ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tale Of Final Quest

    ลำดับตอนที่ #2 : บรรพที่หนึ่ง \" ปฎิบัติการซิกม่า \"

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 46


    ปฐมบทแห่งภาคมหาสงคราม

    บรรพที่  1  

    “ ปฏิบัติการพิเศษ  -  ซิกม่า ”




    เดือนพฤษภาคม  สุริยะศักราชที่  187



    ตึกยูพีโอบิวดิ้ง  มาณวก  อัครเมธี  เซนทรัล  คอนติเนนเซ่



    ภายใต้ท้องฟ้าสีครามอันสดใส  สิ่งก่อสร้างที่เด่นตระหงานตระการตาเบื้องหน้าผู้คนที่กำลังสัญจรไปมานั่นก็คือ  ตึกสำนักงานใหญ่ของยูพีโอนั่นเอง



    ความสูง  77  ชั้นของอาคารทำให้ภูเขาสิงขรบรรพตที่ตั้งเป็นเทือกทางทิศตะวันตกนั้นดูเล็กลงไปทันตา  เสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินไปมาทำให้ชายคนที่ลงมาจากรถต้องถอนหายใจ



    บนชั้นสูงสุดเห็นเป็นรูปวงแหวนล้อมรอบตัวอาคารอยู่ก็คือห้องทำงานของระดับสูงสุดนั่นเอง  เขาก้าวเข้าไปยังตัวอาคาร  รปภ.รี่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว



    “ขอบัตรด้วยครับ”  เขายื่นบัตรสีทองออกไป  ชั่วครู่เขาก็ก้าวเข้ามาในลิฟท์สำหรับเจ้าหน้าที่แล้ว



    “ไปชั้นไหนคะ”  เจ้าหน้าที่ผู้หญิงถาม



    “ชั้น  77  ครับ  นี่กุญแจ”  เขาตอบพลางยื่นกุญแจพิเศษให้  หญิงสาวหยิบมันมาแล้วรูดกับคอมพิวเตอร์เหนือปุ่มหยุดฉุกเฉิน  เสียงปี๊บเบาๆ บอกได้ว่ารหัสถูกต้อง



    เพียงชั่วครู่เดียว  เขาก็มาถึงอาคารวงแหวนชั้น  77  ทางเดินปูพรมสีน้ำเงินคาดชมพูเป็นแนวตลอดทั้งอาคาร  เขารีบก้าวเข้าไปตามทางที่ลูกศรชึ้ว่า  “ที่ทำงานผู้อำนวยการ”



    เขากล่าวทักทายเลขาหน้าห้องอย่างเป็นกันเอง  แม้หน้าตาของเขาอาจจะเทียบไม่ได้กับดาราตามโทรทัศน์  แต่เขามั่นใจในรูปร่างและส่วนสูง  185  ซม.  นี้เป็นอย่างมาก  มีคนเคยบอกว่าคิ้วที่เข้มของเขานั้นรับกับคางเป็นอย่างดี  แต่เขากลับไม่เห็นว่ามันเข้ากันตรงไหนเลย



    “วันนี้มาเลื่อนขั้นเหรอคะ”  เลขาคนนั้นแซว



    “อีกไม่นานหรอกครับ  ท่านอยู่ใช่มั้ย”  เขารีบจัดแต่งทรงผมหยักศกของเขาให้เข้าทรง



    “เชิญข้างในเลยคะ  ท่านทานข้าวเช้ารออยู่”



    เขาก้าวไปเปิดประตูห้อง  พรมน้ำเงินนำไปสู่ห้องโอ่โถงคลาสสิคแห่งหนึ่งตบแต่งไว้อย่างดี  ข้างหน้าเป็นโต๊ะทำงาน  ส่วนโต๊ะทานอาหารอยู่เยื้องไปทางขวามือของห้อง



    “มาเร็วจัง  อิสมาอีล”  ชายแก่กล่าวทักเขาก่อนพลางลุกขึ้นจากจานอาหารที่ว่างเปล่าแล้ว



    “ผม  อิสมาอีล  โยฮาร่า  ระดับเอส  รายงานตัวครับ”



    “ตามสบาย”  ชายแก่กล่าวพลางหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาคลี่ออก



    “คราวที่แล้วหนักน่าดูเหมือนกันนะ”  เขากล่าวต่อเมื่อเห็นว่าคู่สนทนายังเงียบ



    คราวที่แล้วหมายถึงปฏิบัติการที่เมืองคอนอาก้า  ประเทศไมโตส  ที่นั่นเป็นสถานจองจำนักโทษที่มีค่าหัวเกินหลัก  100  ล้านเรน่าขึ้นไป  งานที่เขาต้องไปทำก็คือคุมตัวนักโทษโหดคนหนึ่งที่มีชื่อว่า  โซรานญี่  หรือที่รู้จักกันในนาม  เพชรฆาตทมิฬ  เขาเป็นคนวางกองกำลังประสานงานกับตำรวจของประเทศลูโทมินัสเพื่อทำการจับกุม  ปรากฏว่ามีนายตำรวจตายในหน้าที่  5  นาย  ยูพีโอสั่งสายฟ้าฟาดลงมาว่าให้เขาจัดการในระดับสูงสุด-จับตาย!



    ภายหลังจากการซุ่มดูท่าทีของมันแถวๆ ชายแดน  ภายในเวลา  30  ชั่วโมงหลังคำสั่งเขาก็สามารถนำตัวมันมาลงเอยที่คอนอาก้าจนได้  แต่จนแล้วจนรอด  ไอ้โหดนักฆ่าร้อยศพคนนี้ก็พยายามแหกคุกออกมาอีก  ดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของเขาอีกเช่นเคยที่จะลากมันกลับไป  วันนั้นเป็นวันที่หิมะตกหนัก  เขายืนมองคุกคอนอาก้าอยู่ภายนอกจนกระทั่งยาสูบของเขาหมดไปหลายมวน  มันก็โผล่ออกมาตรงที่เขายืนอยู่พอดี  โซรานญี่ใช้วิธีติดสินบนเจ้าหน้าที่ภายในขอแผนที่คุกคอนอาก้าและด้วยความร่วมมือของสมาชิกแก๊งค์เก่าทำให้มันได้อุปกรณ์หลบหนีครบครัน  แต่น่าเสียดายที่หิมะกลบฝาท่อระบายน้ำจนเขาเผลอยืนทับมันไว้  ล่าสุดได้ข่าวว่าโทษตัดสินประหารออกมาแล้ว



    “ครับ  เป็นเพราะโชคช่วยด้วยในส่วนหนึ่ง”  เขากล่าวตอบ



    “อย่าลืมเตือนผมให้หางานเบาๆ ให้คุณบ้างนะ”  บีแอสกล่าวติดตลก



    “หมายความว่าคราวนี้ก็…”



    “ใช่  เหมือนอย่างเคย”  เขากล่าวพลางขยับแว่นตาขึ้นลง  มันสะท้อนให้เห็นแววตาที่ว้าวุ่นสีเขียวอ่อนของเอาวูบวาบไปมา  ผมสีดอกเลาแสดงร่องรอยของการผ่านประสบการณ์อันล้ำค่ามาอย่างโชกโชน  รอยย่นและรอยตีนกาขยับไปมาตามจังหวะมือ  “เป็นภาระกิจลับสุดยอด  ตามมาทางนี้สิ”  เขาพาเดินเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง  ภายในมีเจ้าหน้าที่ระดับเดียวกับเขาและสูงกว่าทำงานกันอยู่ง่วนไปหมด



    บีแอสมาหยุดตรงแผนที่คอมพิวเตอร์  พลางชี้ให้ดูจุดเล็กๆ 4  จุด



    “คุณรู้ไหมนี่หมายถึงอะไร”



    “ดูจากรูปภาพและตำแหน่งแล้ว  น่าจะเป็นพิกัดของสมดุลย์แห่งไรอาห์  ใช่ไหมครับ”



    สมดุลย์แห่งไรอาห์คือเสาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตามทวีปทั้ง  4  จะไม่มีก็แค่แคปตาโมโปเลียเท่านั้น  ตามความเชื่อของชาวไรอาห์  เสาทั้ง  4  ต้นนี้คือจุดกำเนิดแห่งพลังของไรอาห์  หากขาดสมดุลย์ทั้งสี่แล้ว  วันนั้นคือวันสิ้นไรอาห์  ดังนั้นทวีปทั้ง  4  จึงมีการแต่งตั้งผู้พิทักษ์ขึ้นมาเพื่อทำการปกป้องดูแลเสาทั้งสี่ต้นนี้  โดย  15  ปีจะมีการคัดเลือก  1  ครั้ง  ครั้งละ  16  คน  คือ  4  คน  ประจำ  1  ต้น  โดยการคัดเลือกนี้จะให้ผู้ปกครองทั้ง  7  ประเทศมาร่วมเป็นกรรมการคัดสรรด้วย  โดยมียูพีโอเป็นประธานในพิธี  การคัดเลือกมีเป็นประจำในเดือน  8  



    “เธอคงรู้ว่าการคัดเลือกผู้พิทักษ์ครั้งล่าสุดนี้ก็คือในอีกสามเดือนใช่มั้ย”



    “แน่นอนครับ”  เขาตอบ  สงสัยเหลือเกินว่าภาระกิจคราวนี้จะออกมาในรูปแบบไหน



    ราวกับรู้คำตอบ  บีแอสยื่นเอกสารปึกใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะปฏิบัติการมาให้เขา  หน้าซองเขียนเอาไว้ว่า  “ ลับสุดยอด  สำหรับปฏิบัติการซิกม่า  ”



    “นี่คือ…”



    “งานของเธอ”



    “ซิกม่าเหรอครับ”



    “ใช่  ลองอ่านรายละเอียดข้างในดู  มีอะไรไม่เข้าใจก็”  ชายแก่กวักมือเรียกนายทหารคนหนึ่งเข้ามา  “ถามคุณอเลนได้เลยนะ  เขาเป็นหัวหน้าของคุณในภาระกิจคราวนี้”



    นายอเลนผงักหน้าเบาๆ  อิสมาอีลยื่นมือไปให้จับ



    “ภาระกิจคราวนี้จะเป็นต้องให้คุณรับหน้าที่เป็นแนวหน้า  เพราะฉะนั้นเดี๋ยวตามผมมาที่ห้องแล็ปด้วยนะครับ”  อเลนกล่าวพร้อมทั้งหันไปทางบีแอส



    “ท่านครับ  การเตรียมการของทางฝ่ายลูโทมีนัสก็พร้อมแล้วครับ”



    “ดีมาก  เอาล่ะ  โมฮาร่า  คุณมีเวลาศึกษางานและซักถามข้อสงสัยภายใน  48  ชั่วโมงเท่านั้น  วันเสาร์นี้  แปดนาฬิกาตรงมาพบผมที่ลานบินที่สาม  แค่นี้ล่ะ”



    พูดจบบีแอสก็เดินไปหาชายที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์สอบถามเรื่องเกี่ยวกับภูมิศาสตร์อะไรสักอย่าง  อิสมาอีลเดินตามอเลนไปยังห้องแล็ป  ในระหว่างนั้นเขาหยิบปึกเอกสารภาระกิจขึ้นมาอ่านคร่าวๆ  ได้ใจความว่า  ภาระกิจคราวนี้เขาต้องเข้าไปยังลูโทมีนัส  ประสานงานกับหน่วยย่อยที่นั่น  แล้วจะเริ่มปฏิบัติงานขั้นที่สองที่นั่นอีกที  



    ภายในห้องแล็ป  เขาถูกจัดการเรื่องบัตรประจำตัวใหม่เรียบร้อย  นอกจากนั้นยังทำการกำหนดรหัสในระหว่างปฏิบัติการด้วย  หลังจากที่แยกกับอเลนแล้วเขาก็มุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อเตรียมการสำหรับใน  48  ชั่วโมงข้างหน้า



    ………………………………………………………………………………………………………..



    เสียงนาฬิการบอกเวลาดังขึ้น  ตัวเลขที่หน้าปัดบอกเวลา  6  โมงตรง  เขาลุกขึ้นยืดแข้งยืดขาแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างงัวเงีย  หลังจัดการภาระกิจส่วนตัวแล้วก็เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดทำงานออกมา  เขาลากกระเป๋าที่จัดเตรียมไว้เมื่อคืนเรียบร้อยแล้วออกมาวางไว้ที่หน้าห้อง  เดินเข้าครัวเปิดตู้เย็นที่ทำงานด้วยระบบเสียงออกแล้วหยิบนมออกมาดื่มรวดเดียวหมด  พอแล้วสำหรับอาหารเช้าของเขาก่อนปฏิบัติการ



    เขาเอาของทั้งหมดไปวางไว้ที่หน้าบ้าน  ไม่เกินอึดใจรถที่อเลนเตรียมไว้ให้ก็มารับเพื่อไปยังสนามบินของยูพีโอที่เมืองเทพพิทักษ์  ทางเหนือของอัครเมธี



    หลังจากที่หลับไปงีบหนึ่งสั้นๆ ภายในรถ  เขาก็รู้สึกตื่นตัวเต็มที่  เป็นแบบนี้ทุกครั้งก่อนออกทำงาน  ต้องนอนสักงีบเล็กๆ เพื่อความสบายใจ

    รถจอดที่หน้าทางเข้าสนามบินตอนเวลา  7  โมงครึ่ง  เหลือเฟือสำหรับการเตรียมพร้อม  เขายื่นบัตรผ่านให้กับยามหน้าทางเข้าแล้วก็เดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อไปยังสนามบินของระดับสูง



    ลานบินที่สามนั้นหาไม่ยาก  โดยเฉพาะในเวลาอย่างนี้เพราะมีเพียงลานบินนี้ลานบินเดียวเท่านั้นที่เต็มไปด้วยผู้คน  บีแอสและอเลนรอเขาอยู่นานแล้ว



    “เอาล่ะ  ที่นี้ฟังหน้าที่ของคุณเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วนะ  ก่อนอื่นคุณต้องจอดเครื่องบินเอาไว้ที่ชายป่าแถวๆ ตอนใต้ของคาลามาเนีย  ห่างจากเมืองหลวงลูโทมินัสคืออินทาเนียประมาณ  10  ไมล์  ให้คุณเดินทางจากที่นั่นไปยังจุดนัดพบคือ  พิกัด  H-8  ที่นั่นคุณจะพบกับเจ้าหน้าที่ของเราแล้วเขาจะแจงหน้าที่ต่อไปให้คุณเอง”



    “มีคำถามอะไรไหม”  อเลนกล่าวหลังบีแอสพูดจบ



    “ทำไมให้ผมไปทำงานนี้ครับ  เรื่องนี้ท่านก็รู้ว่าผมยังไม่ใช่แนวหน้าเลยทีเดียว”



    “แต่ผมมั่นใจในศิลปะการเอาตัวรอดของคุณ”  บีแอสกล่าวยิ้มๆ



    อิสมาอีลเข้าใจในทันที  งานนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะสายลับ  หากแต่ต้องใช้สมองและกำลังเข้าช่วยด้วย  เขากำลังทำหน้าที่ในระดับเสี่ยงภัยขั้นสูง  สัญชาติญาณภายในของเขาบอกอย่างนั้น



    “ในเมื่อไม่มีคำถามแล้ว  ก็ขอให้คุณโชคดีในการเดินทางครั้งนี้นะ”  ทั้งสองกล่าวอำลา



    อิสมาอีลเดินขึ้นเครื่องบินพิเศษแบบบังคับคนเดียวรุ่น  ยูพีโอ-07  ความเร็วเหนือเสียงทำให้เหมาะที่จะเดินทางไปยังที่ไกลๆ ได้  ภายในมีระบบนำร่องอัตโนมัติทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการขับขี่  เบาะนุ่มสบายและการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก  เจ้าหน้าที่หลายคนจึงชอบรุ่นนี้มากเป็นพิเศษ



    เวลา  8  นาฬิกา  เขาก็ขึ้นมาอยู่เหนือแผ่นดินอัครเมธีแล้วในระดับความสูง  15000  ฟุต



    ………………………………………………………………………………………………………..



    เสียงน้ำตกดังแว่วเข้ามาในโสตประสาททำให้เขารู้สึกตัวขึ้น  ขณะนี้เขาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันแวดล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ  สีเขียวอ่อนของต้นสนในป่าลึกและความใหญ่โตของมันทำให้เขาดูเล็กกระจ้อยร่อยเสียเหลือเกิน  เขาเริ่มเดินไปเรื่อยๆ หลังจากที่หยุดพักค้างแรมมาเป็นเวลาประมาณ  4  ชั่วโมง  เมื่อสามวันที่แล้วเขายังอยู่ที่ไมโตสใจกลางของไมโตสคอนดัสอยู่เลย  หลังจากที่เสียเวลาไปกับการตระเตรียมสัมภาระเขาก็เริ่มออกเดินทางสู่นครโบราณลีเจนไดส์  จากคำบอกเล่าของหมู่บ้านกลางป่าที่เพิ่ง ผ่านมาสองวันที่แล้วทำให้รู้ว่าอีกไม่นานเขาจะเข้าสู่ชายแดนของลีเจนไดส์  สิ่งแรกที่บ่งชี้ก็คือพรมแดนธรรมชาติที่ตั้งตระหง่านมานานกว่าล้านปี  ภูเขาเอนเดรส



    เขาหยุดพักอีกครั้งที่ตีนเขา  นึกถึงคำพูดของท่านผู้เฒ่าที่ฝากฝังไว้ก่อนตาย  “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เมื่อข้าตายไปแล้วขอให้นำวิญญาณแห่งข้ากลับคืนสู่มาตุภูมิ  แล้วเมื่อถึงวันนั้นท่านจะได้ทราบชาติกำเนิดแห่งตัวเอง”  เขาเติบโตมา  20  ปีเต็มภายใต้การดูแลของผู้เฒ่าที่เขาไม่ทราบชื่อเรียกจนติดปากว่าผู้เฒ่าจนวันตาย  เขาเป็นใครมาจากไหนไม่เคยคิดที่จะรู้  เพียงแต่เมื่ออยู่ตามลำพังสิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ต้องการคำตอบ



    ลมหนาวจากที่ราบสูงพัดมาแผ่วเบาคล้ายเสียงกระซิบแห่งวิญญาณธรรมชาติ  เขาปีนป่ายขึ้นไปสู่ยอดเขาด้วยความไม่ยากลำบากนัก  ลักษณะของภูเขาเอนเดรสเป็นหินทรายเสียส่วนใหญ่และด้วยความที่เขาฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก (เท่าที่เขาจำความได้) จึงทำให้กล้ามเนื้อที่บึกบึนของเขาไม่ครั่นคร้ามกับสิ่งเหล่านี้  ทุ่งหญ้าที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาทำให้คลายความเหนื่อยล้าไปบ้าง  เขาค่อยๆ ผ่อนก้าวเดินให้ช้าลงเพื่อสูดรับกลิ่นไอจากธรรมชาติรอบๆ ตัว  กลิ่นดอกไม้ป่าหอมหวลลอยคลุ้งภูมิประเทศทำให้เขานึกถึงเหล่าทวยเทพที่เริงระบำอยู่  ณ  ที่นี้  ยามสเลย์ (พระจันทร์) เต็มดวง  หนทางเดินที่มนุษย์ทำขึ้นทอดยาวออกไปไกลสุดสายตา  เขาเดินเตะก้อนหินกลิ้งไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไม่มีอะไรทำ



    เมื่อพ้นบริเวณทุ่งหน้าก็เข้าสู่ป่าทึบ  ต้นสนสูงตั้งตรงตลอดแนวซับซ้อนยิ่งใหญ่และน่ากลัวเกินกว่าที่จะเข้ามาเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์  แสงยามบ่ายส่องผ่านใบสนที่เบียดเสียดกันลงมาสู่พื้นดิน  เขานั่งพักที่โขดหินใหญ่แกะเสบียงที่พกออกมากิน  เสียงป่าดังแว่วเข้ามาเมื่อพยายามเตือนอะไรบางอย่างกับเขา  ผู้เฒ่าสอนเรื่องการฟังเสียงสรรพสิ่งรอบข้างกับเขาตั้งแต่ยังเด็กทำให้เขาคุ้นเคยกับเสียงแปลกๆ ที่ดังแว่วเข้ามาเวลาที่เขาอยู่คนเดียว  โดยมามักจะเป็นนกคุยกันหรือเสียงสายลมที่พัดมา  แต่ทว่าคราวนี้กลับไม่ใช่เสียงที่สงบอย่างนั้น



    มือกระชับดาบยาวที่สะพายหลังมาเตรียมพร้อมทุกช่วงลมหายใจ  ตาของเขาจ้องตรงไปยังพุ่มไม้เบื้องหน้า  นานเท่านาน  เหงื่อเริ่มไหลรินทำให้เขาต้องยกมือขึ้นปาด  ทันใดนั้นเอง  สิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดก็พุ่งผ่านออกมาจากเป้าหมายเบื้องหน้า



    มันคอยโอกาสที่เหยื่อสูญเสียสมาธิอย่างเยือกเย็น  แต่สำหรับเขา  มันไม่ง่ายขนาดนั้น  หากจะต้องตกเป็นเหยื่อ  ผู้ที่ล่าคงจะต้องเหนื่อยหน่อย



    เขาชักดาบออกมาด้วยความเร็วที่ตามันมองไม่ทัน  ประกายดาบตวัดแล่บราวสายฟ้าฟาดในยามพายุก่อกำเนิด  ดาบแรกเขาเล็งไปที่ขาของมันเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว



    เสียงร้องดังโหยหวนไปทั่ว  มันถอยกรูดออกไปยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล  ที่แท้เป็นเสือตัวใหญ่สีดำทมิฬ  เขาจ้องตามัน  มันจ้องตาเขา  ภาษาของธรรมชาติสื่อสารกันด้วยสายตาโดยไร้ซึ่งคำบรรยายใดๆ ทั้งปวง



    เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังที่เหนือกว่า  เสือดำจึงถอนตัวออกจากการต่อสู้  เขาค่อยๆ เก็บดาบหลังจากที่มันจากไปไกลแล้ว  เก็บสัมภาระแล้วเริ่มเดินทางต่อ



    ………………………………………………………………………………………………………..





    การเดินทางช่างยาวไกลนัก  อิสมาอีนตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแปลกประหลาด  พักนี้เขาฝันเห็นภูมิประเทศอันแปลกประหลาดไม่เคยพบเคยเห็นบ่อยครั้งมาก  แต่พอตื่นขึ้นกลับลืมมันไปเสียหมด



    เขาขยับตัวขึ้นนั่งปรับเบาะนักบินให้ตั้งตรงแล้วเปลี่ยนจากโหมดอัตโนมัติให้กลับสู่โหมดธรรมดา  คันบังคับยื่นออกมาจากแผงหน้าปัด  เขายื่นมือไปจับมันแล้วเริ่มปรับทิศทางบิน  หลังจากเดินทางประมาณ  10  ชั่วโมง  ขณะนี้เขากำลังเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศลูโทมีนัสในทวีปเลฟอร์ซ่าแล้ว  คำสั่งลับสุดยอดนั้นรวมไปถึง  “ ห้ามให้คนนอกรู้เรื่องที่กำลังกระทำไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง  การสื่อสารทั้งปวง ”  ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ระยะที่เรดาร์จากประเทศลูโทมีนัสสามารถจับสัญญาณได้  เขาก็เริ่มหาจุดลงทันที  ทางตอนใต้ของประเทศเป็นเขตป่าทึบเหมาะสำหรับการพรางยานดังนั้นเขาจึงเลือกบริเวณที่ดูปลอดภัยแล้วทำการลงจอด



    ไอพ่นแนวตรงถูกขับออกมาจากท่อข้างล่างของยานเพื่อประคองตัวลงในแนวดิ่ง  ยานค่อยๆ ร่อนลงในเขตป่าจากนั้นไม่ถึง  2  นาที  อิสมาอีน  โยฮาร่า  ก็เข้ามาสู่ประเทศลูโทมินัส



    เขายกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาและสถานที่  หน้าปัดไฮเทคบ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนตรงตามเวลาท้องถิ่น  และเขากำลังอยู่ที่คาลามาเนียตอนใต้  ห่างจากพิกัดปฏิบัติการประมาณ  10  ไมล์  เขาหยิบสัมภาระออกมาจากยานเพื่อเตรียมตัวเดินทาง

    คาลามาเนียขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติอันสวยงามมาก  มีน้ำตกธรรมชาติชื่อดังประมาณ  10  กว่าแห่ง  เขาเคยมาเที่ยวตอนพักร้อนที่แล้วนี้เอง  กลิ่นใบของต้นไม้ใหญ่หอมฟุ้งกระจายไปทั่ว  พื้นดินเต็มไปด้วยใบไม้แห้งที่ร่วงลงมาสู่พื้นดิน  ตอนนี้เข้าสู่หน้าฝนแล้วในลูโทมินัส  ดังนั้นเวลาเดินมักจะเจอปัญหาเกี่ยวกับน้ำที่ขังอยู่เป็นแอ่งเต็มไปหมดซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของการเดินทางในครั้งนี้  แต่สำหรับเขาผู้เคยผ่านสรมภูมินรกมามากกว่านี้แล้วนั้นแค่นี้ถือว่ายังสบายมาก



    ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับสวยงาม  ผู้คนทั่วไปไม่สามารถเห็นภาพเช่นเดียวกันนี้ได้ตามเมืองใหญ่อย่างอัครเมธี  ตัวเขาเองหากสามารถเลือกที่อยู่ได้ก็คงเลือกมาที่นี่  แต่ด้วยปัญหาด้านการงานทำให้เขาต้องจมปลักกับปัญหารถติดในเมืองใหญ่ต่อไป  เขามองดาวแล้วพลันนึกถึงเมื่อสมัยสงครามระหว่างไลโนลีเซี่ยนกับไมโตส  เมื่อประมาณ  3  ปีมาแล้ว  สงครามครั้งนั้นเขาปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารของยูพีโอซึ่งเป็นกองกำลังผสมของนานาประเทศ  งานที่ได้รับมอบหมายคือเข้าหยุดยั้งการเข้าโจมตีทางอากาศของไลโนลีเซี่ยน  ตอนนั้นสาเหตุของสงครามคือการแย่งชิงพื้นที่แร่ธาตุที่สำคัญของไรอาห์คือ  ไอร์กอน  ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นดินแดนในความดูแลของยูพีโอไปแล้ว  หลังจากที่ได้รับมอบหมายภาระกิจแล้ว  เขาก็นำกำลังทหารบุกเข้าไลโนลีเซี่ยนเพื่อสกัดการโจมตีทางอากาศ  แต่แล้วก็ต้องพบกับความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่เมื่อข้าศึกของอีกฝ่ายนำกองกำลังเวทย์มนต์ออกมาใช้ซึ่งผิดหลักการทำสงครามว่าด้วยสนธิสัญญาระหว่างประเทศ  



    ในไรอาห์นั้นมีบุคคลพิเศษอยู่สองประเภทคือ  พวกใช้ศาสตราและพวกใช้จักรา  พวกใช้ศาสตราคือ  พวกที่สามารถใช้อาวุธได้อย่างกับมีชีวิตเดียวกัน  พวกนี้นั้นพบเห็นได้โดยทั่วไปในไรอาห์แต่โดยส่วนมากจะเป็นระดับทั่วไป  ระดับสูงนั้นจะไม่ค่อยปรากฏตัวออกมาเนื่องด้วยพวกนี้รัฐบาลของบางประเทศถือว่าเป็นพวกนอกรีต  ส่วนอีกพวกนั้นเป็นผู้ใช้เวทย์มนต์หรือจักรานั่นเอง  พวกนี้โดยส่วนมากแล้วจะพบได้ยากกว่าพวกใช้ศาสตรา  และมักจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่ถูกเลือก  แต่โดยส่วนมากแล้วพวกนี้นั้นจะให้ความรู้สึกที่น่ากลัวน่าเกรงขามกว่าพวกแรกแต่ผู้ใช้จักรานั้นจะต้องคอยหลีกเลี่ยงจากการพบปะกับผู้คนเพราะมักจะถูกหาว่าเป็นคนประหลาดบ้าง  เนื่องด้วยพวกนี้เวลาเกิดมามักจะไม่เหมือนกับคนทั่วๆ ไป  เช่น  มีหาง  หรือ  มีปีก  นับเป็นการได้อย่างเสียอย่างของผู้ใช้เวทย์มนต์



    ภาระกิจครั้งนั้นทำให้เขาพบว่าตัวเองเป็นผู้ใช้ศาสตราระดับสูง  เมื่อจู่ๆ เวทย์มนต์ที่ยิงออกมาจากฝ่ายตรงสลายไปด้วยการยิงปืนของเขา  ยูพีโอจึงเลื่อนระดับของเขาให้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงโดยแทบจะทันที  การเปลี่ยนหน้าที่คราวนั้นทำให้เขาต้องคอยพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอมาว่ามีคุณสมบัติพอที่จะควบคุมพลังได้  เมื่อภาระกิจที่ได้รับมอบหมายลุล่วงทุกภาระกิจ  เขาจึงก้าวขึ้นมาสู่เจ้าหน้าระดับสูงอย่างเต็มตัวทันที

    สำหรับภาระกิจครั้งนี้ที่กำลังรอคอยเขาอยู่นั้นความเป็นระดับลับสุดยอดเป็นเครื่องหมายแสดงความยากของภาระกิจนี้  ดังนั้นการที่หัวหน้าสั่งให้ศาสตราระดับสูงอย่างเขาเคลื่อนไหวอย่างลับสุดยอดย่อมหมายถึงภาระกิจคราวนี้อาจถึงขั้นอันตรายมาก  และอาจต้องมีการเสี่ยงชีวิตเพื่อทำงานด้วย



    ระยะทางจากแผนที่บอกว่าไม่ไกลนักจะถึงพิกัดนัดหมาย  เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า  ด้วยสัญชาติญาณแห่งศาสตราระดับสูงทำให้เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนกว่าคนปกติในความมืด



    “ดูน่า”  เสียงดังมาจากข้างหน้า



    “สเลย์”  เขาตอบกลับไป



    ทันใดนั้นชายผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากที่ซ่อนตัว  ความมืดทำให้เห็นหน้าไม่ชัด  ความสูงอยู่ในระดับเดียวกับเขา  ผมสีทองเป็นประกายสะท้อนแสงสเลย์อย่างสวยงาม



    “อัลฟ่า  ไฮน์ด  โซโลวิงค์  จากหน่วยข่าวกรองยูพีโอครับท่าน”  นายทหารรายงาน



    “อิสมาอีล  โยฮาร่า  จากสำนักงานใหญ่  คุณมานานหรือยัง”



    “ได้ซักพักแล้วครับ  เชิญทางนี้ดีกว่า  ผมตั้งศูนย์บัญชาการย่อยซ่อนไว้ข้างหน้านี่ครับ”



    อัลฟ่าเดินนำอิสมาอีลไปสู่ฐานปฏิบัติการเฉพาะกิจซึ่งเป็นเต็นท์พรางตาของยูพีโอ  ภายในมีคนนั่งรออยู่แล้วหนึ่งคน  ชายคนนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่  เขาดูสูงอายุเมื่อเทียบกับเขาและอัลฟ่า  ผิวสีดำบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นชนชาวอัครเมธีเช่นกันกับเขา  ผมที่ดูหยิกหยอยถูกแสงไฟจากหลอดเรืองแสงทำให้ดูกลายเป็นสีม่วง



    เมื่อเขาก้าวเข้าไปภายในชายคนนั้นก็ลืมตาขึ้น



    “สวัสดีครับ  การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”  เขายื่นมือออกมาทักทาย



    “ก็ดีครับ  ท่านคือ…”



    “ผมแชซ”  ชายคนนั้นลุกขึ้นยืน



    “อ่า  ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน  ผู้ใช้จักราในตำนาน  นึกไม่ถึงว่าทางยูพีโอคราวนี้ถึงกับต้องพึ่งท่าน”



    แชซก้าวออกจากเต็นท์  แสงสเลย์ข้างนอกส่องลงมายังพื้นหญ้า  เหล่าแมลงกลางคืนพากันส่งเสียงร้องระงมดังแข่งกันลั่นป่าในยามค่ำคืน



    “ภาระกิจคราวนี้หนักหนานัก”



    “เช่นใดกัน?”



    อัลฟ่าเดินเข้าไปข้างในเต็นท์แล้วโยนสิ่งหนึ่งมาให้อิสมาอีลดู  มันคือหนังสือพิมพ์รายวันของสำนักพิมพ์ไรอาห์ทูเดย์  ข่าวหน้าหนึ่งที่ดูสะดุดตาอ่านได้ใจความว่า



    “นายกแห่งไลโนลีเซี่ยนเข้าพบจักรพรรดิแห่งลูโทมินัส”



    อิสมาอีลเลื่อนสายตาตามตัวหนังสือลงมาเรื่อยๆ



    “เช้าวันที่  14  พฤษภาคม  สุริยศักราชที่  187  ฯพณฯท่าน  เอเนทอร์  การ์นู  นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไลโนลีเซี่ยน  ได้เข้าพบองค์จักรพรรดิ  เคลสม่า  แห่งราชอาณาจักรลูโทมินัสอย่างไม่เป็นทางการ  แหล่งข่าวทราบมาว่าการเข้าพบกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้นั้นสืบเนื่องมาจากกลุ่มก่อการร้ายที่ผิดต่อสนธิสัญญาการชุมนุมแห่งยูพีโอ  กลุ่มขบวนการ  แอนตี้ยูพีโอ  ได้ก่อวินาศกรรมขึ้น  ณ  ใจกลางเมืองหลวงของแต่ละประเทศทั่วไรอาห์ถึง  20  ครั้งมาแล้ว  และยังตามหาผู้ที่ถูกเชื่อว่าเป็นหัวหน้าของขบวนการนี้ไม่ได้เสียที  ล่าสุด  จากการปะทะกันของผู้ใช้จักราป้องกันประเทศของไลโนลีเซี่ยน  ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก  ดังนั้นท่านเอเนทอร์จึงขอพบปะปรึกษากับองค์จักรพรรดิเคลสม่าด้วยประการนี้เอง----สำนักข่าวไรอาห์ทูเดย์”



    “นี่มันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่นา”



    “ใช่ครับ  แต่ว่าทางเราได้กลิ่นอะไรแปลกๆ โชยมาจากแถบนี้”



    “ไอ้ที่ว่าแปลกๆ เนี่ย  มันอะไรเล่าครับ”



    อัลฟ่าโยนรูปถ่ายให้อิสมาอีลดู  มันเป็นรูปถ่ายด้วยกล้องสายลับขนาดเล็ก  รูปแรกแสดงให้เห็นถึงการต้อนรับท่านเอเนทอร์ของคนใหญ่คนโตในลูโทมินัส  ส่วนรูปที่สองเป็นรูปกองกำลังทหารของไลโนลีเซี่ยน



    ส่วนรูปที่สามนั้นทำให้เขาต้องร้องออกมา



    “นี่มัน…?”









    หมายเหตู  นิยายเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์  สถานที่  หรือบุคลใดๆ ใน โลก นี้  ชื่อบางชื่ออาจจะซ้ำนั่นเป็นเพราะตัวผู้เขียนนำมาประยุกต์ใช้แทนเท่านั้น -- ขอบคุณทุกท่านที่ส่งรายชื่อเข้ามาครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×