ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเร่

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่06 เรื่องในหัว

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 59




    Dahlia 06



    “มาเร็วจัง” 


    ผมเอ่ยทักอาคันตุกะคนที่สองซึ่งมาโดยไม่ได้รับเชิญเหมือนๆกันหน้าประตูห้อง หนุ่มแว่นตัวสูงส่งถุงพลาสติกให้ทั้งที่มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ พี่เอิร์ธสวมชุดลำลองสบายๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ แต่ก็ไม่ดูสกปรกซกมกไม่สุภาพเหมือนเวลาที่ผมหรือคนอื่นๆใส่เลย บางทีอาจเป็นเพราะออร่าของเภสัชกรที่ทอประกายบลิ๊งค์บลั๊งค์ออกจากใบหน้าหล่อ
     


    “ขึ้นทางด่วนมา ดึกแล้วรถไม่ติดด้วย แล้วนี่ซื้อมาฝาก”


    ผมรับถุงนมสดร้อนมาจากพี่เอิร์ธแล้วเดินนำเข้ามาในห้อง ภูมินทร์ละสายตาจากโทรทัศน์ ตอนนี้มันเปลี่ยนจากการ์ตูนปัญญาอ่อนมาดูสารคดีแทน ไม่มีคำพูดคำจา ไม่มีการทักทาย ทั้งสองคนจ้องหน้ากันพักใหญ่จนผมต้องแนะนำตามมารยาทเจ้าถิ่น



    “มิน นี่รุ่นพี่กู พี่เอิร์ธ พี่เอิร์ธ นี่มิน เพื่อนข้างห้องกันต์”


    “เป็นดารานี่ พี่เคยเห็น” 


    พี่เอิร์ธยิ้มนิ่มๆครับ แต่ตาดูไม่ค่อยยิ้มเหมือนปกติ ขณะที่ไอ้มินกดยิ้มแค่มุมปากไว้มาด ไอ้สัตว์ที่ไหนมางอแงกับกูเมื่อกี๊วะ ไม่ใช่มึงมากอะ ภูมินทร์



    “เดี๋ยวกันต์ดื่มนมเลยนะ พี่เทใส่แก้วให้ จะเย็นหมดแล้วจะไม่อร่อย มินเอาด้วยไหม”


    พี่เอิร์ธถามเผื่อบุคคลที่สาม แต่อีกฝ่ายปฏิเสธ พอพี่เอิร์ธหายไปในครัวกับถุงนมสดร้อนที่ยื้อไปจากผมอีกรอบผมก็มานั่งรอที่โซฟาตามประสาเจ้าบ้านที่ดี




    “เลิกกับพี่กูก็เปลี่ยนรสนิยมเลยเหรอวะ? ไม่ยักรู้”



    “พ่อมึงสิ รุ่นพี่”



    “เชื่อก็ควายแล้ว จ้องกูกริบ แสดงความเป็นเจ้าของขนาดนั้น กันต์ดื่มนมเลยนะ พี่เทให้ เหมือนมึงเป็นลูกหมาของมัน”


    ภูมินทร์ดัดเสียงนิดหน่อยตรงท่อนที่ล้อเลียนพี่เอิร์ธ ผมหลุดขำแล้วผลักไหล่กว้างของไอ้มิน มันเซถอยหลังนิดเดียวแต่เสือกบ่นกระปอดกระแปดว่าเจ็บนักเจ็บหนา  กระทั่งพี่เอิร์ธเดินกลับเข้ามาพร้อมแก้วนมอุ่นๆ ภูมินทร์ก็รีบขอตัวไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ผมพยักหน้าให้มันแล้วกำชับว่าอย่าทิ้งก้นบุหรี่ที่พื้น ช้างนอกมีที่เขี่ยบุหรี่วางไว้อยู่ให้มันทิ้งไว้ในนั้น พระเอกหนุ่มก็รับปากดิบดี แต่ก่อนออกไปก็ยังไม่วายมาขอไฟแชคผมอีกรอบ


    ผมยกแก้มนมอุ่นๆขึ้นดื่ม พี่เอิร์ธเปลี่ยนช่องโทรทัศน์เป็นหนังเมื่อคนจองรีโมทเมื่อครู่เดินออกไปแล้ว แขนยาวพาดพนักพิงคล้ายโอบผมกลายๆ 



    “สนิทกันมากเลยเหรอ?”


    พี่เอิร์ธถามทั้งๆที่ไม่มองหน้าแต่ผมก็ไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่ามันกำลังถามใครและคุยกับใคร



    “ก็ไม่มากเท่าไหร่ มินเป็นน้องชายแฟนเก่ากันต์”


    “ใส่ชุดนอนกันต์ด้วยไม่ใช่เหรอ? คืนก่อนพี่เห็นกันต์ใส่เสื้อตัวนี้ นี่จะค้างด้วยกันใช่ไหม?”


    “ครับ พอดีห้องมันยังไม่เรียบร้อย นอนไม่ได้ พรุ่งนี้จะให้แม่บ้านมาเก็บเลยไม่อยากเทียวไปเทียวมาระหว่างคอนโดกับบ้าน”


    พี่เอิร์ธเลื่อนมือจากที่วางพาดยาวบนพนักพิงมาวางบนหัวไหล่ผม ทั้งตัวถึงกับเกร็งขึ้นถนัด แต่พอสะบัดหน้ามองคนข้างๆแล้วก็กลับต้องเบือนหน้าหนีเสียเอง สายตาของพี่เอิร์ธผ่านแว่นกรอบดำดูดุกว่าทุกที



    “มันเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมให้ค้างด้วย ไม่กลัวมันทำอะไรหรือไง?”


    “พี่เอิร์ธ มินไม่ได้คิดกับกันต์แบบนั้น กันต์เป็นแฟนเก่าพี่สาวมันนะ”


    “กันต์รู้ได้ยังไงว่าใครคิดกับกันต์ยังไง? ถ้ามันไม่คิดกับกันต์เหมือนที่พี่คิด มันไม่จ้องพี่กลับท้าทายขนาดนั้นหรอก”

     
    ผมว่าพี่เอิร์ธเลอะแล้ว ไม่อยากพูดด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้ ต่อให้รู้ว่าใครมาจีบผมก็ไม่แสดงอาการชัด โอเค มันก็มีบ้างแหละที่เขาจะหึงแต่ไม่เคยบอกกับผมตรงๆ อย่างมากก็แค่เตือนๆว่าอยู่ห่างๆคนที่พยายามเข้าหาหน่อย อาจเป็นเพราะสมัยมัธยม พี่เอิร์ธพูดซ้ายผมก็ไปซ้าย พูดขวาผมก็ไปขวา แต่คราวนี้ผมเถียง ก็มันน่าเถียงไหมล่ะ คนจีบกันอะไรพูดมึงๆกูๆใส่กัน ไม่เห็นคิขุอาโนเนะสักนิด แม่งเว่อร์



    “ที่พี่พูดเพราะเป็นห่วง”


    ห่วงหรือหวง เอาให้แน่ ผมถอนหายใจยาวผ่านโพรงจมูก มีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาสองคน พวกผู้หญิงที่กิ๊กๆกันอีกเป็นสิบเรื่องหึงหวงนี่ขอให้บอก รับมือได้สบาย กับกรณีสาวๆนะ แหะๆ ถูกผู้ชายหึงทีนี่ซีดอะ ก้มหน้าก้มตาไปไม่เป็นเลย พี่เอิร์ธแม่งก็เลว ใช้จังหวะนี้ฉวยจับคางผมให้เงยหน้าขึ้นสบตากับมัน ปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยคราบนมจางๆเหนือริมฝีปากออก พาลให้ผมนึกไปถึงสัมผัสอบอุ่นตอนสมัยเรียนกับข้าวเหนียวหมูปิ้ง มันจ้องกรอบปากผมนิ่ง แล้วค่อยๆขยับตัวโน้มลงมา ทว่าจังหวะที่ปลายจมูกเกลี่ยโดนผมนั้นเสียงประตูบานเลื่อนก็ดังขึ้น เล่นเอาผมผลักมันออกแทบไม่ทัน



    “โอ๊ะโอ... โทษที”


    ไอ้เชี่ยมินร้องตกใจแล้วหันหลังกลับ ไม่ทันแล้วโว้ยไอ้หัวหอก ผมลุกขึ้นจากโซฟาเอาแก้วนมไปเก็บ ได้ยินเสียงถอนใจหนักๆคงหนีไม่พ้นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่อายุหรือหน้าตาหรอกครับ ที่ผมเรียกมันว่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ก็ดูเอาเถอะ ขนาดผมคิดว่าตัวเองเซียนพอสมควรแล้วเรื่องรักๆใคร่ๆยังเผลอให้มันฉวยโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า บอกตรงๆ กลับมาคุยกันใหม่นี่ได้ไม่คุ้มเสีย



    “พี่ล้างให้ไหม?”


    จะเดินตามกูมาทำไม้ ผมสะดุ้งโหยงเมื่อสัมผัสอุ่นๆแตะลงเหนือบ่า แป๊บเดียวก็มาประชิดตัวให้หมุนหลบแทบไม่ทัน พี่เอิร์ธมองหน้าผมยิ้มๆแล้วหัวเราะในลำคอ ขำเหี้ยอะไรวะ!



    “คืนนี้พี่ค้างด้วยคนสิ”


    “เฮ้ย... ไม่กลับบ้านไปล่ะ”


    “พี่กลับกันต์ก็เอามินไปนอนในห้องน่ะสิ”


    นอนในห้องแล้วยังไง? เชื่อเถอะว่าไอ้ดาราหน้าเข้มนั่นเครดิตดีกว่าพี่เยอะอะ อติวิชญ์ 
    พี่เอิร์ธกระแซะผมให้ออกจากซิงค์ล้างจานแล้วหยิบแก้วนมมาล้างให้ ผมเปลี่ยนไปพิงตู้เย็นมองเสี้ยวหน้าของรุ่นพี่คนสนิทพลางยกมือขึ้นเกาหัวแกรก อย่าทำท่าเหมือนจะเปิดศึกชิงนายได้ไหม ไม่ปลื้ม ไอ้เชี่ยมินก็รู้เรื่องรู้ราวด้วยที่ไหน ประสาท



    “แล้วยังไง ให้พี่นอนกับกันต์ในห้องแล้วไอ้มินนอนโซฟาแบบนั้นเหรอ? ที่พี่คิด?”


    “ประมาณนั้น”


    “ขำป้ะ?”


    ไม่ครับ ไม่ขำเลย พี่เอิร์ธล้างน้ำเปล่า คว่ำแก้วบนซิงค์ล้างจาน สะบัดมือไล่น้ำสองสามทีแล้วหันหน้ามองผม ตาชั้นเดียวใต้กรอบแว่นไม่ล้อเล่น แล้วจะให้ทำยังไง ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน อย่างภูมินทร์น่ะมีเหตุให้อยู่ผมก็รับได้ แต่พี่เอิร์ธนี่อะไร ตัวอันตรายชัดๆ



    “ถ้าจะอยู่ พี่ก็เข้าไปนอนกับมันในห้อง กันต์นอนโซฟาเองก็ได้”


    จบคำพูดก็เดินหนีครับ แต่ช้ากว่ามือนิ่มๆของรุ่นพี่ที่คว้าเอาข้อศอกผมไว้แล้วดึงเข้าหาให้ผมเซไปชนกับอกซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมัน มันสูงกว่าผมไม่เท่าไหร่ แต่ตัวใหญ่กว่าพอสมควร ไม่ใช่หมอขาวตี๋ขี้ก้างตามท้องตลาด



    “ไม่เอาน่า กันต์”


    ผมเงียบ ยกมือขึ้นกอดอกเอาไว้โดยที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย พี่เอิร์ธถอนหายใจยาว ใช้มือข้างที่ยังว่างนวดขมับ



    “พี่เป็นห่วงจริงๆ”


    “กันต์เป็นผู้ชายนะ แล้วพี่เอิร์ธคิดว่ากันต์อายุเท่าไหร่จะดูแลตัวเองไม่ได้เลยหรือ?”


    “โอเค....” เภสัชกรหนุ่มยอมแพ้เมื่อผมยังเห็นผมหน้าตึง แต่มือยังเนียนกอดไม่ปล่อย “พี่กลับก็ได้ แต่ขออะไรอย่างได้ไหม? ให้ในหัวของกันต์คิดถึงแต่พี่ มีแต่เรื่องของพี่...”


    แค่นี้ยังมีแต่เรื่องของพี่ ไม่พออีกเหรอในหัวผมน่ะ 

    ถึงอยากจะพูดใส่หน้าแบบนั้นแต่อะไรบางอย่างรั้งไว้ว่าเงียบไปดีกว่า ผมพยักหน้าส่งๆ วงแขนที่โอบรอบบ่าอยู่ยิ่งกระชับมากขึ้น ภาพที่ผมมองอยู่ตรงนี้เป็นผ้ากันเปื้อนที่แขวนทิ้งไว้จนหยากไย่ขึ้นโง่ๆผืนหนึ่งบนผนังครัว ภายนอกได้ยินเสียงการ์ตูนแว่วมา ไอ้บ้าภูมินทร์พอพี่เอิร์ธไม่อยู่ก็กลับเป็นตัวปัญหาปัญญาอ่อนอีกแล้วซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก กระทั่งสัมผัสที่วางพาดรอบเอวผมนั้นกระชับกว่าเดิมเข้าไปอีก นี่จะสิงกูหรือไง จะกอดแน่นไปถึงไหน! แต่ผมก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปด่ามันหรอกครับ ถึงใจอยากจะทำเต็มแก่ก็เถอะ ซึ่งนาทีต่อจากนั้นเองที่ผมเพิ่งคิดว่าดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เงยหน้าชึ้นไปด่าไอ้พี่เอิร์ธ เพราะถ้าเอียงคอเงยสักสี่สิบองศาจากเดิม มิหนำซ้ำยังหันหน้าไปหาเจ้าของแว่นกรอบดำนั่นอีกล่ะก็ ปากนุ่มๆสำหรับสตรีโดยเฉพาะของผมต้องถูกฉวยเอาดื้อๆเหมือนละครไทยแปดยุคแปดสมัยเป็นแน่ เพราะอาคันตุกะที่บอกว่าจะยอมกลับบ้านแต่โดยดีมันเสือกก้มลงมาใช้จมูกชนแก้มสากๆของผม ตามด้วยกลีบปากหยุ่นที่จงใจดูดดึงราวกับชิมไอศครีมแสนอร่อยพร้อมๆกับสูดลมหายใจเข้าดังฟอด ให้ผมเบิกตาขึ้นกว้าง และกว้างกว่าเดิม



    “ไอ้พี่เอิร์ธ!”


    “ครับ”


    เภสัชกรหนุ่มขานรับคำหน้าชื่นตาบาน ปากสีอ่อนดูสุขภาพดีคลี่ยิ้มบางๆแต่นัยน์ตากลับวาวโรจน์ไปด้วยประกายเอมอิ่มราวกวางน้อยแบมบี้ผิดกับภาพที่ผมเจอตอนเปิดประตูต้อนรับมันลิบลับ ผมใช้เวลาอีกนิดเดียวเพื่อตั้งสติแล้วผลักมันออก พีเอิร์ธเซถอยหลังพลางเม้มปากกลั้นยิ้ม


    “น่ารักจัง”


    ผมมองหน้ามันแบบ น่ารักเหี้ยอะไรของมึงครับ? แต่ก็ไม่ได้พูด พอดีกับไอ้มินเดินเกาพุงเข้ามาในครัว ท่าทางง่วงนอนเต็มแก่


    “เสียงดังอะไรวะ?”


    “เปล่า” 


    พี่เอิร์ธตอบ ผมยังไม่เลิกทำตาเขียวใส่มัน แต่ตัวต้นเหตุก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ผมอยู่ห่างจากพี่เอิร์ธราวๆสามสี่ก้าว ภูมินทร์เดินไปเปิดตู้เย็นแทนที่จะเซ้าซี้ หยิบขวดน้ำแล้วกรอกเข้าปากโดยไม่หยิบแก้ว มารยาทติดลบสุดๆ แต่ไม่ใช่ประเด็นให้ผมด่าตอนนี้ครับ ตัดภาพกลับมาที่พี่เอิร์ธอีกรอบ มันยกมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วยิ้มโลกมืด



    “พี่คงต้องกลับแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะมาหาใหม่”


    “ไม่ต้อง...”


    “กันต์รีบเข้านอนล่ะ ฝันดีนะครับ”


    พี่เอิร์ธตบไหล่ผมแล้วเดินเฉียดออกไป ไอ้มินเก็บขวดน้ำใส่ตู้เย็นแล้วแต่ผมยังยืนเม้มปากอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่ารู้สึกอะไร ไม่รู้กระทั่งตัวเองคิดอะไรและอยากให้มันเป็นแบบไหน บอกตรงๆตอนนี้สับสน สับสนมากกว่าพฤติกรรมที่ชัดเจนของพี่เอิร์ธคือตัวเอง

    หัวใจตัวเองที่มันเต้นยุบยับในอกซ้าย ถึงพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไรเท่าไหร่ แต่ด้วยสัตย์จริง บอกตรงๆเลยว่ารู้สึก..



    “มึงโอเคนะ?”


    ไอ้มินถาม มันยีตาจนเกือบปิดเหมือนจะสู้แสง เสียงประตูไม้โอ๊คบานนั้นปิดลงแล้ว ผมผ่อนลมหายใจพยักหน้าให้มัน ภูมินทร์เดินมากอดจากด้านหลังแล้วเอาคางเกยบ่าเหมือนเด็กๆ ผมเคยเห็นไอ้มินเป็นแบบนี้กับพี่สาวมัน เวลาง่วงชอบทำตัวงุ้งงิ้ง แต่ขอโทษเถอะ มันจะน่ารักมากถ้ามึงไม่ใช่ผู้ชายในลุคแบ๊ดบอยจ๋าขนาดนี้



    “ปิดไฟนอนเถอะ กูง่วงแล้ว”




    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×