ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บรรพที่สาม \" การเคลื่อนไหวของไลโนลีเซี่ยน \"
บรรพที่  3
“การเคลื่อนไหวของไลโนลีเซี่ยน”
แสงสว่างจับขอบฟ้าของมหานครเอนทาเนีย  ชาวบ้านเริ่มออกเดินตามท้องถนน  บ้างก็ไปทำงานบ้างก็ใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองไปเรื่อยๆ  การปกครองของลูโทมินัสเป็นแบบสภาสูงคานอำนาจอยู่กับสภาล่าง  แต่ในความเป็นจริงแล้วองค์ประมุขของประเทศ  เคลสม่า  เสมือนผู้กุมอำนาจทั้งหมดของทั้งประเทศเอาไว้ในกำมือ
นอกจากสภาพทางการเมืองที่มีสงครามภายในแล้ว  ลูโทมินัสยังมีชื่อเสียงด้านผู้ใช้จักราอีกด้วยเพราะทุกๆ ปีที่นครเอนทาเนียนี้จะจัดการแข่งขันประจำปีขึ้น  และปีนี้การแข่งขันก็ได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้เอง
“สวัสดีครับประชาชนแห่งลูโทมินัส  นี่คือเสียงของผม  เบลน่า  โฆษกประจำสนามแข่งขันงานเทศกาลประลองจักราประจำปีแห่งลูโทมินัสนะครับ  วันนี้เป็นคู่เอกครับผมเพราะท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไลโนลีเซี่ยนเป็นผู้ส่งเข้าแข่งขันด้วยตัวเองครับ  แหม  เป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันระหว่างทั้งสองประเทศนะครับ  เอาล่ะครับและตอนนี้เขาก็กำลังจะลงสนามมาแล้วครับ ”
อัลฟ่าหรี่เสียงวิทยุมือถือลง  เขาดื่มกาแฟถ้วยที่ตั้งอยู่ตรงหน้าดื่มรวดเดียวหมดแล้วสั่งบริกรเก็บเงิน  จากนั้นอีก  5  นาทีเขาก็พาตัวเองขึ้นรถรับจ้างมุ่งหน้าสู่สนามแข่งขันเอนทาเนียโดม  สถานที่กำลังจัดงานแข่งขันจักราประจำปีอยู่
เขาหยิบนาฬิการุ่นพิเศษของยูพีโอออกมาจากกระเป๋าเสื้อ  กดปุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวเครื่องเพื่อทำให้กลายเป็นโทรศัพท์มือถือขนาดเล็ก  กดเบอร์โทรศัพท์แล้วเริ่มสนทนา
“ครับ  ตอนนี้ผมอยู่บนรถครับคิดว่าไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึงสนามแล้วครับ”
“ดีมาก  พอคุณมาแล้วให้รีบมาที่ห้องพักนักกีฬาเลยนะ”
“ครับผม  แล้วคุณแชซเป็นไงบ้างครับ”
“ตอนนี้กำลังไปลงทะเบียนฝ่ายคณะกรรมการตัวแทนยูพีโออยู่  คิดว่าอีกสักพักก็คงจะได้เวลาการแข่งขันแล้ว  ตอนนี้คณะกรรมการเค้ากำลังประชุมกันอยู่”
“ครับ  งั้นพอไปถึงแล้วจะติดต่อไปอีกทีนะครับ”
เขาวางสายแล้วทอดสายตาออกไปยังท้องถนน  รถติดยาวเป็นทางตั้งแต่สี่แยกเบื้องหน้าเหตุเพราะการแข่งขันที่มีเพียงปีละครั้งนี้เอง  ผู้คนต่างอยากไปดูการต่อสู้ในรูปแบบที่ถูกต้องตามกฎหมายนี้  และเป็นจุดขายอย่างดีของลูโทมินัสโดยแท้เลยทีเดียว
การแข่งขันนี้กติกามีแค่เพียงคู่ต่อสู้ทั้งสองจะต้องใช้จักราในการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  ห้ามใช้อาวุธใดๆ เข้าต่อสู้อย่างเด็ดขาดซึ่งรวมถึงร่างกายด้วย  การแพ้ชนะขึ้นอยู่กับหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขานยอมแพ้  หรือล้มจนหมดสภาพต่อสู้ต่อไปได้  ไม่มีการจำกัดเวลาและรุ่น  แข่งแบบแพ้คัดออก  จนถึงชิงชนะเลิศ
อัลฟ่าลงจากรถเมื่อถึงลานหน้าสนามแข่งซึ่งเต็มไปด้วยฝูงชน  เขาเดินฝ่าเหล่ากำแพงมนุษย์นี้ออกไปจนถึงประตูทางเข้าของเจ้าหน้าที่  หลังจากที่แสดงบัตรยูพีโอให้กับยามที่เฝ้าประตูดูแล้ว  เขาก็พาตัวเองเข้ามายังห้องพักนักกีฬา  ที่นั่นอิสมาอีลนั่งรออยู่แล้ว  ชายหนุ่มกำลังดูโทรทัศน์รออยู่
“รถติดมากครับ”
“อืม  ผมดูจากทีวีในห้องแล้ว  ผู้คนยังคงสนใจในการต่อสู้เหมือนเดิม”
“ปีนี้ไลโนลีเซี่ยนลงสมัครด้วยหรือนี่  ไม่น่าเชื่อ  ปกติเอเนทอร์ไม่ชอบยุ่งเรื่องแบบนี้นี่นา”
“นั่นสิ  เห็นทุกทีชอบแต่ตลบหลังชาวบ้านเขา  มาคราวนี้แปลกมันไปเกี่ยวโยงอะไรกับรูปถ่ายที่เราเห็นหรือเปล่านะ”
อิสมาอีลหยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมาดูอีกรอบหนึ่ง  มันเป็นรูปถ่ายของการประชุมกันที่ดูเหมือนการประชุมธรรมดาๆ รูปหนึ่ง  แต่บุคคลที่อยู่ในรูปนั่นคือ  เอเนทอร์  และผู้พิทักษ์สมดุลย์ทั้งสี่ของลูโทมินัส  ทั้งห้าคนดูเหมือนจะกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างอยู่ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก  เพราะข้างกายของเอเนทอร์มีผู้คุมกฏทั้งห้าคนแห่งไลโนลีเซี่ยนยืนประกบอยู่
“ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว  ผู้พิทักษ์  ห้ามออกนอกเขตสมดุลย์ของเสาทั้งสี่นี่นา  แต่การออกมาพบกันกับคนระดับเอเนทอร์นั้นน่าแปลกอยู่นะ”
อิสมาอีลพยักหน้ารับ
“การละเมิดจารีตประเพณีเช่นนี้  เป็นการท้าทายอำนาจของหลายประเทศมากนะ  คิดดูสิว่าหากคนที่เสมือนดังคนที่กุมชะตาชีวิตเราเอาไว้จู่ๆ ก็เดินมือเปล่าเข้าสนามรบ  เราจะคิดยังไง  ก็ต้องรีบห้ามใช่มั้ย  แต่นี่การกระทำแบบนี้มันฟ้องถึงเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลนะ”
“หวังว่าเอเนทอร์คงไม่คิดจะทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมานะ  ไลโนลีเซี่ยนทำความยุ่งยากมาครั้งแต่ครั้งสงครามจักรวรรดิแล้ว  คราวนี้ควรจะไม่ก่อชนวนอะไรขึ้นมาอีกนะ  ให้ตายสิ”
“เมื่อ  20  ปีที่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประชานชนไรอาห์ไม่พอใจกับการกระทำของไลโนลีเซี่ยนและเอเนทอร์เป็นอย่างมาก  แต่แล้วจู่ๆ มันกลับทำตัวให้เด่นดังขึ้นมาอีกทำไมกัน”
“ที่เคียดแค้นเอเนทอร์มากที่สุดก็คงจะเป็นบีแอสหล่ะนะ”
“ทำไมล่ะ”
อิสมาอีลเงยหน้าออกไปนอกหน้าต่าง  เสียงผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างรีบร้อนได้ยินดังมาถึงข้างในห้อง
“บีแอสเป็นถึงเสนาบดีของราชวงศ์ไรอาซัน  เรื่องนี้ใครๆ ก็คงรู้  ตามสายเลือดแล้วเขามีศักดิ์เป็นอาของไรซิ่งอาร์ค  ไรอาซันวีรบุรุษภาคเหนือเลยทีเดียว  ในสมัยก่อนชื่อเสียงของทั้งคู่โด่งดังมาควบคู่กัน  ผู้คนเรียกขานทั้งคู่ว่า  มังกรคู่แห่งลีเจนดารี่ น่าเสียดายที่ไรซิ่งอาร์คต้องสิ้นไปในสงคราม  ส่วนบีแอสต้องใช้เวลา  20  ปีในการก่อตั้งยูพีโอ  ปัจจุบันเมืองลีเจนไดส์กลับเป็นเพียงแค่เมืองร้าง  ซากของอารยธรรมถูกปกคลุมไปด้วยสัตว์ร้ายมากมาย”
อัลฟ่ายืนขึ้นเดินไปมา
“ที่ผมได้ยินมามันไม่ใช่แค่นั้นนะ  ผมได้ยินมาว่าจริงๆ แล้วบีแอสนี่แหละเป็นคนให้เอเนทอร์บุกเข้ามาโจมตีไรซิ่งอาร์ค”
“ว่าไงนะ”  อิสมาอีลมองหน้าอัลฟ่า
“ก็แค่ข่าวลือ”  เขายักไหล่  “เรื่องจริงใครๆ ก็รู้ว่าบีแอสไม่มีทางเป็นคนอย่างนั้นแน่นอน  เขารบเคียงบ่าเคียงไหล่องค์กษัตริย์จนแทบขาดใจตายกลางสนามรบ”
อิสมาอีลถอนหายใจยาว  เป็นเวลาเดียวกับที่แชซเข้ามาในห้องพอดี
“เสร็จแล้วหรือ”  อัลฟ่าถาม
“อืม  เป็นการประชุมที่ไร้สาระสิ้นดี  ทุกคนเอาแต่พูดถึงเรื่องของรางวัลในปีนี้”
“ของรางวัล?  ปกติก็เป็นเงินและถ้วยรางวัลมิใช่หรือ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง  ปีนี้แปลกมาก  ท่านเคลสม่าบอกกับที่ปะชุมใหญ่เมื่อวานนี้ว่าปีนี้คนที่ชนะเลิศจะมีสิทธิ์ได้เป็นผู้พิทักษ์สมดุลย์ด้วย  โดยไม่ต้องผ่านการคัดเลือกในเดือนแปด”
“ว่าแล้วไงล่ะ!  เอเนทอร์มันต้องการให้คนของมันเข้าไปอยู่ภายในนั้นแน่นอน”  อัลฟ่าตะโกน
“จากรูปการณ์แล้วก็ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ”  แชซนั่งลงอย่างล้าๆ
“แล้วทำไมท่านไม่ค้าน”  อิสมาอีลถาม
“ค้านแล้ว  แต่แพ้เสียงโหวต”
“หมายความว่า ”
“ทั้ง  7  ประเทศ  ให้ 4  ต่อ 3  เสียง  ลูโทมินัส  ไลโนลีเซี่ยน  ไมโตส  ออกแทนลีเจนดารี่ด้วยเพราะเป็นประเทศในอารักขา  ครบทั้งสี่พอดี”
“ไม่ยุติธรรม  ลีเจนดารี่เป็นเพียงประเทศที่ล่มสลายแล้วนะ”  อัลฟ่าบอก
“ใช่  แต่มันเป็นการเสี่ยงที่เราจะทำอะไรในตอนนี้”
“ท่านผอ.ว่าไง?”
“บีแอสกำลังเดินทางมาที่นี่  คิดว่าคงมาถึงก่อนการตัดสินผู้ชนะเลิศ”
“เฮ้อ  เรื่องมันเริ่มจะยุ่งขึ้นเรื่อยๆ  ไม่รู้ว่าแอนตี้ยูพีโอมีเอี่ยวด้วยรึเปล่า”
“มีหรือไม่มีมันก็อี่ยวกับเราทุกเรื่องนั่นแหละ”  อิสมาอีลคิดถึงเหตุการณ์ตอนอยู่ที่ในป่าคาลามาเนีย
“ว่าแต่  เอเนทอร์ส่งใครลงแข่งครับ”
ใบหน้าของแชซแดงกล่ำ
“ซิดฟีล  เอช  เดย์นาเล่ย์!”
“ไอ้หมอนี่มันใครกัน”  อัลฟ่าถาม
“ให้ตายสิ  ข้าไม่อยากจะเอ่ยแม้กระทั่งนามของมันด้วยซ้ำ  มันคือผู้ใช้เวทย์ในด้านมืด  ร่ำเรียนมาจากอาจารย์สำนักเดียวกับข้า  แต่ไอ้หมอนี่มันหักไม้เท้าทิ้ง”
“หมายความว่ามันไม่ใช้ไม้เท้าร่ายจักรา?”
“ใช่  ให้พระเจ้าลงโทษมัน  มันเอาไม้เท้าไปทำเป็นคันธนู  ลงอาคมไว้ด้วยคำสาปมืดต่างๆ  ดาร์ก  เอมเพอเรอร์  คือชื่อของมัน  ยามมันยิงด้วยอำนาจของคำสาปเราจะมองไม่เห็นลูกศรที่มันยิงออกมา  มันมีชื่อเสียงด้านการใช้จักราในทางที่ผิดมากมาย  และยังเป็น  1  ใน  5  ผู้คุมกฎแห่งไลโนลีเซี่ยนด้วย”
“ถึงกับส่งองค์รักษ์ของตนเองลงมาเลยรึ  ครั้งนี้ท่าทางคู่ต่อสู้จะหนักหนาเอาการอยู่นา”
“ให้ตายสิ  ขนาดผู้ที่ได้ชื่อว่า  จักรามหาเทพ  อย่างคุณแชซยังพูดอย่างนี้เลย  ฝีมือมันจะขนาดไหนกันนะ”
“ไม่ธรรมดาเชียวหล่ะ  ไอ้หมอนี่มันเป็นจักรามหาศาสตร์”
“โอว้าว”  อัลฟ่าอุทาน
“ท่านหมายความว่า  มันสามารถใช้ทั้งจักราและศาสตราได้พร้อมกัน?”
“ใช่  นี่คือข้อได้เปรียบของมัน  ในการประลองกันของข้ากับมันเมื่อสมัยยังเป็นนักเรียน  ข้ามักพ่ายต่อศาสตราของมันทุกครั้ง  บ้าที่สุด  ผู้ใช้จักราก็ต้องเป็นผู้ใช้จักราสิ”
เสียงประกาศดังขัดจังหวะอีกครั้ง
“อะแฮ่ม  ครับสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายบัดนี้งานเทศกาลจักราและการแข่งขันประจำปีได้เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ  ขอเชิญทุกท่านพบกับความน่าตื่นเต้นของจักราทั่วทุกสารทิศได้แล้วครับ!”
พิธีเปิดยิ่งใหญ่ตระการตายิ่งนัก  ขบวนพาเหรดแฟนซีเดินเรียงรายยาวเต็มท้องถนนสู่สนามกีฬา  พลุเวทย์มนต์ถูกจุดขึ้นอย่างสวยงามจากผู้ใช้จักรา  แชซเป็นตัวแทนในปีนี้ในการร่ายจักราเปิดงาน
หลังจากพูดอะไรสองสามประโยคเขาก็เริ่มลงมือร่ายจักรา
“โอม  สว่างสดใสเป็นประกาย!”
ทันทีที่ร่ายจบ  บนท้องฟ้าลูโทมินัสก็ปรากฎดวงดาวมากมายพร่างพราว  แสงจากดวงดาวในยามกลางวันจ้าตายิ่งนัก  แชซดึงมันลงมาจากท้องฟ้าราวห่าฝน  นี่คือจักราในตำนานฝนดาวตก  ดวงดาวทั้งหลายเมื่อกระทบกับสิ่งของก็แตกกระจายเป็นลูกแก้วโปร่งใสล่องลอยเต็มตัวเมือง  มันไม่มีอันตรายใดๆ ต่อมนุษย์  เพราะจักรานี้มีไว้จัดการกับเหล่าปีศาจเท่านั้น
แล้วเสียงขององค์จักรพรรดิก็ดังกังวานขึ้น
“ขอทุกท่านสนุกสนานกับงานเทศกาล!”
เสียงมวลชนโห่ร้องรับดังลั่นจบทั้งเมืองแทบจะพังลงตรงนั้นเลยทีเดียว
..
เสียงเพลงบรรเลงอย่างครึกครื้นขับกล่อมทั่วทั้งเมืองให้ตกอยู่ใต้อำนาจจักรา  ต่างคนต่างสนุกสนานไปกับงานเทศกาลประจำปีนี้  บรรดานักท่องเที่ยวต่างเดินไปมาขวักไขว่  ท้องฟ้าสีทองสว่างไสวไปด้วยพลุนานาชนิด
แชซเดินตัดออกมาจากถนนใหญ่ที่ขบวนพาเหรดเพิ่งจะผ่านไป  เหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
“ท่าทางท่านจะมีความสุขนะ  ยิ้มคนเดียวก็ได้ด้วย”  เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาต้องเหลียวหลังไปดูต้นตอของเสียงนั้น
อัลฟ่ายืนยิ้มอยู่กับอิสมาอีล
“เปล่าหรอก  ข้าก็แค่นึกขำเรื่องราวในอดีตบางเรื่องก็เท่านั้น”
อัลฟ่ายื่นหน้าออกมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เรื่องอะไรหรือ  เล่าให้ข้าฟังได้ไหม?  ข้าอยากรู้ประสบการณ์ต่างๆ ที่ท่านผ่านและประสบมาเหลือเกิน”
แชซนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งแถวสวนสาธารณะในเมือง  ดอกลาสกู๊ดบายกำลังออกดอกบานละพรั่ง  เหล่าผีเสื้อและแมลงต่างๆ พากันมารุมตอมกันจนกลายเป็นทะเลแห่งสีสันของฤดูร้อน
“เป็นเรื่องที่ข้าคงจะต้องจำไปนานเลยทีเดียว  ย้อนกลับไปเมื่อ  5  ปีที่แล้ว  ตอนที่ข้ายังพเนจรไปกับอาจารย์  ข้าได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งผมสีทองเหลือบแดงที่ปลายของทุกเส้น  ตาของเขามุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวราวกับต้องการจะทลายสมดุลย์แห่งไรอาห์ทั้งหมดลง  แต่ๆ จริงๆ แล้วกลับไม่ใช่อย่างที่เห็น  สายตาของเขาคือสายตาที่ส่องสว่างจ้าราวกับดวงดูน่า  ท่านอาจารย์ของข้าเดินเข้าไปถามนามของเด็กคนนั้น  เขาตอบว่า
“ชื่อของข้าคือความหวัง”
อาจารย์ของข้าจึงถามเจ้าเด็กคนนั้นต่อว่า
“แล้วเจ้าว่าความหวังของเจ้ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน”
เด็กคนนั้นจ้องหน้าอาจารย์ข้า  แล้วบอกว่า
“ไม่สูงกว่าฟ้า  ไม่ต่ำกว่าพสุธา  ไม่เหนือไรอาห์  แต่ก็ไม่น้อยไปกว่าดวงดาวใดๆ”
อาจารย์ข้าหัวเราะแล้วบอกว่า
“เจ้าคือเชื้อสายของกษัตริย์ใช่หรือไม่?”
เด็กคนนั้นไม่พูดอะไรได้แต่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
อาจารย์ข้าจึงลูบหัวเขาเบาๆ แล้วกล่าวว่า
“สักวันหนึ่งทั้งไรอาห์ต้องพึ่งเจ้า  วันนั้นขอให้เจ้าอย่างหันหลังให้กับแสงสว่าง  แม้ความมืดจักกล้ำกลาย  แต่สักวันหนึ่งแสงสว่างในตัวเจ้าจักต้องเปล่งประกายเจิดจ้าทั่วทั้งมหานภากาศแห่งไรอาห์แน่นอน”
เชื่อไหมเด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มราวกับไม่เคยยิ้มมานานแสนนาน  รอยยิ้มของเขาช่างเจิดจ้าในหัวใจข้าเหลือเกิน  ราวกับดอกลาสกู๊ดบายที่ข้าเห็นนี้เอง  แล้วเมื่อวานข้าก็ได้สังเกตว่าทั่วทั้งท้องฟ้าของไรอาห์มีประกายแสงสีทองสว่างทั่วไปหมด  ราวกับว่าอาจารย์ข้าจะรู้เรื่องในอนาคตกระนั้น  ข้าจึงยิ้มออกมา”
อัลฟ่าเดินไปเด็ดดอกลาสกู๊ดบายออกมาช่อหนึ่ง  มันมีสีทองราวกับแสงดูน่าก่อนที่จะลาจากท้องฟ้าในยามกลางวัน
“อืม  สำคัญอยู่  เด็กคนนั้นตอนนี้ก็คงจะเติบโตเป็นความหวังของไรอาห์อยู่เป็นแน่”
“ข้าก็ได้แต่หวังเอาไว้อย่างนั้นเผื่อสักวัน  หากไลโนลีเซี่ยนเกิดเริ่มก่อสงครามอีกครั้ง  ความหวังเพียงดวงเดียวคงไม่พอ ”
ทั้งสามยืนนิ่งสายตาของแต่ละคนจ้องออกไปยังสนามการแข่งขันซึ่งกำลังจะถึงรอบที่ทุกคนรอคอย
“เอาล่ะครับ  ทุกท่าน  ขณะนี้ผมขอนำทุกท่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแห่งการแข่งขันจักราประจำปีนี้  รอบที่ทุกท่านรอคอย  รอบที่จะตัดสินผู้แพ้และผู้ชนะอย่างแท้จริง  ครับมาบัดนี้เราได้ตัวแทนของคู่ชิงชนะเลิศมาแล้วนะครับ  ทิศตะวันออกคือ  ซิดฟีล  เอช  เดย์นาเล่ย์  แห่งไลโนลีเซี่ยนคราบบบบบบบบบบบบบบบบ”
เสียงผู้คนโห่ร้องกันอย่างสนั่นหวั่นไหว  ชายรูปร่างเพรียวสูงสง่าเดินออกมาจากทางเดินที่เชื่อมจากห้องพักนักกีฬาออกมาสู่สนามแข่งขัน  ผมสีดำของเขาตัดกับสีเงินของเกราะอ่อนที่เขาสวมมันไว้บนช่วงบน  เขาโค้งคำนับทั้งสี่ทิศตามธรรมเนียมแล้วออกไปยืนรอคู่ต่อสู้ที่ตรงกลางของสนาม
“ครับผม  ต่อไปเป็นตัวแทนจากอเด็ปโปเทียเพื่อนบ้านของเรานี่เอง  เรนนิ่ง  นูว์  พรีสต์ครับ!  ขอเสียงต้อนรับด้วยครับลูโทมินัส”
เสียงปรบมือดังกังวานไปทั่ว  จากประตูด้านทิศตะวันตกชายหนุ่มผมสีขาวทั้งศีรษะเดินช้าๆ ออกมาจากฝั่งตรงกันข้ามของเดย์นาเล่ย์  เขาแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติซึ่งเป็นผ้าคลุมสีขาวปลอดทั้งตัว  เรนนิ่งควงไม้เท้าสีฟ้าในมืออย่างท้าทาย
“ไอ้หมอนี่มันใครกันนะ”  แชซสงสัย
“อะไรกันท่านไม่รู้จักหรอกหรือ”  อิสมาอีลเองก็สงสัยเหมือนกันว่าผู้ที่สามารถผ่านเข้ารอบที่ลึกขนาดนี้ได้แล้วนั้นทำไมถึงไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
“ไม่รู้สิเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ช่างมาเร็วราวกับคลื่นที่โถมกระหน่ำชายฝั่งกระนั้นแหล่ะ”
“เริ่มแล้ว!”  อัลฟ่าชะโงกหน้าจากอัฒจรรย์แขกรับรองพิเศษออกมาดู
เป็นชายหนุ่มที่เริ่มก่อน  เรนนิ่งหยุดการควงไม้เท้าแล้วโยนมันขึ้นไปบนฟ้าแล้วตะโกนดังๆ
“ซัมมอนด์!”
แชซกำมือแน่น  จ้องมองไปที่กลางเวทีอย่างตื่นเต้น
“ไม่ธรรมดาเสียแล้ว  ไอ้หนุ่มนี่สามารถร่ายจักราจักรวาลได้”  เขาตะโกน
ไม่เพียงแต่แชซเท่านั้นที่รู้สึก  เดย์นาเล่ย์รีบยกคันธนูขึ้นร่ายจักราเช่นกัน
“พิทักษ์!”
แสงสีดำปรากฏขึ้นรอบๆบริเวณที่เขายืนอยู่  ช่วงเวลาแห่งการประลองกำลังกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว  ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถร่ายจบได้เร็วกว่ากันเท่านั้น
ฉับพลัน  ท้องฟ้าเหนือมหานครเอนทาเนียก็ปรากฎแสงสว่างจ้าส่องลงมาที่กลางลานประลอง  แสงสีฟ้าที่แหวกก้อนเมฆออกมาเป็นสองทางนั้นค่อยๆ กระจายกว้างออกจานคลุมทั่วทั้งลานประลอง
“นั่นคืออะไรกัน”  อิสมาอีลต้องยึดที่นั่งไว้ด้วยศาสตราระดับหนึ่งเลยทีเดียว
“เขาเรียกว่าจักราจักรวาล  โดยปกติแล้วผู้ที่จะใช้จักราได้จะต้องผ่านการพิสูจน์ธาตุเสียก่อน  ซึ่งหลังการจากที่ผู้ใช้จักราได้รู้ถึงธาตุของตัวเองแล้วจึงจะสามารถใช้จักราได้อย่างเต็มรูปแบบ  เพียงแต่ว่าจักราจักรวาลนั้นไม่จำเป็นต้องผ่านการพิสูจน์ธาตุเพราะจักราที่ผู้ใช้ร่ายออกมานั้นเป็นลักษณะไร้ธาตุหรือพูดง่ายๆ เป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง”  แชซร่ายจักราป้องกันพวกอิสมาอีลเอาไว้แล้ว
เมื่อแสงสีฟ้าที่เรนนิ่งร่ายไว้ครอบคลุมทั่วลานประลองแล้ว  แสงนั้นจึงค่อยๆ หดลงและปรากฏสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งขึ้นตรงกลางลานประลอง  มันเป็นหนอนตัวใหญ่ขนาดมหึมาสีแดงของมันราวกับอาบมาด้วยเลือด
“โอ้โห  เจ้าตัวนั้นคืออะไรกันอีกล่ะเนี่ย”  อัลฟ่ารีบหันไปถามแชซทันที
“เจ้าแห่งหนอนทะเลทราย  บรีกานิคไตตัน”  แชซพูดอย่างตื่นเต้น  “มหัศจรรย์มาก  นับตั้งแต่คราวที่ข้าไปไมโตสเมื่อ  12  ปีที่แล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่ได้เห็นมันอีก
ในขณะเดียวกันเดย์นาเล่ย์ก็ร่ายจักราป้องกันเสร็จแทบจะในเวลาเดียวกัน  โล่ห์หมอกสีดำปกคลุมร่างกายของเขาราวกับชุดเกราะ
“ไปเลย  บรีกานิคไตตัน  ปัดเป่าไอหมอกแห่งความชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป!”  เรนนิ่งออกคำสั่ง  เจ้าหนอนยักษ์ก็พุ่งตรงไปเล่นง่านเดย์นาเล่ย์ทันที
มันอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวของมันออกอย่างรวดเร็ว  เดย์นาเล่ย์สะบัดตัวหนีเหลือเพียงร่างเงาด้วยความเร็วเกินตามองทัน  เขาอ้อมไปด้านหลังของเจ้าหนอนยักษ์แล้วพาดคันธนูออกไปเบื้องหน้าพร้อมทั้งยกมือกางออกประทับไว้ที่หน้าอกแล้วร่ายจักราสวนทันที
“ดาร์ค  โคโลไนซ์”
ปราสาทหมอกขนาดใหญ่ตกลงมาจากบนท้องฟ้าทับเจ้าหนอนยักษ์ไว้ทำให้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้
เรนนิ่งแก้จักราด้วยการร่ายจักราสกัดกั้น
“ไดนามิก  วอเทอร์”
ทั่วทั้งพื้นลานประลองเจิ่งนองไปด้วยน้ำ  เดย์นาเล่ย์รีบกระโดดขึ้นด้านบนด้วยความรวดเร็ว  เขายิงลูกพลังสีดำออกไปเพื่อขัดจังหวะการร่ายจักราของเรนนิ่ง
เรนนิ่งซัดไม้เท้าออกไปด้านที่เดย์นาเล่ย์ส่งลูกพลังมา  ฟองน้ำหลากหลายสีสันพุ่งออกไปจากปลายไม้เท้า  พลังของทั้งสองธาตุต่อต้านกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  เกิดการระเบิดแสงอันยิ่งใหญ่ที่ใจกลางของการปะทะ  เรนนิ่งยกผ้าคลุมขึ้นบังหน้า  จังหวะนั้นเองที่เดย์นาเล่ย์ร่ายจักราโจมตีทันที
“ดาร์ค  สเฟียร์”
“บ้าแล้ว!  นั่นมัน  อันตรายเกินไป”  แชซรีบร้องตะโกน
ช้าไปเสียแล้ว  เดย์นาเล่ย์ยกธนูขึ้นยิงไปบนท้องฟ้า  ลูกธนูกระทบกับท้องฟ้าแล้วแตกกระจายอกเป็นเสี่ยงๆ สะเก็ดระเบิดย้อยตกลงมาเป็นเส้นๆ คล้ายกรงขังปิดล้อมเรนนิ่งเอาไว้  แล้วกรงขังสีดำทมิฬนั้นก็ค่อยๆ บีบตัวเรนนิ่งเอาไว้ราวกับสายหมอกสีดำ  ขณะนี้จากที่นั่งอัฒจรรย์ไม่สามารถมองเห็นตัวของเรนนิ่งได้เลย
“ต้องไปสั่งกรรมการให้หยุดแล้ว”  แชซรีบวิ่งออกไป
“นี่มันกะจะฆ่ากันให้ตายเลยนี่นา  เล่นขนาดเปิดจักราระดับสูง”  อิสมาอีลยืนตรงขอบอัฒจรรย์เพื่อจ้องลงไปดูเหตุการณ์เบื้องล่าง
ทันใดนั้น  ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง  เรนนิ่งก็ร่ายจักราสุดท้ายอกมาทันพอดี
“รีเมมเบอร์  เดอะ  ดรีมริเวอร์!!!!!!!!!!!!!!!!”
แสงสีฟ้ากระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง  พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นจนทำให้เกิดรอยแยกจากพื้นดินขึ้นมา  จากรอยแยกนั้นหน้าผาขนาดสูงก็ทะลุออกมา  น้ำตกขนาดมหึมาหลั่งไหลลงมาจากตาน้ำ
   
กระแสน้ำอันรุนแรงพัดพาหมอกมืดออกไปทั่วลานประลอง  จากนั้นกระแสน้ำทั้งหมดก็รวมตัวกันเป็นก้อนสูญญากาศขนาดมหึมา  แล้วพุ่งตรงไปที่เดย์นาเล่ย์ทันที
“หึ  เจ้ายังไม่อยากตายสบายๆ งั้นสิ  ถ้าอย่างนั้นลองรับพลังระดับนี้ดู  จักรามหาศาสตร์!”
แสงสีดำเปล่งออกมาจากทั่วทั้งร่างกายของเดย์นาเล่ย์  แสงที่เปล่งออกมานั้นมืดมิดราวกับรัตติกาลที่ไร้แสงสเลย์
ทันใดนั้นเองแชซก็ไปปรากฎขึ้นที่กลางลานประลอง
“ในนามแห่งคณะกรรมการแห่งยูพีโอ  ข้าขอสั่งให้ยุติการแข่งขัน”
ช้าไปเสียแล้ว  จักรามหาศาสตร์ของเดย์นาเล่ย์ร่ายจนจบแล้ว  ลำแสงสีดำมหึมาพุ่งออกไปเป็นลูกศรขนาดใหญ่ที่ปลายเป็นหัวมังกรไฮดร้าในตำนาน  มันพุ่งตรงไปที่เรนนิ่งอย่างรวดเร็ว
“ลิเบอร์ตี้  โซดิแอค!”  แชซร่ายจักราสกัดทันที  ลำแสงสีรุ้งพุ่งออกไปจากไม้เท้าของเขาเพื่อสกัดจักรามหาศาสตร์ที่เขาเคยพ่ายแพ้มาแล้ว
ดูเหมือนฝันร้ายจะตามมาหลอกหลอนเขาอีก  ลุกศรสีดำพุ่งทะลุกระสุนน้ำของเรนนิ่งและลำแสงสีรุ้งของเขาตรงดิ่งไปทางอัฒจรรยคนดู  ประชาชนที่นั่งอยู่รีบวิ่งหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น
ด้วยความเร็วเหนือแสง  แสงสีขาวจ้ารูปโล่ห์และเสาน้ำแข็งขนาดมหึมาก็พุ่งเข้ามาสกัดกั้นทางวิถีกระสุนของจักรามหาศาสตร์
“ไลท์  มาโมรูท”  เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังแชซ
“โฟรเซ่น  เทอร์มินัล”  อีกเสียงดังมาจากอัฒจรรย์ด้านนักข่าว
ทั้งสามปะทะกันจนทำให้เกิดปรากฏการณ์  จักราผกผัน  คือจักราทั้งหมดกลับคืนสู่ผู้ร่ายอีกครั้ง  กลุ่มหมอกควันที่เกิดจากการระเบิดเริ่มสลายตัวลงทำให้เหตุการณ์เริ่มกลับสู่สภาพปกติ  เสียงโฆษกดังขึ้นเป็นระยะๆ เพื่ออพยพผู้คนออกไป
บนลานประลอง  อิสมาอีล  อัลฟ่าและแชซช่วยกันประคองเรนนิ่งเอาไว้  เขาหมดสติไปตั้งแต่โดนสะเก็ดระเบิดของจักรามหาศาสตร์แล้ว  ส่วนเดย์นาเล่ย์นั้นยืนอยู่กับชายหนุ่มอีกสองคน
“ต้องขออภัยท่านกรรมการด้วยขอรับ”  ชายร่างสูงผมสีทองค้อมคำนับ
“เป็นเพราะความบ้าบิ่นและขาดสติยั้งคิดชั่วครู่ขอรับ  ท่านโปรดเข้าใจสถานการณ์ด้วยนะขอรับ”  ชายร่างเล็กผมสีฟ้าเอ่ยบ้าง  ทั้งสามคนใส่ชุดเหมือนกันหมด
“ข้าว่าเอาไว้คุยกันในที่ประชุมจะดีกว่านะ  ลูมินัส  ซิลปิค  ไลท์เลกาซี่  และฟรีกเกอร์  เดอ  ฟรองเซ่  ผู้คุมกฏแห่งไลโนลีเซี่ยน!”
..
ภายในห้องประชุม  ณ  สนามการแข่งขันเป็นไปอย่างเคร่งเครียด  โต๊ะประชุมตัวยาวเต็มไปด้วยคณะกรรมการของลูโทมินัส  และตัวแทนจากประเทศต่างๆ  เอเนทอร์และผู้คุมกฎสามคนนั่งอยู่ฟากซ้ายมือของประธานซึ่งก็คือนายบีแอสนั่นเอง  ส่วนยูพีโอทั้งสามคนนั่งอยู่ด้านขวามือของบีแอส
“ผมขอสรุปเลยละกันนะครับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นไปเพราะสถานการณ์มันบังคับ  เนื่องด้วยการใช้จักราที่เกินขอบเขตของทั้งคู่”  บีแอสเริ่ม
“แล้วด้วยประการนี้เอง  ผมจึงขอความเห็นจากทุกท่านว่าเราควรจะตัดสินผลเป็นเสมอกันดีหรือไม่”
แชซยกมือขึ้นก่อน
“ผมว่าตัดสินให้เสมอดีที่สุดครับเพื่อสัมพันธภาพของทุกประเทศ  โดยเฉพาะอเด็ปโปเทียและไลโนลีเซี่ยน”
ฟลอร่า  เซเลอดี้  จากอเด็ปโปเทียยกมือขึ้นบ้าง
“แต่ข้าคิดว่าสมควรที่จะให้ประเทศของเราชนะ  เพราะคนของไลโนลีเซี่ยนใช้จักรามหาศาสตร์ซึ่งเป็น  “ศาสตรา”  อย่างหนึ่ง  ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วมันผิดกฏของการประลอง”
“ข้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านฟลอร่า”  เซเรียน่าแห่งแคปตาโมโปเลียเอ่ยสนับสนุน
แชซกระซิบกระซาบกับอิสมาอีล
“ท่านคอยดูนะ  เดี๋ยวก็เป็นเหมือนกับตอนออกเสียงเรื่องของรางวัล  เจ้าเซเน่จะต้องเข้าข้างเจ้าเอเนทอร์”
ไม่ทันขาดคำเสียงทุ้มใหญ่ของชายร่างอ้วนที่นั่งอยู่ติดๆ กับที่นั่งของประเทศไลโนลีเซี่ยนก็ดังขึ้น
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยท่าน  ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขออ้างมั่งหละว่า  จักรามหาศาสตร์  มันก็มีคำว่า “จักรา” อยู่เหมือนกัน  คนของท่านพ่ายแพ้ต่อจักราของคู่ต่อสู่ย่อมต้องยอมรับความจริงสิ  หรือนี่เป็นเพียงการต่อยตีกันตามธรรมดา?  มิได้วัดพลังจักรากันอย่างแท้จริง”
องค์จักรพรรดิเคลสม่าเอ่ยขึ้นบ้าง
“อืม  ที่ท่านฟลอร่าพูดมามีเหตุผล  แต่ที่ท่านเซเน่กล่าวก็ใช้จะผิดเสียทีเดียว  ข้าผู้ซึ่งเป็นประธานจัดงานนี้เห็นด้วยกับท่านทั้งสองนั่นแหละ  แล้วท่านเอเนทอร์ล่ะคิดว่าอย่างไรดี”
เอเนทอร์ขยับตัวลุกขึ้นยืน
“สำหรับตัวข้านั้น  ของรางวัลอะไรข้าไม่เคยอยากได้  เพียงแต่ผู้คุมกฏของข้าจะต้องได้รับการดูหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างช่วยไม่ได้  มันทำให้ข้ารู้สึกปวดใจเหลือเกิน  แต่ตัวข้าเองแล้วโดยความยุติธรรม  ข้าก้อยากให้ผลออกมาเสมอเช่นกัน”
“ไม่ทราบว่าท่านเรนนิ่งแห่งประเทศของข้าไปแสดงกริยาดุถูกคนของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กันไม่ทราบ!”  ฟลอร่าลุกขึ้นยืน
“ใจเย็นท่านฟลอร่า  ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าท่านเรนนิ่งของท่านต่อสู้ไม่เต็มที่เท่านั้นเอง  คนของข้าเห็นว่าพลังจักราของท่านเรนนิ่งนั้นได้ถูกออมเอาไว้  จึงรุ้สึกเสมือนหนึ่งดูถูกเหยียดหยามเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้พลังจักราในขั้นสูงเพื่อความสมศักดิ์ศรีของตัวเขาเท่านั้นเอง”
“เอาล่ะๆ”  บีแอสกล่าวในที่สุด  “ผมว่าเรื่องทั้งหมดก็ขอให้จบเพียงเท่านี้ละกันนะ  การตัดสินในครั้งนี้ขอให้ถือว่าเสมอกัน  สำหรับถ้วยรางวัลนั้นทางยูพีโอจะเป็นตัวกลางเก็บรักษาเอาไว้ให้เอง  จนกระทั่งการประลองในปีหน้าจะรู้ผลนะ  เอาละผมขอปิดประชุมลงแต่เพียงเท่านี้นะ  ขอบคุณทุกท่านนะครับสำหรับความร่วมมือ”
ทุกคนพากันแยกย้ายออกไป  อัลฟ่ารอทั้งสองอยู่ที่หน้าห้องประชุมอยู่นานแล้ว  หลังจากที่เขาได้ทราบเรื่องทั้งหมดจากอิสมาอีลก็ขอตัวออกไปติดต่อกับหน่วยสนีคที่ฐานลับ
“ท่านว่าอย่างไร”  แชซถาม
“ผมว่าเรื่องนี้คงจะผิดคาดเอเนทอร์อยู่เหมือนกัน  มันคงไม่คิดว่าจะมีคู่ต่อสู้ที่สามารถบีบสถานการณ์ให้เลวร้ายถึงกับต้องบังคับให้เดย์นาเล่ย์ต้องใช้จักรามหาศาสตร์”
“ศิษย์น้องของข้าคนนี้เหลือร้ายจริงๆ”  แชซถอนหายใจเบาๆ
“เราแทบไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก”  อิสมาอีลมองไปข้างหน้า  สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“แต่   ข้าว่าตอนนี้มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราควรทำ”
“ไปคุยกับเรนนิ่ง”  ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
“ใช่  ไปคุยกับคนของอเด็ปโปเทียคงจะให้อะไรกับเราบ้าง”  อิสมาอีลบอก
“ข้าคิดว่าท่านฟลอร่าย่อมต้องสงสัยอยู่ก่อนหน้านี้เป็นแน่”  แชซเดินนำไปยังจวนรับรองในลานประลอง
ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู  แชซเคาะประตูเบาๆ สองครั้ง  จึงได้ยินเสียงดังออกมาจากข้างใน
“ที่นี่จวนของท่านฟลอร่า  ห้ามใครรบกวนทั้งสิ้น”
“ช่วยบอกท่านด้วยส่าข้าแชซ  และท่านอิสมาอีลจากยูพีโอมีเรื่องที่จะปรึกษาด้วย”
เสียงนั้นเงียบไปชั่วครู่  ผ่านไปไม่นานเสียงใหม่ก็ดังขึ้นมา
“เชิญท่านทั้งสองเข้ามาด้านในก่อนครับ”
เมื่อประตูเปิดออก  ทั้งสองจึงเห็นเรนนิ่งยืนยิ้มอยุ่ที่หน้าทางเข้า
“อ้าวท่าน  ท่านหายดีแล้วหรือ”  อิสมาอีลถามไถ่
“ครับ  ขอบคุณท่านทั้งสองมาก”  เรนนิ่งเดินนำทั้งสองเข้าสู่จวนรับรองที่โอ่อ่าใหญ่โตและประดับประดาไปด้วยของล้ำค่ามากมาย  ผนังเคลือบทองบ่งบอกให้ทราบถึงเศรษฐกิจการเมืองที่ดีของลูโทมินัส  เรนนิ่งหยุดเดินเมื่อมาถึงหน้าประตูสีขาวบานหนึ่ง  เขายกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ แล้วจึงเปิดเข้าไปด้านใน
“เชิญท่านทั้งสองนั่งลงก่อน”  ฟลอร่า  เซเลอดี้  แห่งอเด็ปโปเทียแต่งชุดนอกราชการเรียบร้อยแล้ว  เป็นชุดพื้นเมืองสีขาวเหมือนกับที่เรนนิ่งใส่  สีของมันตัดกับผิวสีคล้ำของเธอเสมือนเส้นขอบฟ้ายามเช้า
เมื่อทั้งสองคนนั่งลงแล้ว  เรนนิ่งจึงขอตัวออกไป
“ต้องขออภัยที่เข้ามารบกวนท่านฟลอร่าถึงที่พัก”  แชซเอ่ย
“มิได้  ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านแชซมาเยี่ยม  วันนี้มีเรื่องอันใดถึงกับต้องรีบมาหาข้าหลังประชุมเสร็จเร็วขนาดนี้”
“ก็เรื่องที่ประชุมวันนี้นั่นแหละท่าน”
“อย่างที่ข้าคาดเอาไว้ไม่ผิด  นี่แสดงว่ายูพีโอก็ระแคะระคายเช่นกันสินะ”
“ครับ  ทางยูพีโอได้ถ่ายภาพพวกนี้เอาไว้ได้โดยหน่วยสอดแนมของเรา”  อิสมาอีลยื่นรูปให้ฟลอร่าดู
เมื่อฟลอร่ารับรูปถ่ายเหล่านั้นไปดูแล้วก็อุทานออกมาเบาๆ  จากนั้นเธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน  แล้วเดินออไปมองที่ข้างนอกหน้าต่าง  ขณะนี้แสงสีส้มของดูน่าส่องสะท้อนผิวน้ำทะเลสาบคาลามาเนียอย่างสวยงาม
“ท่านว่าเราควรจะทำอย่างไรดี  การเคลื่อนไหวของไลโนลีเซี่ยนกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้แน่นอน  ข้าว่า”
“จริงอย่างที่ท่านพูด  เราไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไปแล้ว”
“เพียงแต่ว่ารูปสามใบนี้ไม่อาจจะเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะมัดตัวมันเอาไว้ได้”  อิสมาอีลบอก
“ถูกของท่าน  เราควรทำอย่างไรดี”
“จากการที่ข้าพิจารณารูปถ่ายทั้งสามใบนี้  รูปสุดท้ายเป็นรูปที่น่าสงสัยที่สุด  หากให้ข้าคาดเดาคงจะต้องขอลอกว่า  เรื่องนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวกับสมดุลยแห่งไรอาห์แน่นอน”  แชซกล่าว
“อืม  ถ้าเป็นเช่นที่ท่านพูด  เรื่องใหญ่แน่คราวนี้”  ฟลอร่าสั่นกระดิ่งที่อยู่ข้างตัวดังๆ  เด็กรับใช้รีบเเดินเข้ามา
“มีอันใดให้ข้ารับใช้ขอรับ”
“เจ้าจงไปตามท่านเรนนิ่งมาพบข้าด่วน”
เด็กรับใช้ค้อมตัวลงแล้วรีบเดินออกไปทันที  เพียงชั่วครู่  เรนนิ่งก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับโค้งตัวให้กับนายของตน
“มีอะไรครับท่านฟลอร่า”
“เรนนิ่งเจ้าประมือกับเดย์นาเล่ย์มาแล้ววันนี้  เป็นอย่างไรบ้าง”  ฟลอร่าถาม
“ตามธรรมดาแล้วผมไม่เคยเจอคู่ต่อสู้คนไหนความสามารถเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย  ขนาดผมเปิดจักราจักรวาลแล้วยังไม่เท่าจักรามหาศาสตรเลย  ข้าคิดว่าเขาต้องการฆ่าข้าจริงๆ  เพียงแต่ถ้าท่านอิสมาอีลไม่ลงมาเสียก่อน”
“หมายความว่าไง”  แชซรีบถาม
“ท่านไม่สังเกตหรือครับว่าวิถีกระสุนพลังของเดย์นาเล่ย์พุ่งตรงมาที่ท่านด้วย”
อิสมาอีลนึกออกขึ้นมาทันที
“ใช่แล้วท่าน  มันร่ายจักรายังไม่เสร็จตอนที่ท่านปรากฏตัวที่ลานประลอง  ข้าจำได้แล้ว  แล้วพอข้ารีบวิ่งตามท่านลงไปสองคนทีเหลือจึงรีบร่ายจักราสกัดเอาไว้”
“งั้นก็หมายความว่า  มันต้องการเล่นงานทั้งคู่นะสิ”  ฟลอร่ากล่าว
“เห็นจะเป็นเช่นนั้น”  เรนนิ่งหันไปทางแชซ  “มันคงต้องการจัดการกับท่านแชซด้วย  และข้าคิดว่ามันคงรู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องออกมาห้ามไว้”
“ไลโนลีเซี่ยนเริ่มเคลื่อนไหวแล้วจริงๆ ด้วย”  ฟลอร่าทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้
“ทางเราก็คงต้องเคลื่อนไหวเช่นกัน”  อิสมาอีลลุกขึ้น
“เราต้องติดต่อกับบีแอสแล้วประชุมด่วน  ปฏิบัติการซิกม่าสิ้นสุดแล้ว  คงต้องเริ่มแผนการต่อไปอย่างรวดเร็ว  เราสองคนบินกลับมาณวกกันก่อนเถอะท่าน”
“ดีเหมือนกัน  ส่วนอัลฟ่านั้นข้าจะส่งคนไปบอกแล้วกัน  ขอบคุณท่านฟลอร่ามาก  และท่านเรนนิ่ง  โปรดระวังตัวของท่านเอาไว้  เจอกันคราวหน้าเดย์นาเล่ยืไปปล่อยท่านแน่นอน”
“ขอบคุณท่านแชซ  ข้าจะระวัง”
ทั้งสองเดินออกไปส่งแขกผู้มาเยือนที่หน้าจวน  เมื่อเห็นอิสมาอีลและแชซเร่งรุดเดินออกไปจนลับตา  ฟลอร่าจึงหันกลับมาพูดกับเรนนิ่ง
“ทางเราก็ต้องเคลื่อนไหวเช่นกัน  เจ้าจงไปไลโนลีเซี่ยนสืบเรื่องราวมา  ช่วยเหลือยูพีโออย่างลับๆ นะ”
“ขอรับ”  เรนนิ่งพยักหน้ารับแล้วร่ายเปิดจักราทันที
“ลูนาติก  เวย์”
ลำแสงสีขาวพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง  มันคือจักราที่ร่ายเพื่อเปิดทางเชื่อมมิติ  เรนนิ่งก้าวเข้าไปในนั้นแล้วพุ่งขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว
“ขอให้โชคดี ”  ฟลอร่าหันหลังกลับไปยังจวนของตนเอง  สายฝนก็เริ่มพรั่งพรูลงมา  ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงสว่างไสว  ใครบางคนร้องเพลงออกมาคลอกับสายลมในยามค่ำคืนเป็นทำนองอันไพเราะ ;
“มองเห็นแสงดาวสกาวฟ้า
บนท้องนภาให้ใจหาย
สายลมคลอเคล้าสู่ผิวกาย
สายฝนประปรายสู่หัวใจ
เย็นลมน้ำเย็นฉ่ำสายฝน
หนาวสะท้านใจคนทนไม่ไหว
นึกถึงแสงดาวเจ้าทีไร
นึกถึงดวงใจเจ้าทุกครา
เย็นใจเย็นกายด้วยสายฝน
หนาวสะท้านใจคนเป็นหนักหนา
ดาวเอ๋ยเราไกลห่างเพียงขอบฟ้า
แล้วคนรักข้าอยู่ที่ใด
วอนลมวอนฝนฝากคำข้า
วอนดวงดาราสว่างไสว
ฝากความห่วงหาให้คนไกล
ฝากความห่วงใยให้ทุกคืน ”
จบบรรพที่สาม
หมายเหตุ-เรื่องนี้ไม่ได้แต่งจากเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น  ตัวละครและสถานที่ต่างๆ ล้วนเป็นเพียงสิ่งสมมติ
“การเคลื่อนไหวของไลโนลีเซี่ยน”
แสงสว่างจับขอบฟ้าของมหานครเอนทาเนีย  ชาวบ้านเริ่มออกเดินตามท้องถนน  บ้างก็ไปทำงานบ้างก็ใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองไปเรื่อยๆ  การปกครองของลูโทมินัสเป็นแบบสภาสูงคานอำนาจอยู่กับสภาล่าง  แต่ในความเป็นจริงแล้วองค์ประมุขของประเทศ  เคลสม่า  เสมือนผู้กุมอำนาจทั้งหมดของทั้งประเทศเอาไว้ในกำมือ
นอกจากสภาพทางการเมืองที่มีสงครามภายในแล้ว  ลูโทมินัสยังมีชื่อเสียงด้านผู้ใช้จักราอีกด้วยเพราะทุกๆ ปีที่นครเอนทาเนียนี้จะจัดการแข่งขันประจำปีขึ้น  และปีนี้การแข่งขันก็ได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้เอง
“สวัสดีครับประชาชนแห่งลูโทมินัส  นี่คือเสียงของผม  เบลน่า  โฆษกประจำสนามแข่งขันงานเทศกาลประลองจักราประจำปีแห่งลูโทมินัสนะครับ  วันนี้เป็นคู่เอกครับผมเพราะท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไลโนลีเซี่ยนเป็นผู้ส่งเข้าแข่งขันด้วยตัวเองครับ  แหม  เป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันระหว่างทั้งสองประเทศนะครับ  เอาล่ะครับและตอนนี้เขาก็กำลังจะลงสนามมาแล้วครับ ”
อัลฟ่าหรี่เสียงวิทยุมือถือลง  เขาดื่มกาแฟถ้วยที่ตั้งอยู่ตรงหน้าดื่มรวดเดียวหมดแล้วสั่งบริกรเก็บเงิน  จากนั้นอีก  5  นาทีเขาก็พาตัวเองขึ้นรถรับจ้างมุ่งหน้าสู่สนามแข่งขันเอนทาเนียโดม  สถานที่กำลังจัดงานแข่งขันจักราประจำปีอยู่
เขาหยิบนาฬิการุ่นพิเศษของยูพีโอออกมาจากกระเป๋าเสื้อ  กดปุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวเครื่องเพื่อทำให้กลายเป็นโทรศัพท์มือถือขนาดเล็ก  กดเบอร์โทรศัพท์แล้วเริ่มสนทนา
“ครับ  ตอนนี้ผมอยู่บนรถครับคิดว่าไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึงสนามแล้วครับ”
“ดีมาก  พอคุณมาแล้วให้รีบมาที่ห้องพักนักกีฬาเลยนะ”
“ครับผม  แล้วคุณแชซเป็นไงบ้างครับ”
“ตอนนี้กำลังไปลงทะเบียนฝ่ายคณะกรรมการตัวแทนยูพีโออยู่  คิดว่าอีกสักพักก็คงจะได้เวลาการแข่งขันแล้ว  ตอนนี้คณะกรรมการเค้ากำลังประชุมกันอยู่”
“ครับ  งั้นพอไปถึงแล้วจะติดต่อไปอีกทีนะครับ”
เขาวางสายแล้วทอดสายตาออกไปยังท้องถนน  รถติดยาวเป็นทางตั้งแต่สี่แยกเบื้องหน้าเหตุเพราะการแข่งขันที่มีเพียงปีละครั้งนี้เอง  ผู้คนต่างอยากไปดูการต่อสู้ในรูปแบบที่ถูกต้องตามกฎหมายนี้  และเป็นจุดขายอย่างดีของลูโทมินัสโดยแท้เลยทีเดียว
การแข่งขันนี้กติกามีแค่เพียงคู่ต่อสู้ทั้งสองจะต้องใช้จักราในการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  ห้ามใช้อาวุธใดๆ เข้าต่อสู้อย่างเด็ดขาดซึ่งรวมถึงร่างกายด้วย  การแพ้ชนะขึ้นอยู่กับหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขานยอมแพ้  หรือล้มจนหมดสภาพต่อสู้ต่อไปได้  ไม่มีการจำกัดเวลาและรุ่น  แข่งแบบแพ้คัดออก  จนถึงชิงชนะเลิศ
อัลฟ่าลงจากรถเมื่อถึงลานหน้าสนามแข่งซึ่งเต็มไปด้วยฝูงชน  เขาเดินฝ่าเหล่ากำแพงมนุษย์นี้ออกไปจนถึงประตูทางเข้าของเจ้าหน้าที่  หลังจากที่แสดงบัตรยูพีโอให้กับยามที่เฝ้าประตูดูแล้ว  เขาก็พาตัวเองเข้ามายังห้องพักนักกีฬา  ที่นั่นอิสมาอีลนั่งรออยู่แล้ว  ชายหนุ่มกำลังดูโทรทัศน์รออยู่
“รถติดมากครับ”
“อืม  ผมดูจากทีวีในห้องแล้ว  ผู้คนยังคงสนใจในการต่อสู้เหมือนเดิม”
“ปีนี้ไลโนลีเซี่ยนลงสมัครด้วยหรือนี่  ไม่น่าเชื่อ  ปกติเอเนทอร์ไม่ชอบยุ่งเรื่องแบบนี้นี่นา”
“นั่นสิ  เห็นทุกทีชอบแต่ตลบหลังชาวบ้านเขา  มาคราวนี้แปลกมันไปเกี่ยวโยงอะไรกับรูปถ่ายที่เราเห็นหรือเปล่านะ”
อิสมาอีลหยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมาดูอีกรอบหนึ่ง  มันเป็นรูปถ่ายของการประชุมกันที่ดูเหมือนการประชุมธรรมดาๆ รูปหนึ่ง  แต่บุคคลที่อยู่ในรูปนั่นคือ  เอเนทอร์  และผู้พิทักษ์สมดุลย์ทั้งสี่ของลูโทมินัส  ทั้งห้าคนดูเหมือนจะกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างอยู่ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก  เพราะข้างกายของเอเนทอร์มีผู้คุมกฏทั้งห้าคนแห่งไลโนลีเซี่ยนยืนประกบอยู่
“ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว  ผู้พิทักษ์  ห้ามออกนอกเขตสมดุลย์ของเสาทั้งสี่นี่นา  แต่การออกมาพบกันกับคนระดับเอเนทอร์นั้นน่าแปลกอยู่นะ”
อิสมาอีลพยักหน้ารับ
“การละเมิดจารีตประเพณีเช่นนี้  เป็นการท้าทายอำนาจของหลายประเทศมากนะ  คิดดูสิว่าหากคนที่เสมือนดังคนที่กุมชะตาชีวิตเราเอาไว้จู่ๆ ก็เดินมือเปล่าเข้าสนามรบ  เราจะคิดยังไง  ก็ต้องรีบห้ามใช่มั้ย  แต่นี่การกระทำแบบนี้มันฟ้องถึงเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลนะ”
“หวังว่าเอเนทอร์คงไม่คิดจะทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมานะ  ไลโนลีเซี่ยนทำความยุ่งยากมาครั้งแต่ครั้งสงครามจักรวรรดิแล้ว  คราวนี้ควรจะไม่ก่อชนวนอะไรขึ้นมาอีกนะ  ให้ตายสิ”
“เมื่อ  20  ปีที่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประชานชนไรอาห์ไม่พอใจกับการกระทำของไลโนลีเซี่ยนและเอเนทอร์เป็นอย่างมาก  แต่แล้วจู่ๆ มันกลับทำตัวให้เด่นดังขึ้นมาอีกทำไมกัน”
“ที่เคียดแค้นเอเนทอร์มากที่สุดก็คงจะเป็นบีแอสหล่ะนะ”
“ทำไมล่ะ”
อิสมาอีลเงยหน้าออกไปนอกหน้าต่าง  เสียงผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างรีบร้อนได้ยินดังมาถึงข้างในห้อง
“บีแอสเป็นถึงเสนาบดีของราชวงศ์ไรอาซัน  เรื่องนี้ใครๆ ก็คงรู้  ตามสายเลือดแล้วเขามีศักดิ์เป็นอาของไรซิ่งอาร์ค  ไรอาซันวีรบุรุษภาคเหนือเลยทีเดียว  ในสมัยก่อนชื่อเสียงของทั้งคู่โด่งดังมาควบคู่กัน  ผู้คนเรียกขานทั้งคู่ว่า  มังกรคู่แห่งลีเจนดารี่ น่าเสียดายที่ไรซิ่งอาร์คต้องสิ้นไปในสงคราม  ส่วนบีแอสต้องใช้เวลา  20  ปีในการก่อตั้งยูพีโอ  ปัจจุบันเมืองลีเจนไดส์กลับเป็นเพียงแค่เมืองร้าง  ซากของอารยธรรมถูกปกคลุมไปด้วยสัตว์ร้ายมากมาย”
อัลฟ่ายืนขึ้นเดินไปมา
“ที่ผมได้ยินมามันไม่ใช่แค่นั้นนะ  ผมได้ยินมาว่าจริงๆ แล้วบีแอสนี่แหละเป็นคนให้เอเนทอร์บุกเข้ามาโจมตีไรซิ่งอาร์ค”
“ว่าไงนะ”  อิสมาอีลมองหน้าอัลฟ่า
“ก็แค่ข่าวลือ”  เขายักไหล่  “เรื่องจริงใครๆ ก็รู้ว่าบีแอสไม่มีทางเป็นคนอย่างนั้นแน่นอน  เขารบเคียงบ่าเคียงไหล่องค์กษัตริย์จนแทบขาดใจตายกลางสนามรบ”
อิสมาอีลถอนหายใจยาว  เป็นเวลาเดียวกับที่แชซเข้ามาในห้องพอดี
“เสร็จแล้วหรือ”  อัลฟ่าถาม
“อืม  เป็นการประชุมที่ไร้สาระสิ้นดี  ทุกคนเอาแต่พูดถึงเรื่องของรางวัลในปีนี้”
“ของรางวัล?  ปกติก็เป็นเงินและถ้วยรางวัลมิใช่หรือ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง  ปีนี้แปลกมาก  ท่านเคลสม่าบอกกับที่ปะชุมใหญ่เมื่อวานนี้ว่าปีนี้คนที่ชนะเลิศจะมีสิทธิ์ได้เป็นผู้พิทักษ์สมดุลย์ด้วย  โดยไม่ต้องผ่านการคัดเลือกในเดือนแปด”
“ว่าแล้วไงล่ะ!  เอเนทอร์มันต้องการให้คนของมันเข้าไปอยู่ภายในนั้นแน่นอน”  อัลฟ่าตะโกน
“จากรูปการณ์แล้วก็ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ”  แชซนั่งลงอย่างล้าๆ
“แล้วทำไมท่านไม่ค้าน”  อิสมาอีลถาม
“ค้านแล้ว  แต่แพ้เสียงโหวต”
“หมายความว่า ”
“ทั้ง  7  ประเทศ  ให้ 4  ต่อ 3  เสียง  ลูโทมินัส  ไลโนลีเซี่ยน  ไมโตส  ออกแทนลีเจนดารี่ด้วยเพราะเป็นประเทศในอารักขา  ครบทั้งสี่พอดี”
“ไม่ยุติธรรม  ลีเจนดารี่เป็นเพียงประเทศที่ล่มสลายแล้วนะ”  อัลฟ่าบอก
“ใช่  แต่มันเป็นการเสี่ยงที่เราจะทำอะไรในตอนนี้”
“ท่านผอ.ว่าไง?”
“บีแอสกำลังเดินทางมาที่นี่  คิดว่าคงมาถึงก่อนการตัดสินผู้ชนะเลิศ”
“เฮ้อ  เรื่องมันเริ่มจะยุ่งขึ้นเรื่อยๆ  ไม่รู้ว่าแอนตี้ยูพีโอมีเอี่ยวด้วยรึเปล่า”
“มีหรือไม่มีมันก็อี่ยวกับเราทุกเรื่องนั่นแหละ”  อิสมาอีลคิดถึงเหตุการณ์ตอนอยู่ที่ในป่าคาลามาเนีย
“ว่าแต่  เอเนทอร์ส่งใครลงแข่งครับ”
ใบหน้าของแชซแดงกล่ำ
“ซิดฟีล  เอช  เดย์นาเล่ย์!”
“ไอ้หมอนี่มันใครกัน”  อัลฟ่าถาม
“ให้ตายสิ  ข้าไม่อยากจะเอ่ยแม้กระทั่งนามของมันด้วยซ้ำ  มันคือผู้ใช้เวทย์ในด้านมืด  ร่ำเรียนมาจากอาจารย์สำนักเดียวกับข้า  แต่ไอ้หมอนี่มันหักไม้เท้าทิ้ง”
“หมายความว่ามันไม่ใช้ไม้เท้าร่ายจักรา?”
“ใช่  ให้พระเจ้าลงโทษมัน  มันเอาไม้เท้าไปทำเป็นคันธนู  ลงอาคมไว้ด้วยคำสาปมืดต่างๆ  ดาร์ก  เอมเพอเรอร์  คือชื่อของมัน  ยามมันยิงด้วยอำนาจของคำสาปเราจะมองไม่เห็นลูกศรที่มันยิงออกมา  มันมีชื่อเสียงด้านการใช้จักราในทางที่ผิดมากมาย  และยังเป็น  1  ใน  5  ผู้คุมกฎแห่งไลโนลีเซี่ยนด้วย”
“ถึงกับส่งองค์รักษ์ของตนเองลงมาเลยรึ  ครั้งนี้ท่าทางคู่ต่อสู้จะหนักหนาเอาการอยู่นา”
“ให้ตายสิ  ขนาดผู้ที่ได้ชื่อว่า  จักรามหาเทพ  อย่างคุณแชซยังพูดอย่างนี้เลย  ฝีมือมันจะขนาดไหนกันนะ”
“ไม่ธรรมดาเชียวหล่ะ  ไอ้หมอนี่มันเป็นจักรามหาศาสตร์”
“โอว้าว”  อัลฟ่าอุทาน
“ท่านหมายความว่า  มันสามารถใช้ทั้งจักราและศาสตราได้พร้อมกัน?”
“ใช่  นี่คือข้อได้เปรียบของมัน  ในการประลองกันของข้ากับมันเมื่อสมัยยังเป็นนักเรียน  ข้ามักพ่ายต่อศาสตราของมันทุกครั้ง  บ้าที่สุด  ผู้ใช้จักราก็ต้องเป็นผู้ใช้จักราสิ”
เสียงประกาศดังขัดจังหวะอีกครั้ง
“อะแฮ่ม  ครับสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายบัดนี้งานเทศกาลจักราและการแข่งขันประจำปีได้เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ  ขอเชิญทุกท่านพบกับความน่าตื่นเต้นของจักราทั่วทุกสารทิศได้แล้วครับ!”
พิธีเปิดยิ่งใหญ่ตระการตายิ่งนัก  ขบวนพาเหรดแฟนซีเดินเรียงรายยาวเต็มท้องถนนสู่สนามกีฬา  พลุเวทย์มนต์ถูกจุดขึ้นอย่างสวยงามจากผู้ใช้จักรา  แชซเป็นตัวแทนในปีนี้ในการร่ายจักราเปิดงาน
หลังจากพูดอะไรสองสามประโยคเขาก็เริ่มลงมือร่ายจักรา
“โอม  สว่างสดใสเป็นประกาย!”
ทันทีที่ร่ายจบ  บนท้องฟ้าลูโทมินัสก็ปรากฎดวงดาวมากมายพร่างพราว  แสงจากดวงดาวในยามกลางวันจ้าตายิ่งนัก  แชซดึงมันลงมาจากท้องฟ้าราวห่าฝน  นี่คือจักราในตำนานฝนดาวตก  ดวงดาวทั้งหลายเมื่อกระทบกับสิ่งของก็แตกกระจายเป็นลูกแก้วโปร่งใสล่องลอยเต็มตัวเมือง  มันไม่มีอันตรายใดๆ ต่อมนุษย์  เพราะจักรานี้มีไว้จัดการกับเหล่าปีศาจเท่านั้น
แล้วเสียงขององค์จักรพรรดิก็ดังกังวานขึ้น
“ขอทุกท่านสนุกสนานกับงานเทศกาล!”
เสียงมวลชนโห่ร้องรับดังลั่นจบทั้งเมืองแทบจะพังลงตรงนั้นเลยทีเดียว
..
เสียงเพลงบรรเลงอย่างครึกครื้นขับกล่อมทั่วทั้งเมืองให้ตกอยู่ใต้อำนาจจักรา  ต่างคนต่างสนุกสนานไปกับงานเทศกาลประจำปีนี้  บรรดานักท่องเที่ยวต่างเดินไปมาขวักไขว่  ท้องฟ้าสีทองสว่างไสวไปด้วยพลุนานาชนิด
แชซเดินตัดออกมาจากถนนใหญ่ที่ขบวนพาเหรดเพิ่งจะผ่านไป  เหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
“ท่าทางท่านจะมีความสุขนะ  ยิ้มคนเดียวก็ได้ด้วย”  เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาต้องเหลียวหลังไปดูต้นตอของเสียงนั้น
อัลฟ่ายืนยิ้มอยู่กับอิสมาอีล
“เปล่าหรอก  ข้าก็แค่นึกขำเรื่องราวในอดีตบางเรื่องก็เท่านั้น”
อัลฟ่ายื่นหน้าออกมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เรื่องอะไรหรือ  เล่าให้ข้าฟังได้ไหม?  ข้าอยากรู้ประสบการณ์ต่างๆ ที่ท่านผ่านและประสบมาเหลือเกิน”
แชซนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งแถวสวนสาธารณะในเมือง  ดอกลาสกู๊ดบายกำลังออกดอกบานละพรั่ง  เหล่าผีเสื้อและแมลงต่างๆ พากันมารุมตอมกันจนกลายเป็นทะเลแห่งสีสันของฤดูร้อน
“เป็นเรื่องที่ข้าคงจะต้องจำไปนานเลยทีเดียว  ย้อนกลับไปเมื่อ  5  ปีที่แล้ว  ตอนที่ข้ายังพเนจรไปกับอาจารย์  ข้าได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งผมสีทองเหลือบแดงที่ปลายของทุกเส้น  ตาของเขามุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวราวกับต้องการจะทลายสมดุลย์แห่งไรอาห์ทั้งหมดลง  แต่ๆ จริงๆ แล้วกลับไม่ใช่อย่างที่เห็น  สายตาของเขาคือสายตาที่ส่องสว่างจ้าราวกับดวงดูน่า  ท่านอาจารย์ของข้าเดินเข้าไปถามนามของเด็กคนนั้น  เขาตอบว่า
“ชื่อของข้าคือความหวัง”
อาจารย์ของข้าจึงถามเจ้าเด็กคนนั้นต่อว่า
“แล้วเจ้าว่าความหวังของเจ้ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน”
เด็กคนนั้นจ้องหน้าอาจารย์ข้า  แล้วบอกว่า
“ไม่สูงกว่าฟ้า  ไม่ต่ำกว่าพสุธา  ไม่เหนือไรอาห์  แต่ก็ไม่น้อยไปกว่าดวงดาวใดๆ”
อาจารย์ข้าหัวเราะแล้วบอกว่า
“เจ้าคือเชื้อสายของกษัตริย์ใช่หรือไม่?”
เด็กคนนั้นไม่พูดอะไรได้แต่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
อาจารย์ข้าจึงลูบหัวเขาเบาๆ แล้วกล่าวว่า
“สักวันหนึ่งทั้งไรอาห์ต้องพึ่งเจ้า  วันนั้นขอให้เจ้าอย่างหันหลังให้กับแสงสว่าง  แม้ความมืดจักกล้ำกลาย  แต่สักวันหนึ่งแสงสว่างในตัวเจ้าจักต้องเปล่งประกายเจิดจ้าทั่วทั้งมหานภากาศแห่งไรอาห์แน่นอน”
เชื่อไหมเด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มราวกับไม่เคยยิ้มมานานแสนนาน  รอยยิ้มของเขาช่างเจิดจ้าในหัวใจข้าเหลือเกิน  ราวกับดอกลาสกู๊ดบายที่ข้าเห็นนี้เอง  แล้วเมื่อวานข้าก็ได้สังเกตว่าทั่วทั้งท้องฟ้าของไรอาห์มีประกายแสงสีทองสว่างทั่วไปหมด  ราวกับว่าอาจารย์ข้าจะรู้เรื่องในอนาคตกระนั้น  ข้าจึงยิ้มออกมา”
อัลฟ่าเดินไปเด็ดดอกลาสกู๊ดบายออกมาช่อหนึ่ง  มันมีสีทองราวกับแสงดูน่าก่อนที่จะลาจากท้องฟ้าในยามกลางวัน
“อืม  สำคัญอยู่  เด็กคนนั้นตอนนี้ก็คงจะเติบโตเป็นความหวังของไรอาห์อยู่เป็นแน่”
“ข้าก็ได้แต่หวังเอาไว้อย่างนั้นเผื่อสักวัน  หากไลโนลีเซี่ยนเกิดเริ่มก่อสงครามอีกครั้ง  ความหวังเพียงดวงเดียวคงไม่พอ ”
ทั้งสามยืนนิ่งสายตาของแต่ละคนจ้องออกไปยังสนามการแข่งขันซึ่งกำลังจะถึงรอบที่ทุกคนรอคอย
“เอาล่ะครับ  ทุกท่าน  ขณะนี้ผมขอนำทุกท่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแห่งการแข่งขันจักราประจำปีนี้  รอบที่ทุกท่านรอคอย  รอบที่จะตัดสินผู้แพ้และผู้ชนะอย่างแท้จริง  ครับมาบัดนี้เราได้ตัวแทนของคู่ชิงชนะเลิศมาแล้วนะครับ  ทิศตะวันออกคือ  ซิดฟีล  เอช  เดย์นาเล่ย์  แห่งไลโนลีเซี่ยนคราบบบบบบบบบบบบบบบบ”
เสียงผู้คนโห่ร้องกันอย่างสนั่นหวั่นไหว  ชายรูปร่างเพรียวสูงสง่าเดินออกมาจากทางเดินที่เชื่อมจากห้องพักนักกีฬาออกมาสู่สนามแข่งขัน  ผมสีดำของเขาตัดกับสีเงินของเกราะอ่อนที่เขาสวมมันไว้บนช่วงบน  เขาโค้งคำนับทั้งสี่ทิศตามธรรมเนียมแล้วออกไปยืนรอคู่ต่อสู้ที่ตรงกลางของสนาม
“ครับผม  ต่อไปเป็นตัวแทนจากอเด็ปโปเทียเพื่อนบ้านของเรานี่เอง  เรนนิ่ง  นูว์  พรีสต์ครับ!  ขอเสียงต้อนรับด้วยครับลูโทมินัส”
เสียงปรบมือดังกังวานไปทั่ว  จากประตูด้านทิศตะวันตกชายหนุ่มผมสีขาวทั้งศีรษะเดินช้าๆ ออกมาจากฝั่งตรงกันข้ามของเดย์นาเล่ย์  เขาแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติซึ่งเป็นผ้าคลุมสีขาวปลอดทั้งตัว  เรนนิ่งควงไม้เท้าสีฟ้าในมืออย่างท้าทาย
“ไอ้หมอนี่มันใครกันนะ”  แชซสงสัย
“อะไรกันท่านไม่รู้จักหรอกหรือ”  อิสมาอีลเองก็สงสัยเหมือนกันว่าผู้ที่สามารถผ่านเข้ารอบที่ลึกขนาดนี้ได้แล้วนั้นทำไมถึงไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
“ไม่รู้สิเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ช่างมาเร็วราวกับคลื่นที่โถมกระหน่ำชายฝั่งกระนั้นแหล่ะ”
“เริ่มแล้ว!”  อัลฟ่าชะโงกหน้าจากอัฒจรรย์แขกรับรองพิเศษออกมาดู
เป็นชายหนุ่มที่เริ่มก่อน  เรนนิ่งหยุดการควงไม้เท้าแล้วโยนมันขึ้นไปบนฟ้าแล้วตะโกนดังๆ
“ซัมมอนด์!”
แชซกำมือแน่น  จ้องมองไปที่กลางเวทีอย่างตื่นเต้น
“ไม่ธรรมดาเสียแล้ว  ไอ้หนุ่มนี่สามารถร่ายจักราจักรวาลได้”  เขาตะโกน
ไม่เพียงแต่แชซเท่านั้นที่รู้สึก  เดย์นาเล่ย์รีบยกคันธนูขึ้นร่ายจักราเช่นกัน
“พิทักษ์!”
แสงสีดำปรากฏขึ้นรอบๆบริเวณที่เขายืนอยู่  ช่วงเวลาแห่งการประลองกำลังกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว  ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถร่ายจบได้เร็วกว่ากันเท่านั้น
ฉับพลัน  ท้องฟ้าเหนือมหานครเอนทาเนียก็ปรากฎแสงสว่างจ้าส่องลงมาที่กลางลานประลอง  แสงสีฟ้าที่แหวกก้อนเมฆออกมาเป็นสองทางนั้นค่อยๆ กระจายกว้างออกจานคลุมทั่วทั้งลานประลอง
“นั่นคืออะไรกัน”  อิสมาอีลต้องยึดที่นั่งไว้ด้วยศาสตราระดับหนึ่งเลยทีเดียว
“เขาเรียกว่าจักราจักรวาล  โดยปกติแล้วผู้ที่จะใช้จักราได้จะต้องผ่านการพิสูจน์ธาตุเสียก่อน  ซึ่งหลังการจากที่ผู้ใช้จักราได้รู้ถึงธาตุของตัวเองแล้วจึงจะสามารถใช้จักราได้อย่างเต็มรูปแบบ  เพียงแต่ว่าจักราจักรวาลนั้นไม่จำเป็นต้องผ่านการพิสูจน์ธาตุเพราะจักราที่ผู้ใช้ร่ายออกมานั้นเป็นลักษณะไร้ธาตุหรือพูดง่ายๆ เป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง”  แชซร่ายจักราป้องกันพวกอิสมาอีลเอาไว้แล้ว
เมื่อแสงสีฟ้าที่เรนนิ่งร่ายไว้ครอบคลุมทั่วลานประลองแล้ว  แสงนั้นจึงค่อยๆ หดลงและปรากฏสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งขึ้นตรงกลางลานประลอง  มันเป็นหนอนตัวใหญ่ขนาดมหึมาสีแดงของมันราวกับอาบมาด้วยเลือด
“โอ้โห  เจ้าตัวนั้นคืออะไรกันอีกล่ะเนี่ย”  อัลฟ่ารีบหันไปถามแชซทันที
“เจ้าแห่งหนอนทะเลทราย  บรีกานิคไตตัน”  แชซพูดอย่างตื่นเต้น  “มหัศจรรย์มาก  นับตั้งแต่คราวที่ข้าไปไมโตสเมื่อ  12  ปีที่แล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่ได้เห็นมันอีก
ในขณะเดียวกันเดย์นาเล่ย์ก็ร่ายจักราป้องกันเสร็จแทบจะในเวลาเดียวกัน  โล่ห์หมอกสีดำปกคลุมร่างกายของเขาราวกับชุดเกราะ
“ไปเลย  บรีกานิคไตตัน  ปัดเป่าไอหมอกแห่งความชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป!”  เรนนิ่งออกคำสั่ง  เจ้าหนอนยักษ์ก็พุ่งตรงไปเล่นง่านเดย์นาเล่ย์ทันที
มันอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวของมันออกอย่างรวดเร็ว  เดย์นาเล่ย์สะบัดตัวหนีเหลือเพียงร่างเงาด้วยความเร็วเกินตามองทัน  เขาอ้อมไปด้านหลังของเจ้าหนอนยักษ์แล้วพาดคันธนูออกไปเบื้องหน้าพร้อมทั้งยกมือกางออกประทับไว้ที่หน้าอกแล้วร่ายจักราสวนทันที
“ดาร์ค  โคโลไนซ์”
ปราสาทหมอกขนาดใหญ่ตกลงมาจากบนท้องฟ้าทับเจ้าหนอนยักษ์ไว้ทำให้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้
เรนนิ่งแก้จักราด้วยการร่ายจักราสกัดกั้น
“ไดนามิก  วอเทอร์”
ทั่วทั้งพื้นลานประลองเจิ่งนองไปด้วยน้ำ  เดย์นาเล่ย์รีบกระโดดขึ้นด้านบนด้วยความรวดเร็ว  เขายิงลูกพลังสีดำออกไปเพื่อขัดจังหวะการร่ายจักราของเรนนิ่ง
เรนนิ่งซัดไม้เท้าออกไปด้านที่เดย์นาเล่ย์ส่งลูกพลังมา  ฟองน้ำหลากหลายสีสันพุ่งออกไปจากปลายไม้เท้า  พลังของทั้งสองธาตุต่อต้านกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  เกิดการระเบิดแสงอันยิ่งใหญ่ที่ใจกลางของการปะทะ  เรนนิ่งยกผ้าคลุมขึ้นบังหน้า  จังหวะนั้นเองที่เดย์นาเล่ย์ร่ายจักราโจมตีทันที
“ดาร์ค  สเฟียร์”
“บ้าแล้ว!  นั่นมัน  อันตรายเกินไป”  แชซรีบร้องตะโกน
ช้าไปเสียแล้ว  เดย์นาเล่ย์ยกธนูขึ้นยิงไปบนท้องฟ้า  ลูกธนูกระทบกับท้องฟ้าแล้วแตกกระจายอกเป็นเสี่ยงๆ สะเก็ดระเบิดย้อยตกลงมาเป็นเส้นๆ คล้ายกรงขังปิดล้อมเรนนิ่งเอาไว้  แล้วกรงขังสีดำทมิฬนั้นก็ค่อยๆ บีบตัวเรนนิ่งเอาไว้ราวกับสายหมอกสีดำ  ขณะนี้จากที่นั่งอัฒจรรย์ไม่สามารถมองเห็นตัวของเรนนิ่งได้เลย
“ต้องไปสั่งกรรมการให้หยุดแล้ว”  แชซรีบวิ่งออกไป
“นี่มันกะจะฆ่ากันให้ตายเลยนี่นา  เล่นขนาดเปิดจักราระดับสูง”  อิสมาอีลยืนตรงขอบอัฒจรรย์เพื่อจ้องลงไปดูเหตุการณ์เบื้องล่าง
ทันใดนั้น  ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง  เรนนิ่งก็ร่ายจักราสุดท้ายอกมาทันพอดี
“รีเมมเบอร์  เดอะ  ดรีมริเวอร์!!!!!!!!!!!!!!!!”
แสงสีฟ้ากระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง  พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นจนทำให้เกิดรอยแยกจากพื้นดินขึ้นมา  จากรอยแยกนั้นหน้าผาขนาดสูงก็ทะลุออกมา  น้ำตกขนาดมหึมาหลั่งไหลลงมาจากตาน้ำ
   
กระแสน้ำอันรุนแรงพัดพาหมอกมืดออกไปทั่วลานประลอง  จากนั้นกระแสน้ำทั้งหมดก็รวมตัวกันเป็นก้อนสูญญากาศขนาดมหึมา  แล้วพุ่งตรงไปที่เดย์นาเล่ย์ทันที
“หึ  เจ้ายังไม่อยากตายสบายๆ งั้นสิ  ถ้าอย่างนั้นลองรับพลังระดับนี้ดู  จักรามหาศาสตร์!”
แสงสีดำเปล่งออกมาจากทั่วทั้งร่างกายของเดย์นาเล่ย์  แสงที่เปล่งออกมานั้นมืดมิดราวกับรัตติกาลที่ไร้แสงสเลย์
ทันใดนั้นเองแชซก็ไปปรากฎขึ้นที่กลางลานประลอง
“ในนามแห่งคณะกรรมการแห่งยูพีโอ  ข้าขอสั่งให้ยุติการแข่งขัน”
ช้าไปเสียแล้ว  จักรามหาศาสตร์ของเดย์นาเล่ย์ร่ายจนจบแล้ว  ลำแสงสีดำมหึมาพุ่งออกไปเป็นลูกศรขนาดใหญ่ที่ปลายเป็นหัวมังกรไฮดร้าในตำนาน  มันพุ่งตรงไปที่เรนนิ่งอย่างรวดเร็ว
“ลิเบอร์ตี้  โซดิแอค!”  แชซร่ายจักราสกัดทันที  ลำแสงสีรุ้งพุ่งออกไปจากไม้เท้าของเขาเพื่อสกัดจักรามหาศาสตร์ที่เขาเคยพ่ายแพ้มาแล้ว
ดูเหมือนฝันร้ายจะตามมาหลอกหลอนเขาอีก  ลุกศรสีดำพุ่งทะลุกระสุนน้ำของเรนนิ่งและลำแสงสีรุ้งของเขาตรงดิ่งไปทางอัฒจรรยคนดู  ประชาชนที่นั่งอยู่รีบวิ่งหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น
ด้วยความเร็วเหนือแสง  แสงสีขาวจ้ารูปโล่ห์และเสาน้ำแข็งขนาดมหึมาก็พุ่งเข้ามาสกัดกั้นทางวิถีกระสุนของจักรามหาศาสตร์
“ไลท์  มาโมรูท”  เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังแชซ
“โฟรเซ่น  เทอร์มินัล”  อีกเสียงดังมาจากอัฒจรรย์ด้านนักข่าว
ทั้งสามปะทะกันจนทำให้เกิดปรากฏการณ์  จักราผกผัน  คือจักราทั้งหมดกลับคืนสู่ผู้ร่ายอีกครั้ง  กลุ่มหมอกควันที่เกิดจากการระเบิดเริ่มสลายตัวลงทำให้เหตุการณ์เริ่มกลับสู่สภาพปกติ  เสียงโฆษกดังขึ้นเป็นระยะๆ เพื่ออพยพผู้คนออกไป
บนลานประลอง  อิสมาอีล  อัลฟ่าและแชซช่วยกันประคองเรนนิ่งเอาไว้  เขาหมดสติไปตั้งแต่โดนสะเก็ดระเบิดของจักรามหาศาสตร์แล้ว  ส่วนเดย์นาเล่ย์นั้นยืนอยู่กับชายหนุ่มอีกสองคน
“ต้องขออภัยท่านกรรมการด้วยขอรับ”  ชายร่างสูงผมสีทองค้อมคำนับ
“เป็นเพราะความบ้าบิ่นและขาดสติยั้งคิดชั่วครู่ขอรับ  ท่านโปรดเข้าใจสถานการณ์ด้วยนะขอรับ”  ชายร่างเล็กผมสีฟ้าเอ่ยบ้าง  ทั้งสามคนใส่ชุดเหมือนกันหมด
“ข้าว่าเอาไว้คุยกันในที่ประชุมจะดีกว่านะ  ลูมินัส  ซิลปิค  ไลท์เลกาซี่  และฟรีกเกอร์  เดอ  ฟรองเซ่  ผู้คุมกฏแห่งไลโนลีเซี่ยน!”
..
ภายในห้องประชุม  ณ  สนามการแข่งขันเป็นไปอย่างเคร่งเครียด  โต๊ะประชุมตัวยาวเต็มไปด้วยคณะกรรมการของลูโทมินัส  และตัวแทนจากประเทศต่างๆ  เอเนทอร์และผู้คุมกฎสามคนนั่งอยู่ฟากซ้ายมือของประธานซึ่งก็คือนายบีแอสนั่นเอง  ส่วนยูพีโอทั้งสามคนนั่งอยู่ด้านขวามือของบีแอส
“ผมขอสรุปเลยละกันนะครับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นไปเพราะสถานการณ์มันบังคับ  เนื่องด้วยการใช้จักราที่เกินขอบเขตของทั้งคู่”  บีแอสเริ่ม
“แล้วด้วยประการนี้เอง  ผมจึงขอความเห็นจากทุกท่านว่าเราควรจะตัดสินผลเป็นเสมอกันดีหรือไม่”
แชซยกมือขึ้นก่อน
“ผมว่าตัดสินให้เสมอดีที่สุดครับเพื่อสัมพันธภาพของทุกประเทศ  โดยเฉพาะอเด็ปโปเทียและไลโนลีเซี่ยน”
ฟลอร่า  เซเลอดี้  จากอเด็ปโปเทียยกมือขึ้นบ้าง
“แต่ข้าคิดว่าสมควรที่จะให้ประเทศของเราชนะ  เพราะคนของไลโนลีเซี่ยนใช้จักรามหาศาสตร์ซึ่งเป็น  “ศาสตรา”  อย่างหนึ่ง  ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วมันผิดกฏของการประลอง”
“ข้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านฟลอร่า”  เซเรียน่าแห่งแคปตาโมโปเลียเอ่ยสนับสนุน
แชซกระซิบกระซาบกับอิสมาอีล
“ท่านคอยดูนะ  เดี๋ยวก็เป็นเหมือนกับตอนออกเสียงเรื่องของรางวัล  เจ้าเซเน่จะต้องเข้าข้างเจ้าเอเนทอร์”
ไม่ทันขาดคำเสียงทุ้มใหญ่ของชายร่างอ้วนที่นั่งอยู่ติดๆ กับที่นั่งของประเทศไลโนลีเซี่ยนก็ดังขึ้น
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยท่าน  ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขออ้างมั่งหละว่า  จักรามหาศาสตร์  มันก็มีคำว่า “จักรา” อยู่เหมือนกัน  คนของท่านพ่ายแพ้ต่อจักราของคู่ต่อสู่ย่อมต้องยอมรับความจริงสิ  หรือนี่เป็นเพียงการต่อยตีกันตามธรรมดา?  มิได้วัดพลังจักรากันอย่างแท้จริง”
องค์จักรพรรดิเคลสม่าเอ่ยขึ้นบ้าง
“อืม  ที่ท่านฟลอร่าพูดมามีเหตุผล  แต่ที่ท่านเซเน่กล่าวก็ใช้จะผิดเสียทีเดียว  ข้าผู้ซึ่งเป็นประธานจัดงานนี้เห็นด้วยกับท่านทั้งสองนั่นแหละ  แล้วท่านเอเนทอร์ล่ะคิดว่าอย่างไรดี”
เอเนทอร์ขยับตัวลุกขึ้นยืน
“สำหรับตัวข้านั้น  ของรางวัลอะไรข้าไม่เคยอยากได้  เพียงแต่ผู้คุมกฏของข้าจะต้องได้รับการดูหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างช่วยไม่ได้  มันทำให้ข้ารู้สึกปวดใจเหลือเกิน  แต่ตัวข้าเองแล้วโดยความยุติธรรม  ข้าก้อยากให้ผลออกมาเสมอเช่นกัน”
“ไม่ทราบว่าท่านเรนนิ่งแห่งประเทศของข้าไปแสดงกริยาดุถูกคนของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กันไม่ทราบ!”  ฟลอร่าลุกขึ้นยืน
“ใจเย็นท่านฟลอร่า  ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าท่านเรนนิ่งของท่านต่อสู้ไม่เต็มที่เท่านั้นเอง  คนของข้าเห็นว่าพลังจักราของท่านเรนนิ่งนั้นได้ถูกออมเอาไว้  จึงรุ้สึกเสมือนหนึ่งดูถูกเหยียดหยามเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้พลังจักราในขั้นสูงเพื่อความสมศักดิ์ศรีของตัวเขาเท่านั้นเอง”
“เอาล่ะๆ”  บีแอสกล่าวในที่สุด  “ผมว่าเรื่องทั้งหมดก็ขอให้จบเพียงเท่านี้ละกันนะ  การตัดสินในครั้งนี้ขอให้ถือว่าเสมอกัน  สำหรับถ้วยรางวัลนั้นทางยูพีโอจะเป็นตัวกลางเก็บรักษาเอาไว้ให้เอง  จนกระทั่งการประลองในปีหน้าจะรู้ผลนะ  เอาละผมขอปิดประชุมลงแต่เพียงเท่านี้นะ  ขอบคุณทุกท่านนะครับสำหรับความร่วมมือ”
ทุกคนพากันแยกย้ายออกไป  อัลฟ่ารอทั้งสองอยู่ที่หน้าห้องประชุมอยู่นานแล้ว  หลังจากที่เขาได้ทราบเรื่องทั้งหมดจากอิสมาอีลก็ขอตัวออกไปติดต่อกับหน่วยสนีคที่ฐานลับ
“ท่านว่าอย่างไร”  แชซถาม
“ผมว่าเรื่องนี้คงจะผิดคาดเอเนทอร์อยู่เหมือนกัน  มันคงไม่คิดว่าจะมีคู่ต่อสู้ที่สามารถบีบสถานการณ์ให้เลวร้ายถึงกับต้องบังคับให้เดย์นาเล่ย์ต้องใช้จักรามหาศาสตร์”
“ศิษย์น้องของข้าคนนี้เหลือร้ายจริงๆ”  แชซถอนหายใจเบาๆ
“เราแทบไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก”  อิสมาอีลมองไปข้างหน้า  สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“แต่   ข้าว่าตอนนี้มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราควรทำ”
“ไปคุยกับเรนนิ่ง”  ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
“ใช่  ไปคุยกับคนของอเด็ปโปเทียคงจะให้อะไรกับเราบ้าง”  อิสมาอีลบอก
“ข้าคิดว่าท่านฟลอร่าย่อมต้องสงสัยอยู่ก่อนหน้านี้เป็นแน่”  แชซเดินนำไปยังจวนรับรองในลานประลอง
ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู  แชซเคาะประตูเบาๆ สองครั้ง  จึงได้ยินเสียงดังออกมาจากข้างใน
“ที่นี่จวนของท่านฟลอร่า  ห้ามใครรบกวนทั้งสิ้น”
“ช่วยบอกท่านด้วยส่าข้าแชซ  และท่านอิสมาอีลจากยูพีโอมีเรื่องที่จะปรึกษาด้วย”
เสียงนั้นเงียบไปชั่วครู่  ผ่านไปไม่นานเสียงใหม่ก็ดังขึ้นมา
“เชิญท่านทั้งสองเข้ามาด้านในก่อนครับ”
เมื่อประตูเปิดออก  ทั้งสองจึงเห็นเรนนิ่งยืนยิ้มอยุ่ที่หน้าทางเข้า
“อ้าวท่าน  ท่านหายดีแล้วหรือ”  อิสมาอีลถามไถ่
“ครับ  ขอบคุณท่านทั้งสองมาก”  เรนนิ่งเดินนำทั้งสองเข้าสู่จวนรับรองที่โอ่อ่าใหญ่โตและประดับประดาไปด้วยของล้ำค่ามากมาย  ผนังเคลือบทองบ่งบอกให้ทราบถึงเศรษฐกิจการเมืองที่ดีของลูโทมินัส  เรนนิ่งหยุดเดินเมื่อมาถึงหน้าประตูสีขาวบานหนึ่ง  เขายกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ แล้วจึงเปิดเข้าไปด้านใน
“เชิญท่านทั้งสองนั่งลงก่อน”  ฟลอร่า  เซเลอดี้  แห่งอเด็ปโปเทียแต่งชุดนอกราชการเรียบร้อยแล้ว  เป็นชุดพื้นเมืองสีขาวเหมือนกับที่เรนนิ่งใส่  สีของมันตัดกับผิวสีคล้ำของเธอเสมือนเส้นขอบฟ้ายามเช้า
เมื่อทั้งสองคนนั่งลงแล้ว  เรนนิ่งจึงขอตัวออกไป
“ต้องขออภัยที่เข้ามารบกวนท่านฟลอร่าถึงที่พัก”  แชซเอ่ย
“มิได้  ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านแชซมาเยี่ยม  วันนี้มีเรื่องอันใดถึงกับต้องรีบมาหาข้าหลังประชุมเสร็จเร็วขนาดนี้”
“ก็เรื่องที่ประชุมวันนี้นั่นแหละท่าน”
“อย่างที่ข้าคาดเอาไว้ไม่ผิด  นี่แสดงว่ายูพีโอก็ระแคะระคายเช่นกันสินะ”
“ครับ  ทางยูพีโอได้ถ่ายภาพพวกนี้เอาไว้ได้โดยหน่วยสอดแนมของเรา”  อิสมาอีลยื่นรูปให้ฟลอร่าดู
เมื่อฟลอร่ารับรูปถ่ายเหล่านั้นไปดูแล้วก็อุทานออกมาเบาๆ  จากนั้นเธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน  แล้วเดินออไปมองที่ข้างนอกหน้าต่าง  ขณะนี้แสงสีส้มของดูน่าส่องสะท้อนผิวน้ำทะเลสาบคาลามาเนียอย่างสวยงาม
“ท่านว่าเราควรจะทำอย่างไรดี  การเคลื่อนไหวของไลโนลีเซี่ยนกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้แน่นอน  ข้าว่า”
“จริงอย่างที่ท่านพูด  เราไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไปแล้ว”
“เพียงแต่ว่ารูปสามใบนี้ไม่อาจจะเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะมัดตัวมันเอาไว้ได้”  อิสมาอีลบอก
“ถูกของท่าน  เราควรทำอย่างไรดี”
“จากการที่ข้าพิจารณารูปถ่ายทั้งสามใบนี้  รูปสุดท้ายเป็นรูปที่น่าสงสัยที่สุด  หากให้ข้าคาดเดาคงจะต้องขอลอกว่า  เรื่องนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวกับสมดุลยแห่งไรอาห์แน่นอน”  แชซกล่าว
“อืม  ถ้าเป็นเช่นที่ท่านพูด  เรื่องใหญ่แน่คราวนี้”  ฟลอร่าสั่นกระดิ่งที่อยู่ข้างตัวดังๆ  เด็กรับใช้รีบเเดินเข้ามา
“มีอันใดให้ข้ารับใช้ขอรับ”
“เจ้าจงไปตามท่านเรนนิ่งมาพบข้าด่วน”
เด็กรับใช้ค้อมตัวลงแล้วรีบเดินออกไปทันที  เพียงชั่วครู่  เรนนิ่งก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับโค้งตัวให้กับนายของตน
“มีอะไรครับท่านฟลอร่า”
“เรนนิ่งเจ้าประมือกับเดย์นาเล่ย์มาแล้ววันนี้  เป็นอย่างไรบ้าง”  ฟลอร่าถาม
“ตามธรรมดาแล้วผมไม่เคยเจอคู่ต่อสู้คนไหนความสามารถเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย  ขนาดผมเปิดจักราจักรวาลแล้วยังไม่เท่าจักรามหาศาสตรเลย  ข้าคิดว่าเขาต้องการฆ่าข้าจริงๆ  เพียงแต่ถ้าท่านอิสมาอีลไม่ลงมาเสียก่อน”
“หมายความว่าไง”  แชซรีบถาม
“ท่านไม่สังเกตหรือครับว่าวิถีกระสุนพลังของเดย์นาเล่ย์พุ่งตรงมาที่ท่านด้วย”
อิสมาอีลนึกออกขึ้นมาทันที
“ใช่แล้วท่าน  มันร่ายจักรายังไม่เสร็จตอนที่ท่านปรากฏตัวที่ลานประลอง  ข้าจำได้แล้ว  แล้วพอข้ารีบวิ่งตามท่านลงไปสองคนทีเหลือจึงรีบร่ายจักราสกัดเอาไว้”
“งั้นก็หมายความว่า  มันต้องการเล่นงานทั้งคู่นะสิ”  ฟลอร่ากล่าว
“เห็นจะเป็นเช่นนั้น”  เรนนิ่งหันไปทางแชซ  “มันคงต้องการจัดการกับท่านแชซด้วย  และข้าคิดว่ามันคงรู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องออกมาห้ามไว้”
“ไลโนลีเซี่ยนเริ่มเคลื่อนไหวแล้วจริงๆ ด้วย”  ฟลอร่าทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้
“ทางเราก็คงต้องเคลื่อนไหวเช่นกัน”  อิสมาอีลลุกขึ้น
“เราต้องติดต่อกับบีแอสแล้วประชุมด่วน  ปฏิบัติการซิกม่าสิ้นสุดแล้ว  คงต้องเริ่มแผนการต่อไปอย่างรวดเร็ว  เราสองคนบินกลับมาณวกกันก่อนเถอะท่าน”
“ดีเหมือนกัน  ส่วนอัลฟ่านั้นข้าจะส่งคนไปบอกแล้วกัน  ขอบคุณท่านฟลอร่ามาก  และท่านเรนนิ่ง  โปรดระวังตัวของท่านเอาไว้  เจอกันคราวหน้าเดย์นาเล่ยืไปปล่อยท่านแน่นอน”
“ขอบคุณท่านแชซ  ข้าจะระวัง”
ทั้งสองเดินออกไปส่งแขกผู้มาเยือนที่หน้าจวน  เมื่อเห็นอิสมาอีลและแชซเร่งรุดเดินออกไปจนลับตา  ฟลอร่าจึงหันกลับมาพูดกับเรนนิ่ง
“ทางเราก็ต้องเคลื่อนไหวเช่นกัน  เจ้าจงไปไลโนลีเซี่ยนสืบเรื่องราวมา  ช่วยเหลือยูพีโออย่างลับๆ นะ”
“ขอรับ”  เรนนิ่งพยักหน้ารับแล้วร่ายเปิดจักราทันที
“ลูนาติก  เวย์”
ลำแสงสีขาวพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง  มันคือจักราที่ร่ายเพื่อเปิดทางเชื่อมมิติ  เรนนิ่งก้าวเข้าไปในนั้นแล้วพุ่งขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว
“ขอให้โชคดี ”  ฟลอร่าหันหลังกลับไปยังจวนของตนเอง  สายฝนก็เริ่มพรั่งพรูลงมา  ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงสว่างไสว  ใครบางคนร้องเพลงออกมาคลอกับสายลมในยามค่ำคืนเป็นทำนองอันไพเราะ ;
“มองเห็นแสงดาวสกาวฟ้า
บนท้องนภาให้ใจหาย
สายลมคลอเคล้าสู่ผิวกาย
สายฝนประปรายสู่หัวใจ
เย็นลมน้ำเย็นฉ่ำสายฝน
หนาวสะท้านใจคนทนไม่ไหว
นึกถึงแสงดาวเจ้าทีไร
นึกถึงดวงใจเจ้าทุกครา
เย็นใจเย็นกายด้วยสายฝน
หนาวสะท้านใจคนเป็นหนักหนา
ดาวเอ๋ยเราไกลห่างเพียงขอบฟ้า
แล้วคนรักข้าอยู่ที่ใด
วอนลมวอนฝนฝากคำข้า
วอนดวงดาราสว่างไสว
ฝากความห่วงหาให้คนไกล
ฝากความห่วงใยให้ทุกคืน ”
จบบรรพที่สาม
หมายเหตุ-เรื่องนี้ไม่ได้แต่งจากเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น  ตัวละครและสถานที่ต่างๆ ล้วนเป็นเพียงสิ่งสมมติ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น