ตอนที่ 4 : confession

ในที่สุด ผมก็กุมความลับอย่างหนึ่งของเข็มทิศไว้ได้
ถึงแม่ง จะไม่ใช่ความลับเรื่องงานก็เถอะ
“เฮ้ย ไอ้เบ๊บมาไว”
เช้าวันจันทร์พี่แบงค์เข้างานสายสุด ส่วนคนแรกที่มาคือน้องฝึกงานที่นั่งจ๋องหน้าประตูตั้งแต่ออฟฟิศยังไม่เปิด มันเป็นเด็กนิเทศที่หล่อฉิบหายวายป่วง หล่อจนเข็มทิศสะเทือน และเป็นที่คุ้นหน้ามากเพราะโดนจับเล่นหนังสั้นกับโฆษณาบางตัวมาก่อนหน้านี้ พูดง่ายๆ ก็เป็นเด็กที่พี่จรูญเคยเรียกใช้งาน หมายถึงก่อนหน้าผมกับเข็มทิศจะเข้ามาทำงาน ส่วนใหญ่บทที่ได้รับก็เป็นพระเอกหน้ามึน พูดน้อย อ้อยอิ่ง แต่เอาเข้าจริง แม่งพูดมากจนน่ารำคาญฉิบหาย
“หวัดดีครับพี่” มันยกมือไหว้ ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัว ไอ้พี่แบงค์เดินมาชกมือมันอย่างคนเคยคุ้น
“หายหัวไปเลยนะมึง”
“เรียนหนักพี่”
“เรียนเหี้ยไรหนัก” พี่แบงค์ถาม เด็กฝึกงานเกาท้ายทอยเก้อๆ “เลิกยังกับเมีย หรือผัววะ”
“โหยพี่ หยาบคายเสมอต้นเสมอปลายเลยครับ”
ผมชอบไอ้เด็กนี่ตรงนี้ พูดจบมันก็ไหว้ขอโทษพี่แบงค์ปลกๆ อยากเสริมมันว่าไม่ต้องไปเสียเวลาขอโทษคนอย่างไอ้พี่แบงค์หรอก
“พูดขนาดนี้ไม่ต้องขอโทษแล้วไอ้เวร ได้ใครเป็นพี่เลี้ยง พี่รูญสั่งหรือยัง”
มันชี้มาทางผม แน่นอน ผมได้รับตำแหน่งพี่เลี้ยงที่รับผิดชอบเด็กฝึกงานโดยได้ค่าเบี้ยเลี้ยงเพิ่มมาอีกจึ๋งหนึ่งตามนโยบาย แต่พี่รูญบอกว่าสุดท้ายก็วนๆ กันสอนเหมือนลักษณะงานที่ไม่ตายตัวนั่นล่ะ
“แม็กกี้” เป็นชื่อของน้อง พี่แบงค์โอบรอบคอเด็กหนุ่ม มองมาทางผมที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักแอะ “มึงก็ไม่ต้องไปคล้อยตามไอ้เบ๊บมันมากนะ”
“สรุปพี่ชื่อพี่เบ๊บจริงๆ เหรอครับ” อ้าว กวนตีนแล้ว
แม็กกี้ถามตาใส “ผมนึกว่าเรียกเพราะเป็นแฟนกันเสียอีก”
“ใครวะ” พี่แบงค์ถาม จริงๆ ไอ้แม็กมันรู้แล้วว่าผมกับเข็มทิศไม่ได้เป็นแฟนกัน หมายถึงไม่ได้คบกัน หมายถึงไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรทั้งนั้น แต่มันยังพูดประโยคเดิมตั้งแต่คนที่สี่ ไม่นับผม เข็มทิศและมัน จนถึงคนสุดท้ายด้วยประโยคเดิมๆ
“พี่เบ๊บกับพี่จ่า”
“บ๊ะ ไอ้นี่มันไว” พี่แบงค์หัวเราะร่วน ตบไหล่แม็กอีกสองครั้งก่อนเดินไปที่โต๊ะตัวเอง บนโต๊ะมีพวงมาลัยพลาสติกที่ผมซื้อมาให้หลังจากแพ้พนันบอลเมื่อสัปดาห์ก่อน
“โถ่ พี่แบงค์...”แม็กกี้เริ่มเล่าสตอรี่เดิมซ้ำ “ก็ผมเห็นลงรถมาด้วยกัน แล้วเรียกเบ๊บๆ ขนาดผมกับแฟนยังไม่เคยเรียกแบบนี้เลย โคตรเปิดเผย ดีพี่ ก่อนเราจะให้ใครเคารพเพศสภาพใครเราต้องเคารพตัวเองก่อน”
“เดี๋ยวมึงจะโดนเข็มทิศเตะ”
ผมเตือนเพราะเห็นฝั่งนั้นเหล่ตาขวางมาหลายครั้ง เข็มทิศไม่ชอบยุ่มยามกับใคร ผมหมายถึงในกรณีที่ไม่จำเป็นหรือไม่รู้จักกันนานพอ
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งขัดน้อง มึงไม่รู้ไอ้เบ๊บ ไอ้แม็กเนี่ยเรด้าดีสัส”
“ไอ้ห่าพี่แบงค์ ปีชงเหรอครับ ชงไม่เลิก”
“ก็มันมีมูล แล้วมาด้วยกันได้ไง นี่มันผิดปกติ ผิดปกติตั้งแต่มึงมาเช้าแล้วเบ๊บ”
ม้วนนี้ไม่ต้องรอให้แม็กกี้พูด เข็มทิศชิงเล่าก่อน
“ผมชวนเบ๊บมาอยู่ด้วย เพิ่งย้ายของมา”
“เช้ดโด้”
“ยังไม่ได้เช้ดกัน” ผมรีบแย้งก่อนตัวเองจะเสียหาย ไขความลับที่รู้มาให้พ้นมลทิน “อีกอย่าง เลิกแซวผมกับเข็มทิศได้แล้ว เขามีแฟน”
“เฮ้ย จริง?”พี่มะลิรีบถามหลังฟาดมื้อเช้าเสร็จ เข็มทิศกระแอมไอ ส่วนผมไหวไหล่ไม่สำนึก เบ๊บรู้โลกรู้
“โคตรสวย”
“จริงอะ ปิดเงียบเลยนะไอ้จ่า”
“ก็บอกว่าไม่ใช่แฟน” เข็มทิศเถียง ทำคิ้วขมวดเข้าหากัน “รุ่นน้อง”
“แหม ถ้ารุ่นน้องจริงทำไมแค่ผมลงไปกินข้าวคนเดียวกลับมาต้องเอาผ้าปูที่นอนไปซักล่ะครับ ถุงยางที่ผมวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีก็หายไปด้วย”
“ว้าย หยามหัวใจน้องเบ๊บของฉัน” พี่มะลิดึงผมไปซบหน้าอกอวบๆ แต่เผอิญชนพุงก่อนเลยไม่ฟินเท่าไหร่ “ชวนลูกสาวฉันมาอยู่ด้วยแล้วพาผู้หญิงอื่นมานอนที่ห้องเหรอเข็มทิศ ถึงจะเท่แต่พี่ไม่ให้อภัยนะ เนี่ย แม็กเอาไปดูแลเลย”
“ซวยแล้วมึง มีเรื่องกับสองแม่ลูกหมู” ไอ้พี่แบงค์ยังแซวผมแม้ว่าจะรู้แล้วว่าหมูน่ะชื่อพ่อผม “แล้วจริงปะวะไอ้จ่า”
เข็มทิศกระแอมไอ จ้องตากับจอคอมโดยไม่โต้ตอบ หูแดง ก่อนจะค่อยๆ ลามเป็นอย่างอื่น ผมไม่ได้ตั้งใจจะประจานเขานะ แต่ผู้ร้ายปากแข็งไม่ยอมให้ความร่วมมือเลยกำลังทำให้กระแสจ่าเบ๊บเข้มข้นเกินไปในออฟฟิศเล็กๆ
“อีกอย่าง ถึงผมจะไม่มีแฟนตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยมีนะเว้ย กำลังโฟกัสเรื่องงานอะ เก็ตไหม”
“อ๊ะ เคยอ่านงานวิจัยไหมครับว่าผู้ชายทุกคนมีความเป็นเกย์เป็นส่วนประกอบ” แม็กกี้แทรกขึ้นมา ทำตัวฉลาดไม่รู้เวล่ำเวลา “คืองี้ มีการศึกษาน่ะครับว่าผู้ชายที่บอกว่าตัวเองเป็นชายแท้จะมีโอกาสมีอารมณ์กับเพศเดียวกันอยู่ 5% หมายถึงเราอาจจะไม่รู้ตัว...”
เข็มทิศปาปากกาใส่เด็กฝึกงาน ผมย้ำว่าไอ้นี่มันเด็กฝึกงานที่เข้ามาทำงานวันแรก “เดี๋ยวกูใช้ชงกาแฟให้เข็ด”
“ไม่เอาน่าๆ” พี่ใบปอห้ามทัพ รำคาญเต็มทน เข็มทิศคว้าเอาบุหรี่ในลิ้นชักออกมา เดินหลบไปยังที่ประจำและผมก็ก้าวตามไปไม่ห่าง
“ผมบอกแล้ว ผมดูออก” แม็กกี้ไล่เสียงมา เข็มทิศชูนิ้วกลางให้โดยไม่หันกลับ ดีนะกูหลบทัน ไหวพริบเป็นเลิศเสมอต้นเสมอปลาย
กลิ่นควันบุหรี่ลอยอวล อ้อยอิ่ง ผมขอบุหรี่จากเข็มทิศ เป็นมวนสุดท้ายที่เหลืออยู่เลยต้องเก็บซองไปทิ้งให้ด้วย วันนี้กระป๋องบุหรี่หายไป อาจะเพราะลมพัดแรงเมื่อวานเย็นที่ผ่านมา
“คุณโกรธน้องมันเหรอ”
ผมเริ่มถาม สีหน้าของผู้ชายข้างๆ ไม่สบอารมณ์ ที่จริงตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว ผมกลับขึ้นมาบนห้องอีกทีก็เห็นเขานั่งดูหนังเหม่อๆ เปลี่ยนบ็อกเซอร์ตัวใหม่ เครื่องซักผ้าทำงานอยู่หลังห้อง สิ่งที่เปลี่ยนไปคือผ้าปูที่นอนและชุดผ้าห่มครบเซ็ต
“หรือโกรธผม”
ไม่ปฏิเสธ แต่มองขวางเท่ากับยอมรับ ผมอัดบุหรี่เข้าปอด เพิ่งมาติดช่วงปีสี่ ที่บ้านไม่รู้ว่าสูบ หรืออาจจะรู้แต่ไม่พูดก็ได้
“ขอโทษๆ ไม่รู้ว่าจะซีเรียสเรื่องแฟนนี่หว่า”
“ไม่ใช่แฟน”
เจ้าตัวยังยืนยัน แล้วซากซองถุงยางนั่นมันอะไรวะ
“น้องรหัส”
“อ่าฮะ” ป่วยการจะเถียงกับคนปากแข็งจริงโว้ย “คุณไม่ต้องแก้ตัวกับผมก็ได้รู้ปะ”
“จะฟังไหม”
“โอเค”
เสือขู่ เป็นหนูต้องทำใจ ผมอาจจะผิด โอเค มันเป็นเรื่องที่ต้องดีลกันเพราะยิ่งอยู่ด้วยกันผมต้องรู้ว่าอะไรแตะไม่ได้ ทุกคนมีเรื่องเซนซิทีฟเป็นของตัวเอง ครอบครัว การงาน รูปร่างหน้าตา ส่วนของผมยังหาไม่เจอ คนอะไรจะเพอร์เฟ็คและแข็งแกร่งขนาดนี้
“น้อยหน่ามีแฟน”
“เจี๊ยบมาตัดหนังยางเราทำไม”
“ไอ้เบ๊บ”
“โอเค ซีเรียสใช่ไหม ก็คุณเพิ่งพูดว่าคุณกับน้องน้อยหน่าเป็นพี่น้องกัน ไม่ถูกเหรอ”
“แฟนน้อยหน่าไม่ใช่เรา เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่คบมาตั้งแต่มัธยม”สะอึกเลยครับ แซวต่อไม่ออก เข็มทิศถอนหายใจก่อนพูดต่อ “แฟนน้องมันเรียนคนละที่”
“ตอนเรียนที่คุณเรียนที่เดียวกับน้อยหน่าก็เลย...”
“คบกัน” เชี่ย ไม่น่าเชื่อว่าเข็มทิศ คนอย่างเข็มทิศที่ทั้งเท่ทั้งเก่งจะเป็นได้แค่ชายชู้ อกอีแป้นจะแตก “พยายามเลิกอยู่”
“คบมานานยัง”
“ก็ตั้งแต่น้องอยู่ปีหนึ่ง”
“โหดสัส” ผมหมายถึงแม่กวางน้อยตัวนั้น ถึงว่า เข็มทิศไม่ปริปากพูดถึงแฟนเลยสักครั้ง “ยอมได้ไงวะ เฮ้ย สี่ปีเลยนะเว้ย”
“ไม่ได้ยอม พยายามแย่งแล้ว น้องมันไม่มา”
“โอ้โห เลวกว่าที่ผมคิดอีกครับ คุณคิดว่านรกเป็นแค่ชื่อน้ำพริกเหรอ”
“ถ้ารักคนเก่ามากพอจะมีคนอื่นทำไมวะ ถ้าอยู่ด้วยกันแค่เพราะผูกพัน ทำไมไม่เลิกไปเลยวะ”
หลังประโยคนั้นบุหรี่หายพรืดไปครึ่งมวน เขาอัดลมหายใจเข้าปอดประหนึ่งว่าสามารถเก็บซากนิโคตินที่เหลือใส่กระเพาะไปด้วย
“ใจเย็นๆ ก็...” กูนี่ล่ะ ต้องใจเย็นประหนึ่งโต้เถียงกับแอดมินเพจพระนภดล “ถ้าเขาไม่เลิก คุณจะยอมเป็นแบบนี้ตลอดไปเลยเหรอ”
“ก็ไม่ได้ยอมไง แต่พอเจอกันก็อดไม่ได้”
เห็นจากสภาพแล้วก็ไม่เกินนั้น ตอนแรกปั้นปึ่งใส่ พอผู้หญิงกลับไปแล้วนั่งจ๋องเป็นลูกหมาถูกทิ้ง
“ถ้าน้อยหน่ามาอีก ไม่ต้องไปไหนนะ”
“ว้อท?”
“อยากจะเลิกจริงๆ แล้ว ไหนๆ ก็เรียนจบ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันทุกวันคงทำใจง่ายกว่าเมื่อก่อน ยังไงสองคนนั้นเขาก็ไม่เลิกกัน” เข็มทิศเหยียดแขน วางมือบนระเบียง โค้งตัวลงเล็กน้อยให้กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนยืดตึง ได้ยินเสียงกระดูกลั่นเมื่อเกร็งคอ เขาโคลงหัวไปมาแล้วเอามือที่ไม่ได้ถือบุหรี่วางบนท้ายทอย “ไม่ต้องปากมากด้วย”
“หมายถึงไม่ให้พูดเรื่องน้องน้อยหน่าของคุณอะนะ”
จริงๆ ไม่น่าถามซ้ำ เขาไม่มีปัญหากับการจับคู่จิ้น แต่หงุดหงิดค้างตั้งแต่ห้ามใจตัวเองไม่ได้และผมยังขยี้แผลเจ้าตัวไปแบบไม่ตั้งใจจังๆ เข็มทิศไม่ทวน เขางุ่นง่านกับการหากระป๋องทิ้งบุหรี่ ผมดึงประตูบันไดหนีไฟ เห็นแก้วเซรามิคของพี่มะลิวางใกล้มือที่สุดก็คว้ามาให้เข็มทิศทิ้งใส่ก่อนเขามองผม มองแก้วในมือ แล้วยืนนิ่งพิจารณา
“อืม...ก็ได้ แต่อย่ามาทำเล่นๆ นา บอกว่าจะเลิกต้องเลิก ด้วยสัตย์ของลูกเสือ”
“เหอะ...เออ ถ้าตกกระไดพลอยโจนมาเป็นไม้กันหมาแล้วก็หัดเป็นไม้ที่ไม่ปากหมาด้วย”
ถามความสมัครใจกูยังว่าอยากเป็นหมาหรืออยากเป็นไม้
“งงอะไร รับปากแล้ว ด้วยเกียรติของลูกเสือหมู่สาม ถูกแซวว่าเป็นเกย์ก็ช่างแม่งเหอะ ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ถูกด่าว่าโง่ยอมให้รุ่นน้องสวมเขามาหลายปีหนักกว่าเยอะ”
ก็น่าโกรธหรอก ทั้งเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี กลายเป็นคนไม่มีศีลธรรมอีก เท่เสียเปล่า เก่งเสียเปล่า ถุ้ย แต่ที่เข็มทิศว่าผมมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอวะ ไอ้เวรนี่เห็นแก่ตัวชะมัดยาก
“มองหน้าทำตาแข็ง มีปัญหา?”
“ทำไมมึงเอาแต่ใจแบบนี้วะ โอ๊ยย เชี่ย บุหรี่เกือบหล่นลวกมือ” ชายหนุ่มที่เพิ่งขอความช่วยเหลือด้วยการมัดมือชกผมดีดปากที่กำลังจะคาบบุหรี่ มือเขาสะบัดโดนนิ้วที่คีบมวนสีขาวไว้หลวมๆ ให้หล่น
“ดีไม่เอาบุหรี่จี้ปาก พูดไม่เพราะ”
“เดี๋ยวๆ เป็นพ่อเหรอครับท่าน ใจเย็นๆ นะ ถามหน่อย ให้ผมช่วยน่ะท่านมีอะไรมาแลกเปลี่ยนบ้าง ผมไม่ใช่ของฟรีนะคร้าบ แล้วเพื่อนฝูงคนอื่นไม่มีหรือไงถึงต้องมาไหว้วานผมน่ะ”
แม่งไม่อยากยุ่งเรื่องผัวๆเมียๆ เลย กลัวเป็นหมาตอนจบ
“ใครจะว่างตรงกันได้เท่านี้ แล้วก็บอกแล้วไง นายก็มาเช้าขึ้น ลดค่าน้ำมัน ได้นอนมากขึ้น ได้งานมากขึ้น เดี๋ยวสอนใช้โปรแกรมด้วย”
“โห แล้วต้องโดนจับเป็นคู่จิ้นหนักกว่าเดิม คุ้มเหรอวะ เกิดเรื่องหลุดไปนอกออฟฟิซคิดว่าเป็นจริงๆ จะจีบสาวติดปะ”
เข็มทิศกลอกตา ผลักหัวผมแล้วเดินนำเข้าตึก ผมหยิบซากบุหรี่ที่หล่นพื้นลงแก้วของพี่มะลิ ก่อนยกทั้งแก้วไปจัดการทำความสะอาดในห้องครัวเล็ก เอาจริงก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น แค่มันไส้ในความเจ้ากี้เจ้าการเอาแต่ได้ของเจ้าของห้องเท่านั้น
“ขอร้องกันดีๆ สักคำไม่มี”
แสร้งพูดประชดประชันตอนเดินผ่าน ได้ยินเสียงถอนหายใจตามมา กลัวกูไม่รู้หรือไงว่ายังไม่ตาย
“เออ เดี๋ยวเย็นนี้เลี้ยงเบียร์”
“ก็แค่เนี้ย”
“เออ แล้วถุงยางมึงอะรัดกูฉิบหาย พูดมากจะประจานให้ทั่วว่าเล็ก”
เข็มทิศบ่นก่อนปิดประตูหนีไฟดังกึง! ผมเดินตามเข้ามาติดๆ เลื่อนประตูกระจกของออฟฟิศทำหน้าบูด นี่เรียกว่าโปรดสัตว์ได้บาปชัดๆ
ไอ้แม็กนั่งดูงานเก่าๆ ที่โต๊ะ ผมสั่งให้มันหัดเขียนสคริปต์จากโฆษณาเก่าๆพอผมไปนั่งข้างๆ ในฐานะพี่เลี้ยงมันก็ยิ้มกรุ้มกริ่มถามเสียงกระซิบกระซาบ “งอนอะไรกัน”
“นี่ก็สอดรู้สอดเห็นจริง งานน่ะใส่ใจเท่านี้ไหม ไหนมาดู”
ผมก้มลงไปเล็กน้อย ได้กลิ่นน้ำหอมของมันเตะจมูก เงยหน้าขึ้นจะถามแบรนด์ก็พบว่าก้มหน้าลงใกล้อีกฝ่ายเกินไป เราผงะชั่วครู่ก่อนผมขยับตัวออก
“น้ำหอมมึงหอมดี”
“ซีเค ทั่วๆไปอะ พี่ใช้อะไร”
“สารส้ม” ที่มันเป็นแท่งๆ ขาย เข็มทิศใช้บอดี้สเปรย์ ไม่ได้หอมเป็นพิเศษ แค่ไม่ทำให้มีกลิ่นตอนเหงื่อออกมากๆ
“ชอบกลิ่นน้ำหอมผมเหรอแต่พี่อย่าใช้เลย แบบนี้ดีแล้ว”
ผมมองมัน เลิกคิ้วให้ แม็กยิ้มตาปิด “น้ำหอมแพง ผมแนะนำอีกแบรนด์ สบู่นกแก้ว อย่างนี้เลย เหมาะกับพี่แน่ๆ”
กูจะประเมินมึงไม่ผ่านโปรไอ้เด็กหัวขวด!
.
.
#westonwednesday confession แปลว่า คำสารภาพ
ตอนนี้มาจากการที่พระเอกสุดคูลยอมบอกความลับที่แย่ๆ ของตัวเองให้เบ๊บรู้แล้ว! ตัวละครเพิ่มมาอีกตัว แฮร่ จับตาดูน้องแม็กกันดีๆ ฮะนังมีของงง
เจอกันพุธหน้านะ
อย่าลืมใส่แมสก์ปิดปากปิดจมูกกันด้วยนะทุกคน
รัก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไไอ่เด็กแมคนี่ต้องโดนเหยียบซักวัน