ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเร่

    ลำดับตอนที่ #27 : ตอนที่27 ข่าวดีจากความมืด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.72K
      76
      28 ก.พ. 59


    Dahlia 27




    ผมมีประชุมตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งยันทุ่มครึ่งเรื่องระบบงานที่ล่าช้า นายบี้เอางานแบบลืมสนิทว่ามนุษย์เงินเดือนก็นับเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ระยะหลังนี้งานเยอะกันจนคนทำงานเริ่มแปลงสภาพเป็นโรบอทกันทุกคนงดเพื่อนฝูง งดสังคม งดสังสรรค์ งดกระทั่งครอบครัว


    “ไม่ไหวแล้วว่ะ ไปแดกเบียร์เหอะ”

    ขุนศึกบ่นเสียงยืดยาวหลังจากประชุมเสร็จ พาดแขนอวบๆลงบนคอผมแสดงอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเหมือนคนอื่น ๆ ไม่มีอะไรน่าเบื่อไปกว่าการเลิกงานมืดในคืนวันศุกร์สิ้นเดือนอีกแล้ว ผมถอนหายใจหน่ายเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาตรงประตูทางออกลิฟท์ ป่านนี้พี่เอิร์ธกับที่บ้านคงกินข้าวกันหมด เหลือผมหิ้วท้องคอดกิ่วอยู่คนเดียวชัวร์ คิดแล้วก็ชวนไอ้ขุนไปร้านที่เป็นผับแอนด์เรสเตอรองดีกว่า กินข้าวเสร็จจัดเบียร์มา ทั้งเรื่องงาน เรื่องคนที่กลุ้มๆจะได้ลืมไปเสียบ้าง


    “ร้านCuteนะ”

    ไอ้ขุนพยักหน้า หันไปชวนไอ้ต้น รายนั้นจากที่หางลู่หูตกเหมือนหมาถูกหวดถึงกับกระดิกหางดิ๊กๆตามมา ท่าทางคืนนี้คงอีกนาน ว่าแล้วเลยโทรบอกหมอยาคนดี ลูกเขยขวัญใจครอบครัวภู่สมบูรณ์แต่มันกลับไม่รับ สงสัยปิดเสียงติวสอบให้ชนากานต์น้องสาวแท้ๆของผมชัวร์ 

    คิดแล้วเศร้า ด้วยภาระหน้าที่ และงานที่ถล่มเหมือนผมได้เงินเดือนเดือนละแปดแสนค่อยๆทำให้ผมกับพี่เอิร์ธห่างกัน ขณะที่น้องสาวอย่างยัยกานต์กลับถือโอกาสที่ผมยุ่งๆผูกขาดพี่เขยไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวได้เกือบเดือน อย่างที่ผมเคยบอก น้องสาวที่ทั้งฉลาดและเฉลียวกว่าพี่ชายเกิดแดกเป๊บทีนแทนนมตั้งแต่แบเบาะเลยสะดิ้งนึกอยากเป็นหมอ พอพี่เอิร์ธเข้านอกออกในบ้านบ่อยๆเลยถือโอกาสตีซี้หาติวเตอร์ที่ทั้งหล่อและใจดีมาสอนตัวต่อตัวแบบไม่เสียตังค์ซะเลย สุดท้ายเป็นปลื้มกันทั้งบ้าน พี่เอิร์ธดูเหมือนจะเป็นที่ยอมรับของครอบครัวเพราะยัยกานต์ ผิดกับลูกชายแท้ๆอย่างชนกันต์ไปหลายขุม

    ผมถอนหายใจยาว ซุกไอโฟนลงกระเป๋าหนังแด๊ปเปอร์ด้วยสภาวะจำยอม จากนิสัยพื้นเพที่ผมเป็นพวกติดแฟนตั้งแต่ไหนแต่ไร พอไม่ได้เจอ ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างที่เคยที่ล้าจากงานอยู่แล้วยิ่งรู้สึกหมดเรี่ยว หมดแรง หมดไฟ หมดกำลังใจ เหมือนผักเหี่ยวๆไม่ได้รดน้ำ ทั้งที่เข้าใจว่าเป็นความจำเป็น แต่ลึกๆก็ไม่อยากจะยอมรับและอดรู้สึกแย่ไม่ได้ แม้มีโอกาสก็ได้แค่เจอหน้ากัน แต่ก็แค่ผ่านๆ แม้พี่เอิร์ธจะเข้านอกออกในบ้านผมจนเป็นที่รักของคนในบ้าน แต่สำหรับพ่อ เราก็ยังปฏิบัติได้เหมือนเป็นแค่เพื่อนกันอยู่ดี เรื่องใช้เวลาด้วยกันตามลำพังยิ่งไม่ต้องพูด คุณครูชานนท์จับตามองยิ่งกว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองสมัยเรียนเป็นสิบเท่า
    ไม่รู้ว่าพี่เอิร์ธคิดเหมือนกันไหม แต่ผมน่ะโคตรคิดถึงอ้อมกอดของหนุ่มแว่นเลย

    สุดท้ายผมกับเพื่อนร่วมงานก็พากันมานั่งร้านที่เป็นผับแอนด์เรสเตอรองใกล้ๆสำนักงานสมใจอยาก สวาปามมื้อเย็นจนอิ่มราวกับจะไม่ได้กินข้าวอีกแล้วในชีวิตก็สั่งเบียร์ต่อหนึ่งทาวเวอร์ ไอ้เหยาตามมาหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก คิดว่าขุนคงเป็นคนโทรบอกเพราะร้านอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ทเม้นของมันมาก หนุ่มหน้ามนคนไทยเชื้อสายจีนสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบชิวสัดๆมา พยักเพยิดบอกว่าผมดูโทรมลงไปแล้วหันไปขอแก้วบริกรเพิ่ม ตามด้วยเบียร์อีกทาวน์ ในร้านมีดนตรีสดเล่น แต่ละเพลงฟังแล้วจี๊ดถึงขั้วสมอง ผมดื่มไป ฟังเพลงไปไม่ได้ร่วมวงสนทนากับไอ้สามตัวนั้นที่พูดถึงผลบอลเมื่อคืนก่อน เอาแต่ดำดิ่งลงลึกถึงเนื้อเพลง ยิ่งฟังยิ่งโดน ยิ่งโดนยิ่งดื่ม รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนโทรศัพท์เข้าโดยคนที่ผมโทรไปหาเมื่อหัวค่ำแต่ไม่รับสายถึงหลุดจากภวังค์ได้


    “อยู่ไหนกันต์ กานต์โทรมาบอกว่ายังไม่กลับบ้าน”

    “ร้าน cute แถวๆออฟฟิศน่ะ”

    “กินเหล้าเหรอ?”

    “อืม”

    “งั้นเดี๋ยวไปรับ”

    ปลายสายตัดไปหลังจากประโยคนั้นจบลง ผมเก็บมือถือเข้าที่เดิมก่อนเลื้อยไปซบไอ้เหยาเพราะเริ่มมึนหัว เพื่อนคนนี้ชินแล้ว มันปล่อยให้ผมพิงอยู่นานแต่เปลี่ยนแก้วในมือจากเบียร์มาเป็นน้ำเปล่าให้ ผมไม่บ่นเพราะพอจะรู้ตัวว่าเมามากไม่ได้เดี๋ยวต้องกลับบ้าน ขืนพ่อเห็นว่ามาเละเทะมีหวังโดนด่าหูชาอีก พักใหญ่ทีเดียวในขณะที่สติผมมาๆหายๆไหล่ลู่ก็ถูกโอบด้วยท่อนแขนล่ำ พี่เอิร์ธพยุงผมลุกขึ้นด้วยสีหน้าเครียดขึงพอสมควร


    “ไม่เหนื่อยหรือไง แทนที่เสร็จงานจะกลับไปพักที่บ้าน”

    ผมไม่ตอบพาลหงุดหงิดพี่เอิร์ธไปด้วย เบี่ยงตัวหลบเจ้าของอ้อมอกอดอุ่นๆ แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวกลับเซล้ม โชคดีที่พี่เอิร์ธคอยคุมเชิงอยู่เลยคว้าตัวไว้ทัน สุดท้ายจากช่วยพยุงจึงกลายเป็นถูกกอดเอาไว้ทั้งตัว 


    “อย่าดื้อได้ไหม?”

    “พี่เอิร์ธสนใจกันต์ด้วยเหรอ?”

    “งอนอะไร?”

    ผมสบตาตี่ๆใต้เลนส์แว่น พี่เอิร์ธไม่หลบแต่จ้องกลับ ผมหมั่นไส้เลยดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ จูบแบบไม่สนใจว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน จูบแบบ
    ไม่แคร์ว่าจะอยู่กับใคร จูบแบบลึกซึ้ง ดูดดื่มและวาบหวาม จูบเหมือนสั่งสอนที่ทำให้ผมคิดถึงแต่ตัวเองกลับทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย ทว่าแต่ไอ้พี่เอิร์ธกลับไม่ยอมแพ้ กวาดลิ้นผมเข้าไปกัด ดูดดึงริมฝีปากจนผมเริ่มเจ็บ สุดท้ายก็ช่วงชิงทุกลมหายใจของผมไปอย่างน่าไม่อาย กระทั่งผมออกแรงทุบหมอยาเลยถอนปากออกแล้วสั่งเสี้ยงขรม


    “อย่าอวดดี”




    ผมไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่หลังจากออกจากร้าน แต่มารู้สึกตัวเอาก็ตอนถูกผ้าชื้นๆไล่เช็ดตั้งแต่หน้าผากลงมาข้างแก้ม ออกแรงปรือเปลือกตาหนักๆภาพแรกที่เห็นคือเพดานฝ้าของห้องนอนตัวเองแล้วหลับตาลงอีกรอบ หูได้ยินเสียงบิดน้ำออกจากผ้าเช็ดตัวดังจ๊อกอยู่ใกล้ๆ ผมขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนรวบรวมสติลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อเห็นพี่เอิร์ธนั่งอยู่บนเตียงห้าฟุตของผมในชุดลำลองแบบสบายๆ

    เสียงนาฬิกาคุณปู่ที่ตั้งอยู่นอกห้องครางเหง่งหง่างบอกเวลาตีหนึ่ง ผมเลิกคิ้วสงสัยเพราะเห็นอีกฝ่ายยังบรรจงเช็ดตัวให้ผมอย่างใจเย็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้พ่อห้ามเด็ดขาดไม่ให้พี่เอิร์ธอยู่กับผมในที่ลับตาตามลำพัง ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าห้องนอน ถ้าเรื่องถึงหูเจ้าบ้านมีหวังควักปืนลูกซองออกมายิงไล่เขยในอุดมคติกันอีกรอบพอดี


    “สร่างหรือยัง?”

    “อืม... พี่เอิร์ธกลับบ้านเถอะ”

    ที่พูดเพราะไม่อยากให้มีปัญหากับพ่ออีก ผมปัดมือที่พยายามเช็ดตัวให้ออกเชิงบอกว่าพอแล้ว หมอยาถอนหายใจยาวแล้วเอากะละมังกับผ้าไปเก็บ พอเดินเข้าห้องมาอีกทีก็ปิดไฟให้พลางล้มตัวลงนอนข้างๆให้ผมสะดุ้งลุกขึ้นแทบไม่ทัน


    “ทำอะไร... กันต์บอกให้กลับบ้าน”

    “โกรธอะไร?”

    “ไม่ได้โกรธ”

    “แล้วที่พูดในร้านนั่นมันอะไร?”

    “ก็เมา... อย่าคิดมากน่า กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพ่อรู้ก็เม้งใส่อีกหรอก”

    พี่เอิร์ธไม่ยอมลุกแต่กลับดึงผมให้ล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน แขนใหญ่รัดแน่นจนผมเหมือนจะจมลงไปบนอกกว้างอยู่รอมร่อ


    “นี่....”

    “คิดว่าพี่ไม่สนใจกันต์หรือยังไง”

    “อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ”

    “คิดว่าพี่ไม่คิดถึงกันต์ ไม่อยากอยู่กับกันต์หรือยังไง”

    “พรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้”

    “พี่ไม่เข้าใจว่ะ กันต์ทำเหมือนไม่รู้ว่าพี่รักกันต์มากขนาดไหน”

    “กลับบ้านไปก่อนได้ไหม?”

    “พ่ออนุญาตแล้ว ทีนี้ก็หยุดหาเรื่องไล่พี่แล้วฟังซักที”

    ผมถูกพี่เอิร์ธดุอีกรอบคราวนี้เลยได้แต่เงียบ ทว่าพอผมไม่เถียง ไอ้หมอยามันก็ไม่ยอมพูด เรานอนฟังเสียงอีกคนหายใจจนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปหรือยัง กระทั่งแขนที่กระชับตัวแน่นคลายออก มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวผมเบาๆก่อนจมูกสันจะกดลงบนหน้าผากเหมือนที่ชอบทำเลยรู้ว่าพี่เอิร์ธยังไม่หลับ

    “กันต์ขอโทษ กันต์แค่น้อยใจ” ผมชิงพูดก่อนอีกฝ่ายจะดุ ชายหนุ่มครางรับคำในลำคอ

    “อย่าพูดแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบ”

    ผมพยักหน้าแต่กลับถูกมือในความมืดช้อนคางให้เงยขึ้นทาบริมฝีปากทับด้วยกลีบปากอีกฝ่าย พี่เอิร์ธเลื่อนมือลงมาตามแนวกระดูกสันหลังกระทั่งถึงสะโพก กระทั่งปลายนิ้วเรียวค่อยๆเกี่ยวขอบกางเกงลงช้าๆ ผมจึงต้องรีบตะครุบมืออีกฝ่ายไว้ก่อนจะทำอะไรเลยเถิด


    “อย่าเพิ่งทะลึ่งสิวะ”

    พี่เอิร์ธหัวเราะพลางจ้องตาผมผ่านความมืด แสงจากนอกบ้านลอดหน้าต่างเข้ามาแค่พอเป็นเค้ารางว่าดวงตาคู่เล็กของอีกฝ่ายทอประกายวาววับเจ้าเล่ห์ 


    “ที่บอกว่าพ่ออนุญาตน่ะยังไง”

    “ก็ไม่ยังไง ช่วงนี้กันต์ดูเครียดๆเขาเลยเป็นห่วงให้พี่มาดู”

    ผมพยักหน้าบอกตามความจริง “งานหนัก”

    “ไปอยู่กับพี่ไหม? เลิกงานดึกพี่ไม่อยากให้กันต์กลับรถเมล์หรือแท็กซี่ วันไหนสะดวกพี่จะได้ไปรับ หรือถ้าติดธุระจริงๆกันต์ก็เอารถไปใช้”

    เมื่อก่อนที่บ้านผมมีรถสองคัน คือคันที่พ่อใช้ตอนนี้กับซีวิครุ่นเก่าซึ่งตอนนี้ขายไปแล้ว สมัยตอนอยู่คอนโดรู้สึกว่าไม่ได้จำเป็นต้องใช้เลยขายทิ้ง กระทั่งถูกคำสั่งให้กลับมาอยู่บ้านไอ้ของที่คิดว่าไม่จำเป็นกลับจำเป็นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ซวย สามตัวอักษรสะกดง่ายๆที่ทำให้ผมต้องใช้บริการขสมก.เสียคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม รถเมล์ 8 บาทได้นั่งเป็นชั่วโมง แถมฝุ่นควันฟรีเต็มปอดแบบไม่คิดสตางค์อีกด้วย


    “ทำมาเป็นชวน ก็รู้อยู่ว่าพ่อไม่ให้”

    แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไหร่ถึงจะให้ ซึ่งนั่นคงหมายถึงการยอมรับความสัมพันธ์ของผมกับพี่เอิร์ธได้จริงๆ ผมยังแอบคิดเล่นๆเลยด้วยซ้ำว่าถ้าบางทีคนที่คบกับพี่เอิร์ธเป็นกานต์เรื่องคงไม่ยากเท่านี้ แม้ว่าผมกับน้องจะคลานตามกันมาแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าที่พ่อยังมองพี่เอิร์ธเป็นแค่เพื่อนลูกชายเพราะผมเป็นลูกชาย ก็เท่านั้น

    ผมลอบถอนหายใจ พลิกตัวนอนหงายเอามือก่ายหน้าผาก


    “มันจะเป็นแบบนี้ถึงเมื่อไหร่นะ....”

    ถึงรำพันกับตัวเองแต่ผมก็ไม่ได้คิดว่ากำลังถูกทารุณกรรมแต่อย่างใด ดีแค่ไหนแล้วที่ยังได้เจอ ยังได้รอคอยอย่างมีความหวัง ผมรู้ว่าพ่อจะเข้าใจ อย่างที่พี่เอิร์ธเคยบอกว่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกและผมก็เชื่อ เพียงแค่ไม่รู้ว่าต้องทนไปถึงเมื่อไหร่แค่นั้นเอง


     “รู้หรือเปล่าว่ากานต์ไปสอบตรงมา”

    ผมพยักหน้า ครั้งแรกประมาณเดือนที่แล้วได้ จากนั้นก็เห็นมีสอบเรื่อยๆไม่รู้คณะอะไรบ้าง กานต์บอกว่าสอบเพื่อวัดระดับตัวเอง ถึงติดคณะอื่นที่ไม่ใช่แพทย์ก็จะสละสิทธิ์ น้องบอกว่าสุดท้ายต่อให้เข้ามหาวิทยาลัยรัฐไม่ได้ก็จะเข้าเอกชนในคณะที่อยากเรียนจนได้ กานต์เป็นเด็กรั้นเรื่องนี้พ่อเคยบอกว่าเหมือนผมที่สุด


     “เมื่อเย็นผลสอบออก กานต์ติดหมอ”

    ผมยิ้มออกทั้งที่ยังไม่สบายใจเรื่องของตัวเองเพราะดีใจไปกับน้องที่ทำได้อย่างที่ตั้งใจ พี่เอิร์ธขยับตัวให้เตียงยวบก่อนพูดต่อ


    “พี่ว่าจะพากานต์ไปซื้อของขวัญตอนเย็นๆ รับปากไว้ว่าถ้าสอบติดจะให้รางวัล”

    “แบบนี้ยัยตัวดีไม่ขอรางวัลพ่อซะขูดเลือดขูดเนื้อแข่งกับพี่เอิร์ธเลยหรือไง อย่าตามใจน้องกันต์มากเดี๋ยวจะเสียคน”

    พี่เอิร์ธหัวเราะ ดึงผมให้นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาอีกแล้ว “ที่พูดนี่อิจฉาน้องหรือไง?”

    “ตลกละ กันต์โตแล้วเว้ย งานการก็มีไม่เห็นอยากได้รางวัลจากใคร”

    “แต่รางวัลที่กานต์ขอจากพ่อใช้เงินซื้อไม่ได้นะ”

    ผมเลิกคิ้วในความมืด พี่เอิร์ธหยิกจมูกผมเบาๆแล้วปล่อยตอนผมร้องว่าเจ็บแต่เปลี่ยนมาใช้ปากงับที่ปลายจมูกแทน คราวนี้ผมเลยพลิกตัวหันหลังให้พลางใช้หลังมือถูจมูกตัวเองไปด้วย เจ็บจริงๆนะไอ้บ้านี่


    “กานต์บอกว่า อยากให้พ่อเปิดใจเรื่องของเราให้มากกว่านี้”

    พี่เอิร์ธกอดซ้อนมาจากด้านหลัง ใช้คางเกยกับศรีษะผมเหมาะเจาะ แขนที่โอบผ่านเอวขยับให้มือเราสามารถประสานกันได้ ผมรู้ว่าประโยคนั้นยังไม่จบจึงเงี่ยหูฟังอย่างสงบแต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยอย่างอ้อยอิ่ง


    “พี่ไม่ได้อยู่ด้วยหรอกนะตอนกานต์คุย แต่เผอิญอยู่ในที่ที่ได้ยินพอดี น้องถามพ่อว่า เป็นเพราะอะไร พ่อถึงไม่อยากให้เราคบกัน ถ้าคำตอบคือเพราะพ่อห่วงกันต์ กานต์บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ควรวางใจได้แล้ว”


    “ตอนหลังพ่อเลยมาคุยกับพี่เรื่องที่กันต์ดูเครียดๆ แล้วก็ฝากกันต์ไว้กับพี่ พ่อรักกันต์มากนะ ทั้งห่วง ทั้งหวง มากเสียยิ่งกว่ายัยกานต์อีก พ่อบอกว่ากันต์น่ะดื้อ เกเรเป็นที่หนึ่ง....”

    “ไม่จริงสักหน่อย” ผมแย้ง แต่พี่เอิร์ธกลับบีบจมูก “แถมยังเจ้าชู้อีกด้วย”

    “เรื่องนั้นมันเมื่อก่อน”

    “ก็ลองเจ้าชู้ตอนนี้สิ อยากเห็นพี่ดุนักหรือไง” ผมส่ายหน้า ชอบที่พี่เอิร์ธอบอุ่นและใจดีแบบนี้ที่สุด มันทำให้ผมนึกถึงเมื่อก่อน นึกถึงรักครั้งแรกของตัวเองเมื่อหกปีที่แล้ว 

    “พี่เอิร์ธ.....”

    เราจ้องตากันผ่านความมืด ความรู้สึกอุ่นในอกปะทุจนผมปริ่มไปด้วยความสุข “ขอบคุณนะที่รักกันต์”
    ผมเห็นรอยยิ้ม ซุกตัวเข้าหาอีกฝ่ายจนชิด 

    “งั้นก็ดูแลมันให้ดีแล้วกัน”

    ริมฝีปากอุ่นกดซ้ำลงบนกลางกระหม่อม



    “ชนกันต์......ความรักของพี่”




     :hao7:




    E N D

    มีตอนพิเศษนะคะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×