ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โอบตะวัน

    ลำดับตอนที่ #30 : ตอนพิเศษ 02

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.51K
      330
      3 ส.ค. 58









    โอบตะวัน
    ตอนพิเศษ 02



    “ไม่ขาดตกบกพร่องอะไรกันนะ ที่ชาร์จโทรศัพท์ แปรงสีฟัน แว่นกันแดด โลชั่น เตรียมมาครบแล้วใช่ไหม”

    กลางฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัดแม้กระทั่งยามดวงตะวันไม่ทันพ้นขอบฟ้า พ่อถามกำชับเมื่อผมลากกระเป๋าลงมาจากชั้นสอง พวกไอ้พอร์ชลาพักร้อน จองโรงแรมบนเกาะช้างให้เสร็จสรรพ โทรมาบอกเมื่อวานให้ขอพ่อ ส่วนกฤชถูกซื้อตัวให้ปิดคลินิกหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
    ผมพยักหน้า นึกถึงของจำเป็นที่ต้องติดตัวไปด้วย ถึงให้กฤชช่วยตรวจอีกรอบก็ยังไม่วางใจ ไปอยู่เกาะตั้งสามวันสี่คืนขืนลืมอะไรไปคงลำบากแย่

    “ไม่น่ามีแล้วครับ”

    พ่อพยักหน้า หันไปตบบ่าลูกเขยเชิงฝากฝัง “ขับรถกันดี ๆ นะ แล้วจะเอาข้ามฟากไปทั้งสองคันเลยหรือเปล่า”

    “คงเอาขึ้นเกาะไปด้วย” ผมบอก “แต่ไปไหนมาไหนกับซีอาร์วีของไอ้โน่ ไหน ๆ ก็ไปด้วยกัน แยกรถขับกลัวว่าจะแกร่ว”

    “อืม ระมัดระวังล่ะ กฤช ฝากดูพี่หนึ่งด้วยนะ”

    “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนช่วยถือกระเป๋าเดินทางผมขึ้นรถไป





    ผมไม่ค่อยได้เที่ยวทะเลเท่าไร พูดให้ถูกคือไม่ค่อยได้ไปไหนมากกว่า ครั้งแรกที่ได้เห็นแอ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา น้ำสีสวยสดใสแต่เค็มปะแล่มก็ตอนปัจฉิมนิเทศชั้นมอหก ถึงกับเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ร่ำ ๆ ชวนไอ้พอร์ชกระโดดลงน้ำทุกห้านาที หลังจากนั้นก็นาน ๆ ครั้ง ตอนมหาวิทยาลัยคบกับพี่ตุลย์ ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปไหนมาไหน ส่วนมากก็เดินห้าง ดูหนัง นอนเล่นกันที่คอนโด พี่ตุลย์ไม่ชอบธรรมชาติ เกลียดความไม่สะดวกสบาย เวลาคบกันเลยไม่ค่อยมีกิจกรรมร่วมกันเท่าไร

    “ไงไอ้หนึ่ง” ดินทัก เราเจอกันที่ท่าเรือเฟอรี่ สามตัวนั้นมาจากกรุงเทพฯ ในมือถือเลย์เคี้ยวแหง่บ ๆ สวมเสื้อยืดพอดีตัว กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ สบาย ๆ เหมือนเรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

    “ไม่เป็นไง” ผมว่า ปาดน้ำลายที่ยืดติดแก้มด้วยหลังมือ ไอ้บ้ากฤชยิ้มอย่างเดียว ไม่เตือนกันสักคำ

    “หลับตลอดทาง”

    “ก็ง่วงนี่ ออกมาแต่เช้า”

    “เลยปล่อยให้ผมขับคนเดียว” กฤชยักคิ้วล้อ ฟ้องเพื่อนผมยกใหญ่ 

    “ง่วงก็จอดนอนสิ ใครห้าม”

    “ไม่ง่วงหรอกครับ” ทีงี้มาเถียง “หนึ่งเล่นกรนตลอดทาง”

    “ไอ้กฤช”

    เดี๋ยวนี้เล่นข้ามหัวไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้ใครผัวใครเมีย พอผมทำเสียงเขียวใส่ก็ยิ้มแป้น แสร้งเดินมากอดกันหนีความผิดเฉย

    “เฮ้ย ๆ ใจเย็นพวกมึง ที่สาธารณะ”

    “ก็ไม่ได้จะเอากันนี่หว่า” หันไปเถียงไอ้โน่ มันยักยิ้มมุมปาก จุดบุหรี่สูบไปด้วย 

    กลุ่มผมดูดบุหรี่ทุกคนครับ ไอ้ดินเป็นคนเริ่มก่อน ดูดตั้งแต่มัธยมแล้ว  ส่วนผมเพิ่งเริ่มตอนรู้จักไอ้โน่ที่อังกฤษ เป็นกลุ่มนักเรียนไทยที่เรียนยูเดียวกันเลยสนิทกันง่าย ไม่เคยเจอตอนอยู่ไทย แต่ก็พูดกันหนาหูว่าไอ้นี่เกเรจนพ่อต้องส่งไปชุบตัวที่ต่างประเทศตั้งแต่ปริญญาตรี ไปอยู่นอกก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไร ไปอยู่ในกลุ่มมั่วสุม ผมจับพลัดจับผลูไปสนิทด้วยก็ลองทุกอย่างไปกับกลุ่มมัน ทั้งยา ทั้งเหล้า แต่ไม่กล้าบอกไอ้พอร์ชมาก มันทำตัวเหมือนพ่อ ไม่เข้าใจชีวิตวัยรุ่น กระทั่งมันจับได้คืนที่ผมหายไป วิ่งตามกันจ้าละหวั่นกระทั่งมาทุบประตูห้องไอ้โน่ที่ผมกำลังนัวเนียกับเด็กฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร จะพูดให้ถูก ตอนนั้นไม่มีอะไรในหัวเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สร่างแล้วพบว่าโดนยาปลุกเซ็กซ์เข้าให้

    ไอ้พอร์ชขอให้ผมเลิกยุ่งกับไอ้โน่ แต่ตอนนั้นก็สนิทกันไปแล้ว ชีวิตโน่มันคล้าย ๆ ผม พ่อแม่แต่งงานกันตามความเหมาะสม พ่อเป็นรัฐมนตรี แม่เป็นคุณหญิง สร้างภาพว่ารักกันกลมเกลียวแต่ในบ้านด่าทอกันทุกวัน

    ผมยื่นข้อเสนอว่าออกจากกลุ่มนั้นก็ได้ แต่ต้องเลิกด่าถ้าเห็นผมสูบบุหรี่ หรือถ้ามันเหม็นก็ต้องมาสูบด้วยกัน

    ภูดิศมันคนจริง ยอมสูบบุหรี่กับผม และผมก็รักษาสัญญาคือปลีกตัวออกห่างจากกลุ่มนั้น แต่ไอ้โน่ไม่หายไปด้วย มันตามผมออกมา แรก ๆ หมั่นไส้ไอ้พอร์ชบ้างแต่ตอนหลังก็สนิทสนมกันดี

    “มอง’ไร” 

    คนคีบบุหรี่ดีดขี้เถ้าลงพื้น ถ่มน้ำลายตามไปด้วย ผมเลิกบุหรี่ได้หลายปีแล้ว เป็นพวกดูดบุหรี่นอก ไม่ชอบของไทย พอไปอยู่ไร่ก็หาซื้อยาก จะตุนเอาไว้เยอะ ๆ ก็กลัวพ่อจับได้อีก

    พ่อน่ะ เป็นคนที่ผมกลัวมากที่สุดแล้ว กลัวตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่จำความได้เลยล่ะมั้ง

    กลัวว่าเขาจะไม่รัก...


    “ขอหน่อยดิ สักจื๊ด”

    เห็นแล้วมันเปรี้ยวปาก ไอ้โน่หัวเราะแล้วเมินไปทางอื่น ส่วนผมก็ถูกนิ้วหยาบของกฤชดีดปากจนได้

    “อะไรเล่า”

    “ไม่ชอบครับ”

    “มาดูดด้วยกันดิ”

    “บุหรี่น่ะเหรอ” กฤชถาม ผมยิ้มมีเลศนัย ถ้าหลอกให้กฤชดูดบุหรี่ด้วยกันได้ก็จะซื้อเข้าบ้านได้ พ่อถามว่าของใครก็โยนขี้ให้มันเสีย ว่าแล้วก็กอดแขนอ้อน

    “ถ้าเครียด ๆ อยู่หายเลยน้า อีกอย่าง จูบรสเมนทอลก็เซ็กซี่ดีว่าไหม”

    “ไม่ครับ” ไอ้เด็กใจร้าย มันตอบหน้าตาย หน้านิ่งมากด้วย “ถ้าจับได้ว่ากลับไปสูบบุหรี่อีกจะไม่คุยด้วยเลย”

    “อะไรเล่า ทีตอนวันเกิดฉันยังขอไอ้พอร์ชสูบได้”

    “นั่นมันเมื่อสามปีที่แล้ว” มือใหญ่วางบนหัว กฤชกดสายตาลงมองด้วยความเป็นห่วง ผมสัมผัสได้ “ตอนนี้อายุมากแล้วต้องดูแลตัวเองนะครับ”

    “อะไร ก็แค่สามสิบกว่า ๆ”

    “นั่นแหละครับ จะได้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ไง”

    พอเจอแบบนี้ ใครจะไปดื้อด้วยลงคอ




    ประมาณ 20 นาที เรือเฟอรี่ก็พาเรามาถึงเกาะ ความจริงแล้วผมอยากไปเกาะหมาก เกาะกูด เกาะขาม เคยอ่านในรีวิวเห็นว่าสงบเงียบเหมาะแก่การฮันนีมูนมาก แต่ไอ้พอร์ชบอกรีสอร์ทที่จองไว้เป็นของเพื่อนมัน สงบเงียบเหมือนกัน ส่วนห้องพักเป็นบังกะโลติดทะเล ห้องหนึ่งนอนได้สองคน ไอ้พวกนั้นจองกันไปคนละห้อง มีแค่ผมที่นอนกับกฤชหลังริมสุด

    “จะว่าไปตั้งแต่ตอนนั้นยังไม่ได้ฮันนีมูนเลยเนอะ” ว่าพลางยิ้มตาปิด  

    กฤชเหลือบตามองผมผ่านกระจก ยักยิ้มนิด ๆ อย่างไว้ท่า ไอ้เด็กนี่มันท่ามาก นึกถึงตอนที่ง้อผมคราวนั้นแล้วอยากงอนอีกนาน ๆ 

    “เกาะช้างนี่ขับรถยากเนอะ”

    “เห็นว่าที่รีสอร์ทที่เราจะไปอยู่ทางขึ้นลงเป็นผาลึกลงไปด้วยครับ แต่ติดทะเล น่าจะสวย”

    “นายเที่ยวบ่อยไหม”

    “ผมเหรอ” กฤชถาม โคลงหัวไปมา “ไม่นะครับ อยู่ไร่เป็นส่วนมาก”

    “เหรอ งั้นดีใจเลยสิได้มาเที่ยว”

    กฤชละมือที่จับพวงมาลัยข้างหนึ่งมาคว้ามือขวาผมไปวางบนตัก ดวงตาคมเข้มมองออกไปเบื้องหน้า ยังมีรอยยิ้มปรากฏในสายตาคู่นั้น 

    “ดีใจที่หนึ่งมีความสุข”

    เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ เป็นเพียงประโยคบอกเล่า แต่มันก็ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงเหมือนครั้งแรกที่เคยฟังจากปากแข็ง ๆ นั่นทุกที






    เสียงของคลื่นทะเลสาดเข้าฝั่งดังชัดเจนแม้เราจะอยู่ในบังกะโลไม้ กฤชรื้อเสื้อผ้า ของใช้จำเป็นออกมาวางให้สะดวกต่อการใช้งาน ห้องพักที่นี่ไม่แพงมาก ถือว่าถูกทีเดียวเมื่อเทียบกับการเที่ยวครั้งอื่น ๆ ของผมกับไอ้พวกนั้น แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบไม่เน้นความหรูหรา มีร้านอาหารของรีสอร์ท แต่ตั้งใจว่าจะพากันขับรถเที่ยวให้รอบเกาะ แวะทานอาหารที่เจ้าถิ่นแนะนำไว้ ไอ้พอร์ชทำการบ้านมาดี ลิสต์ของดีเกาะช้างไว้แน่น แต่เอาจริง ๆ คงตะลอนเที่ยวกันแค่วันเดียว อยากนอนอาบแดดริมทะเล นอนดูฝรั่งมากกว่า

    “หนึ่ง เตรียมชุดอะไรมาน่ะ”

    กฤชถาม ผมกำลังถอดเสื้อทาครีมกันแดดอยู่บนเตียง เสื้อกล้ามสีขาวแขนยาวเว้าถูกเกี่ยวขึ้นมาด้วยปลายนิ้ว เห็นสีหน้าถมึงทึงของคนถือแล้วลอยหน้าลอยตาไปทางอื่น ว่าแล้วเชียวว่าต้องถูกดุ แต่ทะเลนะโว้ย เที่ยวทะเลมันต้องเอ็กซ์แตกสิ

    “หนึ่ง”

    “ก็ชุดเดินเล่นริมหาด”

    “ใส่แบบนี้แก้ผ้าเลยไหม”

    “ก็อยากอยู่ แต่กลัวคนแถวนี้จะโกรธ”

    “ชุดนี้ผมก็โกรธ” กฤชว่า “เดี๋ยวพาไปหาซื้อเสื้อยืดสวม”

    “ไม่เอา จะใส่”

    “ถ้าใส่ผมโกรธ”

    “ก็โกรธไปสิ” ผมกระโจนลงจากเตียง คว้าเสื้อสีขาวมาจากมือ เด็กหนุ่มชักสีหน้าชัดเจน ก็ทำไมล่ะวะ นาน ๆ ที แถมแถวนี้ก็มีแต่ต่างชาติเสียด้วย

    “ออกไปรอข้างนอกนะ”

    หลังจากสวมเสื้อเสร็จก็เดินออกไป แดดตอนบ่ายแรงชะมัด แต่ถึงทีได้สีผิวแทน ๆ ก็คราวนี้แหละ ช่วงนี้ผมขี่ม้าบ่อย มีซิกซ์แพ็กหลวม ๆ ด้วย ไม่ได้หุ่นขี้ก้างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

    “อ้าว ไอ้ตะวัน” พอร์ชนั่งอยู่ก่อน มันเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงลายต้นมะพร้าวสีฟ้า ยาวถึงเข่า ส่วนเสื้อเป็นเสื้อกล้ามสีขาวรัดรูปไม่ต่างกัน บนหน้ามีแว่นเรย์แบนด์สีดำสนิท เมื่อเดินไปใกล้จะเห็นเงาของตัวเองสะท้อนออกมา

    “ใส่ชุดแบบนี้เด็กมันไม่โวยวายเอาเหรอ”

    “ช่างสิ” ผมว่า “ก็อยากใส่”

    “เอาแล้วเหวย” ไอ้พอร์ชแซว นั่งลงบนผืนทรายสีขาว ไม่มีร่ม ไม่มี เตียงผ้าใบ สักพักก็ล้มตัวลงนอนใช้แขนขวาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นตึงหนุนหัว “ได้คุณหนูเอาแต่ใจคืนมาแล้ว”

    “งี่เง่า กูก็ผู้ชาย ทำเป็นหวงนั่นหวงนี่ มึงก็เหมือนกัน ชอบทำเหมือนกูเหมือนเป็นลูกสาว พ่อกูยังไม่หวงกูเหมือนพวกมึงเลย”

    “ก็พ่อมึงไม่หวงไงพวกกูเลยต้องหวงแทน มึงมันเหมือนคนอื่นเสียที่ไหน”

    “กูมีแปดตาหรือไง”

    “โว้ย” ไอ้พอร์ชโวยวาย แต่ก็หัวเราะไปด้วย “ขี้เกียจจะเถียง”

    “ก็หุบปาก”

    เสียงถอนหายใจดังจากคนที่นอนอยู่บนทราย มือซ้ายของภูดิศยังว่าง มันดึงไหล่ผมให้ล้มลงไปด้วย พอได้นอนบนทรายนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ไอ้แดดนี่ร้อนชะมัด ร้อนยิ่งกว่าตอนเที่ยงวันในไร่เสียอีก

    “มึงกับพี่ศินเป็นไง”

    “ก็ไม่เป็นไง ยังรออยู่ เหมือนเดิม ใจแข็งชะมัดยาก”

    “จะกลับมาไทยอีกเมื่อไร”

    “ไม่รู้ว่ะ” ภูดิศพูดอย่างเหนื่อยอ่อน พี่ศินเป็นพี่ชายของคุณปริญ ว่าที่น้องเขยมัน เป็นรักแรก และเหมือนจะเป็นรักเดียวที่ภูดิศจะมี “ถ้าเดือนหน้ายังไม่มาคงไปหาแล้ว”

    “เดี๋ยวก็โดนตะเพิดกลับมา ระวังเถอะ เขาไม่มาเพราะมีใครซุกไว้หรือเปล่าว้า”

    “ไม่ต้องมาทำตัวเป็นบ่าง ไอ้ตะวัน เดี๋ยวจะโดน พี่ศินไม่ใช่มึง”

    “กูทำไม”

    “มึงมันอ่อนไหวง่ายไปกับทุกเรื่องไง ใคร ๆ เขาถึงเป็นห่วง เหมือนกับว่าที่ไหนอุ่น ๆ มึงก็จะกระโจนตัวไปซุกแบบนั้นแหละ เข้าใจหรือยังว่าทำไมถึงบอกว่ามึงมันไม่เหมือนคนอื่น”

    “มึงก็ต้องเข้าใจกูเหมือนกัน ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว”

    “มึงยังเด็กมาก ในสายตากู ยกเว้นเรื่องงาน กูไม่เคยเห็นมึงโตสักอย่าง ถามจริง ถ้ากฤชไม่กลับมามึงจะทำไง”

    “มันต้องกลับมาดิ กูรอมันอยู่นี่”

    “กลับมาแล้วก็ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ ที่กูเตือนเพราะอะไร ไหนตอบซิคุณหนู กูที่เลี้ยงมึงมาตั้งแต่เข้าโรงเรียนประจำจนมีผัวเนี่ย”

    “เพราะเป็นห่วง กูรู้น่าว่ามึงหวังดี มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู นอกจากมึงก็มีแค่กฤชกับพ่อนั่นแหละที่รักกูได้ขนาดนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนแย่ให้เกลียดกันนี่ แต่บางทีมันก็เผลอ”

    ภูดิศเอามือหนา ๆ มาผลักหัวให้ผมไถลไปกับผืนทรายเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้นก็เพลา ๆ เรื่องดื้อบ้าง โยเยไปเสียทุกเรื่อง น้องมันก็เหนื่อย”

    “เหนื่อยอะไร อยู่กับกูสบายจะตายชัก ไม่เจ้าชู้ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่”

    “ยังจะเถียงอีก ไม่นับเรื่องขี้เถียง ฟอร์มเยอะ กับเอาแต่ใจไปด้วยล่ะ”

    “ไม่เคยเหอะ”

    “ผิดอะไรก็ไม่เคยยอมรับ ดีแต่แถ ดีแต่อ้อน เรื่องพี่ตุลย์ตอนนั้น พอเขาไม่อยู่ล่ะหงอ ได้ทีกลับมาง้อ ยังมีหน้าไปงอนมันนะ”

    “ก็มันทิ้งกู กูเหงานะ คิดถึงด้วย มึงเองก็บอกกูเองให้ว่าให้ปล่อยมันไปก่อน ทำไมตอนนี้มาโทษกันวะ”

    “ตะวัน” ไอ้พอร์ชเรียกเสียงเนือย ๆ “มึงคิดว่าถ้ามึงเป็นแบบนี้กฤชมันจะทนได้ตลอดไปเหรอวะ จากใจจริงเลย มึงไม่รู้เหรอว่ามึงมีข้อเสียอะไรบ้าง”

    “กูก็เอาใจมันคืนแล้วไง มึงก็เห็นว่ากูอ้อนกฤชมากกว่าใคร ๆ แถมยังทนเรื่องที่ไม่คิดว่าจะทนให้คนอื่นอีก”

    “เซ็กซ์อะนะ”

    “มันเจ็บนะโว้ย”

    “แล้วเสร็จไหม ไอ้เหี้ย เรื่องนี้ได้ทั้งคู่ ยังมีหน้ายกมาเป็นความดีความชอบของตัวเองอีก ไอ้หน้าด้าน”

    “พ่อมึงสิ มึงยอมให้กูกดบ้างไหมล่ะ” ว่าพลางพลิกตัวขึ้นคร่อมไอ้พอร์ช ภูดิศหัวเราะ ผลักผมกลับกลิ้งกันไปมาบนทราย สุดท้ายก็เป็นผมที่นอนพังพาบโดนมือใหญ่รวบเอาไว้ทั้งสองข้าง เหนื่อยหอบพักใหญ่ ตัวเหนียว ๆ ดูดทรายติดจนมอมแมมไปหมด

    “ไอ้กาก”

    “มึงตัวใหญ่กว่าเฉย ๆ หรอก”

    “หึ..” ภูดิศหัวเราะ พักเดียวก็กลิ้งตัวลง ผมลุกขึ้นนั่ง ปัดทรายบบนตัวออก พวกไอ้โน่ส่งเสียงเรียกพอดี เมื่อหันกลับไปก็เห็นเด็กหนุ่มตัวใหญ่ยืนกัดฟันกรอดเบื้องหลัง

    “เด็กมึงขี้หึงน่าดู”

    “ก็ดี” ผมว่า ยกมุมปากขึ้นยิ้มหนึ่งข้าง ยักคิ้วให้ไอ้พอร์ชอย่างไม่ยี่หระ “กูชอบ”






    ดวงตะวันตกดินเมื่อเวลาผ่านไป ผมรู้สึกแสบยิบ ๆ ตลอดทั้งตัวจนถึงหน้า เล่นน้ำกับพวกไอ้โน่ ไอ้พอร์ช ไอ้ดิน โดยที่กฤชอาสาเฝ้าทรัพย์สินไว้ให้จนเหนื่อยหมดแรง เมื่อขึ้นฝั่งมาก็ทิ้งตัวลงบนเสื่อ กลิ้งไปหยิบน้ำแข็งจากกระติกเข้าปาก

    “หนาวชะมัด”

    ผมว่า กระถดตัวขึ้นไปนอนบนตักกว้างของเด็กหนุ่ม กฤชนิ่งเงียบ ไม่ถอยหนีแต่ก็ไม่มีรอยยิ้ม อย่าบอกนะว่ายังโกรธไม่หาย

    “เป็นไร” ว่าพลางยกมือขึ้นเกาคาง สัตวแพทย์หนุ่มเบือนหน้าหนีเล็กน้อยไม่สบตาผมที่นอนแอ้งแม้งอยู่ เสื้อกล้ามสีขาวบางแนบไปกับลำตัว เมื่อเปียกน้ำก็ยิ่งแนบผิวไปมากกว่าเก่า เขาทอดสายตามอง พักเดียวก็ผินหน้าไปทางอื่น “หนาวจัง พาไปอาบน้ำหน่อย”

    “ไปสิครับ เดี๋ยวผมรอตรงนี้” กฤชว่า เอนตัวไปด้านหลัง ไอ้พอร์ช ไอ้โน่ กับไอ้ดินพากันขึ้นจากน้ำแล้ว ไล่ผมไปอาบน้ำอีกคน กลัวว่าถ้าดึกครัวของโรงแรมจะปิด

    “มีแสดงควงไฟตอนสองทุ่มด้วย” บดินทร์ว่า ผมเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำคนเดียวในที่สุด






    ร้านอาหารของรีสอร์ทตั้งอยู่ริมทะเล มีลมพัดโกรกจนผมที่สระมาใหม่เหนียวเหนอะไปด้วยไอของน้ำเค็ม อาหารทะเลจำนวนมากพอสำหรับผู้ชายห้าคน และสี่จากทั้งหมดนั้นกำลังหิวโฮกตั้งวางในเวลาไม่นานนัก กลุ่มผมได้รับบริการดีเป็นพิเศษเพราะเป็นแขกที่เจ้าของรีสอร์ทโทรมากำชับแล้วว่าให้ดูแลดี ๆ เนื้อปูสดใหม่ กุ้งตัวใหญ่เนื้อหวานจึงทยอยกันมาตั้งเรียงรายจนเต็มโต๊ะ
    กฤชนั่งริมนอก สละให้ผมนั่งติดฝั่งที่เป็นชายทะเล เขาสวมเสื้อยืดขนาดพอดีตัวกับกางเกงเล กล้ามเนื้อแน่นตึงกับผิวสีน้ำผึ้งชวนมองสะดุดตา ฝรั่งหลายคนมองมา โดยเฉพาะผู้หญิง ทำตาวิบวับส่งมาให้แฟนผมไม่กระดากอาย

    “แกะปูให้หน่อย”

    ผมวางปูนึ่งตัวโตที่ทุบกระดองจนทานง่ายให้กฤช ชายหนุ่มไม่พูด แต่ก้มหน้าใช้ส้อมเขี่ยส่วนเนื้อใส่จานผมว่าง่าย หน้าตายังนิ่งเรียบเหมือนตอนมาถึงใหม่ ๆ

    “สั่งเบียร์มากินได้ไหม”

    “เอาดิ” บดินทร์รีบสมทบ กฤชเหลือบตามองผมแต่แค่นิดเดียว ก่อนการแสดงจะเริ่ม เบียร์ขวดเย็น ๆ ยกมาเสิร์ฟหลังจากไอ้พอร์ชหันไปเรียกบริกร ถือกันคนละแก้ว จิบไปด้วยระหว่างดู

    “โคตรเจ๋ง”

    ไฟสีส้มหมุนควงที่ปลายกระบอง สวยงามในยามราตรีที่พระจันทร์ไม่ส่องแสง วิ่งวนเป็นวงกลม ร่ายรำไปในท่วงท่าต่าง ๆ งดงาม ผมขยับเก้าอี้ไปชิดกฤช ใช้ความมืดเพื่อเบียงตัวเข้าพิงอกกว้าง แสงรำไรจากดวงไฟเห็นแววตาล้อเลียนจากไอ้พอร์ชแต่ผมไม่สน นาทีนี้ไออุ่นของคนรักเป็นสิ่งที่โหยหาที่สุด

    กฤชเวลาโกรธนี่ผมรู้สึกหนาว ๆ ในอกยังไงชอบกล เหมือนถูกทิ้งไว้บนภูเขาน้ำแข็ง หาทางลงไม่ได้

    “การแสดงจะจบแล้วครับ” เสียงกระซิบดังชิดหู ชั่วจังหวะนั้นผมรู้สึกอยากอยู่ในอ้อมแขนของกฤชให้มากกว่านี้แต่ก็ยอมผละออก ไฟนีออนเปิดขึ้น เราก็นั่งหลังตรงบนเก้าอี้ของตัวเอง เพียงแต่เก้าอี้ของผมมันชิดเด็กหนุ่มมากเกินไปเท่านั้น

    “กูเห็นนะ”

    ไอ้พอร์ชบุ้ยปาก ผมยกนิ้วกลางให้มัน เหลือบไปมองโต๊ะด้านหลังเห็นจ้องกฤชอีกแล้ว

    “ไอ้พอร์ช แลกที่กับกฤชหน่อย”

    “อะไรวะ”

    “เออน่า อยากมองหน้ากฤชตอนกินข้าว เห็นมึงแล้วแดกไม่ลง”

    “อยากนั่งใกล้กูก็บอก” 

    ผมเบ้ปาก แต่ขี้เกียจจะเถียง กฤชทำหน้าอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ยอมลุกเปลี่ยนที่ สาวเจ้าทำหน้าเซ็งอย่างเห็นได้ชัด แต่ใครจะสน นี่แฟนผม ไม่ใช่อาหารตาของใครนี่หว่า

    “เป็นไรวะ” ภูดิศกระซิบถาม ผมก้มลงกินเนื้อปูที่กฤชแกะให้ พักเดียวมันก็หัวเราะออกมาเอง กระหยิ่มยิ้มย่องมองเลยไปด้านหลังที่สบตากับสาวฝรั่ง 

    รู้มาก แสนรู้ รู้ดี 

    “ก็ว่า...”

    ภูดิศทำเสียงหัวเราะกวนประสาท กฤชเงยหน้าขึ้นมองผมสลับกับพอร์ช พักเดียวก็ขอตัวไปล้างมือ ผมพยักหน้า แต่พอเห็นผู้หญิงโต๊ะถัดไปลุกขึ้นบ้างก็วางช้อนส้อมลงแทบไม่ทัน ปีนข้ามไอ้พอร์ชวิ่งตามกฤชไปที่ห้องน้ำ แซงหน้าสาวฝรั่งไปคว้าหัวไหล่โต ๆ ของคนรักไว้ทันอย่างฉิวเฉียด กฤชเลิกคิ้วขึ้น วินาทีถัดจากนั้นผมก็กดมันชิดกำแพง ยืดตัวไปกดจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปากหยักนั่นไม่ขยับไปไหน

    กฤชแน่นิ่งไป วางมือบนสะโพกผม จูบกลับเล็กน้อยแล้วเบี่ยงตัวออก

    “เป็นอะไร”

    ผมไม่ตอบ แต่วางหน้าผากลงบนบ่า กอดเอวหนาไว้ไม่ยอมปล่อย กฤชไม่กอดผมกลับ แต่ใช้จมูกไซ้บนเรือนผมเบา ๆ 

    “กอดหน่อย”

    “ผมยังไม่ล้างมือเลย ถ้ากอดหนึ่งเดี๋ยวจะเลอะเทอะ”

    “ช่างมันเถอะน่า”

    เวลาแบบนี้ยังจะคิดถึงเรื่องนั้นอีกหรือไง ผมพร่ำบอก วอนขอ จะใช้คำว่าอะไรก็ได้ แต่อยากให้กฤชกอด ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ กระทั่งมือใหญ่วาดมาโอบรอบเอว ก็เผลอร้องไห้ออกมาจนได้ ความรู้สึกในส่วนลึก คำพูดของไอ้พอร์ช ความเย็นชาของกฤช ผมรับรู้ทุกอย่าง ถึงจะทำเป็นนิ่งเฉยแต่จริง ๆ แล้วก็หวั่นไหวหวาดกลัวไปเสียหมด

    “อย่าทิ้งฉันนะ ถ้าเจอคนที่ดีกว่าก็อย่าทิ้งฉันนะ”

    “ผมไม่ได้ทิ้งเสียหน่อย แค่จะมาล้างมือเอง”

    “กฤชเบื่อฉันไหม” ผมถาม แม้จะดูงี่เง่าแต่ก็อยากถามให้มั่นใจอีกสักครั้ง ผมมันแย่ ทั้งพูดยาก เอาแต่ใจ เถียงคำไม่ตกฟาก แถมยังไม่เคยทำตัวให้ชื่นใจสักอย่าง แต่มันก็เลิกไม่ได้ ยิ่งกับกฤช ยิ่งอยากถูกตามใจ ถึงจะดุว่าก็ไม่เป็นไร ห้ามนั่นนี่สารพัด แต่ผมก็อยากให้กฤชทั้งหวงและห่วงตัวเองไปตลอด

    ไม่รู้ว่าที่ทำลงไปน่าเบื่อแค่ไหน
    กฤชจะทนผมได้ไปตลอดหรือเปล่า

    “เบื่อมากครับ โดยเฉพาะเวลาพูดไม่รู้ฟัง”

    “กฤชชช”

    “แต่ผมไม่เคยคิดจะทิ้งหนึ่งหรอก ถึงโกรธแค่ไหนก็เถอะ เพราะฉะนั้นเลิกร้องไห้ได้แล้ว เมาอีกแล้วใช่ไหม”

    “ไม่ได้เมา” ผมเถียง เผลอเถียงไปอีกแล้ว

    “ไม่ได้เมาก็เช็ดน้ำตาแล้วกลับไปรอที่โต๊ะ ผมล้างมือเสร็จแล้วจะตามไป ไม่หนีขึ้นฝั่งไปหรอกครับ”

    “มันไม่ใช่เวลาจะมากวนประสาทนะ” ผมเริ่มดุ “อยากคุยกับผู้หญิงคนนั้นหรือไง”

    “ผู้หญิง?”

    “ฝรั่งฝั่งตรงข้าม”

    “โธ่ หนึ่งตะวัน” คนมือเลอะเอามือมายีหัวผม หัวเราะออกมาด้วย ตลกนักหรือไง น้ำตากูยังไม่แห้งเลยไอ้เด็กเวร “หึงเหรอครับ”

    “เปล่า” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ตามด้วยอ่อยลงในทีหลัง “แค่ไม่ชอบ”

    “แล้วทีตัวเองเล่นกับคุณพอร์ชแบบนั้นคิดบ้างหรือเปล่าว่าผมรู้สึกยังไง”

    “ไม่มีอะไรเสียหน่อย”

    “ก็รู้ว่าไม่มี แต่ไม่ชอบ คนรักของเรา เราก็อยากเก็บไว้กอด เก็บไว้มองคนเดียวใช่ไหมครับ หนึ่งน่ะ ถ้าคิดถึงใจผมบ้างผมก็ไม่งอนแบบนี้หรอก”

    ผมพยักหน้า สบตาสีดำสนิทคู่นั้นแน่นิ่ง

    “แล้วหายงอนหรือยัง”

    “เรื่องคุณพอร์ชน่ะ ผมก็พอเข้าใจได้อยู่หรอก” เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ จริงจัง ไม่มีวี่แววของการหยอกล้อปรากฏอยู่ “แต่เสื้อผ้าแบบนั้นไม่ชอบเลย จะใส่ไปโชว์ใครที่ไหน เก็บไว้ให้ผมดูคนเดียวไม่ได้เหรอ”

    “ก็ใส่ให้นายดูนั่นแหละ” งุบงิบตอบในลำคอ แต่ก็เรียกรอยยิ้มของอีกฝ่ายได้มากขึ้นนิดหน่อย

    “คนอื่นเห็นด้วย ผมก็หวงนะ”

    “รู้แล้วน่า”

    “ต่อไปนี้จะใส่หรือเปล่า”

    “เดี๋ยวกลับบังกะโลไปเผาทิ้งเลย” ผมตอบด้วยสีหน้าจริงจัง คราวนี้กฤชเลยยอมฉีกยิ้มเต็ม ๆ หน้า มือขาววางลงบนใบหน้าหล่อเหลา เคราคร้ามคมเขียวกว่าปกติเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่โกนก็เมื่อสองวันก่อน กฤชนอนหลับตาพริ้มบนตัก ส่วนผมค่อย ๆ ลากใบมีดโกนผ่านลำคอ สันกราม และใต้จมูกช้า ๆ

    กฤชเซ็กซี่เสมอไม่ว่าจะเป็นตอนมีหนวดหรือไม่ รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแน่นตึงแบบนี้ถูกใจต่างชาตินัก

    ผมขยับตัวเข้าใกล้คางคมสันมากขึ้น กระทั่งรู้สึกสาก ๆ ที่ริมฝีปาก ก็กดจูบไปซ้ำ ๆ หลายครั้งแต่ยังคลอเคลียไม่ห่างไปไหน

    “กฤช กลับห้องกันไหม”

    “ตั้งแต่สองทุ่มเลยเหรอครับ”

    “อือ” ผมกระซิบ “แล้วไม่ต้องไปเที่ยวกับไอ้พวกนั้นหรอก เรายังไม่ฮันนีมูนกันเลยไม่ใช่เหรอ”

    “ผมไม่ได้เตรียมเจลมานะ ต้องออกไปซื้อที่เซเว่นนอกรีสอร์ทหรือเปล่า ตอนแรกเข้าใจว่าไม่น่าจะไกลมากน่ะครับ”

    ผมส่ายหน้า จูบอีกครั้งที่ปลายคาง ทำตาหวานมองอีกฝ่ายอย่างเว้าวอน “ฉันเอามา”

    “พูดจริง?”

    “จะโกหกทำไม กลับห้องเถอะ น่า...อย่าลีลา”

    “อ้อนจังเลย ไม่เจ็บแล้วหรือไง”

    เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เด็กหนุ่มก็ทำตาเป็นประกายวาววับ ผมกดปลายนิ้วลงบนอกที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย พอกฤชใส่เสื้อคอวีแบบนี้แล้วน่าฟัดชะมัดยาด

    “เจ็บก็ช่างมัน อยากกอดมากกว่า”

    เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอ เด็กหนุ่มก้มลงมาจูบที่ปาก ไม่ลึกซึ้งแต่ใช้คมเขี้ยวงับซ้ำ ๆ มือใหญ่เลื้อยลงมาที่สะโพก ลูบไปมาก่อนบีบเบา ๆ ให้ผมดันตัวเข้าหา

    รอยยิ้มของกฤชเจ้าเล่ห์ เลิกราที่จะถามนั่นนี่ให้หงุดหงิดใจ โอบมือกอดเอวผมพาเดินออกไปด้านหลังร้านอาหารที่มีทางเชื่อมกลับไปบังกะโลเล็ก ๆ ริมหาด

    เจอกันอีกทีพรุ่งนี้เช้าว่ะพวกมึง

    ผมหมายถึง...ถ้าไม่ถึงขั้นที่ไอ้กฤชต้องออกมายกถ้วยข้าวต้มเข้าไปหยอดในห้องพักอะนะ!



    END


    เข็นออกมาแล้วค่ะ ตอนพิเศษตอนที่สอง กับเปิดประเด็นคนรักของพอร์ชไว้นิดหน่อยพอเป็นกษัย ตอนนี้เปิดจองนิยายแล้ว สองเดือนเต็ม ๆ เลย ฮรือออ สำหรับรายละเอียดเข้าไปอ่านได้ที่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48083.0 นะคะ 
    ตอนนี้เป็นตอนซน ๆ ของหนึ่งตะวัน กับพอร์ชได้ออกมาพูดนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นการส่งท้าย ต่อจากนี้, นาน ๆ ที, จนกว่าฟ้าจะมีเวลา อาจได้เขียนตอนพิเศษสั้น ๆ ลงในเพจเหมือนเรื่องอื่น ๆ ขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้
    สำหรับเรื่องหน้าคิดพล็อตไว้แล้ว อยากจะแต่งแนวฮา ๆ เลว ๆ เกรียน ๆ สักเรื่อง ไม่รู้จะรอดมั้ยยยย แต่คงต้องสักพักใหญ่ ๆ เลยค่ะ ช่วงไฟกำลังมอดไหม้ หวังว่าจะกลับมาฮึดในเร็ววัน
    ขอบคุณทุกกำลังใจ คำติชม และการแวะมาเยี่ยมเยียนของทุกคน ไว้เจอกันในโอกาสหน้านะคะ

    รบกวนฝากเพจอีกครั้งค่ะ
    https://www.facebook.com/westNovel 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×