ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tale Of Final Quest

    ลำดับตอนที่ #5 : บรรพที่สี่ \"การเดินทางของอัลฟ่า\" ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 46


    บรรพที่  4

    “การเดินทางของอัลฟ่า”




    หลังจากที่แยกกับอิสมาอีลและแชซแล้ว  อัลฟ่าก็เร่งฝีเท้ารีบออกไปจากตัวเมืองเอนทาเนียทันที  เขานั่งรถที่ทางยูพีโอเตรียมไว้นอกเขตผู้คนสัญจรขับไปยังสนามบินลับที่มาคัสโทนอกตัวเมืองเอนทาเนียไปทางตะวันตกเฉียงใต้ไม่ไกลนัก  ทิวเขารอบเขาไหลผ่านตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว  จำนวนรถที่วิ่งอยู่บนถนนสายตัดเข้าชนบทของเมืองมีไม่มากนัก  ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเหมือนตอนอยู่ในป่าใหญ่



    แสงดูน่าเรืองรองส่องประกายเป็นสีส้มทั่วราชอาณาจักรลูโทมินัส  เหล่านกต่างบินกลับรังเป็นทิวแถวคล้ายก้อนเมฆสีดำกลุ่มเล็กๆ บนท้องฟ้า  ยามเมื่อแหงนมองขึ้นไปก็ให้ความรู้สึกราวกับสายลมกำลังพุดคุยกับตัวเราอยู่เบาๆ คล้ายเสียงกระซิบ



    อัลฟ่าเร่งเครื่องยนต์เต็มสมมรรถนะ  รถยนต์สีดำแล่นผ่านถนนไปด้วยความเร็วสูงสุดจนแทบไม่ได้ยินเสียงจากภายนอก  เพียงไม่นานนักอัลฟ่าก็ขับรถไปจอดเทียบที่หน้าทางเข้ารันเวย์  ที่นั่นมีเจ้าหน้าที่สอง-สามคนกำลังลำเลียงของอยู่  เมื่อเขาเดินเข้าไปต่างก็หยุดงานแล้วทำความเคารพเขา



    “ ตามสบาย”  เขาสั่ง  ตามยศแล้วแม้ว่าจะต่ำกว่าอิสมาอีลและแชซซึ่งเป็นระดับสภาสูง  แต่ตำแหน่งของเขายามสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่ได้ต่ำไปกว่าทั้งคู่เลย



    “เครื่องบินเตรียมไว้พร้อมแล้วครับ  ไม่ทราบว่าท่านจะออกเดินทางเลยหรือไม่”  เจ้าหน้าที่คนที่ถือสมุดเล่มสีขาวเอ่ย



    “อืม  เป็นรุ่น-07ที่สั่งไว้ใช่มั้ย”



    “ครับ  เราติดตั้งระบบพรางตัวเอาไว้ด้วยครับ”



    “ขอเวลา  5  นาที  เตรียมเครื่องไว้ให้พร้อมเมื่อผมกลับมาถึง”



    เจ้าหน้าที่ยกมือทำความเคารพแล้วรีบปลีกตัวออกไป  อัลฟ่าเดินเข้าไปในโกดังด้านในสุดของท่าอากาศยาน  เขาเปิดประตูด้วยคีย์การ์ดแล้วเดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง  เปิดตู้เสื้อผ้าออกมาผลัดเปลี่ยนเป็นชุดภาคสนามสำหรับสภาพภูมิอากาศแห้งแล้ง  ชุดพรางตัวสีทรายและอุปกรณ์ยังชีพอื่นๆ  หลังจากเสียเวลาในการแต่งกายสองสามนาที  อัลฟ่าก็จัดการกับธุระสุดท้าย  เขาเดินไปยังส่วนที่ลึกสุดของห้องเก็บของแล้วกดสวิชต์ที่ซ่อนเอาไว้ข้างกำแพง  ประตูลับที่ถูกซ่อนเอาไว้ก็ค่อยๆ เปิดออก



    เขาก้าวเข้าไปยังด้านในซึ่งมดมากจนต้องเปิดไฟฉายที่นาฬิกาข้อมือสารพัดประโยชน์ของยูพีโอส่องนำทางไว้  เมื่อเดินมาจนสุดทางก็พบกับผนังเปล่าๆ เป็นทางตันกั้นเอาไว้  อัลฟ่าหยิบปืนพก.11  ของเขาออกมาแล้วยัดมันเข้าไปในรูเล็กๆ ด้านซ้ายมือของผนัง



    “ปัง!”



    สิ้นเสียงลั่นไก  ผนังนั้นก็หายไปทันที  ด้านในดูกว้างใหญ่กว่าห้องเก็บของด้านนอกเสียอีก  เขาจัดแจงเปิดไฟที่ห้อยไว้ด้านบน  แสงสีเหลืองสลัวแกว่งไปมาทำให้เกิดเงาวูบวาบไปทั่วทั้งบริเวณ  อัลฟ่าเดินไปที่ตู้เหล็กด้านขวามือซึ่งตั้งอยู่เรียงรายเต็มไปทั้งแถบ



    “อืม  คราวนี้คงต้องพึ่งเจ้านี่ซะแล้ว”



    เขาเอื้อมมือไปหยิบกล่องเหล็กเล็กๆ ด้านบนที่วางซ้อนอยู่กับอาวุธมากมายในตู้เหล็ก  กล่องสีดำแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว  รังสีการฆ่าฟันโชยออกมาจากด้านใน  บนฝาเปิดสลักเอาไว้ว่า



    “สมบัติประจำตระกูล  โซโลวิงค์”



    เขาหยิบมันไปทั้งกล่อง  เดินอกไปจาห้องลับปิดและตรวจตราทั้งหมดจนแน่ใจว่าเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปจากโกดัง



    เมื่อมาถึงลานบินก็พบว่าเจ้าหน้าที่เตรียมเครื่อง-07เอาไว้พร้อมออกเดินทางได้แล้ว



    “ท่านจะเทคออฟเลยมั้ยครับ”



    “ชัวร์  ปลดล็อคนิรภัยได้เลย”  เขาก้าวขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วส่งสัญญาณให้กับภาคพื้นดินว่าพร้อมออกบินแล้ว



    เจ้าหน้าที่สองนายวิ่งไปปลดล็อคนิรภัยที่ตัวเครื่องและล้อ  อัลฟ่าเห็นสัญญาณออกบินเป็นพลุสีแดงแล้วจึงโยกคันบังคับขึ้นด้านบนเพื่อเตรียมออกบิน  เครื่องบินยกตัวขึ้นด้วยไอพ่นแนวตั้ง  ไม่ถึงนาทีเขาก็สามารถพุ่งทะยานไปยังท้องฟ้าด้วยความรวดเร็ว



    “-07  ปรับระบบให้เป็น  ออโต้-ไพลอท”



    เสียงเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกลับมา



    “เรียบร้อย  ระบบจะเริ่มทำงานทันที  และจะกลับเป็นโหมดปกติเมื่อเข้าสู่สถานการณ์ขับคัน”



    อัลฟ่าเอนตัวไปข้างหลังอย่างง่วงงุน  เขาหยิบเอาเอกสารปฏิบัติการออกมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง



    ปฏิบัติการ – ซีรอส

    จุดมุ่งหมาย – พิกัด L 442-88

    ระยะเวลาปฏิบัติการ  -  ไม่เกิน  1  อาทิตย์  รายงานผลทุกเที่ยงคืน

    เป้าหมาย  -  ไปยังนครร้างลีเจนไดส์เพื่อค้นหาแอนตี้ยูพีโอที่สร้างฐานกำลังลับอยู่ที่นั่น  เมื่อถึงแล้วให้ติดต่อกับฐานปฏิบัติการที่คอนอาก้าทันที




    เขาอ่านตรงใจความสำคัญของภาระกิจแล้วอ่านทวนช้าๆ อีกครั้ง   ทุกครั้งก่อนที่จะออกปฏิบัติภาระกิจเขาจะต้องทำความเข้าใจมันให้รู้เรื่องทั้งหมดเสียก่อน



    อัลฟ่าทอดสายตาออกไปยังนอกหน้าต่างห้องคนขับ  ท้องฟ้าในยามค่ำคืนปลอดโปร่งเหลือเกิน  มันทำให้เขานึกถึงสมัยตอนที่ยังอยู่ในไลโนลีเซี่ยน  เขาเกิดและเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูขององค์กรที่มีชื่อว่า  “เลริค”  มันเป็นองค์กรที่มีไว้สำหรับรับจ้างฆ่าคน  มือสองข้างของเขาเคยเปื้อนเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน  แต่เพราะองค์กรจึงทำให้เขาสามารถมีตัวตนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้



    และแล้ววันหนึ่งก็ได้มาถึง  วันซึ่งปีกแห่งเสรีภาพได้โบยบินมาสู่เขา  วันนั้นเขาเดินเตร่ไปมาบนท้องถนนของเมืองรีโรเซน่าเมืองท่าของไลโนลีเซี่ยน  หลังจากเสร็จงานรับจ้างฆ่าที่ถูกจ้างวานแล้ว  เขามักแวะไปดื่มเหล้าที่บาร์แถวนั้นเป็นประจำ  แต่วันนั้นไม่เหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา  ระหว่างทางเดินกลับที่พักเขาพบกับชายผู้หนึ่ง  ท่าทางภูมิฐานยืนขวางทางของเขาอยู่



    “นี่ลุง  ถ้าไม่อยากอายุสั้นก็ช่วยหลบไปหน่อยได้มั้ย  คนกำลังอารมณ์ดี  ไม่อยากมีเรื่อง”  เขาตะคอกใส่ชายคนนั้น



    แต่ชายคนนั้นกลับมีท่าทีที่ไม่หวาดกลัวเขาเลย



    “อัลฟ่า  อัลฟ่า  ไฮนด์  โซโลวิงค์ใช่ไหม?”  เขาถามกลับ



    เขาชะงักไปครู่หนึ่ง  แล้วจึงคว้าปืนออกมาจากที่ซ่อนแล้วยกมันขึ้นเล็งใส่ชายคนนั้น



    “ถ้าใช่แล้วจะทำไม  ตอนนี้ใครๆ ก็ขนานนามข้าว่า  กระสุนมายา  และถ้าแกไม่อยากลิ้มรสชาติของมันซึ่งก็คงจะได้ลิ้มเพียงชั่วครู่เท่านั้นแหละ  เพราะวินาทีที่กระสุนทะลวงเข้าตัดขั้วสมองของเจ้า  ตอนนั้นเจ้าคงไม่รู้สึกอะไรแล้วมั้ง  ก็จงถอยไปซะ”  เขาชักปืนขู่ใกล้เขาไปเรื่อยๆ  ใครๆ ต่างก็เกรงขามในฉายาของเขา  เพราะความรวดเร็วของศาสตราระดับสูงของเขาไม่สามารถที่จะมีใครมองตามทันได้

    ชายสูงอายุคนนั้นยืนอยู่ในเงามืดทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัด



    “ช้าก่อน  ผมไม่ได้มาร้าย  เพียงแต่อยากคุยด้วยเท่านั้น”



    “แต่ข้าไม่มีธุระอะไรกับแกด้วยนี่หว่า  ไปซะ  ไม่งั้นข้ายิงจริงๆ นะ”  ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตกเป็นฝ่ายที่ถูกกดดันเอาเองเสียแล้ว



    ชายคนนั้นเดินออกมาจากมุมมืด  เผยให้เห็นรอนผมสีเทาบ่งบอกถึงอายุที่มากกว่าเขาหลายปี



    “ยิงสิ  แต่ผมคิดว่าคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา”  ชายคนนั้นเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อออกมา  จังหวะนั้นสัญชาติญาณของอัลฟ่าทำงานทันที  มือขวาของเขาลั่นไกออกไปทันที



    “เฟี้ยว”



    เสียงกระสุนฝ่าอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว  แต่ยังไม่ทันที่กระสุนจะเข้าถึงตัวชายคนนั้น  วิถีของมันก็ถูกอำนาจบางอย่างเบี่ยงวิถีออกไป  มันพุ่งไปถูกถังขยะที่ตั้งอยู่แถวนั้นเสียงดังลั่น



    “นี่  นี่มันอะไรกัน”



    ตั้งแต่อยู่ในองค์กรมา  ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ศาสตราหรือจักราล้วนแล้วแต่ถูกเขากำราบมาแล้วทั้งนั้น  แต่นี่แค่ชายแก่เพียงคนเดียว  ทำไมเขาถึงยิงพลาด  เขาพยายามตั้งสติอีกครั้งแล้วยกปืนขึ้นเล็งไปทางชายแก่อีกครั้งหนึ่ง



    ชายแก่หยิบยาสูบออกมาได้ก็เริ่มลงมือจุดไฟที่ปลายของยาสูบ  แสงไฟสว่างวาบเป็นสีส้มแล้วค่อยๆ หรี่ลง  เขาสูบมันอย่างใจเย็นแล้วพ่นเป็นควันออกมา  ควันจางๆ ลอยไปสู่เบื้องบน  อัลฟ่าตัดสินใจที่จะไม่ลั่นไกอีกครั้ง  เขาค่อยๆ คลายมือออกจากไกปืนแล้วเก็บปืนไว้ยังที่ที่เอามันออกมา



    “ตกลงนี่เราจะคุยกันดีๆ แล้วใช่ไหม”



    เขาพยักหน้าแทนคำตอบ



    “ผม  บีแอส  ผมต้องการความร่วมมือจากคุณ  เราเข้าไปคุยกันที่บ้านพักของผมดีไหม”



    วันนั้นเองที่เขาตัดสินใจที่จะคว้าปีกแห่งเสรีภาพมาไว้ในกำมือ  เขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมในยูพีโอ  บีแอสบอกกับเขาว่าจะพยายามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของเขาให้เพื่อเป็นการตอบแทนของการเสี่ยงอันตรายอย่างทุกวันนี้



    แต่เวลากลับผ่านไปอย่างเหนื่อยหน่าย  สิ่งที่บีแอสสามารถนำมามอบให้เขาได้มีเพียงของต่างหน้าของพ่อเขาเท่านั้นซึ่งมันก็คือสิ่งที่อยุ่ในกล่องเหล็กใบนี้นั้นเอง



    อัลฟ่านึกไปถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาในอดีตเรื่อยๆ  เขาย้อนไปยังวันที่หัดยิงปืนเป็นครั้งแรก  วันที่ฆ่าคนเป็นครั้งแรก  วันที่เปิดศาสตราเป็น  วันที่รับเงินจากการฆ่าคน  วันที่เจอกับบีแอส  แต่เขากลับนึกถึงพ่อกับแม่ไม่ออก



    ฝนเริ่มตกลงมาแล้ว  อัลฟ่าเปิดระบบป้องกันลมพายุแล้วมองฝ่าสายฝนออกไปด้านนอก  ขณะนี้เขากำลังอยู่เหนือน่านน้ำมหาสมุทรลูนอร์  อีกไม่นานคงถึงลีเจนไดส์แล้ว  อัลฟ่าหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอีกรอบแล้วผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว



    ……………………………………………………………………………………………………….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×