอสักพักไหม” ธีร์พูดไปแล้วก็รู้สึกว่าโคตรไม่ได้เรื่อง ไฟดับแค่บ้านของญาติผู้น้อง แสดงว่าต้องเป็นที่ตัวจ่ายไฟในบ้านแล้ว ดูท่าอย่างไรคงต้องรอให้ฟ้าสว่างแล้วเรียกช่างมาดู
คืนนี้เล่า...
“ปรกติไฟดับกรไปอยู่ไหน”
“กับอ้วน” เพราะพิมรักษณ์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ยศกรจึงเล็งเห็นแล้วว่าคืนนี้คงต้องไปนอนให้ไอ้อ้วนเพื่อนตัวร้ายฟัดเล่นแล้ว
“พี่ว่าคงต้องรอให้เช้าก่อน แล้วกรก็เรียกช่างมาดูนะ คงมีปัญหาที่ไฟในบ้านเราแล้วล่ะ ส่วนคืนนี้... เดี๋ยวพี่ไปเปิดห้องพักแถว ๆ นี้ กรจะไปนอนกับพี่ไหม หรืออยากจะไปหาเพื่อน”
“หนูไปนอนกับไอ้อ้วนดีกว่า เผื่อหนูจะตื่นสาย คืนนี้พี่ธีร์ลำบากหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร กรไปเตรียมตัวก่อนไหม เดี๋ยวออกไปพร้อมกันเลย”
“พี่ธีร์รอแป๊บหนึ่งละกัน หนูขึ้นไปเอากระเป๋าตังค์กับของใช้นิดหน่อย”
“ครับ” เมื่อญาติผู้พี่รับปาก ยศกรก็ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสองโดยอาศัยแสงสว่างจากโทรศัพท์มือถือ
ธีร์กำลังจะไปท่องเที่ยวทางใต้ของประเทศไทย เนื่องจากรู้ว่ายศกรถนัดเรื่องการสั่งสินค้าจากต่างประเทศ เขาจึงไหว้วานให้สั่งของให้ และเมื่อขับรถจากสุโขทัยมาถึงกรุงเทพฯ ก็รีบนัดเจอกับญาติผู้น้อง คิดว่าจะได้พักผ่อนแล้ว แต่กลับเป็นต้องได้ตระเวนหาที่พักใหม่ แต่เอาเถอะ เขาก็รู้สึกเกรงใจเจ้าของบ้านไม่น้อยหากต้องรบกวน
ระหว่างที่รอยศกรลงมาจากชั้นสอง เขาก็ใช้ไฟโทรศัพท์มือถือส่องดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย จนไปเจอเข้ากับคัตเอ้าท์ที่ติดตั้งอยู่มุมพนังเหนือประตูเข้าบ้าน
ธีร์ไม่ได้รู้เรื่องไฟฟ้าอะไร แต่ความรู้เบื้องต้นอย่างการตัดจ่ายไฟของคัตเอ้าท์ก็พอจะมีอะไรติดสมองบ้าง เมื่อเห็นความผิดปรกติจึงตัดสินใจลุกแล้วไปยืนดูใกล้ ๆ
สวิตท์ไม่เห็นจะเด้ง... แสดงว่าไฟในบ้านหรือฟิวส์ไม่ได้มีปัญหาลัดวงจร
บ้านหลังอื่น ๆ ที่ใช้ไฟฟ้าสายเดียวกันก็ไม่ได้ดับด้วย
ถ้าอย่างนี้...
ไฟมันไปมีปัญหาตรงไหนถึงได้ดับ
“ดูอะไรอยู่เหรอพี่ธีร์”
เสียงของยศกรทำให้ธีร์สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมา แล้วรีบบอกข้อสงสัยของตนเอง ทำเอาเจ้าของบ้านขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“แล้วตกลงมันมีปัญหาตรงไหน ทำไมไฟดับอะ แย่ว่ะ ถ้าพี่รามอยู่คงดี” ยศกรบ่นพร้อมทั้งเผลอเอ่ยชื่อใครคนหนึ่งขึ้นมา ทำเอาธีร์เลิกคิ้ว
“พี่ราม?”
“เออ... ไม่มีอะไรหรอกครับ เอางี้ดีกว่า พี่ธีร์ช่วยหนูถอดพวกปลั๊กไฟหน่อย กันไว้ก่อน” เมื่อยศกรไม่อยากพูด ธีร์ก็ไม่เซ้าซี้
ไม่กี่นาทีต่อมาผู้ชายสองคนก็เดินออกจากบ้านที่ปิดไฟมืดสนิท ล่ำลากันสองสามคำ ธีร์ก็ขึ้นรถและขับออกไปก่อน ส่วนยศกรนั้น ถอยพี่หวยออกมาจอดหน้าบ้าน หันไปมองตัวบ้านที่มืดสนิท มือถือโทรศัพท์มือถือแนบหู ปากก็พูดเจื้อยแจ้วกับเพื่อนสนิทที่เพิ่งแยกจากกันไปไม่ถึงชั่วโมง
“ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรอะ พรุ่งนี้ค่อยให้ช่างมาดูแล้วกัน อย่าเพิ่งนอนนะจ๊ะผัว รอเมียก่อน ไม่ต้องเร่ง กำลังจะขับรถ แค่นี้นะ เดี๋ยวเจอกัน”
เมื่อวางสายแล้วยศกรก็ล็อคประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป แค่ไม่นานเท่านั้นจริง ๆ เหงื่อก็ชุ่มหลังแล้ว สงสัยไปถึงเพ้นเฮ้าท์สุดหรูของพิมรักษณ์เขาจะต้องอาบน้ำอีกรอบเป็นแน่แท้
“น่าโมโห!” ก็ได้แต่บ่นกับพวงมาลัย หักเลี้ยวออกจากซอย เพื่อไปให้ถึงห้องของเพื่อนรัก
ถ้อยคำที่ได้ยินก่อนที่เจ้าของบ้านจะขึ้นรถและขับออกไป ทำให้คนที่ยืนหลบอยู่ที่มุมลับตายิ้มอย่างพอใจ เมื่อมั่นใจแล้วว่าคนขี้ร้อนจะไปค้างกับเพื่อนสนิทจึงย่างก้าวออกมาจากความมืด ผิวปากเบา ๆ โดยถือไขควงเคาะมือที่สวมถุงมือหนังเป็นจังหวะ ดูแล้วอารมณ์ดีไม่น้อย ก่อนที่จะเดินไปหยุดที่เสาไฟฟ้า
เจ้าของร่างสูงจัดการวุ่นวายตรงมอนิเตอร์ไฟฟ้านั้นครู่หนึ่ง จนเรียบร้อยแล้วก็เดินมาที่ประตูรั้วบ้านของยศกร ประตูถูกไขออกด้วยลูกกุญแจสำรอง ก่อนจะก้าวขายาว ๆ เข้าบ้าน เปิดประตู ลองเปิดไฟเช็คความเรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจก็เดินออกมา โดยไม่ลืมปิดไฟ ล็อคประตู ทำทุกอย่างเหมือนกับตอนที่เจ้าของบ้านทำก่อนหน้า
แค่ตัดไฟบ้านหลังหนึ่ง มีไขควงอันเดียวก็พอแล้ว โชคดีตรงที่ไม่มีใครเอะใจมาดูตรงที่เกิดเหตุตรงนี้ ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร
แต่เพื่อความมั่นใจ... คราวหน้าคงต้องเตรียมอุปกรณ์มาให้ครบพร้อมมากกว่านี้
ที่ที่เขาได้นอน...หมาตัวไหนก็อย่าได้คิดจะมานอนทับรอย!
-----------------------------------------------------------------------------
[1] บางบริษัทมีกฎบังคับกรณีการลาออกจากตำแหน่งของพนักงานที่อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของบริษัท หากมีการยื่นลาออกหรือต้องให้ออกจากงานจะมีผลในทันทีหรือภายในระยะเวลาที่บริษัทกำหนด เพื่อป้องกันกรณีการรั่วไหลของข้อมูล (อ้างอิงจากบริษัทที่คนเขียนเคยทำงานนะคะ หัวหน้าทีมใหญ่ ๆ หรือตำแหน่งผู้จัดการขึ้นไป เมื่อยื่นลาออกหรือมคำสั่งให้ลาออก คำสั่งจะมีผลภายใน 24-48 ชั่วโมง ตามความสำคัญของตำแหน่งงาน)
[2] คนโง่ในกระจก - มาลีน่า Ost. แกะรอยรัก
--------------------///
อิพี่กลับมาพร้อมกับไฟฟ้าที่ดับลง...
ตอนที่เห็นช่างแถวบ้านต่อไฟจากหม้อแปลง ดูโคตรจะง่ายเลย มีไขควงอันหนึ่ง หมุนไปหมุนมา ดึงสายไฟออก พันด้วยเทปพันสายไฟ... จบ
พอจะต่อใหม่ ก็แค่เอาเทปพันสายไฟออก แล้วจับยัดเข้าไป ไขควงบิด ๆ หมุน ๆ ... จบ
เป็นความง่ายที่อิชั้นไม่กล้าทำ 55555555555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่รามกลับมาเพื่อฟาดจริงๆ ยอมแล้ว ตัดไฟเลย อย่าหวังจะให้ชายอื่นมานอนกับน้องกรของเค้า งื้อออออออออ รออ่านตอนน้องกรกับขุ่นพี่รามเจอกันไม่ไหวแล้วค่ะ
ป.ล.ดีใจที่อัพบ่อยแน้วววว
สุดยอดไปเลยยยยยยย