ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำประกาศของความรู้สึกใหม่

    ลำดับตอนที่ #1 : เราสองสามคน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.3K
      268
      28 เม.ย. 59

    O W E N TM.


     


    01 เราสองสามคน





    มีไม่กี่เหตุผลหรอกครับที่จะทำให้คนสองคนเกลียดกันได้แม้ไม่รู้จัก
    ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายด้วยแล้ว โอกาสที่เกิดเรื่องแบบนั้นถือว่าน้อยมากจนแทบไม่น่าเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ
    เว้นเสียแต่เหตุผลงี่เง่า ๆ ประมาณว่า แฟนเก่าของแฟนใหม่ กับแฟนใหม่...ของแฟนเก่า


    อิน อินทรี อุดมภักดี เป็นชื่อที่ถูกจารึกไว้โดยไม่ตั้งใจหลังจากแฟนที่คบกันมาปีกว่าบอกเลิกผมไปเมื่อเดือนก่อน 
    เหตุผลที่ว่าอยากได้ผมเป็นพี่ชายที่แสนดีทั้ง ๆ ที่ได้กันจนถ้าเป็นผู้หญิงคลอดไปหลายเดือนแล้วฟังไม่ขึ้นแต่ตอนนั้นผมก็ไม่ขัด  แม้จะระแคะระคายอยู่บ้างว่าพักหลังนัทไปสนิทกับเดือนคณะมากเกินจำเป็น แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะหักหลังกันลง ผมค่อนข้างให้เกียรติแฟนด้วยการเชื่อใจ ไม่เคยจับผิด คิดว่าที่นัทมาบอกเลิกก็คงเป็นเพราะตรงกับช่วงสอบผมเลยไม่มีเวลาให้ พ้นช่วงนั้นไปก่อนค่อยกลับไปง้อใหม่ก็ได้ แต่ไม่ถึงสัปดาห์ข่าวที่นัทควงคนใหม่ก็ทำให้ผมตาสว่าง


    ถูกสวมเขาให้มานาน ซึ่งก็คงหลังจากที่มันไปออกค่ายอาสาด้วยกันเมื่อหลายเดือนก่อนนั่นแหละ


    ชื่อไอ้อิน เด็กเศรษฐศาสตร์ปี 2 เจ้าของบีเอ็มซีรีส์ 3 ที่ปีนเกลียวมาแย่งนัทไปจากผมถึงถูกฝังในหัวฐานะศัตรูแม้จะไม่เคยเผชิญหน้ากันโดยตรง ทั้ง ๆ ที่ในคณะผมและเศรษฐศาสตร์ที่มันกับนัทเรียนอยู่ก็รู้กันทั่วว่าเราสองคนคบกันในลักษณะไหน ไอ้คนที่แย่งนัทไป เหี้ยอย่างเดียวไม่พอ ต้องด้านด้วย อันนี้ผมรับประกัน


    “เฮ้ย ยู ทายซิวันนี้กูไปเจอใครมา”

    เสียงกวนโอ๊ยของไอ้อั้ม เพื่อนสนิทผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังมาแต่ไกล ผมละสายตาจากบีเอ็มสีดำขลับที่จอดหน้าคณะมามองผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่ถือหนังสือเรียนสำหรับน้องรหัสมาเต็มสองมือแล้วยิ้มเผล่ พอวางสัมภาระที่ดูรุงรังบนโต๊ะหินอ่อนได้ก็ฉีกปากกว้างโชว์เหงือกสีสด แล้วรีบเฉลยก่อนถูกเตะ 


    “น้องนัทของมึงน่ะ” 

    “ที่ไหน”

    “โรงอาหารกลาง แต่กับผัวว่ะ อื้อหือ ตั้งแต่เลิกกับมึงไปนี่ออร่าจับมาก แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่คอก็ยังมียี่ห้อแปะเลยนะ รอยดูดจากคนที่มึงก็รู้ว่าใครนั่นแหละ เดินโอบเอวกันมาเลย เห็นแล้วขนลุก กลัวมดจะเป็นเบาหวาน”

    ผมพ่นน้ำแข็งในแก้วที่กินอยู่ใส่ไอ้อั้มหนึ่งดอก มือไม้ที่เลอะสีของมันปัดป่ายเป็นพัลวัน แต่เชี่ยอั้มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจใหญ่


    “เล่าให้กูฟังทำซากอะไร อารมณ์เสีย”

    “เผื่อคิดถึงไง”

    ผมแทบจะยัดนิ้วกลางเข้าจมูกบาน ๆ ของเพื่อนสนิท ติดก็แต่มันไหวตัวหลบทันเลยรอดตัวไป เตรียมจะด่ามันซ้ำอีกรอบแต่คนที่เดินตามมาด้านหลังอั้มมาก็ทำให้ผมนิ่งเงียบ รอยยิ้มสดใสกับใบหน้าหวานที่ทำผมละเมอตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตายังคงสะกดผมได้ดีทั้งในวันนั้นและวันนี้ เจ้าของรูปร่างบอบบางอรชรชูแขนที่หิ้วถุงพะรุงพะรังโชว์ก่อนทักเสียงระรื่น


    “อยู่นี่จริง ๆ ด้วย เมื่อเช้านัทไปหาที่หอไม่เจอพี่ยูเลยแอบตามพี่อั้มมา เมื่อวานนัทกลับบ้าน แม่บอกให้เอาขนมมาฝากพี่ยูด้วย”

    ผมพยักหน้ารับคำ ไม่อยากจะพูดอะไรมาก นัทวางของฝากถุงเบอเริ่มให้บนโต๊ะ ยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเมื่อก่อนไม่มีเปลี่ยน “แม่บอกว่าว่าง ๆ พี่ยูไปเยี่ยมแม่บ้างก็ได้ แม่คิดถึง”

    “แม่ไม่รู้เหรอนัทว่าเลิกกับไอ้ยูมันแล้ว” ไอ้อั้มถามทำให้เจ้าของใบหน้าหวานหุบยิ้มแทบไม่ทัน แล้วดึงถุงขนมออกมาจากมือเล็ก รื้อดูข้างในอย่างถือวิสาสะ “มีอะไรกินบ้างวะ”

    นัททำหน้ายู่ กอดอกแน่น “ยังไงพี่ยูก็ยังเป็นพี่ชายของนัท”

    “ถามความสมัครใจมันบ้างหรือเปล่า ตัดบัวอย่าให้เหลือใยน่า ควงคนใหม่ออกนอกหน้าขนาดนั้นสงสารไอ้ยูมันเถอะ นี่ขนมอะไร”

    “วางเลยนะ นัทเอามาฝากพี่ยูไม่ได้ฝากพี่อั้ม!”

    เมื่อก่อนสองคนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ อั้มรู้ว่าผมเป็นเกย์หลังจากสนิทกันได้สักพักซึ่งมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพิ่งมาเข้าหน้ากับนัทไม่ติดก็ตอนที่น้องมันทิ้งผมไปนั่นแหละเจอทีไรเป็นกัดกันตลอด อั้มมันเป็นผู้ชายประเภทรักเพื่อน วันแรกที่รู้ข่าวยังเกือบลากพรรคพวกไปลุยไอ้อินแทนผมเลยด้วยซ้ำ


    “โตแล้วยังจะทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้ แล้วนี่นัทไม่มีเรียนเหรอ”

    คนตัวเล็กยกนาฬิกาขึ้นมาดู ก่อนพยักหน้า เหลือบตาโตกลับไปมองไอ้อั้มพลางมุ่ยหน้าที่เห็นอีกฝ่ายกินขนมที่เจ้าของไม่ได้ตั้งใจซื้อมาฝากหนักกว่าเก่า ก่อนจะมีเรื่องกันอีกรอบผมเลยรีบบอกให้เพื่อนตัวเองเข้าไปรอให้ห้องเลคเชอร์ระหว่างที่ผมเดินไปส่งนัทเข้าเรียนอีกตึก ไอ้อั้มเบะปากทำท่าไม่ชอบใจแต่ยอมถอยหนี ขณะที่ผมรีบรุนหลังคนตัวเล็กห่าง 

    ไม่ต้องบรรยายก็รู้ ไอ้อั้มเสยนัทหมัดเดียวตัวเล็กมันก็นอนกินน้ำเกลือเป็นเดือน ๆ ได้เลยด้วยซ้ำ



    “พี่อั้มชอบพี่ยูแน่ ๆ ”

    “คิดมากน่ะนัท ไอ้อั้มมันก็แบบนี้”

    “เพราะแบบนี้ไงนัทถึงคิด นัทไม่โง่นะที่จะมองไม่ออกว่าพี่อั้มคิดยังไง” 

    กลายเป็นว่ากูโง่เฉย ผมเริ่มเกาหน้าผากตอบอีกฝ่ายไม่ถูก นัทหงุดหงิดเกินกว่าจะฟังเหตุผล ประเด็นคือทำไมผมต้องง้อ แต่แม้ว่าจะตั้งคำถามแบบนั้นกับตัวเอง ผมก็ยังไม่สามารถหยุดขาให้เดินตามได้ เกมนี้นัทชนะ ชนะผมตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วด้วยซ้ำ


    “ไม่เอาน่า นัท...”

    “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่อั้มนัทก็ไม่เลิกกับพี่ยูหรอก” นัทหันมามองหน้าผม ตาโต ๆ เอ่อน้ำตาเต็มหน่วย 

    พูดแบบนี้ทำไมวะ คิดว่าผมไม่รู้หรือไง ไม่อยากท้าวความย้อนกลับไปว่าที่ไอ้อั้มมันเหม็นหน้านัทเพราะนัทแอบไปกินกับไอ้อินก่อนเลิกกับผมต่างหาก คิดมาถึงตรงนี้มันก็ยังเจ็บแบบจุก ๆ ไม่หาย ผมแบมือสองข้างยักไหล่เหมือนไม่มีอะไรจะพูดอีกทั้งที่คำพูดแม่งอัดแน่นในใจเต็มไปหมด ทว่าพอหันหลังกลับนัทก็คว้าข้อศอกเอาไว้


    “พี่ยูจะไปไหน”

    “พี่ลืมไปว่าเราเลิกกันแล้ว”

    “พี่จะเดินหนีนัทแบบนี้ไม่ได้นะ!” นัทเริ่มเสียงดังทำให้หลายคนหยุดมอง ผมไม่ชอบทำตัวเด่นสะดุดตาใครเลยได้แต่ยืนเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงลากนัทไปซักที่ ปิดปากแดงนั่นด้วยปากตัวเองให้สมกับที่โมโหแต่เวลานี้ทำอะไรไม่ได้เลยรอให้นัทพูดให้จบ น้ำใส ๆ ไหลกลิ้งลงจากตาถึงแก้มขาว แต่ทั้ง ๆ ที่โกรธ ผมก็ยังอยากดึงนัทมากอด อยากเช็ดน้ำตาให้ อยากทำยังไงก็ได้ให้นัทหยุดร้อง แต่ตอนนี้ทำได้เพียงเตือนตัวเองเท่านั้นว่าผมไม่มีสิทธิ์


    “คืนนี้นัทจะไปหาที่ห้อง”
    ประโยคนี้เบาจนเหมือนจะกระซิบ ผมยื่นมือออกไปยีหัวเด็กหนุ่มแล้วยิ้มแห้ง “ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวแฟนก็เข้าใจผิด”

    “นัทขอโทษ พี่ยู นัทขอโทษ”

    ถ้าบอกว่าไม่เป็นไรก็คงจะโกหก ผมยังถือเป็นสิ่งมีชีวิตปกติทั่วไปเจ็บได้ร้องไห้เป็นแต่ทุกครั้งที่ฟังคำว่าขอโทษจากนัทน่าแปลกที่ผมพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ ผมเกือบจะดึงนัทเข้ามาหาแล้วถ้าไม่ติดว่าเหลือบไปเห็นสายตาจากใครบางคนกำลังจ้องมา 

    ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในเสื้อนิสิตแขนยาวพับมาถึงศอกล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์รัดรูปสีดำ หน้าตาโดดเด่นจนเรียกว่าสะดุดทุกสายตา ผมรู้ในนาทีนั้นว่าเจ้าของตัวจริงของนัทยืนมองอยู่นานแล้ว ผมไม่อยากมีปัญหา ไม่ใช่พวกไม่แพ้เป็น ถ้านัทเลือกมันผมเองก็พร้อมที่จะหยุด อยากได้ผมเป็นพี่ชาย นาทีนี้ก็คงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น 

    โอเคผมเกลียดมัน แต่ประเด็นอยู่ที่ผมรักนัท รักเกินกว่าจะทำให้นัทเดือดร้อนไปด้วยได้ เว้นแต่นัทจะบอกผมมาแค่คำเดียวว่าอยากกลับมาหา


    “ไม่ต้องคิดมากหรอกนัท พี่ไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวกลับก่อนนะ มีควิซ”

    “พี่ยูไม่ได้โกรธนัทใช่ไหม?”

    ผมละมือมาหันหน้ากลับแล้วด้วยซ้ำ แต่เสียงที่ยังเจือความอาวรณ์ทำให้ขาก้าวไม่ออก นาทีนั้นผมไม่ได้อยากยิ้มแต่ต้องหันกลับไปฉีกปากกว้าง ๆ ให้คนรักเก่า 


    “พี่ยังเป็นพี่ชายคนเดิมของนัทนะ”

    พูดเองเจ็บเอง ผมเอื้อมมือไปตบบ่าเล็ก ๆ สอง – สามที ก่อนทิ้งสายตาขุ่นเคืองไปด้านหลัง รักนัทมากเท่าไรก็เกลียดไอ้อินมากเท่านั้น ฝั่งคนรักใหม่ของนัทก็มองผมกลับด้วยสายตาคล้าย ๆ กัน ดวงตาสีดำสงบนิ่งเจือความรู้สึกไม่พอใจอยู่ เหม็นขี้หน้า หงุดหงิด อยากเคลียร์หรืออะไรก็ตาม ผมไม่ได้หนี ไม่เคยขี้ขลาดแต่ไม่ใช่ต่อหน้านัท นาทีนี้เลยได้แต่หลุบตามองคนตัวเล็กอีกหนแล้วเดินกลับมาในที่ของตัวเอง 

    แค่อยากให้นัทสบายใจ 

    เป้าหมายของผมที่ยอมทุกอย่างก็เพราะเหตุผลนี้เพียงข้อเดียว




    หนึ่งเดือน เดือนครึ่ง ผมไม่ได้นับหรอกว่านานแค่ไหนแล้วที่จบวันหนึ่ง ๆ ที่ร้านเหล้ากับกลุ่มเพื่อน ช่วงที่คบนัทมาไม่บ่อยแต่ยังไม่ถึงขั้นลืมแล้วว่าเหล้ากินยังไง ไม่ได้หายหน้าหายตาไปจากแหล่งอโคจรจนพี่ตุ้ยเจ้าของร้านลืมหน้า 

    ร้านนี้เป็นร้านของรุ่นพี่ที่คณะอายุมากกว่าผมเกือบรอบ เมื่อก่อนมันทำงานบริษัท พอเก็บตังค์ได้ก็ออกมาเปิดร้านเหล้าให้รุ่นน้องเมากันหัวทิ่ม เลี้ยงสายรหัส เลี้ยงส่ง เลี้ยงจบโปรเจกต์เด็กถาปัตย์ยึดร้านนี้เป็นสมบัติคณะโดยปริยาย คณะอื่นก็มีมาครับแต่ไม่เยอะเพราะมันให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ซ้ายขวาเด็กคณะเดียวกันหมดทั้งร้านใครมันจะกล้ามานอกเสียจากเพื่อนวงในลากกันมาอีกที 


    “ไง ไอ้ยู ธีสิสถึงไหนแล้ววะ”

    ผมเป็นลูกค้ากิติมศักดิ์ในระดับหนึ่งครับ เป็นสายรหัสพี่ตุ้ยเจ้าของร้าน พอก้าวเข้ามายังไม่ทันยกมือไหว้เฮียแกก็ทักทันที เมื่อวันก่อนเพิ่งบ่นไปว่ากลัวแย่งแอดไวเซอร์กับคนอื่นไม่ได้ ผมไม่ใช่เด็กเรียนดีแบบไอ้อั้มถึงจะมั่นใจได้ว่าเลือกอาจารย์คนไหนเป็นที่ปรึกษาแล้วเขาจะโอเคด้วย แต่ครั้งนี้เป็นโชคดีของผมที่อาจารย์สนใจอยู่แล้วเลยได้ทำธีสิสจบร่วมกับแอดไวเซอร์คนเก่งสมใจอยาก


    “เสนอเรื่องไปแล้วพี่ ตอนนี้หาหนังสือจิตวิทยาเด็กมาอ่านอยู่ ผมทำเรื่องศูนย์การเรียนรู้เด็กชุมชนเมืองอ่ะ”

    “เล็งที่ไว้หรือยัง”

    “ดูไว้แล้วแต่ยังไม่ไปเซอร์เวย์เลย แอดเพิ่งโอเคกับหัวข้อ แล้ววันนี้มีอะไรน่ะ เอากีต้าร์ตัวเก่งออกมา จะเล่นเองเหรอ”

    ชายร่างท้วมพยักหน้า ผมทำตาโตลากเก้าอี้มานั่งหน้าเวที โต๊ะตัวเดียวกับที่เจ้าของก๊งอยู่กับเพื่อนรุ่นมันแล้วค่อยยกมือไหว้กราด 


    “มีแขกพิเศษเหรอพี่” อั้มถามเพราะผิดสังเกต 

    พี่ตุ้ยเป็นคนร้องเพลงดี แต่ขึ้นเวทีไม่บ่อย มีนักดนตรีประจำอยู่แล้วเป็นเด็กที่ม.นั่นแหละ เจ้าของร้านยักคิ้วก่อนใช้ผ้าเช็ดเครื่องดนตรีราคาแพงเบามือ หวงสุดอะตัวนี้ ผมเคยขอลองเล่นครั้งนึงโดนด่ายันพ่อ


     “เออ กิ๊กเก่ามาเลี้ยงวันเกิด”

    “นั่นน่ะ ถึงว่า” ผมกับไอ้อั้มสบตากันก่อนหลิ่วไปล้อพี่ตุ้ย 

    พี่แจ็ค เพื่อนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันหัวเราะลงคอก่อนชงเหล้าเข้ม ๆ ให้ผมกับไอ้อั้มเป็นการรับน้อง พอถึงเวลาพี่ตุ้ยก็ปลีกตัวไปหลังเวที ส่วนผมก็นั่งก๊งเหล้ากับพวกรุ่นพี่ต่อ ไม่รู้ว่าม.อื่นเป็นยังไง แต่ถาปัตย์ม.ผมเป็นพวกพลัดถิ่นไม่เป็น เรียนจบถ้าไม่ไปต่อนอกก็วนเวียนอยู่แถวนี้ คอยช่วยรุ่นน้องทำธีสิสส่งรุ่นต่อรุ่น


    “แล้วพวกไอ้พีทไปไหนวะ ทำไมวันนี้โผล่มาแค่ 2 คน”

    พี่แจ็คถามถึงกลุ่มน้องรหัสที่มากินเหล้าด้วยกันบ่อย ๆ เด็กปี 3 มีสอบย่อยกฏหมายพรุ่งนี้ส่วนปีอื่นไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจชวนใครอยู่แล้วแค่เซ็ง ๆ เรื่องนัทเลยชวนอั้มมา รู้ว่าพวกพี่แจ็คตั้งวงกันอยู่และก็ไม่เคยผิดหวัง ถ้าไม่บอกว่าพี่แจ๊คมีหุ้นอยู่ร้านนี้ด้วยคงคิดว่าเป็นผัวเมียกับเฮียตุ้ย สิงสถิตย์ราวกับอยู่กินด้วยกันก็ไม่ปาน



    สามทุ่มครึ่งดนตรีสดขึ้นเล่น พวกชมรมขึ้นก่อนส่วนพี่ตุ้ยคงเตรียมเซอร์ไพรส์สาวอยู่เลยหายไปเลย ประมาณห้าทุ่มคนก็เต็มร้านแต่ผมยังไม่เห็นพี่ตุ้ยกลับออกมา “พี่ตุ้ยไปนานไปป่าววะพี่แจ็ค”

    “เออ เดี๋ยวมันมาเที่ยงคืน ไอ้ตุ้ยบอกเมียเก่าว่าวันนี้ไม่อยู่ร้าน กะมาเซอร์ไพรส์ตอนเป่าเค้ก”

    ผมพยักหน้า ตอนนี้คนเต็มร้านแล้ว แฟนเก่าพี่ตุ้ยที่พี่แจ็คพูดถึงเป็นรุ่นน้องผมอีกที จำได้ว่าเป็นดาวเศรษฐศาสตร์ปี 4 ที่รู้เพราะเป็นเด็กคณะนัท เมื่อก่อนเมาธ์กันสนั่นเป็นเด็กเสี่ยซึ่งก็จริง ไอ้พี่ตุ้ยหลงถึงขั้นทุ่มซื้อวีออสให้คัน ก่อนมันจะหันไปเลี้ยงเด็กอักษรแทน คนรวยก็เงี้ย ใช้เงินอย่างกับเบี้ย ถึงเลิกไปแล้วมันก็ยังเปย์ให้เขาเรื่อย ๆ นะครับ ไม่แปลกเลยที่จะยังคบหากันอยู่ห่าง ๆ 

    สำหรับบางคนอาจมองว่าเรื่องพวกนี้เป็นปกติ แต่กับผมไม่ ถ้าตัดเรื่องนี้ออกไปเฮียตุ้ยจะถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งที่ผมรู้จักเลย ผมจริงจังนะกับเรื่องแฟน คบใครคบทีละคน จบแล้วจบเลย ยิ่งมีคนใหม่จะยิ่งไม่เหลือเยื่อใยให้คนเก่า เว้นแต่ช่วงโสดถึงจะมั่วกับพวกที่วันไนท์แสตนด์เหมือนกันไปเรื่อย แต่เฮียมันเป็นแบบนี้ก็เรื่องของมัน ตราบใดที่มันไม่ใช่เมียผมก็โอเคล่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องเอาคางเข้าไปสอด 

    กลุ่มของแฟนเก่าพี่ตุ้ยสังเกตได้ไม่ยากหลังจากยกพวกกันมา ผมจำชื่อไม่ได้แล้วแต่จำหน้าได้ว่าเป็นใคร ในกลุ่มมีทั้งผู้หญิงผู้ชายหน้าตาดีเป็นเด็กเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด หลายคนผมรู้จักมันหันมาไหว้ผมบ้างในฐานะรุ่นพี่แต่ไม่ได้คุยกัน มีคนนึงเท่านั้นที่นั่งติดกับดาวคณะน่าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผมลอบมองอยู่บ่อยกระทั่งรู้ตัวเด็กหนุ่มก็สบตาผมกลับท้าทาย มุมปากเล็กกดยิ้มยั่วให้ผมแทบลุกไปชนแก้วถ้าไม่ติดที่ว่าใครบางคนที่ไม่ได้นึกถึงตั้งแต่ทีแรกดันปรากฏตัวอยู่ด้านหลัง เดือนคณะปี 2 ที่ผมจำชื่อมันจนวันตายนั่นแหละ


    ไอ้เชี่ยอิน
    ก็รู้อยู่ว่านี่ถิ่นถาปัตย์ มึงอ้อนตีนกูเรื่องนัทไว้ยังมีหน้ามาอีกนะมึง

    เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่จนน่าจะเหยียบถึง 190 จ้องผมก่อนลากเก้าอี้มานั่งข้างน้องน่ารักแล้วหันไปยิ้มอย่างมีนัยยะให้เด็กหนุ่มพลางดึงแก้วของอีกฝ่ายมาดื่ม ท่าทางสนิทสนมเกินพอดีอย่างนั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันมีอะไรในกอไผ่ ผมยังไม่ทันได้เรียกไอ้อั้มให้ช่วยดู ไฟในร้านก็ดับสนิท เสียงกีต้าร์ดีดขึ้นจากเวทีเป็นเพลงรักเสียงหวานซึ้งก่อนไฟจะเปิดแค่โซนที่พี่ตุ้ยยืนอยู่ เสียงหวีดหวิวโห่ฮาดังขึ้นแซวจนแทบกลบเสียงนักร้อง เค้กปอนด์ใหญ่ถูกยกมาจากหลังเวทีก่อนที่เพลงรักจะถูกแปลงเป็นเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้สาวเจ้าน้ำตารินในท่อนหลัง 

    กว่าจะเป่าเค้กเสร็จ กว่าไฟสลัวจะถูกเปิดอีกครั้ง เด็กหนุ่มสองคนที่ผมจับจ้องตั้งแต่แรกก็หายไปแล้ว โดยไม่ต้องสงสัย ผมวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะแล้วเดินมาห้องน้ำชาย ทุกคนยังอยู่ในร้าน มีเพียงประตูบานเดียวเท่านั้นที่ปิดเอาไว้ เสียงสวบสาบของเสื้อผ้าดังลอดออกมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงครางเครือผะแผ่ว จังหวะนั้นไม่เย็นแล้ว ผมทุบประตูหลายครั้งโดยหวังว่าคนข้างในจะหยุด

    ปัง!

    “ไอ้สัดอิน ออกมา! มึงทำอย่างนี้กับนัทได้ยังไง กูบอกให้ออกมา!”

    ปัง ปัง!

    “ออกมานะเว้ย!! กูโทรบอกนัทแน่ว่ามึงมันชั่ว ไอ้สัดเอ๊ย!”

    ปัง ปัง ปัง!

    "ออกมาสิวะ!!”


    เสียงสุดท้ายตะโกนจนแหบแห้งก่อนผมจะถีบประตูห้องน้ำสุดแรง กลอนที่ง่อนแง่นในทีแรกหลุดกระเด็น เผยให้เห็นภาพของหนุ่มน้อยที่ผมเล็งในไว้คุกเข่าอยู่ที่พื้นใช้ปากกับอีกฝ่ายที่ปลดตะขอลงเล็กน้อยเพื่อประกอบกิจ เชี่ยอินจิ๊ปากขัดใจก่อนเก็บอาวุธมันแล้วออกมาเผชิญหน้ากับผมด้านนอก


    “เป็นเหี้ยอะไรของมึง! คนจะเอากัน เสือกไม่เข้าเรื่อง”

    “มึงจะทำแบบนี้กับนัทไม่ได้!”

    “กูทำอะไรแล้วมันจะทำไม มึงเกี่ยวอะไรด้วย”

    “กูถอยให้เพราะนัทมันรักมึง! แต่มึงเสือกทำแบบนี้กับคนที่รักมึงเหรอวะ”

    ไอ้อินยกยิ้มมุมปาก กวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ก็ไม่รู้นะว่าที่นัทติดใจกูจนทิ้งมึงมาเนี่ยเพราะรักกูหรือเซ็กส์มึงห่วยกันแน่”

    ผลัวะ!

    พริบตาเดียวความอดทนเส้นสุดท้ายผมก็ขาดผึง หมัดเน้น ๆ ซัดเข้าหน้าไอ้อิน มันไม่รอให้ผมซ้ำก็กระโจนเข้าแลกหมัดมาเหมือนกัน มันตัวใหญ่กว่าผมแต่ผมก็อาศัยความรู้เทควันโดที่เคยเรียนยันท้องมันจนเสื้อนักศึกษามีรอยตีนประทับเต็ม ๆ ก่อนไปคว้าแจกันพลูด่างในห้องน้ำมาถือไว้ แต่คราวนี้กลับพลาดท่าโดนไอ้อินแย่งไปได้ก่อนซัดหมัดเข้าเต็มแรงจนได้รสฝาดเฝื่อนของเลือดในกระพุ้งแก้ม เสียงกระเบื้องแตกกระจายเพราะแจกันหล่น ก่อนจะมีคนกรูเข้ามาในห้องน้ำจับผมกับอินแยกจากกัน


    “มึงบ้าเหรอไอ้อิน ไปต่อยไอ้ยูมันทำไม!”

    พี่ตุ้ยหันไปตะคอกรุ่นน้อง พวกพี่แจ็คล็อคคอไอ้เด็กเปรตไว้ขณะที่ฝั่งผมมีไอ้อั้มเป็นคนห้าม


    “ไอ้เชี่ยนี่มันต่อยผมก่อน”

    “มึงไปต่อยมันทำไมไอ้ยู ตัวเท่าลูกหมา”

    หมาพ่องสิ! ผมตัวเล็กกว่าไอ้อินไม่เท่าไรเองนะเว้ย “ก็มันระยำ”

    “มึงมันเสือกไม่เข้าเรื่อง!”

    “เฮ้ย หยุด! กัดกันเป็นหมา! ไอ้อินเรียกยูดี ๆ หน่อย มันเป็นรุ่นพี่มึง แล้วไอ้ยู ไอ้อินมันญาติกู จะมาแดกเหล้าที่นี่ก็อย่ามาตีกัน”

    พี่ตุ้ยพูดเสียงขรม มันเป็นคนใจดีแต่พอโมโหหน้าตาก็โหดเอาเรื่อง ผมสะบัดแขนหลุดจากอั้ม แต่ยังฉุนไม่หาย “กูไม่รู้หรอกมึงผิดใจอะไรกัน แต่อินขอโทษพี่เขา”

    “ผมไม่ผิด”

    “มึงต่อยรุ่นพี่” เออ ไอ้สัด โดนไปหลายหมัดด้วย ไอ้เชี่ยอินทำท่าหงุดหงิดแต่พี่ตุ้ยยังสั่งมันซ้ำด้วยสายตา สุดท้ายก็ยอมพูดไม่เต็มปากเต็มคำนัก

    “ผมขอโทษ”

    “ไอ้ยู มึงด้วย มึงเริ่มก่อน”

    เฮ้ย อะไรวะ ก็มันนอกใจนัทนี่หว่า ผมหันหน้าไปมองพี่ตุ้ยเหวอ ๆ ไอ้อั้มไม่ช่วยผมมันตบหัวให้อีกดอกก่อนพูดย้ำ “ขอโทษมันไป” ผมเลยงุบงิบ ๆ อยู่ในลำคอ สุดท้ายพี่ตุ้ยสั่งแยก ไล่ทั้งผมทั้งญาติมันกลับบ้าน ผมมาร้านด้วยมอไซค์เก่า ๆ ของไอ้อั้ม จอดซุกไว้ใต้ต้นมะขามหลังร้าน ขากลับก็เดินไปเอา แต่ไม่ไกลกันนั้นมีบีเอ็มซีรีส์ 3 จอดไว้ขนาบ ส่วนเจ้าของมันยืนดูดบุหรี่อยู่ก่อนแล้ว 
    ไอ้อินปรายตามองผมกับฟีโน่ของอั้มเหยียด ๆ เห็นสายตาแบบนั้นแล้วอยากไปซัดอีกรอบแต่ไอ้ห่าอั้มเบรคไว้สุดท้ายเลยได้แต่ส่งสายตาให้กันแบบแค้น ๆ 


    “เกลียดแม่ง”

    ผมสบถเมื่อไอ้อั้มพามาส่งหอ ไอ้อั้มเลิกคิ้ว รับหมวกกันน็อคของมันคืนไป “จะมีเรื่องทำไมไม่บอกกู แล้วเจ็บมั้ยน่ะแผล”

    “แผลที่หน้าไม่เท่าไร ที่ใจมากกว่า”

    “เรื่องไอ้น้องนัท?”

    “มันนอกใจนัท”

    “แล้วมึงเดือดร้อนอะไรด้วยวะ ไม่เหนื่อยเหรอไอ้ยู ไหนว่าเลิกแล้วเลิกเลย เลิกขาดไม่เหลือเยื่อใยไง”

    เออ ใช่ กูเป็นคนแบบนั้นโว้ยแต่ไม่ใช่กับนัท ไม่รู้ทำไมแต่ตัดใจไม่ได้สักที คิดจะเลิกสนใจหลายครั้งสุดท้ายถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายไม่สบายใจคนที่เป็นเดือดเป็นร้อนก็ผม อั้มหงุดหงิดที่เห็นผมเป็นแบบนี้จนตบหัวผมกระจาย “อย่าเสือกเรื่องผัวเมียเขา ถ้าไม่อยากโดนตีนอย่างนี้อีก”

    “มึงไม่เข้าใจว่ะ”

    “เออ กูไม่เข้าใจ ขึ้นนอนได้แล้วไป ไอ้ห่า อยู่ดีไม่ว่าดีเสือกเอาหน้าไปรองตีน”

    ผมถอนหายใจยาว ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าโดนไปเยอะจนหน้าบวมขนาดไหนกระทั่งผ่านกระจก ไอ้เชี่ยอินใช้ได้เลย ตีนหนักกว่าที่คิดเยอะว่ะ


      

    ผมไม่ใช่พวกเลือดร้อน ไม่ชอบมีเรื่อง ถ้ามีปัญหาอะไรที่เลี่ยงได้จะเลี่ยงตลอด พอหน้ายับไปเรียนทั้งรุ่นน้องทั้งอาจารย์ก็ซักใหญ่ อยากจะโกหกว่ารถล้ม ชนตู้ชนเตียงหรอกครับแต่แผลที่ฟ้องมันไม่ใช่ ไอ้อั้มก็ยิ้มอย่างเดียวไม่ช่วยกูเลยสุดท้ายเลยสารภาพกว้าง ๆ ว่าไปฟัดกับหมามา หลายวันกว่าแผลจะหาย แต่ไอ้พวกห่าที่รู้จักกันนี่แซวกันยังไม่เลิกว่าผมก็ทะเลาะกับคนอื่นเป็นด้วย 
    แหม กูก็คนนะครับ พวกมึงคิดว่ากูเป็นพระอิฐพระปูนหรือยังไง


    “เฮ้ย ยู ไอ้พีทชวนไปร้านพี่ตุ้ย”

    ไอ้อั้มตบหัวผมก่อนพูดกระซิบกระซาบ ตอนนี้ผมอยู่ในห้องสมุด กำลังหาหนังสืออ่านประกอบการทำธีสิสจบ “ไม่ไปอะ แล้วมึงเหอะ จะไปทำไม พรุ่งนี้แอดนัดคุยหัวข้อธีสิสใหม่ไม่ใช่เหรอ ได้แล้วเหรอ”

    “ได้แล้ว ๆ ไปเหอะ มันบอกพี่ตุ้ยถามหา”

    ผมส่ายหน้าหวือ ตั้งแต่มีเรื่องกันวันนั้นก็ไม่ได้ไปอีก ที่จริงผมน่ะไปร้านพี่ตุ้ยประจำแต่ไม่เคยเจอไอ้อิน 
    จริง ๆ ก็ไม่ควรเจอหรอกครับ ถึงมันเป็นญาติกันแต่ดูก็รู้ว่าสไตล์อินมันไม่ใช่แบบนี้ ร้านพี่ตุ้ยสถุนอย่างกับอะไรดี ที่จอด BM ดี ๆ ให้ยังไม่มีด้วยซ้ำไป


    “ไม่ไปจริงอะ? กูไปนะ”

    “ไปเหอะ เลี้ยงเหล้ามันด้วย”

    “กูเป็นไอ้พีทร้องไห้ขี้มูกโป่ง พี่รหัสรักแค่ตอนจะใช้งาน”

    พูดไปหัวเราะไป ไอ้พีทมันสายรหัสผมครับ ที่จริงนับญาติแล้วเป็นหลาน ผมปี 5 มัน ปี 3 ส่วนน้องปี 4 ซิ่วไป ผมกับพีทเลยสนิทกันข้ามรุ่น ส่วนไอ้อั้มไม่ต้องพูดถึง สายรหัสมันก็มีแต่ชอบเกาะผมเป็นปลิง สุดท้ายเลยโดนเนรเทศให้ย้ายสายมาช่วยผมดูน้อง ฮ่า ๆ ล้อเล่นครับ ที่จริงมันรักกันดี แต่รักไอ้พีทมากกว่า มันเชียร์บอลทีมเดียวกัน


    “แล้วไปกี่โมง” ที่จริงนี่ก็เย็นมากแล้ว ไอ้อั้มยกนาฬิกาขึ้นดู มันเป็นผู้ชายเซอร์ ๆ สถาปัตย์สไตล์ แต่เป็นคนเก่งที่เกือบล้ำไปเส้นบ้าแล้วก็ว่าได้ หันมาฉีกยิ้มให้ผมเห็นฟันครบ 32 ซี่ “นี่แหละ จะไปแล้ว ให้ไปส่งหอก่อนป่าว”

    “ไปเถอะ กูยังไม่ได้หนังสือที่จะเอาเลย”

    ไอ้อั้มพยักหน้าแล้วไม่ตื๊อไปส่งเลย มันยกมือขอให้ผมโชคดีแล้วเดินไปแบบไม่อาลัยอาวรณ์ นี่ถ้าขอไปส่งกูอีกรอบว่าจะไม่เกรงใจแล้วนะ ครั้นจะตะโกนเรียกก็กระดาก สุดท้ายเลยต้องมายืนเซ็งเลือกหนังสือต่อคนเดียว เล่มที่อยากได้ไม่มี มีเล่มที่ไม่อยากได้แต่หอสมุดใกล้ปิดเต็มทีเลยต้องยืม ๆ มาก่อน 

    ฝนข้างนอกเหมือนจะตกผมเลยรีบเรียกวินกลับหอ ตั้งใจว่าจะอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วค่อยอ่านหนังสือ พรุ่งนี้ว่างทั้งวัน ที่จริงอ่านยันเช้าเลยก็ได้ แต่ยังไม่ทันได้เข้าห้อง ก็เจอใครบางคนยืนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าหอเสียก่อน


    “นัท...”

    “พี่ยู นัทไปหาที่คณะไม่เจอเลยแวะมาหาที่หอน่ะ กำลังลุ้นเลยว่าจะไปกินเหล้ากับพี่อั้มหรือเปล่า”

    ผมพยักหน้า มองออกไปข้างนอกฟ้ามืดเต็มที แต่เดี๋ยวฝนคงตก “มีอะไรหรือเปล่า วันหลังค่อยมาดีไหมวันนี้ฝนจะตกแล้ว”

    นัทส่ายหน้า มองโทรศัพท์ในมือตัวเอง ผมพยายามเพ่งสายตาผ่านม่านผมที่ปรกลงปิดตาแต่นัทก็หลบลงต่ำ ดูก็รู้ว่ามีเรื่องไม่สบายใจแน่ ๆ “งั้นก็เข้าห้องก่อน เดี๋ยวฝนหยุดแล้วพี่ไปส่ง”

    “นัทค้างได้ไหม? ไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียว”

    “แล้วอินล่ะ?”

    นัทส่ายหน้า ผมก็ไม่รู้จะคาดคั้นอะไรแต่รู้ว่าคนรักเก่ากำลังรู้สึกแย่มาก ๆ เลยไขห้องให้เข้ามาก่อน ไม่รู้นัทรออยู่นานแค่ไหนแล้วก่อนผมจะมา


    “ที่ห้องไม่ได้ซื้ออะไรติดไว้ กินมาม่านะ”

    ผมเข้าครัวไปต้มมาม่าให้ตัวเองกับนัท เหลือไข่อยู่ฟองเดียวก็ใส่รวมกันไปเลยในหม้อ ผมกับนัทกินข้าวจานเดียวกันบ่อย ขี้เกียจล้าง วันนี้ก็เหมือนกัน ฝนตก กินมาม่าถ้วยใหญ่ ให้บรรยากาศเหมือนตอนคบกันสุด ๆ 


    “หน้าพี่ยูไปโดนอะไรมา” ผมเอาลิ้นดุนมุมปากข้างที่ยังเป็นแผล 

    “นี่น่ะเหรอ เมาชกกับไอ้อั้มมัน”

    “นานหรือยัง เจ็บหรือเปล่านัททายาให้ไหม” แผลใกล้หายแล้ว ไม่เจ็บแล้วแต่ยังเหลืออยจาง ๆ ให้พอสังเกต

    “กินไปเถอะเดี๋ยวมาม่าอืด”

    “พี่ยูจะไปไหน”  ผมยื่นช้อนส้อมให้นัทแต่ไม่นั่ง

    “เอากางเกงมาให้เปลี่ยน สบายหรือไงนั่งแบบนั้น” นัทยิ้ม เป็นยิ้มที่ไม่สวยเลยในเวลานี้ 

    “พี่ยูดีกับนัทจัง”

    “ก็พี่เป็นพี่เรานี่” พูดเองเจ็บเอง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน นัทเองก็คงเจ็บสังเกตได้จากแววตาคู่หม่น ผมไม่รู้ว่าไอ้อินทำอะไรมาแต่นัทเป็นแบบนี้ก็พอเดาได้ว่าเพราะมันแน่ ๆ อะไรวะ คบกันได้เดือนเดียวอย่าเพิ่งตีกันสิ เดี๋ยวกูเอาคืนทำไง

    ผมถอนหายใจคิดฟุ้งซ่าน กลับมาอีกทีมาม่าก็อืดเต็มถ้วย นัทกินไปได้ไม่เท่าไรก็นั่งมองแล้ว ผมยื่นกางเกงให้นัทไปเปลี่ยนแล้วจัดการกับที่เหลือต่อ รื้อนมในตู้เย็นมาให้คนตัวเล็กกินเพิ่มอีกกล่อง นัทเป็นโรคกระเพาะเพราะชอบกินน้อย ๆ อดมื้อเย็นลดน้ำหนักบ้างล่ะ ตอนที่คบกันถึงต้องบังคับให้กินนมเพิ่มถ้าวันไหนกินน้อยเกินไปตลอด
    อีกฝ่ายรับไว้ไม่พูดอะไรผมเลยทิ้งตัวลงข้าง ๆ เงียบ ๆ ผมปลอบคนไม่เก่ง อย่างมากก็ได้แต่อยู่ด้วยกันแบบนี้ มือนัทกำแล้วคลายอยู่บนหน้าตัก วินาทีนั้นที่ผมเผลอตัวไปจับมาวางไว้บนหน้าขาตัวเอง


    “พี่ยู” 

    ผมรับคำในลำคอแต่ไม่หันหน้ากลับไปมองคนเรียก กระทั่งไหล่ถูกอิงด้วยแก้มนิ่มก็ก้มหน้าลงมองนัท 

    ไหวไหมนัท ถ้ามันทำให้เจ็บก็กลับมาหาพี่ พี่ยังรอนัทอยู่เหมือนเดิม 

    ได้แต่คิดครับผมพูดได้ที่ไหน นัทตัดสินใจไปเองคงหมายความว่าไม่ต้องการผมแล้ว เจ้าของตากลมช้อนมองขึ้นพอดีทำให้เราสบตากันมือเล็กเอื้อมมาเกี่ยวบ่าอีกข้างให้ผมโน้มตัวลงใกล้ กลิ่นของนัทหวานเหมือนผลไม้ ผมชอบใช้จมูกซุกไซ้บ่อย ๆ เสียงหัวเราะคิกคักจะตามมา แต่เวลานี้นัทไม่ได้เล่น ปลายนิ้วนุ่มเลื่อนมาเกาะรอบคอผมไว้ก่อนที่เปลือกตาโตจะปิดเข้าหากัน 

    ผมแตะริมฝีปากลงไปบนกลีบปากอิ่มราวกับถูกอีกฝ่ายสะกด นัทบดเบียดร่างกายเข้าหามากขึ้นและมันทำให้ผมรู้สึกร้อน ตั้งแต่เลิกกับนัทผมก็ไม่มีใคร เจอสัมผัสคุ้นเคยเข้าหน่อยยิ่งเตลิด ปลายลิ้นที่กระหวัดเกี่ยวกันอย่างรู้งานย้อนภาพวันวานที่เรายังคบกันอยู่กลับมา เลื่อนมือไปเกาะเอวเล็กรั้งเข้าหาก่อนโถมตัวลงไปให้นัทนอนราบไปกับโซฟา


    “....พี่ยู” นัทเรียกชื่อผมเหมือนเพ้อ เวลานั้นไม่ว่าผิดชอบชั่วดีก็ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกได้ ผมคิดถึงนัท คิดถึงมาก รู้ตัวอีกทีก็รั้งกางเกงตัวเล็กให้หลุดไปจากข้อเท้า จับขาทั้งสองข้างมาเกี่ยวเอวโดยปลดตะขอกางเกงยีนส์ของตัวเองออกเพื่อดึงร่างกายที่แข็งขืนออกมา นัทยังสวมท่อนบนอยู่เพียงแต่มันยับยู่ยี่ เราตระโบมจูบกันอย่างลืมฟ้าดิน เสียงพายุฝนคำรามอยู่ด้านนอกแต่ไม่อาจห้ามผมกับนัทได้แล้ว

    ผมจำได้ว่าแตะตรงไหนนัทจะรู้สึก
    และนัทก็จำได้ว่าสัมผัสตรงไหนแล้วผมจะเตลิด


    ฟ้าแลบจนสว่างจ้า ต่อมาไฟหอก็ดับ เสียงกรี๊ดดังระงมจากห้องอื่นแต่ผมกลับได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างสมใจเมื่อผมแทรกตัวผ่านช่องทางไปจนสุดในครั้งเดียว ปลายเล็บคมกดจิกอยู่บนแผ่นหลัง นัทสะบัดหน้าเงย ร่างกายภายในร้อนฉ่าตอดรัดผมอย่างรู้งาน


    “อ...อ๊ะ พี่ยู นัท.......”


    นัท... พี่รักนัท






    TBC 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×