ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเร่

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่08 รอยยิ้ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.11K
      82
      28 ก.พ. 59



    Dahlia 08



    แสงสีที่ทอประกายวิบวับ สลับกับลำแสงเลเซอร์สีเขียวมะนาวกวัดแกว่งชวนตาลายในห้องเล็กๆซึ่งจุคนไว้หลักร้อย ซึ่งบางทีผมไม่แน่ใจว่าถึงพันหรือเปล่าด้วยซ้ำในคลับย่านอตก. ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่ไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศตรงข้ามนัก หากแต่ก็ยังมีผู้หญิงประปราย นับจำนวนหัวได้แต่อย่าหวังว่าถ้าไปขอเบอร์แล้วเธอจะให้ ถ้าเป็นที่อื่นล่ะก็โอกาสน่าจะพอมี  ที่อื่นที่ไม่ใช่บาร์เกย์ที่ผมยืนอยู่บริเวณบันไดกลางร้านซึ่งกวาดตามองผู้คนเข้าใหม่และยืนเต้นเอามันส์ตั้งแต่แรกได้โดยรอบ


    สิ่งที่น่าอัปยศของผู้ชายอายุย่างเข้า25 ไม่ใช่การมายืนในที่แบบนี้ ดวดเหล้าเฝ้าโต๊ะคนเดียวโดยมองคนมาด้วยไปอ้อล้อโต๊ะนั้นทีโต๊ะนี้ที หากแต่เป็นเพราะความพ่ายแพ้ที่มีหลักฐานแสดงอยู่ทนโท่เมื่อคืนวานต่างหากที่ทำให้ผมต้องยอมมาบาร์เกย์กับน้องชายแฟนเก่าทั้งที่ตั้งปฏิญาณกับตัวเองไว้เหนียวแน่นว่าจะไม่เคลิ้มไปตามรสจูบที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นสาบของเพศเดียวกันแน่ๆ แต่ผมอาจประเมินภูมินทร์ต่ำไป หรือไม่ก็อาจเป็นตัวเอง ที่ไม่ยอมรับรสนิยมทางเพศที่แท้จริงซึ่งถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดในซอกหลืบของจิตใจตั้งแต่ต้น

    โดยสรุปหลังจากไอ้มินถอนจูบแบบดีปคิสออกมา อย่าให้บรรยายครับว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง รู้ตัวอีกทีพระเอกหนุ่มก็กดยิ้มยียวนตรงหน้า หัวเราะต่ำในลำคอ เอามือกระชับเอวที่ผมเพิ่งสังเกตว่ามันค่อนข้างจะคอดกว่าผู้ชายปกติเล็กน้อยกระซิบเสียงต่ำให้ได้ยินกันแค่สองคน ทว่าแก้มดันร้อนฉ่าขึ้นถึงใบหูว่า “มึงตั้ง...”

    ครับ... ผมมีอารมณ์กับจูบประหลาดๆของมัน ว่าแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มมิดซอยอีกทีแล้วกัน อำลาความมาดแมนที่สั่งสมมาตลอดหกปีนับจากที่พี่เอิร์ธจากไป เทเหล้าลงใหม่ ผสมโซดา โค้ก ใช้นิ้วคนๆ แล้วยกขึ้นดื่ม



    “มาคนเดียวเหรอครับ?”


    ผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่มองตั้งแต่มันเข้าร้านเดินมาทัก ชนแก้วในมือผมแล้วมองตาหวาน ผมไม่ตอบแต่หันหน้าหนีอีกทาง พอสักทีเถอะ กูรู้แล้วว่ากูเป็นเกย์ ไม่ต้องช่วยกันมาตอกย้ำกูมากขนาดนั้นก็ได้



    “มาครั้งแรกเหรอ ผมไม่เคยเห็น”


    ผมยังไม่ตอบ แต่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม แล้วเทใหม่ สายตาสอดส่องหาไอ้มินเรื่อย เมือกี้เดินไปนัวกับน้องเสื้อแดงโต๊ะนั้น แล้วนี่หายไปไหนแล้ววะ ไวจริงๆเลยสิพับผ่า


    “หยิ่งแฮะ..ไม่สนุกเหรอ?”


    ผู้ชายคนเดิมพยายามตะเบ็งเสียงผ่านเพลงที่ดีเจเปิด เริ่มเอาตัวเข้ามาเบียดผมมากขึ้นทำคล้ายหนีโต๊ะอื่นที่ออกจังหวะกันช้าๆ พักเดียวมือปลาหมึกก็เริ่มแตะที่เอว ตามด้วยจมูกสันกดจู่โจมเข้าข้างแก้มให้ผมสะดุ้งโหยงราวกับบังคับกลายๆว่าถ้ามึงไม่ตอบ กูจะทำมากกว่านี้ล่ะนะ



    “มากับเพื่อน”


    “คนไหนล่ะ ทำไมทิ้งให้น่ารักอยู่คนเดียว เดี๋ยวใครก็คาบไปกินเสียหรอก”


    ยกตัวอย่างเช่นมึงใช่ไหม ผมขยับตัวหนีมันมาติดระเบียง แต่กลับเหมือนเปิดโอกาสให้พื้นที่ผู้ชายคิ้วหนาเข้ามากล้ำกรายได้มากขึ้นเรื่อย มันใช้มือข้างเดียวเกี่ยวเอวผมไว้พลางวางพาดคางบนหัวไหล่ ไอ้สัตว์มิน! มึงเอากูมาแล้วทิ้งกูไว้แบบนี้ใช้ได้หรือไงวะ มาเอาไอ้เหี้ยนี่ออกไปเดี๋ยวนี้ มันเอามือลูบตูดกูแล้ว พ่องจาย!!!



    “ปล่อยเถอะครับ”


    “กลับกับผมนะวันนี้.. ไม่ต้องรอเพื่อนหรอก”


    มันต้องเป็นผู้ชายที่มีความมั่นใจสูงมากแน่ๆถึงเอ่ยชวนผมหน้าด้านๆแม้จะเห็นอยู่ทนโท่ว่าผมไม่ได้มีปฏิกิริยากับคำพูดหวานหูหรือมัดกล้ามที่มันเอามาถูหลังราวกับอวดว่ากูหุ่นน่ากินนะเลยสักนิด แต่พักเดียวผู้ชายที่ตระคองกอดผมอยู่ก็ถอยห่าง ผมหันกลับไปเห็นว่าภูมินทร์กลับมาแล้วและคว้าไหล่ไอ้ยักษ์ไว้เลยเผลอยิ้มออกมาหลังจากหน้าบูดอยู่ตั้งนานสองนาน โห่ กว่าจะมา พระเอกของกู กูโดนสีจนสึกหมดแล้วมึงเห็นไหม



    “มากับแฟนก็ไม่บอก”


    ผมอยากตอบว่าแฟนเหี้ยอะไร แต่ก็เลือกที่จะเงียบ อย่างน้อยการโผล่หัวของภูมินทร์ครั้งนี้ทำผมแฮปปี้ที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์จะเคยจารึกมา แม้จะถูกเข้าใจผิดนิดๆหน่อยๆก็เถอะ ไม่เป็นไร จุดนี้แล้วผมไม่ถือ ภูมินทร์ทำหน้าเครียด มือขวาล้วงกระเป๋าส่วนมือซ้ายยกขึ้นมาหยิกแก้มผมจนเจ็บ 



    “สัตว์! เจ็บ!!”


    “เออ.. โทษที ลืมตัว”


    “ลืมตัวพ่อมึงสิ หยิกมาได้”


    “มึงยิ้มน่ารักดีนะ”


    ไอ้มินพูดมึนๆ มันอาจไม่เคยเห็นผมยิ้ม ก็มันไม่มีเรื่องให้ยิ้มเลยไม่ค่อยยิ้มให้ใครดู เมื่อกี๊ดีใจไปหน่อยที่มันกลับมาก่อนผมจะเสยคางไอ้เวรนั่น หงุดหงิด ไม่ชอบครับ แต่ที่นิ่งเพราะไม่อยากมีเรื่อง เดี๋ยวหน้าเยิน หมดหล่อกันพอดี 
    แต่ไอ้คนที่ลากผมมาถึงแม้จะชมกันซึ่งๆหน้าว่าผมยิ้มน่ารักกลับยังคงขึงหน้าเรียบสนิทเหมือนตอนเข้าร้าน แถวบ้านเรียกแอ๊บ ไม่รู้จะแอ๊บแมนในบาร์เกย์ทำห่าอะไร ทีอยู่กับกูล่ะรั่วกู่ไม่กลับ เอาจริงๆเวอร์ชั่นนี้ไม่เคยเห็นครับ แต่ดูๆไปก็ตลกดี 



    “แล้วน้องเสื้อแดงโต๊ะนั้นล่ะ? ไม่เล่นด้วยหรือไงถึงกลับมาคนเดียว”


     แซวมันไปงั้นแหละ แต่ไอ้มินไม่ตอบ มันยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม พลางเหลือบมองผู้ชายคนเมื่อกี๊ที่ยืนไกลออกไประยะหนึ่งด้วยหางตา มือข้างที่หยิกแก้มผมเปลี่ยนมาเป็นโอบเอวพลางโยกจังหวะไปตามทำนอง ผมมองเสี้ยวหน้าหล่อๆของมันแต่ไม่ได้ขืนตัวออก ยังไงก็คนรู้จัก จากมาเป็นไม้กันหมาไอ้มิน ตอนนี้ภูมินทร์กลายเป็นไม้กันหมาให้ผมเฉย ไงล่ะมึง กรรมมันติดจรวด บังคับกูดีนักไอ้สัตว์



    “กลับไหม?”

    ภูมินทร์ถาม แทนที่จะโต้ตอบผม ผมดูนาฬิกากับเหล้าที่เปิดไว้ เหลืออีกเยอะครับ แต่ร้านแบบนี้ไม่ชอบว่ะ โอเค ยอมแพ้ว่าผม’มีอารมณ์’กับผู้ชายจริง แต่ไม่ได้มีอะไรที่จะหมายความว่าชอบให้ผู้ชายมาเจ๊าะแจ๊ะด้วย ไม่ได้รู้สึกระริกระรี้เหมือนเวลาสาวๆมาติด แบบนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองเรตติ้งแรง ออกแนวยืดหน่อยๆ กลับกัน พอมีผู้ชายเข้ามาป้อนี่รู้สึกแบบ อ่า.. อย่าเลย ไม่แน่ใจว่าเพราะผมยังพอจะมีความแมนอยู่บ้างหรือแพ้เฉพาะคนหล่อโคตรๆก็ไม่รู้ว่ะ ฮ่าๆ

    ผมพยักหน้าให้ภูมินทร์แทนคำตอบ วันสองวันมานี้พี่เอิร์ธไม่ได้มาหา แต่ก็โทรมาเรื่อยๆ งานพี่เอิร์ธค่อนข้างหนัก ไม่ได้หมายถึงต้องไปแบกปูน โบกตึกนะ แต่ทเข้าเวรตั้งแต่แปดโมงเช้ายันสองทุ่ม วันดีคืนดีอย่างเช่นช่วงที่ไม่ได้มาหานี้พ่อของเพื่อนที่ทำอยู่ด้วยกันป่วยเลยยกเวรให้พี่เอิร์ธอยู่ดึกหลายวัน กับผมอย่างมากเลยได้คุยกันแค่ช่วงพัก หรือไลน์ทิ้งไว้ตอนที่ผมหลับไปแล้ว แต่วันนี้ยังไม่โทรมา งานคงยุ่งจริงๆถึงได้หายเงียบไปทั้งวัน ที่พูดถึงนี่ไม่ใช่อะไร ผมไม่ได้บอกมันไงว่าจะออกมาเที่ยว มิหนำซ้ำคนที่มาด้วยก็เป็นคนที่พี่เอิร์ธขบแก๊กอยู่มิหนำซ้ำยังเป็นสถานที่อโคจรเชรี่ยๆด้วย ขืนโทรมาตอนกำลังอยู่ในร้านได้มีคนบึ่งรถมาลากคอผมกลับแน่ เพราะงั้นชิ่งเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน


    ใช้เวลาไม่นานจากร้านย่าน อตก. ฮอนด้าแจ๊ซรุ่นทอปแต่งรอบคันสีเหลืองสดก็แล่นปราดมาจอดบริเวณอาคารจอดรถของคอนโด สารถีเอ่ยประโยคที่ผมอยากได้ยินที่สุดในหลายวันนี้ว่ามันจะกลับบ้านเพราะมีงานถ่ายละครตั้งแต่รุ่งสางของพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องคอนโดมันมาเช็คชัวร์ให้พี่เมอีกทีว่าห้องเรียบร้อยตามเจ้าของอาคารแจ้ง ข้างห้องผมคนเก่าเป็นผู้หญิงครับ เป็นนักเรียนกฏหมาย เคยเจอกันครั้งสองครั้งตอนเช้าแต่ไม่เคยทักทายอะไรกันนอกจากส่งยิ้มแห้งๆให้ ดังนั้นพอมินเห็นว่าไม่ต้องซ่อมแซมหรือบำรุงอะไรเพิ่มจากกวาดซากจิ้งจก แมลงสาบและขจัดกลิ่นสางในห้องปิดตายจึงจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด ห้องก็กลับมาน่าอยู่เอี่ยมอ่องเหมือนเคย เพียงแต่มันยังไม่มีคนอาศัยเหมือนที่เคยก็เท่านั้น



    “มึงว่า กูจะเช่าห้องนั้นต่อจากพี่เมดีไหมวะ?”


    เจ้าของรถเอ่ยแทรกเสียงเพลงในคลื่นวิทยุ ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ภูมินทร์ต้องเช่าห้องต่อจากพี่สาวแท้ๆของตัวเอง บ้านนี้มันแบบนี้ เลี้ยงลูกแบบตะวันตก ไม่มีระบบกงสีเกื้อหนุนสมาชิกครอบครัว แต่ที่แปลกใจกลับเป็นเรื่องที่มันจะย้ายมาอยู่นี่แทนคอนโดที่อยู่แยกคนละห้องกับพี่เมในใจกลางมหานครต่างหาก



    “กูว่าอยู่คอนโดโน้นก็ดีออก เดินทางสะดวกสบาย มีรถไฟฟ้า ทำเลกลางเมือง จะมาเช่าอยู่ที่นี่ทำไม?”


    “ไม่ค่อยอยากอยู่กับพี่เมว่ะ โตแล้ว เบื่อฟังเสียงมันบ่น”


    “พี่เมไม่เห็นขี้บ่นเลย มึงมันทำตัวเองให้เขาบ่น พี่เขาหวังดีกับมึงนะเว้ย”


    “กี่ปีๆก็ปกป้องกันตลอด พี่กูทิ้งมึงทำไมยังรออยู่ได้วะ ไม่เข้าใจ”


    ไอ้มินส่ายหัวโคลง รอเหรอ ผมมักจะใช้คำนั้นนะ แต่ลึกๆแล้วก็เปล่าหรอก แค่ยังไม่อยากมีใครใหม่ ไม่พร้อม ไม่อยากเริ่ม อยู่คนเดียวก็สบายดี หาที่ดีกว่าพี่เมไม่ได้ ไม่รู้ว่ะ ร้อยแปดพันเก้าสำหรับชีวิตโสดย่างเข้าเดือนที่หกของผม แย่ตรงที่เหตุผลที่ร้อยแปดพันสิบมันเสือกเข้ามาเมื่อวันสองวันก่อนนี่แหละ 

    เหตุผลของความลังเลที่ว่า แฟนคนต่อไปของตัวเองจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย 

    เกิดมาจนย่างเข้าเบญจเพสอยู่รอมร่อยังไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุผลแบบนี้อยู่ในหัวเลย อยากจำขำเป็นภาษาหมีขั้วโลก เฮ้อ...



    “เอาเถอะ เรื่องของมึงแล้วกัน ส่วนไอ้พี่เอิร์ธอะไรนั่นก็ระวังไว้ดีๆ ท่าทางขี้หึง อย่าให้กูพูดมากเลย มึงรู้จักมันดีกว่ากู”


    “เออ รู้ ขอบใจที่ห่วง”


    “ขี้ตู่สัตว์ ใครห่วงมึง” ภูมินทร์ทำปากแหยะๆ ผมเลยผลักหัวมันไปชนกระตกรถสักที


    “เออ ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง กูไปละ ไอ้ห่า ต้องกวนส้นตีนทุกวันเลยใช่ไหม? นี่กวนเผื่อพรุ่งนี้ที่มึงต้องไปทำงานด้วยใช่ไหม?“


    ผมทำหน้าหน่ายใส่มันบ้าง ครั้งนี้ภูมินทร์หัวเราะร่วน มันเอนตัวไปข้างหน้า เอาคางเกยกับพวงมาลัยรถแสดงทีท่าว่าขี้เกียจสุดฤทธิ์ แต่ขึ้เกียจยังไงก็ต้องทำครับงาน จะงอมืองอตีนไม่ได้ โตเป็นควายแล้ว ดังนั้นควรกลับห้องไปพอกหน้าด้วยครีมปิ๊โกะหลังจากดื่มเหล้าจนดึกดื่นหน้าทรุดหน้าโทรมได้แล้วมั้ง เที่ยงคืนแล้ว



    “งั้นเดี๋ยวกูขึ้นห้องแล้ว ไม่ได้เมาใช่ไหม? ถึงคอนโดแล้วไลน์มาบอกกูด้วยแล้วกัน”


    “ทำเหมือนกูเป็นเด็กๆ ไม่ต้องห่วงมากนักหรอก”


    “น้องพี่เมก็เหมือนน้องกู” ผมจีบปากจีบคอพูด เหมือนมันติดใจผมเรื่องพี่เมครับ คนเอาคางเกยพวงมาลัยไว้เลยยืดตัวตรงทำหน้ายับๆ ยับแต่ยังหล่อนะ เอนหัวพิงกระจกมองผมตาขวาง



    “กูไม่ใช่น้องมึงนะไอ้สัตว์”


    “เออ กูรู้ แกล้งเล่นๆน่า ไปๆ กลับดีๆ อย่าขับรถเร็ว”


    “เดี๋ยวก่อน”

    เสียงเรียกของคนขับรถทำให้ผมเบรคตัวเองที่กำลังง้างประตูรถเปิด ภูมินทร์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบ้างอย่างแต่ก็เงียบจนผมเริ่มรำคาญ



    “ว่าไง ไม่พูดจะลงแล้วนะ”


    “มึงชอบไอ้พี่เอิร์ธรึเปล่า?”


    คำถามของภูมินทร์ทำให้ผมเงียบ ถ้าถามว่าเคยชอบหรือเปล่าคงตอบง่ายกว่า ว่ากันว่าความรัก ยิ่งเด็ก ความรู้สึกที่มีก็ยิ่งบริสุทธิ์ คนเราพอผ่านช่วงวัยต่างๆมาแล้วสิ่งที่เจือปนในความรู้สึกที่แท้จริงก็มีมากขึ้น ความขลาดกลัว การตรึกตรอง ความเหมาะสม ส่งผลให้เกิดภาวะสับสนในคนรุ่นวัยทำงาน และผมก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าผมจะตอบมินและตัวเองไม่ได้ว่า ตอนนี้ผมรู้สึกกับพี่เอิร์ธอย่างไร



    “ถ้ามีอะไรเรื่องพี่เอิร์ธให้ช่วยก็บอกกูแล้วกัน เกย์มือใหม่อย่างมึงต้องการครูนะ บอกไว้ก่อน อีกอย่างไอ้เหี้ยพี่เอิร์ธของมึงน่ะไม่ได้ดูธรรมดา แถวบ้านกูว่าแม่งเชี่ยวกะเรื่องผู้ชายพอตัว”


    “หึ ตัวมึงเองก็ใช่ย่อย เที่ยวไปแขวะเขา ว่างๆไปตรวจเลือดบ้างนะ พี่เมเป็นห่วง”


    “มึงจะไปตรวจกับกูไหมล่ะ พี่เมห่วงเหมือนกัน ไอ้กี้”


    สัตว์! ไอ้เชี่ยมิน แม่งรู้เรื่องชื่อที่เพื่อนๆผมเรียกได้ไงวะ ผมมองมันตาขวางแต่คนแซวยังยกยิ้มเหมือนภูมิใจเสียเต็มประดาที่ไปสืบสมญานาม ‘กี้ขี้ปัน’ ของผมมาได้ ขนาดพี่เมยังไม่เคยล้อชื่อนี้ด้วยซ้ำ ไอ้หอกนี่ กวนส้นตีน



    “กูว่ามึงไม่เป็นเอดส์ตายหรอก จะโดนกระทืบตายมากกว่า”


    “โอ๊ยๆ น่ากลัวจริงๆ เออ กูว่าจะถามตั้งแต่ครั้งที่แล้วละ มึงเป็นไวรัสตับหรือเปล่า?”


    “ไวรัสพ่อง! ไม่ได้เป็นโว้ย! ครวย!”


    ภูมินทร์หัวเราะร่วน มึงมีความสุขจังนะเวลาถูกด่าเนี่ย มันหันมาทางที่นั่งข้างคนขับ ยื่นมือมายีหัวผมแรงๆ 



    “กูค่อยสบายใจหน่อย”


    มันว่า ผมเหลือบตามองมันเคืองๆ พยายามขืนตัวออกแต่ภูมินทร์ก็ยังจับไว้แน่น ทึ้งหัวกูเลยไหม ไอ้เวร



    “ไม่งั้นตอนสอดลิ้นเข้าไปวันนั้นมีหวังติดโรคจากมึงชัวร์”



    ปึง! 

    แรงเหวี่ยงของผมที่ลงกับประตูฮอนด้าแจ๊ซดังสนั่น หลังจากประโยคนั้นก็ลงเดินก้าวฉับฉับออกจากรถเข้าคอนโดทันที ใบหน้านี่เห่อร้อนไปถึงหู พอสักทีเถอะ เลิกประจานความอัปยศของกูสักที เชี่ยแม่ง หงุดหงิด โว้ย!!!!!!! 



    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×